@159473

ตอนที่ 7 บทสนทนาที่แอบแฝง

fanasai View 220
บรรยากาศในโรงแรมตอนนี้ดูอึมครึมสุดๆสองฝั่งของกลุ่มแนวหน้าบัดนี้ถูกแบ่งด้วยโต๊ะกลมหนึ่งตัว ผู้นำทั้งสองยังคงนั่งนิ่งโดยไม่กล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว โดยเคทผู้นำกลุ่มLH นั้นยังคงจ้องมองอีกฝ่ายที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปเหมือนอดข้าวมาหลายวัน ในที่สุดความอดทนของหญิงสาวก็สิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงทุบโต๊ะที่ดังสนั่น

"มัวแต่กินอยู่นั่นแหละ อดอยากปากแห้งมาจากไหนกันยะ ตาเซ็ท!!!"เคทตวาดลั่น เรียกให้การกินของชายผมสีดอกเลาสิ้นสุดลง เขาเงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วกลับลงไปก้มหน้าก้มตากินต่อจนหมดในเวลาอีกสิบนาทีต่อมา

"ขัดขวางการกินข้าวของคนอื่นมันเสียมารยาทนะเคท"เซ็ทบ่นระหว่างที่ดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากแล้วขยำโยนทิ้งลงถังที่อยู่ห่างจากโต๊ะไปเกือบห้าเมตรลงอย่างแม่นยำ

"กับคนอย่างนายใช้มารยาทเข้าคุยด้วยสงสัยคงจะเปลืองน้ำลายเปล่าๆ"เคทสวนกลับแทบจะในทันที ทำเอาเซ็ทถึงกับหัวเราะน้ำตาเล็ดเพราะที่อีกฝ่ายพูดมามันก็จริงอย่างว่า

"เอาเถอะๆ ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะพูดยังไง ขอบอกไว้ตรงๆเลยว่าช่างหัวเธอก็แล้วกัน"ในที่สุดก็เป็นฝ่ายเซ็ทที่พูดออกมาก่อน ดูเหมือนจะได้เวลาคุยกันเเบบเป็นงานเป็นการสักที

"หึ!! คิดจะเอาสูตรการทำไอเทมจากจ้าวมังกรล่ะสิ"เคทดักคออย่างรู้ทัน ดวงตาสีม่วงภายใต้กรอบแว่นจับจ้องกับดวงตาสีเทาซีดของอีกฝ่าย แม้เซ็ทจะเป็นพวกอารมณ์แปรปรวณแต่ไม่ใช่พวกลับลมคมในเยอะ เทียบกับตัวที่ยืนยิ้มอย่างหลังแล้วยังดูออกง่ายกว่า

"ไม่ล่ะ ฉันแค่อยากจับมือกับพวกเธอเท่านั้นแหละ"เซ็ทโบกมือปฏิเสธ ก่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เหมือนได้ยินเรื่องน่าเบื่อหน่ายสิ้นดี

"จริงเหรอ"ดวงตาสีม่วงของเคททอแสงสว่างวาบวูบหนึ่ง เธอกำลังแอบร่ายมนต์ สัจจะของนายพราน อยู่โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว โดยเวทย์มนต์บทนี้จะทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถโกหกหรือพูดคำเท็จได้ตราบเท่าที่ระดับของอีกฝ่ายมากกว่ากว่าตัวผู้ใช้ไม่เกิน 10 ระดับ

"ก็จริงนะสิ"ดวงตาสีเทาซีดปรากฏสัญญักษณ์รูปขวานสีเงินภายในดวงตาแสดงให้เห็นว่าเขาโดนผลของทักษะนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"เพราะอะไรถึงอยากจับมือกับพวกฉันขึ้นมาซะล่ะ ไม่ใชว่านายคิดอยากจะจบเกมส์ด้วยตัวคนเดียวหรือไง"เคทนั้นเน้นเสียงที่คำว่า ตัวคนเดียว เป็นพิเศษเพื่อให้พวกที่ทำงานให้เขาได้รู้ตัวสักที แต่มันก็แค่นั้นเพราะคนส่วนใหญ่ก็เข้าใจไปว่ามันเป็นการประชดยกเว้นเฟธที่ทำเพียงหัวเราะเบาๆ

"ภาพของจุดหมายปลายทางปรากฏให้เห็นในดวงตาของฉัน มันคืออาคารที่สูง 108 ชั้น อาคารทำจากนาโนเทคโนโลยีจึงทำให้มันคงทนได้ต่อให้เจอแผ่นดินไหวรุนแรงแค่ไหน นาโนเทคโนโลยีนั้นก็นับว่าเป็นหนึ่งในผลผลิตที่พวกนักวิทยาศาสตร์ในยุคนี้ภาคภูมิใจ..."

"ฉันไปเจอ ชิ้นส่วนของผู้หลับใหล มาแล้ว เคท"จู่ๆเซ็ทก็ทำสีหน้าที่จริงจังกว่าปกติ แต่นั้นก็ทำให้เคทเองถึงกลับเกือบจะหลุดสีหน้าตกใจออกมา

"น่ะ....นายไปเจอมันจริงๆเหรอ"ในบรรดาผู้ที่เรียนรู้ทางเวทย์อย่างลึกซึ้ง ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ตำนานการสร้างโลก และ ผู้หลับใหล ซึ่งนับเป็นอีเว้นท์ลับในอีเว้นลับของเกมส์ จัดได้ว่าคือตำนานของเกมส์ๆนี้นั่นเอง

"ใช่ ฉันไปเจอทางเข้าของมันในช่วงที่พวกเรากำลังหาอุปกรณ์ที่ป่า 81 ฉันเสียลูกน้องไป 8 คนจากการพยายามฝ่าเข้าไป และรวมไปถึงแขนขานี้ด้วย"เซ็ทยื่นแขนข้างขวาออกมา ก่อนจะถอดถุงมือแล้วดึงแขนเสื้อขึ้น ทำให้เห็นว่ามันดำเกรียมราวกลับไปจับต้องกับของที่ร้อนมหาศาลเข้า

"แขนนาย...?!!"

"มันใช้งานไม่ได้แล้วล่ะ ที่เห็นยังขยับได้ก็เพราะ ดอกค้างจันทร์ ช่วยเอาไว้"เซ็ทดึงแขนเสื้อลงแล้วสวมถุงมือตามเดิม พอพูดถึงชื่อ ดอกค้างจันทร์ ก็ทำเอาคนของทีมเคททุกคนถึงกับคิ้วกระตุก จะไม่ให้คิ้วกระตุกได้ยังไงก็ในเมื่อไอเทมนั่นแหละที่เป็นเหตุให้ทั้งสองตีกัน แล้วเกือบทำให้ทีมของเคททั้งทีมต้องตาย

"ขอแสดงความสมน้ำหน้าด้วยนะ!!"

"เงินใช้จ่ายรายหัว คนละ 50000 เดล รวมกับข้อมูลเควสไอเทมแล้ววิธีสร้างไอเทมทั้งหมดที่พวกเรารู้"เซ็ทพูดขึ้นอีกครั้ง "ฉันยอมเทไพ่หมดหน้าตักแล้ว เธอจะยอมเลิกถามนั่นถามนี่ได้รึยัง"

"ขอถามคำถามสุดท้าย ฉันจะเชื่อใจนายได้แค่ไหน"

สิ้นคำถามนั้นทั้งสองก็สบตากันอย่างเนิ่นนานราวกับใช้ดวงตาคุยกันแทนคำพูด ก่อนในที่สุดหญิงสาวในชุดจอมเวทย์จะเป็นฝ่ายหลับตาก่อน เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่และเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เอามือลูบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน

"ขอเวลาคิด 24 ชั่วโมง"

"เข้าใจแล้ว"เซ็ทตอบรับโดยไม่พูดอะไรมากอีก เขาลุกขึ้นวางเงินค่าอาหารแล้วเดินกลับออกไป พร้อมๆกับลูกน้องของเขา เฟธโค้งศรีษะให้น้อยๆดวงตาสีแดงเลือดจับจ้องที่สมาชิกในทีมของเคทอย่างมีความนัยแอบแฝง แบล็คหลบตาคู่นั้นเขารู้สึกคุ้นตากับดวงตาที่เชือดเฉือนนั้นอย่างบอกไม่ถูก แต่คิดๆดูแล้วยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนๆเดียวกันอย่างแน่นอน

"พวกเธอจะเอายังไง"เคทในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมเอ่ยถามกับสมาชิกหลังจากกลุ่มของเซ็ทหายไปในที่สุด

"ข้อมูลเควสและการสร้างไอเทมเป็นอะไรที่มีค่ามากเลยนะครับ ผมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมบอกทุกอย่างที่เขารู้จริงๆ"ไมโกะพูดขึ้นตามความรู้สึกของตน "อีกอย่างในระดับแนวหน้าก็ไม่ได้มีแค่ทีมเราสักหน่อย ทำไมเขาถึงเจาะจงต้องเป็นทีมเราด้วยล่ะครับ"

"ก็เพราะไอหัวหน้าทีมนั่นมันสร้างศัตรูไปทั่ว จนทั้งเกมส์มีแต่คนเกลียดขี้หน้ามันน่ะสิ"เอ็ดเวิร์ดผู้เคยเป็นหัวหน้าทีมทีมๆหนึ่งก่อนเกิดสงครามใหญ่เมืองหลวงอเมริก สถบเสี่ยงเบาก่อนยกขวดเบียร์กระดกแทนน้ำเปล่า เขาเองก็เคยเสียท่าให้กับเซ็ทจนต้องเสียทุกอย่างไปมาเหมือนกัน

"เราจะเชื่อใจคนแบบนั้นได้จริงๆเหรอครับ"เคียวยะพูดอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่

"ยังไงซะที่เขาพูดมาอย่างน้อยก็ต้องมีความจริงเกือบ 90% แหละ เพราะฉันร่ายมนต์ สัจจะของนายพราน ใส่หมอนั่นไปด้วย"

"แต่หนูกลัว เจ้านั่นอ่ะ"ฟรอเซ็นทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเด็กสาวร่างเล็กถึงได้กลัวเฟธมากขนาดนั้นยกเว้นเคทกับแบล็คที่อยู่ด้วยในเหตุการณ์ตอนนั้น

"ผมว่าในสถานการณ์แบบนี้อยู่กันเป็นทีมใหญ่ๆน่าจะดีกว่านะครับ เพราะเมืองแอสการ์ด เพิ่งถูกตีแตกไปเมื่อประมาณชั่วโมงที่ผ่านมาครับ"เสียงๆหนึ่งดังขึ้น คนทั้งทีมหันไปมองยังต้นเสียง ปรากฏร่างของเด็กชายร่างสูงเพรียวในชุดสีดำสนิททั้งชุด ดวงตาสีอำพันจับจ้องมาที่กลุ่มปาร์ตี้ LH ก่อนส่งยิ้มบางๆ

"เอ๊ะ อ๊ะ ?!!! ได้ยังไงกัน"ฟรอเซ็นถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อแบล็คที่เธอกำลังกอดอยู่นั้นจู่ๆก็สลายกลายเป็นข้อมูลไปเสียเฉยๆ ก่อนจะมีกระดาษแผ่นหนึ่งตกลงมาที่เก้าอี้

"เมจิคไอเทม ตัวแทน ?!!"โอทาเกะ มองไอเทมตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เมจิคไอเทมตัวแทนนั้น มีดร็อปแบบจำกัดจำนวนจากเควสระดับ 65 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น "คุณแบล็ค น่ะ น่ะ นี่คุณ ?!!"

"นั่นเป็นของๆฉันเอง"เคทพูดสวนขึ้นมาก่อน สร้างความตกตะลึงให้กับคนในทีมอีกครั้ง

"ไปได้มันมาจากไหนกันครับ"โอทาเกะถามอย่างตื่นตะลึง เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เคทนั้นจะทำภารกิจนั้นสำเร็จได้ด้วยตัวเอง เพราะมอนเตอร์ที่ปรากฏให้กำจัดในเควสนั้นคือ เมจิตอีทเทอร์ ซึ่งจะไม่ได้รับความเสียหายจากเวทย์มนต์ทุกชนิด

"จะได้มาจากไหนก็ช่าง รู้แค่ว่าฉันหามาได้ก็พอ"เคทรีบตัดบท แต่เหมือนชนวนที่ถูกจุดไปแล้วย่อมไม่อาจดังลงได้ง่ายๆ

"ดูคุณจะพยายามเก็บข้อมูลความสามารถของคนๆนี้เป็นความลับจังเลยนะครับ คุณเคท"เคียวยะเอ่ยขึ้นอย่างจับผิด ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองไปที่หญิงสาวผู้สวมหมวกปีกกว้างอย่างจับผิด "ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วยครับ ดูไม่สมกับเป็นคุณเลยนะครับ"

"นั่นสิ นอกจากชื่อพวกเราก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้านี่สักอย่าง ทั้งระดับ คลาส และความสามารถ"เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นมาบ้างเขาเองก็สงสัยเรื่องนี้มานานแล้วแต่เขาไม่พูดขึ้นมาเอง "ขืนมีความลับกันแบบนี้จะให้ฉันเชื่อใจเจ้านี่และตัวเธอต่อไปได้ยังไงกัน"

ความกดดันเริ่มก่อตัวขึ้นในกลุ่มนักผจญภัยที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ แต่ก่อนที่มันจะบานปลายจนถึงขั้นแตกหัก ผู้เป็นประเด็นของการสนทนาก็ส่งเสียงขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้งนี้เสียก่อน

"เข้าใจแล้วครับ ผมจะบอกคลาสของผมให้ทุกคนได้รู้ครับ"แบล็คถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก เป็นไปได้เขาไม่อยากจะพูดถึงมันเลยจริงๆแต่ตอนนี้มันจำเป็น

"แบล็ค นายแน่ใจแล้วเหรอ ?"เคทถามย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นดวงตาที่เด็ดเดี่ยวของเด็กหนุ่มเธอก็เลยได้แต่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้าแทนคำอนุญาติ...

ภายในห้องรอเปลี่ยนอาชีพ หญิงสาวเจ้าหน้าที่ร่างสูงเพรียวกำลังป้อนข้อมูลลงเครื่องนอนรูปไข่ ดูเหมือนสิ่งชีวิตที่หลุดจากมากการ์ตูนสายมืดนี้จะเป็นเพียงภาพโฮโลแกรมตามรสนิยมของเจ้าหล่อนเท่านั้น แต่ถึงจะพูดแบบนั้นมันก็ยังทำเขารู้สึกแปลกๆไม่ได้อยู่ดี

"เอาล่ะเข้าไปนอนข้างใน ต้องรอให้ระบบมันประมวลผลสักพักล่ะนะ"เจ้าหน้าที่สาวใช้ดวงตาที่กลมเหมือนลูกปัดจ้องมาที่เด็กหนุ่ม แบล็คกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่แล้วเดินเข้าไปนอนข้างในที่นอนรูปไข่อย่างเลี่ยงไม่ได้...

แสงส่วางปรากฏสว่างวาบไปทั่วทั้งโรงแรม ทำเอาคำที่อยู่ในบริเวณต้องยกมือป้องแสงโดยพร้อมเพรียงกัน ในตอนนั้นเองที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจากดอกไม้ที่ล่องลอยมาตามสายลม...

"ขอให้โชคดีนะจ๊ะ พ่อหนุ่ม"เสียงปิดฝาที่นอนรูปไข่ดังขึ้น ทำให้คนที่นอนอยู่ข้างในนั้นไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากความมืด ก่อนที่จะปรากฏแถบหลายสีไปทั่ว พร้อมๆกับความรู้สึกที่ว่ามันกำลังหมุนวนไปรอบๆอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกำลังนั่งเล่นรถไฟเหาะด้วยความเร็วสูงสุดก็ไม่ต่าง

ภาพทั้งหมดนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนสไลด์ที่ฉายย้อนอดีต เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วคนพวกนี้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาได้ยังไง จนกระทั่งภาพๆหนึ่งจะปรากฏตรงหน้าของเด็กหนุ่ม ทำให้ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างและประตูที่นอนรูปไข่ก็เปิดออก ทำให้เขาร่วงลงมาโดยไม่อาจควบคุมร่างกาย

"แค่กๆๆๆๆ"แบล็คกำลังอาเจียนยกใหญ่หลังจากออกมาจากเครื่อง เขากำลังอยู่ในท่าทางคุกเข่า อาเจียนเอาความว่างเปล่าออกมา เขาไม่มีอะไรให้อาเจียนหรอกแต่มันรู้สึกว่าอยากอาเจียนเพราะปวดหัวเฉยๆ

"โอ๊ะ ?!! ผลอาชีพเธออกมาแล้วล่ะ"เจ้าหน้าที่สาวมองข้อมูลที่กำลังปรากฏขึ้นที่หน้าจอ ดวงตาสีดำเบิกกว้างอย่างตกใจ...

สิ้นแสงสว่างที่กระจายออกมา ทำให้คนในโรงแรมกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เมื่อทุกคนหันมองไที่จุดที่ชายหนุ่มเคยยืนอยู่พวกเขาก็มีสีหน้าที่ตื่นตะลึง...

"อาชีพของผมคืออะไรครับ"แบล็คเงยหน้าถามด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว...

เส้นผมสีดำเหมือนแพรไหมที่ถูกทักทอด้วยความมืดยามราตรียาวสลวยจนถึงเอว ใบหน้าที่โค้งมนได้รูป ผิวของแบล็คตอนนี้ไม่ใช่สีขาวซีดอีกต่อไปแต่มันขาวแบบเปล่งประกายเหมือนดวงจันทร์ที่สุกสกาว...

"อาชีพของเธอ..."เจ้าหน้าที่สาวก้มลงมองชายหนุ่มเหมือนจะยิ้มให้กำลังใจในโชคชะตาของคนตรงหน้า...

ดวงตาที่ปิดสนิทค่อยๆลืมขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นดวงตาสีอำพันที่กำลังส่องประกายแห่งชีวิต ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มค่อยๆแย้มออกจากกัน ความรู้สึกของคนในโรงแรมนั้นเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ ภาพของสตรีที่มีความงดงามยิ่งกว่าผู้ใดที่เคยพบเหมือนเธอตรงหน้านั้นหลุดออกมาจากนิยามของความงามที่สูงสุดในอุดมคติของมนุษย์...

ในตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันขาวโพลนไปหมด เขาไม่ได้ยินเลยว่าอีกฝ่ายพูดอะไรต่อจากนั้น แต่เสียงหนึ่งที่ดังกรอกหูเขานั้นไม่ต่างไปจากเสียงเยาะเย้ยจากเด็กสาวที่เขาหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย...

[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น แบล็ค เฟเธอร์ ที่ได้รับอาชีพ เลดี้]