@159473

ตอนที่ 18 ภารกิจลดระดับหฤโหด (เสียงคำรามของสัตว์ร้าย)

fanasai View 368
"จากแผนที่ที่คุณเวสต้าให้มา ก็คาดว่าคงจะเป็นที่นี่แหละครับ"ไมดัสบอกพลางเก็บแผนที่ ตรงหน้าของพวกเขาคือสถานที่ที่ดูจะเป็นโรงพยาบาลร้างเช่นเดียวกับสถานที่ที่แบล็คทำการพักรักษาตัว แต่ทว่ามันมีกำแพงรั้วที่กว้างกว่ามากคาดได้ว่าระยะทางของกำแพงนี้มันคงจะมีอย่างน้อยหนึ่งกิโลเมตร

"สุดยอดเลยแหะ..."อมาร็อคมองรั้วตรงหน้าแบบอึ้งๆ แต่ดูทุกคนจะคิดแบบเดียวกัน

"เข้าไปกันเถอะ ฉันอยากจะให้กลับแล้ว"มายุโวยวายเธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย บรรยากาศมันวังเวงสุดๆ แต่เพราะว่ากลัวก็เลยต้องตระโกนให้มันดังๆเพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยได้เล็กน้อยถึงปานกลาง

"..."หญิงสาวในชุดนินจาที่ตอนนี้แบล็ครู้แล้วว่าเธอชื่อว่า ชาโดว์ มองไปรอบๆอย่างระวังตัวตลอดเวลาในมือกำมีดสั้นแบบสองคมเอาไว้ ชนิดที่ว่าถ้ามีอะไรแปลกๆโผล่ออกมาเธอจะซัดมีดเล่มนั้นใส่โดยไม่คิดมากทันที

"นั่นสินะครับ"ไมดัสพยักหน้าก่อนผลักประตูเข้าไป

เอี๊ยดดดด......

เสียงบานประตูใหญ่ที่ถูกเปิดออกดังก้องไปทั่ว เป็นเสียงที่ฟังชวนเเสบแก้วหูแล้วก็ชวนให้ขนลุกด้วย กลุ่มคนทั้งห้าหันมามองหน้ากันแบบพูดไม่ออก อมาร็อคตัดสินใจเดินนำขบวน มีไมดัสอยู่คนที่สอง มายุคนที่สาม แบล็คคนที่สี่ และชาโดว์เป็นคนสุดท้าย เมื่อทั้งห้าคนก้าวพ้นเขตประตู ประตูบานใหญ่ก็ส่งเสียงอีกครั้งก่อนที่จะปิดลง จากข้อมูลที่ได้รับ ดันเจี้ยนแห่งนี้จะเปิดให้เข้าได้เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนตรงก่อนจะเปิดให้ออกได้เวลา 6 โมงเช้า และถ้าถูกโจมตีโดยมอนเตอร์ในดันเจี้ยนนี้จะทำให้ติดเชื้ออันเดธ ซึ่งถ้าขาดการรักษาภายในครึ่งชั่วโมงก็จะติดสถานะอันเดธจนกว่าจะถึง 6 โมงเช้า ซึ่งมันฟังดูไม่ดีเลยสักนิด

น่าแปลกที่สองข้างทางมันไม่สัญญาณของมอนเตอร์เลยแม้แต่ตัวเดียวนอกจากพุ่มหญ้า และต้นไม้ที่ถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบแบบแผน เมื่อเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆก็จะพบบ่อน้ำพุตั้งอยู่ตรงจุดที่คาดว่าจะเป็นใจกลางของสวนแห่งนี้ซึ่งมีหินปูเอาไว้เป็นทางเดินสี่ทิศ ทางขวานั้นหากมองตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอป่า ทางซ้ายหากมองตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอป่าเช่นกัน และถ้าเดินตรงไปก็จะเข้าสู่อาคารที่คงจะเป็นโรงพยาบาล

"เอาไงดีครับ ? ทางขวาดีไหม"ไมดัสถามขึ้นมา ประสาทสัมผัสของเขานั้นเฉียบขาดกว่าคนทั่วไปเพราะความสามารถพิเศษของสายนักฆ่า ทำให้เขาสัมผัสถึงอะไรได้ดีกว่าแม้ว่าเขาจะระบุแน่นอนไม่ได้ว่ามันคืออะไรแต่เขารู้สึกได้ว่าทางขวาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้

"ทางซ้ายดีกว่า"มายุพูดขึ้น

"ฉันก็คิดว่าทางซ้ายดีกว่านะ"อมาร็อคเห็นด้วย

"....ขวา"ชาโดว์ยอมพูดขึ้นในที่สุด เธอเองก็สัมผัสอะไรสักอย่างได้จากทางซ้ายและในอาคารเช่นเดียวกับไมดัส คนทั้งสี่หันมามองคนสุดท้ายที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกเส้นทางใดๆ

'มองกันแบบนี้แล้วจะให้เลือกยังไงดีล่ะเนี่ย...'แบล็คได้แต่ยิ้มแห้งๆ เธอนั้นอยากจะเลือกตรงไปมากกว่า

"ขวาร้าย ซ้ายดี งั้นไปทางขวาก็แล้วกันคะ"แบล็คหัวเราะแห้งๆ

"ทำไมเลือกทางขวาล่ะ ก็บอกเองว่าขวาร้าย ซ้ายดี!!!"มายุโวยวาย

"ก็เพราะว่า...เอ่อ...เพราะฉันถนัดมือขวาไงคะ"คำตอบนั้นทำเอาทั้งกลุ่มเงียบไป ทุกคนมองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจพากันเดินขบวนต่อไปที่ทางขวาโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก

'มุกมันแป๊กสินะ...'แบล็คได้แต่หัวเราะแห้งๆพลางคิดในใจแบบเศร้าๆ

ทั้งห้าคนเดินเข้ามาถึงชายป่าในที่สุดจากตรงนี้ ไมดัสตัดสินใจได้ว่าไม่ควรเข้าไปเพราะอาจจะถูกลอบโจมตีได้ง่ายซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย

"มายุ ใช้เวทย์ไฟเผาป่าเรียกพวกมันออกมาทีครับ จากนั้นให้ร่ายเวทย์เส้นทางเดียวตามด้วยนะครับ"

"เห๊ะ ?"

"ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ในดันเจี้ยนนี้มีการฟื้นฟูสภาพทุกอย่างได้รวดเร็วมากครับ ไม่ถึงยี่สิบนาทีป่าก็กลับมาโตเหมือนเดิมแล้ว"ไมดัสเผยข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งมายุเองก็แค่พยักหน้า

"ร็อค เดี๋ยวนายเตรียมใช้ Roar ได้เลยนะ ชาโดว์ เธอขึ้นไปสังเกตการณ์บนต้นไม้ต้นนั้น คอยดักเก็บพวกที่ไม่มีชุดป้องกันและก็คอยดูข้างหลังไว้ด้วยว่ามีพวกมันมาเสริมรึเปล่า"

"..."ชาโดว์พยักหน้าน้อยๆร่างของเธอหายไปจากตรงนั้น

"ส่วนเธอ แบล็ค เอ่อ..."ถึงเขาจะรู้แล้วว่าคนตรงหน้าคือชายหนุ่มคนที่เขารู้จักแต่พอเห็นแบบนี้แล้วมันก็แปลกๆชอบกล

"จะเรียกยังไงก็เรียกเถอะค่ะ"หญิงสาวถอนหายใจ ไมดัสพยักหน้าน้อยๆ

"แบล็ค เธอเตรียมกางฟิลด์เลยนะ เพราะในอาณาเขตจะส่งผลลดความสามารถของพวกอันเดธลงด้วย"แบล็คพยักหน้า เธอดึงดาบออกจากฝักก่อนจับมันทั้งสองมือในสภาพเตรียมแทงมันลงพื้น

"ผมจะนับแล้วนะครับ 3...2...1...ยิงเวทย์ได้ครับ!!"

ฟู่ววววว!!!!!

เปลวเพลิงสีส้มพวยพุ่งออกจากปลายคทาแผดเผาผืนป่าตรงหน้า เกิดเสียงคำรามดังสนั่นออกมาจากผืนป่า ไมดัสจับมีดสองเล่มขึ้นมาในลักษณะที่ไขว้กันเป็นกากบาท

แสงสีเขียวลักษณะคล้ายลูกบาศก์ปรากฏล้อมตัวคนทั้งสี่เอาไว้ โดยมีช่องแคบขนาดความกว้างสี่คนเดินปรากฏตรงจุดที่อมาร็อคยืนคุมอยู่ ดูคล้ายกับขวดทรงเหลี่ยม

แฮ่!!!!

เสียงคำรามของอันเดธตัวแรกดังขึ้นออกมาจากพุ่มไม้่ ตรงเข้าใส่ชายร่างใหญ่ที่รอจังหวะอยู่แล้ว อมาร็อคหวดดาบตัดผ่าร่างนั้นขาดออกจากกันเป็นสองซีก ก่อนที่จะปล่อยมืออกจากดาบใช้กำปั้นลุ่นๆซัดเข้าที่หน้าของอันเดธอีกตัวจนกระโหลกยุบจากนั้นก็เหวี่ยงซากอันเดธตัวนั้นเข้าใส่อันเดธอีกสามสี่ตัวที่ตามออกมาจนล้มหงายไป

"เตรียมรับแรงปะทะ!!!"อมาร็อคคำราม ก่อนที่ฝูงอันเดธนับสิบจะพุ่งออกมาจากผืนป่า ชายร่างยักษ์ยกใบดาบแบบแนวนอนเข้าปะทะ แต่จำนวนของมันก็ทำให้เขาต้องถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าของเขาบิดเกร็ง เพราะถึงแม้จะจำกัดการเข้ามาของพวกอันเดธให้เหลือเพียงแค่ทางเดียวแต่เพราะเป็นแบบนั้นก็ทำให้แรงปะทะยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ

"บทกึกก้องแห่งชัยชนะ!!!!!!"แบล็คตวาดก่อนแทงดาบลงสู่พื้นแสงสีทองปรากฏออกจากปลาทางอาบไล้ไปทางเส้นทางของแสงสีเขียวที่ถูกขีดเอาไว้ พวกอันเดธที่โดนแสงต่างกรีดร้องอย่างเจ็บปวด อมาร็อครู้สึกได้ถึงแรงปะทะที่ลดน้อยลงชายหนุ่มตั้งหลักให้มั่นก่อนจะคำรามด้วยเสียงที่ดังกึกก้องราวกับเสียงคำรามของพญาราชสีห์ เสียงคำรามนั้นทำให้ฝูงอันเดธตรงหน้าระเบิดแตกกระจายกลายเป็นเศษกระจกไล่ยาวไปจนถึงปลายสุดของเส้นทางสีเขียวที่ถูกเขียนขึ้น

ร่างของอมาร็อคกลายเป็นสีแดงและมีควันแผ่ออกมาเหมือนร้อนจัด กล้ามแขนและขาปรากฏเส้นเลือดปูดโปนออกมาอย่างเด่นชัด ชายหนุ่มพยายามจะระบายความร้อนออกจากร่างกายอย่างยากลำบาก

แฮ่!!!!!

แต่เหมือนพวกอันเดธจะไม่มีเวลาให้เขาได้พักหายใจ แบล็คเองแม้จะอยากไปช่วยแต่ว่าทำไม่ได้เพราะเธอติดตรงต้องคอยควบคุมอาณาเขตสีทองนี้ไว้ เช่นเดียวกับมายุที่ต้องคุมฟิลด์สีเขียวสดของเธอไว้เช่นกัน ส่วนไมดัสนั้นยังคงจับมีดทั้งสองตั้งท่าขวางเอาไว้ตรงกลางระหว่าง อมาร็อคและพวกเธอทั้งสองโดยไม่มีแม้แต่การขยับตัวแม้ว่าฝูงอันเดธฝูงใหม่จะเข้ามาแล้วก็ตาม

"ไมดัส ?!!"แบล็คร้องถาม ในขณะที่ฝูงอันเดธมามากขึ้นเรื่อยๆ และเข้าใกล้มาทุกขณะ

"เงียบไว้ซะ"มายุที่อยู่ใกล้กว่ากระซิบด้วยน้ำเสียงดุดันทำเอาแบล็คต้องยอมเงียบไปในที่สุด เธอสังเกตได้ว่าเพราะเสียงเรียกของเธอเมื่อครู่ทำให้ใบหน้าของไมดัสมีร่องรอยของความเคร่งเครียดปรากฏขึ้นมา ดวงตาสีดำขลิบมองมาที่เธออย่างตำหนิ

แต่ทว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิม อมาร็อคยังคงยืนอยู่ตรงด้านหน้าสุดและหายใจแรงขึ้น ในพริบตาที่อันเดธตัวแรกเข้ามาในระยะนั่นเอง

ตูม!!!!!!

แรงหมัดซึ่งรุนแรงที่สุดเท่าที่แบล็คเคยพบ พลังทำลายของมันนั้นมากยิ่งกว่าหมัดของเอ็ดเวิร์ดหลายเท่าตัว หมัดนั้นบดขยี้ร่างของอันเดธตัวหน้าสุดจนแหลกกระจายคาพื้น ส่วนอันเดธอีกตัวที่เข้ามาก็โดนพุ่งกระแทกเข้าใส่จนล้ม อมาร็อคระดมหมัดใส่ร่างที่ล้มอยู่แบบรัวๆจนพื้นแตกกระจายก่อนจะเงยหน้ามองอันเดธฝูงใหม่ที่เข้ามา

โฮกกกกกกก!!!!!!!!!!!

ชายหนุ่มคำรามดังก้องเสียงคำรามทำให้พวกอันเดธถึงกับติดสถานะอัมพาทไปชั่วขณะ เขากระโจนเข้าใส่ฝูงอันเดธอย่างบ้าคลั่ง

"ปิดได้เลยครับ"ไมดัสหันมาบอก มายุพยักหน้ารับคำสั่ง เธอบิดคทาหนึ่งครั้ง เส้นทางระหว่างพวกเขาและทางเดินยาวถูกปิดกั้นโดยเส้นแสงสีเขียวสดราวกลับประตู

"ทำบ้าอะไรน่ะ!!"แบล็คงุนงงจนเกือบจะเผลอปล่อยมืออกจากดาบแต่ไมดัสรีบพุ่งมากุมมือของเธอให้กำดาบไว้ตามเดิม

"คุณทำหน้าที่ของคุณไปครับ...ไว้ผมจะอธิบายให้ทีหลัง"ไมดัสมองมาที่เธอด้วยสีหน้าจริงจังทำให้แบล๋คได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัยปะปนไปกับความไม่พอใจ แต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี

"ด้านหลัง สิบตัว กำลังมาในอีก นาทีครึ่ง"เสียงของชาโดว์ดังขึ้น

"รับทราบครับ"ไมดัสตระโกนบอก แต่ดวงตายังจับจ้องที่ร่างของเพื่อนที่ตอนนี้แดงมากขึ้นเรื่อยๆเพราะควมร้อนใบหน้านั้นทวีความคลุ้มคลั่งมากขึ้น แม้ร่างกายจะโดนกัดหรือข่วนแต่บาดแผลเหล่านั้นก็เกิดควันขึ้นมาฆ่าเชื้ออันเดธทิ้งไปในเวลาไม่ถึงสองวินาที

"เอาไงกับข้างหลัง"มายุถามขึ้น

"ผมจัดการเองครับ"ไมดัสมองไปที่ฝูงอันเดธที่เข้ามาจากด้านหลัง เขากำมีดทั้งสองไว้แน่น อันเดธตัวที่เข้ามาใกล้ที่สุดโดนตวัดมีดตัดขาดกระเด็นในพริบตาโดยที่ชายหนุ่มแทบจะไม่ขยับไปจากจุดเดิมเสียด้วยซ้ำ ความเร็วของการโจมตีนั้นเร็วชนิดที่แม้แต่แบล็คยังมองตามไม่ทัน

"อย่ามัวแต่มองทางนั้น"มายุเรียก ทำให้แบล็คกลับมาสนใจภาพตรงหน้าอีกครั้ง ตอนนี้อมาร็อคเริ่มกลายเป็นฝ่ายโดนรุกแทนเสียแล้วเขากำลังถูกรุมขย้ำจากฝูงอันเดธ ร่างใหญ่ยักษ์ดั่งสัตว์ร้ายส่งเสียงคำรามออกมาแต่ว่าเหมือนกับเสียงครวญครางที่เจ็บปวดเสียมากกว่า ผิวสีแดงสดเริ่มจางลงรวมถึงไอความร้อนที่เบาบางลงเช่นกัน

"จะหมดเวลาแล้ว!"มายุตระโกนบอกคนด้านหลัง แต่กลับพบว่าตอนนี้ไมดัสเองก็ตึงมือเช่นกันเพราะว่าจำนวนของมันมีมาเรื่อยๆ แม้จะมีหลายตัวโดนบางสิ่งซัดจนตายก่อนจะมาถึงก็ตาม

"บ้าเอ๊ย!!!"ไมดัสคำราม เขาละออกไปจากจุดนี้ไม่ได้เลยเพราะถ้าเขาไปช่วยทางนั้นเมื่อไหร่ ทั้งสองคนที่กางอาณาเขตอยู่คนไม่พ้นโดนอันเดธฝูงนี้จัดการเป็นแน่

"ฉันจัดการเอง"ชาโดว์ส่งเสียงดูเธอจะมารับหน้าที่ตรงส่วนนี้แทนไมดัส แต่ว่าเขาปฏิเสธอย่างไม่ไยดี

"คุณไม่เหมาะสู้แบบเบื้องหน้าครับ ลงมาต้านเอาไว้มีแต่จะตายเปล่าๆ"คำพูดของไมดัสทำให้หญิงสาวที่แอบอยู่ใต้ต้นไม้ไม่พอใจเท่าไหร่แต่เธอก็เพียงแค่แค่นเสียงเบาๆ "มายุเหลือกี่นาที"

"2-3 นาที"มายุตอบ

"ไม่ทันแน่..."ไมดัสกัดฟันกรอด เขามองมาที่แบล็คซึ่งสังเกตเห็นสายตาที่มองมาเช่นกัน เขาเหมือนกำลังจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง โดยคำนวนถึงผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด

"ให้ฉันลองดูแล้วกัน"แบล็คพูดขึ้น ไมดัสครุ่นคิดเขาได้รับคำสั่งมาว่าให้คุ้นครองคนๆนี้ให้ดีเพราะเธอมีความสำคัญต่อสงครามในอีกสามอาทิตย์มาก ยิ่งมารู้ว่าเธอก็คือคนที่เขารู้จักก็ยิ่งทำให้เขาเครียดมากยิ่งขึ้น แต่ว่าอมาร็อคที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์มาตลอดเขาเองก็ไม่อยากทิ้งเอาไว้แบบนั้น แต่ในระหว่างที่ไมดัสครุ่นคิดอยู่นั้น แสงสีทองที่พื้นก็ดับวูบลงบ่งบอกถึงการยกเลิกผลของผู้ประกาศทักษะ

"คิดจะทำอะไรของเธอน่ะ!!"มายุโวยวาย เพราะเห็นหญิงสาวเดินตรงเข้าไปยังเส้นทางตรงหน้า ดาบในมือของหญิงสาวทอแสงสีทองสว่างวาบแม้จะไม่เจิดจรัสดั่งสุริยันเหมือนกับของเวสต้าแต่เเสงของมันก็ส่องประกายไม่น้อยไปกว่ากัน

หญิงสาวยืนอยู่ตรงจุดที่อมาร็อคเคยยืนอยู่ หญิงสาวจับดาบยกตั้งชี้ดาบขึ้นสู่ท้องฟ้าหลับตาลง ภาพในความฝันปรากฏย้อนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง ภาพของเรอาที่วิ่งเล่นกับบางสิ่งที่ไม่มีตัวตน ภาพของเด็กหนุ่มที่หลับไม่มีวันตื่นอีกตลอดไป ภาพของพ่อแม่เด็กหนุ่มที่หัวใจแตกสลาย และภาพของคนที่เธอรู้จักซึ่งถูกเข็นผ่านไปในสภาพไร้วิญญาณ

แสงสีทองแผ่ขยายออกมาจากปลายดาบมากขึ้นเรื่อยๆแสงของมันนั้นทวีความเข้มข้นจนมันฉายประกายแสงเจิดจรัสสว่างเทียบเท่าได้กับวีรบุรุษหนุ่มเพียงแต่ความรู้สึกที่ถูกส่งออกมานั้นแตกต่างกัน แสงของเวสต้านั้นให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและความกล้า แต่ว่าแสงของแบล็คนั้นให้ความรู้สึกที่เศร้าสร้อย คะนึงหาและความรู้สึกที่อยากจะปกป้อง

หญิงสาวลืมตาขึ้นดวงตาสีอำพันฉายประกายกราดเกรี้ยวและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดาบในมือถูกดึงเข้าหาตัว แสงจากปลายดาบอาบขึ้นมารวมถึงปลายดาบเป็นหนึ่งเดียว

"ประกายแสงแห่งวีรชน!!!!!!!"เสียงที่ก้องกังวาลดังขึ้นราวกับจะประกาศเจตนารมณ์ให้ดังขึ้นไปถึงชั้นฟ้าทำให้ทุกสรรพสิ่งถูกย้อมให้หายไปในแสงสีทอง

"ค้นพบแล้วสินะ เด็กคนนั้น"เวสต้ามองแสงสีทองที่สว่างวาบจากยอดตึกร้างไม่ไกลจากดันเจี้ยน ชายหนุ่มแย้มยิ้มออกมาก่อนจะดึงปีกขนนกขึ้นมาแล้วสะบัดมัน ร่างของเขาก็หายไปจากตรงนั้น เหลือเพียงขนนกเส้นนั้นที่ตกลงสู่พื้นก่อนจะแตกสลายกลายเป็นเศษกระจก...