และ แล้วผมก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านมนุษย์สักที... ส่วนสาวน้อยฟ้าผ่าผมก็กองเธอทิ้งไว้ตรงนั้น อย่า อย่าได้มองผมแบบนั้น ที่ผมทำแบบนี้เพราะผมมีแผน เท่าที่ผมเรียนรู้จากคำภีร์ยุทธ์ครอบโลก(บันทึกเล่มเดิมแหล่ะ) เหล่ามอนเตอร์สาวทั้งหลายไม่ค่อยปล่อยเหยื่อให้เป็นอิสระนานนักหรอก โดยเฉพาะพวกดุๆ ธันเดอร์เบิร์ดเองก็ไม่ต่างกัน ยิ่งผมสร้างความแค้นให้เธอจนถึงเช้าด้วยล่ะก็ งานนี้ไม่มีพลาด .... อีกอย่างพันธุ์เธอเองก็เป็นที่หวาดกลัวของมนุษย์ทั้งหลาย อาจเป็นอันตรายต่อตัวเธอเองถ้าเธอตามผมเข้าไปในหมู่บ้านด้วย ห่างกันซักพักละกัน...
พอจะถึงผมก็ จอดแบล็กเบรียดคู่ใจไว้แถวพุ่มป่าที่ดูรกทึกหน่อย ผมไม่กลัวโดนขโมยหรอกเพราะถ้าล็อกแล้วเจ้าแบล็กเบรียดนอกจากจะหนักเป็นตัน รอบตัวรถจะมีกระแสไฟฟ้าครอบตัวรถไว้ ถ้าไม่ใช่มือผมกดสวิตส์ล่ะก็ ใครอย่าหวังว่าจะได้แตะ ไม่ต้องพูดถึงวิทยาการของที่นี่ยังล้าหลังโลกที่ผมจากมามาก พูดได้ว่าคนละยุคเลยทีเดียว อีกอย่างขืนเอามันเข้าไปชาวบ้านได้แตกตื่นแน่
ผมก็เข้าไปใน หมู่บ้านขนาดกลางดังกล่าว ที่นี่สวยงามใช้ได้เลยทีเดียว ไม่มีมลพิษ ชาวบ้านเดินกันควักไขว่ เสียอย่างเดียว ที่นี่เป็นถิ่นพวกดิออเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ หรือพวกทหารไม่น้อย แต่เอาเหอะ ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องมาใส่ใจ
อืม... สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือเงินโลกนี้สินะ จะเดินทางทั้งทีขาดสภาพคล่องทางการเงินได้ไง ว่าแล้วผมก็สอบถามชาวบ้านแถวนั้นว่าพอจะมีงานไรให้ผมทำไหม พี่แกมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วทำหน้าแปลกๆ จะว่าพี่แกก็ไม่ได้ ผมแต่ตัวแนวขนาดนี้ แต่ผมก็ไม่แคร์สื่อเช่นเคย แล้วพี่แกก็ถามว่าผมเป็นท่านผู้กล้าหรือเปล่า ผมก็งงนิดหน่อย แล้วถามกลับว่า ไมคิดอย่างงั้นล่ะ พี่แกบอก
"ก็ชุดท่านดูแปลกตาไม่เคยเห็น"
ผมก็เลยสวมรอยเป็นผู้กล้าซะเลย... ผมเองก็เพิ่งจะรู้พวกผู้กล้าเนี่ยแอบนำเทรนนะเนี่ย
ผมก็ถามแกต่อว่า
"ว่าแต่พี่ชาย มีงานให้ผู้กล้าสุดแนวอย่างผม ทำที่ไหนมั่งอ่ะ"
แกก็ตอบว่า
"มีสิ ลองไปถามโต๊ะเควสของผู้กล้าหน้าที่ทำการดิออเดอร์ดูสิ ข้าว่าคงมีงานให้ท่านผู้กล้าทำนะ"
ผมถามทางและรายละเอียดอีกนิดหน่อย ได้เรื่องปุ๊บผมก็เดินไปที่ทำการดิออเดอร์ที่แกบอกไว้
ถึงแม้ผมจะ ไม่ค่อยชอบขี้หน้าพวกดิออเดอร์เท่าไหร่นัก แต่ก็เพราะต้องการเงินทุนสำหรับเดินทาง ดูแล้วรายได้จากอัศวินงี่เง่าพวกนี้จะงามมิใช่น้อย
พอผมเดินไป ถึงก็เห็นโต๊ะรับ/ส่งเควส ตามที่ชาวบ้านว่า ไม่รอช้าผมตรงไปที่โต๊ะนั้นทันที เนื่องจากผมไม่อยากฆ่าเหล่ามอนสาว จึงถามหาเควสขับไล่มอนเตอร์ ที่เงินดีที่สุด เจ้าหน้าที่โต๊ะเควส มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่รอบนี้มีสายตาดูถูกแคลนหน่อยๆ แล้วถามผมว่า
"ไหวหรอไอ้น้อง เลือดหมดตัวตายไม่รู้ด้วยหน่า.."
อ่าว ไอ้นี่ กวนทรีนซะละ ผมคิด
ว่าแต่ เลือดงั้นหรอ หรือว่า... ผมเริ่มคุ้นๆละ
"ทำได้แน่เพ่ ส่งมาเหอะ"
แล้วหมอนั่นบ่นดูถูกดูแคลนผมยิกๆ จนผมเริ่มจะคันเท้ายิบๆ สุดท้ายก็ส่งใบเควสมาให้ผม รอดตัวไปเอ็ง ผมเกือบจะยอดหน้าเข้าให้
เมื่อผมดูข้อมูลใบเควสก็เป็นอย่างที่ผมเดาไว้ ขับไล่แวมไพร์
ผมก็กำลังจะเดินออกจากบริเวณนั้นก็ได้ยินเสียงใสๆ มีเสน่ห์ประหลาดเข้า
"เดี๋ยวก่อนพี่ชาย"
หือ.. ผมหันไปสาวน้อยเอวบางคนหนึ่งหันข้างให้ยืนพิงกำแพงอยู่ สพายดาบเรเปียร์ไว้ที่เอว เธอแต่งกายเหมือนพวก Musketeerสาวหรือไม่ก็พวกนักดาบเรเปียร์สาวฝรั่งเศษ แต่ชุด Sexy และสั้นกว่า มีผ้าคลุมยาวถึงเอว ผมสีทอง ไม่เห็นหน้าเพราะหมวกเธอบังอยู่
เธอดันหมวก ขึ้นแล้วหันมาทางผม หุ่นดีชะมัด เองบาง อกโต น่าตาเธอสวยคม นัยตาแดงดุจเลือดหางตาคมกริบ แต่ดูเธอเป็นคนอารมณ์ดี จากการที่เธอจับหมวกทักทายแล้วส่งยิ้มเล็กๆ ให้ผมอย่างน่ารักพร้อมกับกล่าวทักทาย
"สวัสดีพี่ชาย ที่พี่ชายถืออยู่ในมือใช่ใบเควส ขับไล่แวมไพร์ไหมคะ"
"ใช่แล้วครับ น้องมีอะไรงั้นหรอ" ผมถามกลับ
"คือ.. ข้าอยากทราบว่าพี่ชายท่านจะให้ข้าร่วมทางไปด้วยได้ไหม เพราะข้าเองก็เป็นนักล่าแวมไพร์มืออาชีพ แต่ข้าไม่ชอบพวกนั้น" เธอตอบเหตุผลพร้อมชี้นิ้วไปทางพวกนั้นที่เธอว่า...
อ้อ ไม่ชอบขี้หน้าดิออเดอร์เหมือนกัน อย่างงี้ไปกันได้ ผมตัดสินได้ทันที นี่ยังไม่รวมที่เธอเป็นสาวงามด้วย เรื่องไรจะปฏิเสทให้โง่ ถ้าเธอคิดร้ายค่อยจัดการรวบหัวรวบหางซะ เหอๆๆ
"เฮ้ พี่ชาย เป็นไรหน่ะ หน้าท่านตอนนี้ดูไม่น่าไว้ใจเลย " เธอมองผมอย่างระแวง
อุ๊ย สงสัยจะออกสีหน้ามากไป ผมรีบปรับสีหน้าใหม่แล้วตอบเธอไปว่า
"มันก็ได้อยู่นะน้อง ต้องมีเงื่อนไขนิดหน่อย ว่าแต่น้องชื่ออะไรหรอ"
เธอเห็นผมเปลี่ยนสีหน้าก็ไม่ระแวงอะไรอีก แต่ยังสงสัยกับเงื่อนไขผม
"เงื่อนไข อะไรหรือคะ อ้อ ขออภัยที่เสียมารยาท นามของข้าคือ มายด์ แวนเฮลซิ่งค่ะ" โอ้ว แวนเฮลซิ่งไม่ธรรมดาแหะ ว่าแล้วผมก็ถามคำถามส่งเดชไปว่า
"มายด์ เป็นอะไรกับนักปราบปีศาจชื่อดังหรือป่าว"
เธอทำหน้างงๆ แล้วก็ตอบผมกลับมาว่า
"นักปราบปีศาจ คืออะไรหรอคะ แต่ตระ:Xลพ่อข้าเป็นนักล่าแวมไพร์ค่ะ"
โห้ ไม่ค่อยต่างจากโลกเก่าเลย เจ๋งเด็ด
"เยี่ยมไปเลย ครับมายด์" ผมชมเธอแล้วบอกเงื่อนไขกับเธอ "งั้นเรามาเข้าเงื่อนไขเลย อ้อเกือบลืมแหน่ พี่ชื่อ บาย อแบนดอนนะครับ เรียกว่าพี่บายก็ได้ ส่วนเงื่อนไขของพี่ก็คือ มายด์ต้องเรียกแทนตัวเองว่า มายด์ ห้ามมีคำว่า ข้า เจ้า ท่าน ตกลงไหมครับ"
แม้เธอจะยังทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมรับอย่างว่าง่าย
"ค่ะ ข้า.. เอ้ย มายด์จะเรียนแทนตัวเองว่ามายด์" เธอตอบพร้อมเอียงคอหลับตายิ้มหวาน
น..น...น่ารักจริงๆ เลยยยย
ผมยิ้มให้เธอ "ว่าง่ายน่ารักมากค่ะ น้องมายด์"
มายด์ได้ยินก็รีบก้มหน้าเอาหมวกบัง แต่ผมยังเห็นหูและแก้มบางๆ แดงแจ๋
.....................................
ผมนึกขึ้นได้เลยถามมายด์
"เออ มายด์พอจะรู้ทางไหมครับ"
เธอตอบผมว่า
"อืม รู้ค่ะพี่บาย แต่พี่บายจะไปยังไงคะ ที่นั่นไกลจากที่นี่พอสมควร มายด์มีม้าก็จริงแต่ตัวมันเล็ก แถมแก่มากแล้ว จะให้ขี่ไปสองคนคงไปไม่ไหว" เธอบอกพร้อมชี้ม้าตัวที่ว่า
ผมเห็นสภาพมันแล้ว อืม.. จริงอย่างที่เธอว่า สุดท้ายผมเลยตัดสินใจพาเธอขึ้นแบล็กเบรียดไปด้วยกัน เลยบอกเธอว่า
"งั้นมายด์ปล่อยม้าตัวนั้นไว้อย่างงั้นดีกว่า ไปกับพี่ไวกว่ากันเยอะ"
"เอ๋.. พี่บายมีม้าตัวใหญ่ด้วยหรอคะ อยู่ไหนหรอ ทำไมมายด์ไม่เห็นเลยล่ะ" เธอถามอย่างสงสัย
"อืม มันค่อนข้างสะดุดตาอ่ะนะ ... พี่ไม่อยากเอามันเข้ามาเด๋วชาวบ้านแตกตื่น"
"โห พี่บายมีม้าพันธุ์หายากมากหรอคะ งั้นไปเลยค่า มายด์อยากเห็นจะแย่" เธอจับมือผมเขย่า อย่างตื่นเต้นตาลุกวาว
หึหึ น่ารักจริงๆนะน้องมายด์ เดี๋ยวเห็นแล้วจะตะลึง ว่าแล้วผมก็พาสาวน้อยนักล่าแวมไพร์ ไปเจอบิ๊กไบท์คู่ใจ....
......................................................