ผม กับมายด์หันไปทางที่มาของเสียงทันที ภาพที่เห็นคือ หญิงสาวโฉมสะคราง มียิ้มมุมจางๆ อย่างไว้ตัว ใส่ชุดเดรสกระโปรงสั้น มีเสื้อคลุมยาวทับ ใส่ผ้าคลุมผืนใหญ่ทับอีกที...ไม่สิ น่าจะเป็นปีกของหล่อนมากกว่า ผมบอร์นทองสว่างไสว ดวงตาคมกลิบนัยต์ตาสีแดงฉานดุจโลหิต ใบหูแหลมคล้ายพวกเอลฟ์แต่เล็กกว่า ร่างบางนั่งอยู่บนเหมือนบัลลังก์สีแดงคล้ำเกือบๆ จะเป็นสีดำ เจ้าตัวนั่งไขว่ห้างเอียงตัวเท้าแขน มองผมด้วยปรายหางตา อย่างผู้เหนือกว่า...
"ว่าไง ทำไมไม่ตอบคำถามข้า" หญิงสาวกล่าวย้ำ
"เอ่อ.. ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเป็นอย่างนี้มาสักพักแล้ว" ผมก็ตอบตามตรงแบบซื่อๆ คิดมากไมถามมาก็ตอบไป
"หึ ช่างเถอะ ว่าแต่เจ้า" เธอหันไปหามายด์ "กลิ่นนี้...เจ้าไม่ใช่มนุษย์หนิ" เล่นเอาผมตื้บไปเลย...เวรกรรม นี่เรามากับสาวมอนหรอเนี่ย ก็ตระหงิดๆ อยู่ไมดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดจัง
"หืมมม แดมพีร์สินะ ไม่ใช่แดมพีร์ธรรมดาซะด้วย... จากสายเลือดแท้ .... อ้อนึกออกแล้ว กลิ่นนี้ข้าจำได้ ข้ารู้จักแม่เจ้าดี ... เจ้าแวมไพร์น่ารังเกียจสมควรตาย" หญิงสาวกล่าวอย่างหยาบคาย
อ้าวยัยนี่... อยู่ๆ ก็ไปว่าแม่คนอื่นซะงั้น แบบนี้น่าจับสั่งสอนซะหน่อยแล้ว...
ผมคิดแล้ว เหลือบมองมายด์ เธอดูนิ่งมาก นัยตาดูเย็นเฉียบเหมือนเคยชินกับเรื่องแบบนี้ เป็นผมใครมาว่าพ่อว่าแม่เป็นไม่ได้ เป็นผู้ชายเอาให้สลบคาเท้า เป็นผู้หญิงก็สั่งสอนวิธีอื่นแล้วแต่กรณีไป
เธอหันหน้ามา มองผมอย่างมั่นคง แล้วทำหน้าเหมือนจะขอจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง โถ่นึกว่าไม่โกรธ ผมก็พยักหน้านิดๆ เป็นเชิงอนุญาติ เอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินถอยหลังหลบออกมามุมห้อง
ระหว่างทาง มายด์ได้อธิบายให้ผมฟังแล้วว่าแวมไพร์ที่เราจะไปจัดการนี้ไม่ใช่แวมไพ ร์ธรรมดา เธอเป็นพวกพันธุ์แท้ที่หายาก และแข็งแกร่งกว่าแวมไพร์ทั่วไป ถือเป็นพวกที่อยู่มาก่อนจอมมารองค์ปัจจุบันจะขึ้นครองราช ความแข็งแกร่งจึงไม่ธรรมดา พวกนี้แทบไม่กลัวแสงอาทิตย์หรือหวั่นไหวไปกับกระเทียม แต่ถึงอย่างงั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อนเสียทีเดียว ถึงแสงอาทิตย์จะไม่มีผลต่อพลัง แต่ก็เพิ่มความง่วงงุนได้ไม่มากก็น้อย ยังไงพวกนี้ก็ยังเป็นอันตรายสูง มายด์บอกผมไว้อย่างนี้
เดาว่างานนี้ อันตรายกับมายด์ไม่น้อยทีเดียว เมื่อผมรู้ว่ามายด์เป็นแดมพีร์ พลังปีศาจของเธอจะมีผลทำให้แวมไพร์ทั่วไปอ่อนแอเท่านั้น ไม่มีผลกับแวมไพร์ตนนั้นเลย แต่ก็ช่างละกัน เพลี่ยงพล้ำขึ้นมาค่อยสอดมือช่วย ตอนนี้ปล่อยไปก่อน
มายด์ชักดาบเรเปียร์ออกมา แวมไพร์สาวดึงดาบเรียวยาวสองคมความยาวประมาณเมตรยี่สิบเซนออกมาจากอากาศ
ว้าว... เจ๋งแหะ เหมือนในเมะที่เคยดูเลย อยากทำได้มั่งจัง ผมเริ่มคิดเรื่อยเปื่อย
ทั้งมองตากันอยู่เพียงชั่วครู่
ควับ ฟ้าววววว ชิ้งงงง
ชิ้งๆๆๆ ๆๆ ๆๆ ๆๆๆๆ ๆ
เสียงโลหะ กระทบกันดังโช้งเช้ง ประกายตามจุดที่ปะทะกัน ผมเบิกตามองอย่างตื่นตะลึงตึงโป๊ะ โห ทั้งคู่ขยับตัวอย่างข้องแคล่วว่องไว เสียงปะทะกันรุนแรงจนเกิดประกายไฟ แวบวาบไปหมด
ผมพยายาม ศึกษาท่าร่างของพวกเธอ บางท่วงท่าผมก็ไม่สามารถเรียนแบบได้ เพราะสรีระที่ต่างกัน ผมค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าเป็นตอนผมเมื่อก่อนคงมองตามความเร็วของพวกเธอไม่ทัน แน่ และแน่นอนไม่ใช่ผมตอนนี้...
วีดดดดด ตู้มมมมมม ชิ้ง ๆ ฟ้าวววววว ตู้มมมม
การต่อสู้ดู เหมือนจะเริ่มเหนือมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการปะทะกันจนเกือบติดเพดาน การบินพุ่งปะทะสวนกัน การใช้เวทมนต์หลากสีสันโจมตีใส่กันไปมา เสียงดังกว่าระเบิดในเอฟเฟ็กหนังที่ผมเคยดูอีก แหม... มันส์พะยะค่ะ ว่าแต่...ผมลืมอะไรไปหรือป่าวหว่า...
งามใส้แล้วววว ปราสาทถล่มมมม ยัยพวกเพี้ยนเอ๋ยยยย จะตีกันไม่ไปตีกันข้างนอกว้าาา
ผมรีบเผ่นออกมานอกปราสาทไม่ลืมฉกพวกสาวแวมไพร์ที่นอนดีดดิ้นเพราะพลังของผมกับพลังปีศาจของมายด์ออกมาข้างนอกด้วย
พอออกมาข้าง นอกตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว พวกเธอเริ่มอาการดีขึ้น ผมเลยบอกพวกเธอให้อพยพ หนีไปแดนปีศาจ หากยังอยู่ที่นี่พวกดิออเดอร์จะตามฆ่าซะก่อน เพราะยังไงพวกเธอก็ไม่ฆ่าใครอยู่แล้ว เต็มที่ก็แค่จับผู้ชายมาเป็นทาสซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องใส่ใจ พวกเธอขอบคุณผม แล้วรีบเผ่นหายกันไป
ผ่านไปซักพักก็มีสองเงาทะลุออกมาเหนือเพดาน
ตูม ตู้ม แกรกๆ เปรี้ยงงง โคร้มมมม
และแล้วปราสาทหลังเก่าก็ถล่มลงมาอย่างที่ผมว่าไว้
ทั้งคู่ลอยตัวอยู่เหนือพื้น
ร่างของทั้งสองมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ผมเบาใจที่ไม่มีใครเป็นไรมาก
แต่แดมพีร์ดู จะเหนื่อยอ่อนกว่า ขณะที่แวมไพร์สาวดูจะแค่หอบบางๆ เท่านั้น ดูถ้าอีกไม่นานมายด์คงจะเป็นฝ่ายเพี่ยงพร้ำแน่ แล้วก็จริงอย่างที่ผมคาดไว้ แดมพีร์สาวน้อยพลาดถ้าโดนเวทของแวมไพร์เข้าไปเต็มๆ ร่างบางร่วงลงมาผมรีบพุ่งเข้าไปรับ
ฟ้าวว หมับ
อุ้มเธอในท่า อุ้มเจ้าหญิง ดูท่าเธอคงแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เพื่อความไม่ประมาทผมจัดการฉีดสารนาโนชีพสู่ร่างเธอ แล้ววางเธอลงตรงต้นไม้ใกล้ๆ
"หึหึ ดูแล้วคงจะเหลือแต่เจ้า ข้าเองก็ยากดื่มเลือดสดๆ ตรงๆมานานแล้ว" เสียงแวมไพร์สาวกล่าวอย่างได้ใจ พลางสลายดาบในมือ
"โอ้วๆ อย่าเพิ่งดูถูกผมอย่างนั้นสิครับ คิดว่าผมง่ายอย่างงั้นเลยหรอ" ผมตอบกลับท่าสีหน้ากวนๆ
"กรอด.. ข้าจะจัดการเจ้าซะ " เธอว่าอย่างเคืองจัด
"แหมมมๆ ผมกลัวจะตายอยู่แว้ววว อ้าาา อย่าทำพ้มมมเลยยย" ผมยังกวนส้นได้อย่างคงเส้นคงวา
"จะ.. จ เจ้าอย่าอยู่เล้ยยยย"
เปรี้ยงงง
แวมไพร์สาว เดือดจัด เบ่งพลังปีศาจมหาศาล จนผมสีทองเงางามปลิวไสว เสียงวิหกรอบข้างแตกฮือกันไปคนละทิศละทาง พื้นดินรอบตัวเธอแตกระแหงบางๆ
โว้ว อย่างกะซุปเปอร์ไซXา
วี้ดดดดด เพี้ย ตู้มมมม
เธออัดพลังเวทใส่ผม กะให้ผมสลบคาที่แล้วคงจะดูดเลือดให้เกลี้ยง ที่คิดอย่างงั้นเพราะผมเข้าใจว่ามอนสาวจะไม่ฆ่าคน
หารู้ไม่ว่า เธอเป็นสายพันธุ์พิเศษก่อนยุคจอมมารซัคคิวบัส พันธะนี้ใช้กับเธอได้ไม่เต็มที่ แค่ไม่ต้องการฆ่า แต่ใช่ว่าจะฆ่าไม่ได้ แล้วเธอก็ยั้วจัดเสียด้วย ตัวผมเองก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นแทบจะไม่ใช่มนุษยแล้ว ตั้งแต่วันที่ผมโดนฟ้าผ่ากะบาลที่โลกเก่าแล้วฟื้นขึ้นมา ซึ่งกว่าผมจะรู้ ก็อีกนานโข...
กลับมาที่ ปัจจุบัน แวมไพร์สาวยืนนิ่งอึ้ง ตะลึงงัน พลังเมื่อครู่เธอหลุดอารมณ์ไปชั่ววูบเพราะแรงอารมณ์ตัวเอง เธอเองนึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องตายแน่เพราะเธอยั้งแรงไม่ทัน แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับทำให้เธอพูดไม่ออกไปเลย
"จะ จะ เจ้าเป็นตัวอะไรกัน มะมะไม่ใช่ มนุษย์แน่" แวมไพร์สาวกล่าวเสียงสั่น
"แหมเสียมารยาทจังครับ ผมก็เป็นมนุษย์เนี่ยแหละครับ แต่เป็นมนุษย์ที่พิเศษหน่อยเท่านั้นเอง"
พอได้ยินผมพูดคำว่า เสียมารยาทเท่านั้นแหละ แวมไพร์สาวหายสั่นทันที ทำตาดุค้อนขวักผมทันทีทันใด หึหึ แอบน่ารักนะเนี่ยยัยคนนี้
ผมเองพอพิจารณาแล้วเธอคงไม่เสร็จผมเพราะสายฟ้าแบบเดิมๆ ของผมแน่ ต้องใส่พลังต้นตำหรับไปซักเล็กน้อยคิดได้ดังนั้นก็...
เปรี้ยงงงงงงง
สายฟ้าสีม่วงอมทองจากมือผมสู่กลางร่างเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...
อ้าาาาาาาาาายยยยยย แวมไพร์สาวไม่ทันตั้งตัว โดนผมช็อตไฟฟ้าใส่เต็มๆ นัยต์ตาเธอเบิกโพลง เหลือกขึ้นข้างบน ปากบางๆ น้ำลายไหลย้อย โอบกอดตัวเองแน่น กายสั่นสะท้าน น้ำหวานจากกลีบดอกไม้ในกายของเธอพุ่งกระฉุดออกมา พร้อมกับใบหน้าเหยเกด้วยความซีดด
แล้วเธอก็แผ่ หลาสั่นกระตุกอยู่อย่างนั้น ผมได้โอกาสก็ไปหยิบเชือกสำหรับจับแวมไพร์ที่มายด์ให้ผมไว้ก่อนเข้าปราสาท แน่นอนผมมันหื่นตัวพ่อ ถึงจะไม่เคยมีไรกับใครแต่เรื่องอย่างว่าผมศึกษามาอย่างดี ทุกแนวทุกลีลา รวมไปถึงศิลปะการใช้เชือกอย่างช่ำชอง
พี่บายคะ แวมไพร์มีพลังกำลังมาก แถมมีพลังเวทสูงด้วย การจับเป็นทำได้ยาก เราต้องใช้เชือกจับแวมไพร์โดยเฉพาะ ถึงจะเป็นเลือดแท้ แต่ถ้าโดนสยบแล้วถูกจับมัดด้วยเชือกเส้นนี้ พวกเธอก็จะไม่ต่างไปจากมนุษย์หญิงธรรมดาๆ เลยค่ะ
"เห... สภาพดูไม่ได้เลยนะครับ คุณแวมไพร์สาวผู้สูงศักดิ์" ได้ทีผมก็ขี่แพะไล่(นิสัยมัน .. เฮ้อ)
ผมพูดหลังจากมองดูสภาพแวมไพร์สาวคนงามถูกมัดไว้กับต้นไม้อย่างสมบูรณ์แบบ เหอๆๆ ผมนี่มันโรคจิตตัวพ่อจริงๆ
แวมไพร์สาว หลังจากหายอาการไฟฟ้าสถิต เธอก็ลืมตาด้วยความอ่อนล้าหน้าแดงก่ำ หลังจากปรับสายตาได้ก็ก้มหน้าเห็นสภาพตัวเอง สักพักเงยหน้ามามองผม ตาเราจ้องประสานกัน
ตัวเธอเริ่มสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้า
และไม่นานหลังจากนั้น.......
"แง้ๆๆ เจ้าคนบ้านิสัยไม่ดีแกล้งเค้าง่าา แง้....ๆๆ" เธอก็แหกปากร้องไห้เหมือนเด็ก ดีดดิ้นทั้งๆ ถูกมัดติดกับต้นไม้
เอิ่ม...
ผมไปไม่เป็นเลยทีนี้ ทำไงดีล่ะ ถึงจะโรคจิตชอบแกล้งผู้หญิง แต่ผมก็แพ้น้ำตาไม่น้อย โดยเฉพาะน้ำตาที่ไร้การเสแสร้งแกล้งทำอย่างนี้...
"โอ๋ๆ อย่าร้องนะคนดี" ทั้งปลอบ
"นี่เด๋วจับกินเลย" ทั้งขู่
แต่ผลที่ได้
..........
แง้............
เฮ่อชีวิต...
สุดท้ายผมเลยใช้ไม้ตาย
"เน่.. ถ้าเธอเงียบผมจะให้กินเลือดผมนะ"
แวมไพร์สาวนิสัยเหมือนเด็กนิ่งไปอึดใจ สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารแล้วถามผม
"ฮึกๆ จ..จะจริงๆ นะ ตัวจะให้เค้า ฮึกๆ กินเลือดตัวจริงๆนะ "
ได้ผลแหะ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาเธออีกก็เลยตอบเธอไป
"จริงสิ เงียบซะนะ โอ๋ๆ" ผมว่าพลางเอามือลูบหัวเธอ
ฮึกๆ ฟืดดด
เฮ้อ หมดสภาพแวมไพร์สาวเจ้าเสน่ห์จริงๆ แต่ผมก็ชอบแบบนี้มากกว่าแฮะ แบ๊วดี
ตอนนี้ผมเริ่มเช็ดน้ำตาให้เธอ เธอก็เงยหน้าแดงๆ มองผมแล้วพูดว่า
"ไหนอ่ะ"
ผมงง "ไหนอะไร"
"ก็เลือดที่ตัวจะให้เค้ากินอ่ะ"
"จะกินเลยหรอ"
"อื้อ"
เอาก็เอาวะ ผมเลยยื่นแขนไปจ่อใกล้ปากจิ้มลิ้มสีแดงสดของเธอ
เธอทำหน้างงใส่ผมแล้วถาม
"อะไรอ่ะ"
"อ้าวก็เธอจะกินเลือดไม่ใช่หรอ ก็นี่ไง" ผมบอกพร้อมกับหงายมือเพื่อให้เธอดูดเลือดได้สะดวก
"งื้ออ เค้าจะกินเลือดจากคอตัวเท่านั้น" เธอเง้างอดตอบผม
ผมสงสัยที่แขนไม่ได้หรือไง มันก็เลือดเหมือนกัน
"มันก็เลือดเหมือนกัน กินๆ ไปเหอะน่า"
"ม่ายยย " เธอเริ่มแบะปาก เตรียมจะร้องไห้อีกครั้ง ดีที่ผมยั้งทัน
"โอเคๆ คอก็คอ จะดูดคอใช่ไหม"
เธอกระพริบตาปริบๆ ไล่หยาดน้ำตาแล้วพยักหน้างึกๆ
ผมทำหน้าเมื่อย แล้วยื่่นคอไปให้เธอ อืม กลิ่นกายเธอช่างหอมจริงๆ
อ้าาาา งับ ซูดดดดด
ซีดดดดอุยยย มันก็ไม่เหมือนตอนมีอะไรกับใครซะทีเดียวแต่ก็ซีดไม่น้อยไปกว่ากันนัก ผมวิเคราะห์
แต่ก็อย่างว่าขนาดตอนสติพอจะมีผมยังจัดการใส่ไม่ยั้ง ฉะนั้นตอนที่รู้สึกกระสันขนาดนี้ไม่ต้องพูดถึง
ฉึก แคว๊กก
ผมจัดการกระชากเชือก พร้อมกับเสื้อผ้าของเธอ ผิวเธอขาวเป็นยองใย ผมก้มลงแล้ว งับคอเธอคืน
อื้ออ เธอสะดุ้งตกใจนิดหน่อย
ผมรูดซิปกางเกงยีนของผมลง
ผ่างงง
ยุทโธปกรณ์ ของผม เตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจมแบบสายฟ้าแล่บ มือใหญ่ของผมลูบไล้ทั่วกายเธอ แล้วเลื่อนไปส่วนล่าง สัมผัสกลีบดอกไม้งาม เธอเองก็พร้อมเช่นกัน
"อ้าา" เธออ้าปากออกจากลำคอผมทันทันทีที่ผมลองแหย่นิ้วเข้าไปในส่วนลับของเธอ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว...ผมก็แทรกตัวเองเข้าสู่กายเธอ
"กรี๊ดดดดดดดดดด" เธอกรีดร้องสุดเสียง แอ่นตัวด้วยความเจ็บปวดปน...ซ่าน
อื้ม.. สาวบริสุทธิ์อีกหนึ่งนาง ผมงับไปที่เทอร์โบคู่ของเธอ แล้วกระหนั่มแทงเธออย่างไม่ปราณีปราศัย
ซึ่งก็ยาวตลอดทั้งคืน...
...............................................................................