1.ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนในการลดน้ำหนัก โดยอาจจินตนาการว่า คุณต้องการมีรูปร่างอย่างไร และต้องการลดกี่กิโลกรัม ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ อย่าใจร้อนรีบลดจนเกินไป เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกาย และทำให้การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป อุปสรรคสำคัญที่ทำให้การลดน้ำหนักของคุณไม่ได้ผลก็คือ ความรู้สึกท้อแท้เมื่อเห็นน้ำหนักตัวไม่ขยับลงอย่างที่ควรจะเป็น
2.เพิ่มปริมาณน้ำ น้ำช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่แห้งตึง แล้วยังช่วยให้การทำงานของระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญคือ ช่วยให้ทานอาหารได้น้อยลงเพราะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น กระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายด้วย
3.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ทานอาหารให้ครบทุกมื้อ (ย้ำว่าครบทุกมื้อ) ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการทานเกินขนาดในมื้อต่อไป
ทานข้าวกล้อง แทนข้าวสวย
ทานข้าวโอ๊ต แทนซีเรียล
เลือกน้ำสลัดไขมันต่ำ แทนน้ำสลัดธรรมดา
ทิ้งอาหารขยะไป แล้วก็ไม่ต้องไปซื้อมาเก็บไว้อีก
ทานของหวาน ของมัน ของทอด ให้น้อยลง โดยกำหนดว่าจะทานกี่ครั้งต่อสัปดาห์
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
ทานช้า ๆ จะช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้น
ทานมังสวิรัติ 1 วัน/สัปดาห์ มาทานผัก ผลไม้ เพื่อเพิ่มกากใยให้กับร่างกาย
อย่าเอาอะไรเข้าปากหลังสองทุ่ม
4.ทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย และไม่เครียด เนื่องจากมีแนวโน้มว่า คนที่มีความเครียดเป็นประจำ มักจะทานอาหารมากกว่าปกติ และทานจุบจิบบ่อย ๆ
5.ออกกำลังกายเป็นประจำ คุณสามารถออกกำลังกายได้ทั้งในขณะที่ทำงาน หรืออยู่บ้าน เช่น หากคุณนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ก็สามารถขยับต้นคอ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ และลุกขึ้นบิดตัวไปมาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง เพื่อให้เลือดไหลเวียน หรือทำงานบ้านด้วย
หาก คุณทำตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้นได้ น้ำหนักจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพ แต่มันจะไปแตะอยู่ที่สเกล ๆ หนึ่งนานหน่อย ก็อย่าตกใจ ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันจะลดลงมาเอง เริ่มไปทีละอย่างจนคุณติดเป็นนัย เพียงเท่านี้เจ้าน้ำหนักส่วนเกินที่คุณไม่ต้องการก็จะไม่มาเคาะประตูร้องหา คุณอีกต่อไปค่ะ
เครดิต