บล็อคนี้เป็นเเฟนฟิคของวง SUPER JUNIOR นะฮะ>O<!!!
ใครรับไม่ได้ขอความกรุณากดออกเลยนะฮะ^^
ใครที่อาจจะไม่รู้จัก Super Junior หรือคู่ต่างๆที่เอาลง
หวังว่าคนที่ชอบอ่าน YAOI หรือ เเฟนฟิคจะชอบกัน
KANGIN[คังอิน]
JONGSU,LETEUK[จองซู,ลีทึก]
KANGTEUK!!
แกร๊กๆๆๆ
เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังอยู่เป็นระยะในแผนกชั้นที่สิบสามของสำนักพิมพ์ชื่อดัง ร่างโปร่งค่อนข้างไปทางบอบบางนั่งคร่ำเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นิ้วเรียวพิมพ์รัวอยู่บนแป้นพิมพ์อย่างชำนาญ ไม่นานนักก็ชะงักกึกพร้อมกันเสียงเคาะแป้นพิมพ์เลื่อนหายไปกับความมืด ฝ่ามือสวยตบบนโต๊ะทำงานตัวเก่งพร้อมกับกระแทกหลังกับพนักพิงเก้าอี้อย่างหงุดหงิด
“ทื่อเกินไป..” ปากหยักสวยบ่นเสียงเบา
ปาร์ค จองซู หรือ ลีทึก นามปากกาของนักเขียนหนึ่งในคอลัมภ์ฮิตของนิตยาสารชื่อดัง พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน นัยน์ตาคู่สวยมองไปทั่วทั้งแผนกที่ไร้ผู้คนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจคาดเดาได้ ไฟดวงอื่นในแผนกปิดหมดแล้วยกเว้นไฟดวงที่เค้านั่งทำงานอยู่
ครั้งสุดท้ายที่เค้ารู้ตัวก่อนที่จะปิดตัวเองจากโลกภายนอกคือ เพื่อนรักมาแตะไหล่บอกว่าจะกลับก่อน ซึ่งเค้าก็ตอบรับเพียงพยักหน้าเท่านั้น
ความง่วงที่เริ่มแล่นเข้าครอบงำทำให้เค้าตัดสินใจลุกจากเก้าอี้ทำงานที่นั่งติดต่อกันมาร่วมสิบชั่วโมงไปยังแผนกครัวของชั้นที่มีเครื่องดื่มและของรับประทานเล็กๆน้อยๆสำรองไว้อยู่เสมอ ซึ่งเค้าเองก็เข้ามาแผนกนี้แทบจะนับครั้งได้ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เพราะปกติแล้วมักจะไหว้วานให้แม่บ้านหรือเพื่อนร่วมงานเอามาให้ตลอด...แต่เวลานี้ ใครจะอยู่ให้ไหว้วานล่ะ
กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟดำจากถ้วยเซรามิกในมือปลุกให้ร่างโปร่งมีอารมณ์กระปี้กระเปร้าขึ้นอีกครั้ง มือเรียวยกถ้วยกาแฟขึ้นจรดริมฝีปากหวังจะชิมรสชาติขมของกาแฟแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากแผนกตรงข้ามที่มืดสนิทเนื่องจากไม่มีใครทำงานอยู่แล้ว
ชั้นที่สิบสามขึ้นชื่อว่าเป็นมันสมองของบริษัท เนื่องจากเป็นชั้นที่รวบรวมนักเขียนมือดีของบริษัทไว้ ซึ่งแน่นอนว่านักเขียนในคอลัมภ์ฮิตต่างๆก็ย่อมอยู่ในนี้ด้วย แผนกของชั้นนี้แบ่งเป็นสองแผนกใหญ่ๆราวกับจะแยกเหล่านักเขียนที่มีทัศนคติต่างกันไว้เป็นหมวดหมู่ ตัวของเค้าเองก็มีทัศนคติที่แตกต่างจากเหล่านักเขียนแผนกตรงข้ามและมักจะเกิดการต่อต้านซึ่งกันและกันอยู่เสมอ นี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เค้าแทบไม่เคยเข้ามาแผนกเครื่องดื่มซึ่งกั้นอยู่ระหว่างสองแผนกนี้..
เสียงที่แผ่วเบาในตอนแรกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจนเกินกว่าที่เค้าจะคิดไปเองว่าหูแว่ว จองซูค่อยๆหรี่นัยน์ตาสวยลงเพื่อมองทะลุผ่านกระจกใสเล็กของประตูไปในแผนกที่มืดสลัว ...เงาร่างสีดำเคลื่อนตัวในความมืด
เสียงครางแผ่วๆในตอนแรกเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง....เป็นเสียงครางอย่างสุขสม จองซูเบิกตากว้างขึ้น
มั่ว!! แม้แต่ในบริษัทก็ไม่เว้น!!
มือเรียวเคาะประตูสองสามครั้งราวกับต้องการหยุดการกระทำอันน่ารังเกียจของคนด้านในแล้วเดินกลับแผนกอย่างหัวเสีย!
ร่างโปร่งกระแทกตัวลงนั่งกับเก้าอี้ทำงานอีกครั้ง เสียงครางระงมอย่างเปี่ยมสุขนั่นยังคงดังก้องอยู่ในหัว
“สกปรก! ” เสียงสบถดังออกมาจากปากอีกครั้ง
สกปรกที่สุด พวกไร้จิตสำนัก สกปรกเหมือนทัศนคติไม่มีผิด! ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้!!
นัยน์ตาจ้องจอคอมพิวเตอร์ที่ตนพิมพ์งานทิ้งไว้อย่างฉุนเฉียว ก่อนที่นิ้วเรียวจะกด Del งานที่นั่งทำร่วมหลายชั่วโมงทิ้งไป
หงุดหงิด!
นั่งทำต่อไปก็คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ร่างโปร่งปิดคอมพิวเตอร์แล้วคว้ากระเป๋าคู่กายออกแผนกไปทันที
......................................................................................................................................................................
ท่ามกลางความมืดดวงตาคู่คมมองตามร่างโปร่งที่เดินฉุนเฉียวลงลิฟต์ไป นัยน์ตาคมที่แฝงไปด้วยอารมณ์โกรธเพราะค้างคาในตอนแรกฉายแววอารมณ์ดีขึ้น
ดูท่านักเขียนคนเก่งของแผนกหัวอนุรักษ์คงอารมณ์เสียไม่เบา หลังจากที่มาขัดขวางเค้าให้อารมณ์ค้างแล้ว....หึ...คงไม่รู้ตัวสินะ
ว่าตัวเองอารมณ์เสียเพราะอะไร....คนหัวดื้อแบบนั้น
ไม่มีทางยอมรับหรอกว่าตัวเอง....ก็อารมณ์ค้างอยู่....
เห็นที...ต้องช่วยให้คนหัวแข็งหาย ‘อารมณ์เสีย’ ซะแล้ว^^
......................................................................................................................
แสงแดดที่ส่องผ่านลอดม่านสีขาวสะอาดตาปลุกให้ร่างโปร่งตื่นขึ้นจากนิทราอีกครั้ง ปลายนิ้วเรียวขยี้ดวงตาคู่สวยอย่างงัวเงีย
เวลาในตอนนี้ไม่ได้สายอะไรมากมาย แต่ห้องของจองซูก็สว่างโร่จนไม่อาจปิดตาหลับตาได้ เนื่องจากทั้งวอลเปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง หรือแม้แต่ประตูห้อง ล้วนแต่เป็นสีขาวสว่างโทนเดียวกันทั้งนั้น มองเพลินๆก็ติ๊งต่างว่าที่นี่เป็นสรวงสวรรค์ได้ไม่ยาก...ถ้าไม่ติดที่มีซากบ้างอย่างนอนตายอยู่ข้างเตียงเค้าน่ะนะ!
“ฮีชอล ลุกขึ้นมา..” จองซูพูดเสียงหน่าย ก่อนใช้ฝ่าเท้าสะกิดที่ก้นงามงอนของคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จนต้องออกแรงเพิ่มน้ำหนักที่ฝ่าเท้าอีกครั้ง จนคนนอนคว่ำเริ่มขยับตัว
คนขี้เซาค่อยๆลุกขึ้นอย่างงัวเงีย มือเรียวยาวขยี้ทรงผมที่เจ้าตัวแสนจะภาคภูมิใจจนฟูฟ่อง ดวงตาค่อยๆเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้าด้วยเพราะแสงที่ส่องมากระทบหน้าขาวสวย ปากเรียวสีสวยอ้าหาวน้อยๆ ส่งผลให้คนตรงหน้าดูสวยสะกดสายตาราวกับราชินีตื่นจากนิทราก็ไม่ปาน ถ้าไม่โฟกัสลงมาที่แผกอกขาวที่ประดับไปด้วยรอยลิปสติกน่ะนะ
ให้ตายเถอะ...หมดมู้ดชะมัด!!
“ไปฟัดกับสาวร้อนแรงที่ไหนมาอีกล่ะ ถึงขนาดลืมทางกลับห้องเลยรึไง” จองซูประชดเพื่อนรัก มือสองข้างเท้าเอวมองอย่างปลงๆ
“แหะๆ โหยยย ไอ้ทึกกี้เพื่อนรัก ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆว่ะ ยัยนั้นดูดฉันจนจะช้ำไปทั้งตัวแล้ว...” ฮีชอลพูดเสียงอ่อย ส่งยิ้มแห้งไปให้เพื่อนรักอย่างน่าสงสาร
“แกเลยหนีมาห้องฉันงั้นเหรอ ห้องแกทำไมไม่ไปวะ”
“ก็อยู่นี่มันชวนปลอดภัยนี่หว่า อยู่กับแกแล้วไม่มีใครกล้ามายุ่งแน่ บารมีนักพรตเคร่งพรหมจรรย์ของแกมันขลัง ฮ่าๆๆ” ฮีชอลหัวเราะก๊ากเมื่อพูดถึงฉายาของเพื่อนรักที่เป็นที่รู้จักกันทั่วแผนก พร้อมหลบหมอนหนานุ่มที่เพื่อนรักขว้างมาบรรณาการถึงใบหน้าสวย
“ให้ตายเถอะ คราวหน้าคราวหลังจะหิ้วจะฟันกับใครก็ดูตาม้าตาเรือหน่อยเถอะ มันอันตราย”
“อันตรายก็มาหมกขุมนางฟ้าของแกไง” ฮีชอลยิ้มกว้าง พูดถึงชื่อห้องของจองซูที่ตนตั้งชื่อให้อย่างหมั่นไส้
“อย่ามายุ่งห้องฉัน” จองซูพูดเสียงเย็น ก่อนจะหลุบหายเข้าในห้องน้ำไป
“เออๆๆ หวงเข้าไป ถึงเวลาถ้าฉันจะมา แกก็ห้ามไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ^^”
...............................................................................................
“ วันนี้แกจะเข้าบริษัทอีกเหรอ ต้นฉบับยังไม่เสร็จรึไง ” ฮีชอลถามในขณะที่ยังเคี้ยวขนมปังอยู่เต็มปาก
“ อืม งานยังไม่เสร็จฉันต้องพิมพ์ใหม่หมดเลย” จองซูตอบอย่างหัวเสีย
“ อ้าว มันเยอะรึไงวะแกนั่งรากงอกทำตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะเว๊ย ทำไมยังไม่เสร็จวะ ”
“ อารมณ์เสียว่ะ มันไม่ได้ดั่งใจด้วย เลยลบทิ้ง วันนี้กะจะไปลุยใหม่ ”
“ โฮ อะไรทำให้แกอารมณ์เสียถึงขนาดลบงานทิ้งเลยวะ อยากรู้ว่ะ” ฮีชอลถามอย่างใคร่รู้ เค้ารู้นิสัยจองซูดี เพื่อนเค้าเป็นประเภทที่ยอมหักไม่ยอมงอ แล้วยิ่งเวลาเจอเรื่องชวนอารมณ์เสียมากๆล่ะก็ แม้งานผิดพลาดเพียงนิด จองซูก็สามารถลบทิ้งได้อย่างไม่ลังเลเลยทีเดียว
“ ก็ไอ้แผนกบ้านั่นน่ะสิน่ะสิ! ” จองซูพูดเสียงดังอย่างหัวเสีย
“ แผนกตรงข้ามเหรอ...ทำไมอีกล่ะ ” ฮีชอลกอดอกมองจองซูที่หัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะเรื่องของแผนกตรงข้ามอีกตามเคย ถึงแม้ว่าเค้าจะอยู่แผนกเดียวกับจองซูแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะปิดกั้นโลกของตัวเองให้อยู่แค่ด้านเดียวเหมือนจองซูซะหน่อย เพราะถ้าดูตามความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีตัวตั้งตัวตีเขม่นกันแค่ไม่กี่คน ส่วนที่เหลือก็เป็นมิตรกันแทบทั้งนั้น
“ ทำไมน่ะเหรอ ก็เหมือนเดิมน่ะสิ พวกแอบอ้างว่าตัวเองเปิดรับโลกภายนอกแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่มองถึงความเหมาะสม ที่แท้ก็แค่ข้ออ้าง ถึงมั่วเซ็กซ์ได้แม้ที่ที่ทำงาน!! ” จองซูกระแทกตัวลงเก้าอี้เมื่อพูดจบอย่างมีอารมณ์
“ มั่วเซ็กซ์? ที่ทำงาน? ” ฮีชอลทวนอย่างฉงนก่อนจะหัวเราะออกมาจนจองซูส่งตาเขียวปั๊ดไปให้
“ แกหัวเราะอะไร! ”
“ ฮ่ะๆๆ แสดงว่าแกไปเจอคนแผนกนั้นเค้าปั่มปั๊มกันมาใช่ไหมล่ะ^^”
“ คิมฮีชอล! ” จองซูเรียกชื่อเพื่อนเต็มยศ
“ ฮ่าๆๆ นี่ฟังนะ ปาร์คจองซู ” ฮีชอลพยายามหยุดหัวเราะก่อนจะหันไปเรียกชื่อจริงของเพื่อนเต็มยศเช่นกัน แววตาเหมือนจะจริงจังขึ้นมามากกว่าปกตินิดหน่อย...ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นล่ะ
“ เรื่องเซ็กซ์น่ะ มันเป็นเรื่องปกติของสัตว์โลกหรอกนะ การที่บางทีอาจล้ำเส้นความเหมาะสมบ้าง.....มันก็เพื่อความเร้าใจเข้าใจไหม ” จองซูทำท่าเหมือนจะเถียงแต่เพื่อนรักก็กดไหล่ให้นั่งลงที่เดิม
“ มันอาจจะไม่ถูกต้องสำหรับแก แต่แกคิดดูให้ดีๆสิ คนพวกนั้นต่างก็มีวุฒิภาวะโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ถึงจะผิด
สถานที่ไปบ้าง....แต่มันก็ยังดีกว่าพวกวัยรุ่นใจแตกที่จะมั่วเซ็กซ์กันโดยไม่คำนึงถึงวัยไม่ใช่เหรอ”
“.....”
“ ฟังฉันนะจองซู เวลาคนเราเกิดความต้องการ การปลดปล่อยไม่ใช่เรื่องน่าอาย....แกเคยไหมสักครั้งที่แกรู้สึกอยากสัมผัสใครสักคน อยากฟังเสียงเวลาที่เค้าร้องครางอย่างสุขสม เมื่อไหร่ที่แกรู้สึกอย่างนั้น...แกจะเข้าใจเองเพื่อน^^ ”
ฮีชอลพูดจบพร้อมเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีอีกทั้งยังไม่ลืมฉวยโอกาสหยิบขนมปังส่วนของจองซูซึ่งตอนนี้ยังคงนั่งจมอยู่กับความคิดของตนเองออกไปด้วย
เสียงร้องครางของคนสองคนสอดประสานเข้ามาในหัวของจองซูอีกครั้ง .... จนเจ้าตัวต้องสะบัดหัวไล่ออกไป
...เรื่องพันธุ์นี้...มันจะละเอียดอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ!!
......................................................................................................................
เสียงถอนหายใจเฮือกของร่างโปร่งดังขึ้นอีกครั้ง นิ้วเรียวเขี่ยปัดปากกากลิ้งไปมาอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างกลัดกลุ้ม ตั้งแต่เช้ามาแล้ว ต้นฉบับของเค้าก็ยังไปไม่ถึงไหน จากที่อารมณ์ร้อนในตอนแรกเริ่มเข้าสู่โหมดปลงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรดีขึ้น นัยน์ตาสวยมองไปยังโต๊ะทำงานข้างๆที่ไร้แม้เงาของเจ้าของ
สบายจริงนะฮีชอล....ปานนี้คงไปลั้ลลาอยู่ไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้
ฮีชอลเคลียร์ต้นฉบับส่วนของตัวเองในเดือนนี้เสร็จหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวานจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าบริษัทอีก ... เหลือแต่เค้า ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของหลายๆด้านนอกจากจะเขียนคอลัมภ์เพียงอย่างเดียว งานจึงล่าช้าเป็นธรรมดา....ก็ถ้าเมื่อวานเค้าไม่อารมณ์เสียซะก่อน
วันนี้เค้าคงไม่มานั่งถอนหายใจอยู่บนโต๊ะทำงานแบบนี้
ยังไงซะวันนี้เค้าจะพยายามไม่ให้อะไรมากวนใจได้ละกัน ไม่งั้นคงได้องค์ลงลบงานไปอีกรอบ...เข็ดแล้วจริงๆ
แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลย-__-
...............................................................................
ซ่าๆๆ
จองซูหอบหายใจเล็กน้อย สบสายตาตัวเองในกระจก คนตรงหน้าก็มีอาการหอบฮักเช่นกัน ใบหน้าขาวเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำที่เจ้าตัววักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ทั้งยังเผื่อแผ่ไปยังเส้นผมที่ระลงเกะกะและเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่สวมใส่อยู่จนเปียกแนบไปกับลำตัว
พลันร่างหนาของใครบางคนก็ปรากฏสู่สายตา จองซูรีบหันหลังไปเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญทันที แววตาของจองซูแข็งกร้าว สบสายตาคมอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
ทำไมต้องให้คนตรงหน้ามาเห็นตัวเองในสภาพหน้าอายแบบนี้ด้วย!
“ คุณจองซูนี่เอง วันนี้ก็มาทำงานอยู่อีกเหรอครับ ” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยทักทาย ราวกับว่าไม่สนใจในท่าทีของจองซู
“ ก็งานผมยังไม่เสร็จ ว่าแต่คุณเถอะครับ ที่ยังมาทำงานอยู่เพราะงานยังไม่เสร็จเหมือนกันเหรอครับ ” จองซูพยายามตอบอย่างมีมารยาท แม้ไม่อยากเจอคนตรงหน้ามากที่สุดก็ตาม
ก็เจ้าบ้านี่ไงเล่า ที่มักจะโจมตีรูปแบบการทำงานของเค้าอยู่เสมอ และเค้าก็เกลียดความคิดความอ่านของหมอนี่เช่นกัน!!
“ อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมแค่มาส่งต้นฉบับ ” ร่างสูงยกซองเอกสารสีน้ำตาลให้เห็น พร้อมกดยิ้มตามแบบฉบับ
“ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีว่าต้องไปทำธุระต่อ หวังว่าคุณคงเขียนคอลัมภ์ร้อนของคุณเสร็จไวๆนะฮะ...จะได้มีแรงมาโจมตีผมต่อ^^ ” โน้มตัวเข้าใกล้พูดเสียงกระซิบให้ประโยคหลังก่อนจะเดินออกห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี
“ ไอ้บ้า ” จองซูกัดฟันกรอด บริภาสถึงคนที่เพิ่งเดินจากไป
ไม่เอาน่าจองซู อย่าอารมณ์เสีย วันนี้แกห้ามอารมณ์เสีย...
จองซูพยายามสะกดจิตตัวเองหันไปทำธุระส่วนตัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
เมื่อร่างโปร่งปลดปล่อยความอึดอัดที่อั้นมาเกือบชั่วโมงแล้ว สมองเริ่มปลอดโปร่งอีกครั้ง และเสียงหอบครางนั่นก็ย้อนกลับมาด้วย!
เสียงแผ่วเบานั้นดังขึ้นเรื่อยๆราวกับย้อนกลับไปในเหตุการณ์เมื่อคืน มือของจองซูเริ่มสั่น ความรู้สึกอึดอัดที่ช่วงล่างเริ่มก่อตัว ต่างจากความอึดอัดที่กลั้นปัสสาวะ...มันเป็นความอึดอัดที่ต่างกัน และหัวใจมันก็ไม่ได้เต้นเร็วแบบนี้!
มือเรียวที่สั่นอยู่กอบกุมส่วนที่เริ่มแข็งขืนของตนไว้ ในเวลานี่ตาของจองซูพร่าเลือน ในหัวมีแต่เสียงหอบหายใจเป็นจังหวะ และเสียงครางกระสันดังก้องเต็มไปหมด ขาเรียวเริ่มอ่อนแรงราวกับจะทรุดตัวลงกับพื้นเสียให้ได้ ถ้าไม่ติดที่มีแขนแกร่งมารั้งร่างไว้เสียก่อน
จองซูไม่อาจรับรู้ได้ว่าคนที่ประคองตนจากด้านหลังเป็นใคร แต่สัมผัสได้ถึงฝ่ามือแกร่งที่ค่อยๆสอดแทรกกอบกำเเก่นกลางที่เเข็งขืนแทนมือของตนมือหนากดแตะตรงส่วนไวต่อสัมผัสอย่างรู้ใจ จองซูพยายามระงับเสียงครางในลำคออย่างยากเย็น
“ อย่าเก็บเสียงไว้เลยคุณจองซู.. ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบอยู่ข้างหู สัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดต้นคอ ยิ่งปลุกให้ร่างกายของจองซูร้อนขึ้นอีกมือเรียววางบนแขนแกร่งแล้วขย้ำแขนเสื้อของร่างสูงจนยับย่น
จองซูหอบหายใจหนัก เสียงที่กระซิบข้างหูทำเอานึกถึงนัยน์ตาคู่คมที่ตนรู้สึกคุ้นเคย แต่ก็ไม่สามารถจะดึงสติได้ว่าใครเป็นเจ้าของดวงตาคู่นั้นดวงตาคมในมโนภาพเริ่มชัดเจนขึ้นอีก มันจ้องมองเค้าราวกับจะแผดเผาให้เค้าไหม้เป็นจุล เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่จุดความร้อนในร่างกายเค้าให้ระเบิดออกมา
เเกนกายอุ่นร้อนเริ่มเเผลงฤษธิ์ ส่วนปลายยอดปริ่มน้ำราวกับจะปลดปล่อยออกมาได้ทุกเมื่อ
ฝ่ามือหนาที่ขยับขึ้นลงตามความยาวของท่อนเนื้อนำพาเอาจองซูแทบคลั่ง เสียงทุ้มปนหวานหลุดรอดออกมาจากลำคอสวยปลุกอารมณ์คนฟังได้ดีทีเดียว ร่างหนาก้มมองคนที่อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ลงน้ำหนักกดที่ส่วนหัวยิ่งขึ้นเพื่อเรียกเสียงครางออกครั้ง ซึ่งก็เป็นไปตามคาด
“ กำลังเสียวได้ที่ใช่ไหมล่ะครับคุณจองซู ” ริมฝีปากร้อนซุกไซร้ไปตามคอระหง “ แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ ” มือแกร่งปล่อยมือจากท่อนเนื้อสวยราวกับต้องการฉุดกระชากให้ร่างโปร่งหลุดออกจากฝั่งฝันอย่างจงใจ ทำเอาคนตรงหน้าแทบจะตายเสียให้ได้
“ หึ รู้แล้วใช่ไหมครับ ความรู้สึก...ของคนที่โดนขัดจังหวะน่ะ ” สิ้นเสียงจองซูก็ผลักอกแกร่งออกทันที ร่างโปร่งหายใจหอบฮักแววตาฉายแววโกรธจนถึงขีดสุดเมื่อดึงสติกลับมาได้ แล้วเดินหนีออกไป
นัยน์ตาคมมองตามร่างโปร่งที่เดินพลุนพลั้นออกไป ก่อนจะยกมือแกร่งที่เปียกชุ่มไปด้วยคราบขุ่นขาวขึ้นมา ลิ้นสากตวัดคราบนั้นเข้าปากราวกับจะลิ้มลองรสชาติของเหลวอุ่นร้อนอย่างกระหาย
“ ทิฐิเยอะเหลือเกินนะจองซู แต่ว่า.....ผมคงปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกนะ ” ปากหยักกดยิ้มอีกครั้ง
“ เพราะผม....ชักจะถูกใจคุณซะแล้วสิ ”
...................................................................................................................................
ร่างโปร่งพิงตัวกับผนังเพื่อหยุดพัก อกบางกระเพื่อมตามจังหวะที่หอบหายใจ พยายามจะพยุงให้ตัวเองเดิน แต่ก็ชนเข้ากับแม่บ้านที่เดินสวนออกมาจากแผนกอย่างจัง ถาดแก้วกาแฟร่วงสู่พื้น กาแฟร้อนคว่ำราดลงบนหน้าแข้งเรียว แก้วเซรามิกหล่นกระแทกซ้ำลงไปตรงตำแหน่งเดียวกันก่อนจะตกแตกกระจายกับพื้น
เพล้ง!!!
“ ตายแล้วคุณอีทึก! ”