@149633

SF KANGTEUK [HOT ISSUE]I

tatsuke555 View 1007

บล็อคนี้เป็นเเฟนฟิคของวง SUPER JUNIOR นะฮะ>O<!!!

เเน่นอนว่า YAOI =..= หุๆ

คู่หลักๆก็คือ WONHYUK

                KYUMIN

                KIHAE

                KANGTEUK

                HANCHUL

                YERYEO

ใครรับไม่ได้ขอความกรุณากดออกเลยนะฮะ^^

เเค่เอาลงไว้ไม่ได้ต้องการการตอบรับจากผู้อ่านเเต่ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม ช่วยเตือนด้วยนะฮะ>O<!!!



ใครที่อาจจะไม่รู้จัก Super Junior หรือคู่ต่างๆที่เอาลง

ป๋มจะลงรูปตัวละครไว้นะฮะ^^

หวังว่าคนที่ชอบอ่าน YAOI หรือ เเฟนฟิคจะชอบกัน


                  KANGIN[คังอิน]


                     JONGSU,LETEUK[จองซู,ลีทึก]


                               KANGTEUK!!


Hot Issue

   แกร๊กๆๆๆ

    เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังอยู่เป็นระยะในแผนกชั้นที่สิบสามของสำนักพิมพ์ชื่อดัง ร่างโปร่งค่อนข้างไปทางบอบบางนั่งคร่ำเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นิ้วเรียวพิมพ์รัวอยู่บนแป้นพิมพ์อย่างชำนาญ ไม่นานนักก็ชะงักกึกพร้อมกันเสียงเคาะแป้นพิมพ์เลื่อนหายไปกับความมืด  ฝ่ามือสวยตบบนโต๊ะทำงานตัวเก่งพร้อมกับกระแทกหลังกับพนักพิงเก้าอี้อย่างหงุดหงิด

  “ทื่อเกินไป..” ปากหยักสวยบ่นเสียงเบา

   ปาร์ค จองซู หรือ ลีทึก นามปากกาของนักเขียนหนึ่งในคอลัมภ์ฮิตของนิตยาสารชื่อดัง พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน นัยน์ตาคู่สวยมองไปทั่วทั้งแผนกที่ไร้ผู้คนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจคาดเดาได้  ไฟดวงอื่นในแผนกปิดหมดแล้วยกเว้นไฟดวงที่เค้านั่งทำงานอยู่

ครั้งสุดท้ายที่เค้ารู้ตัวก่อนที่จะปิดตัวเองจากโลกภายนอกคือ เพื่อนรักมาแตะไหล่บอกว่าจะกลับก่อน ซึ่งเค้าก็ตอบรับเพียงพยักหน้าเท่านั้น

      ความง่วงที่เริ่มแล่นเข้าครอบงำทำให้เค้าตัดสินใจลุกจากเก้าอี้ทำงานที่นั่งติดต่อกันมาร่วมสิบชั่วโมงไปยังแผนกครัวของชั้นที่มีเครื่องดื่มและของรับประทานเล็กๆน้อยๆสำรองไว้อยู่เสมอ  ซึ่งเค้าเองก็เข้ามาแผนกนี้แทบจะนับครั้งได้ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เพราะปกติแล้วมักจะไหว้วานให้แม่บ้านหรือเพื่อนร่วมงานเอามาให้ตลอด...แต่เวลานี้ ใครจะอยู่ให้ไหว้วานล่ะ

      กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟดำจากถ้วยเซรามิกในมือปลุกให้ร่างโปร่งมีอารมณ์กระปี้กระเปร้าขึ้นอีกครั้ง  มือเรียวยกถ้วยกาแฟขึ้นจรดริมฝีปากหวังจะชิมรสชาติขมของกาแฟแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากแผนกตรงข้ามที่มืดสนิทเนื่องจากไม่มีใครทำงานอยู่แล้ว

      ชั้นที่สิบสามขึ้นชื่อว่าเป็นมันสมองของบริษัท เนื่องจากเป็นชั้นที่รวบรวมนักเขียนมือดีของบริษัทไว้ ซึ่งแน่นอนว่านักเขียนในคอลัมภ์ฮิตต่างๆก็ย่อมอยู่ในนี้ด้วย แผนกของชั้นนี้แบ่งเป็นสองแผนกใหญ่ๆราวกับจะแยกเหล่านักเขียนที่มีทัศนคติต่างกันไว้เป็นหมวดหมู่  ตัวของเค้าเองก็มีทัศนคติที่แตกต่างจากเหล่านักเขียนแผนกตรงข้ามและมักจะเกิดการต่อต้านซึ่งกันและกันอยู่เสมอ นี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เค้าแทบไม่เคยเข้ามาแผนกเครื่องดื่มซึ่งกั้นอยู่ระหว่างสองแผนกนี้..

      เสียงที่แผ่วเบาในตอนแรกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจนเกินกว่าที่เค้าจะคิดไปเองว่าหูแว่ว จองซูค่อยๆหรี่นัยน์ตาสวยลงเพื่อมองทะลุผ่านกระจกใสเล็กของประตูไปในแผนกที่มืดสลัว ...เงาร่างสีดำเคลื่อนตัวในความมืด

       เสียงครางแผ่วๆในตอนแรกเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง....เป็นเสียงครางอย่างสุขสม  จองซูเบิกตากว้างขึ้น

      มั่ว!! แม้แต่ในบริษัทก็ไม่เว้น!!

 

        มือเรียวเคาะประตูสองสามครั้งราวกับต้องการหยุดการกระทำอันน่ารังเกียจของคนด้านในแล้วเดินกลับแผนกอย่างหัวเสีย!

      ร่างโปร่งกระแทกตัวลงนั่งกับเก้าอี้ทำงานอีกครั้ง  เสียงครางระงมอย่างเปี่ยมสุขนั่นยังคงดังก้องอยู่ในหัว

       “สกปรก! ” เสียงสบถดังออกมาจากปากอีกครั้ง

        สกปรกที่สุด พวกไร้จิตสำนัก สกปรกเหมือนทัศนคติไม่มีผิด! ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้!!

         นัยน์ตาจ้องจอคอมพิวเตอร์ที่ตนพิมพ์งานทิ้งไว้อย่างฉุนเฉียว ก่อนที่นิ้วเรียวจะกด Del งานที่นั่งทำร่วมหลายชั่วโมงทิ้งไป

  หงุดหงิด!

 นั่งทำต่อไปก็คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ร่างโปร่งปิดคอมพิวเตอร์แล้วคว้ากระเป๋าคู่กายออกแผนกไปทันที

......................................................................................................................................................................

 

   ท่ามกลางความมืดดวงตาคู่คมมองตามร่างโปร่งที่เดินฉุนเฉียวลงลิฟต์ไป  นัยน์ตาคมที่แฝงไปด้วยอารมณ์โกรธเพราะค้างคาในตอนแรกฉายแววอารมณ์ดีขึ้น

  ดูท่านักเขียนคนเก่งของแผนกหัวอนุรักษ์คงอารมณ์เสียไม่เบา หลังจากที่มาขัดขวางเค้าให้อารมณ์ค้างแล้ว....หึ...คงไม่รู้ตัวสินะ

    ว่าตัวเองอารมณ์เสียเพราะอะไร....คนหัวดื้อแบบนั้น

 

   ไม่มีทางยอมรับหรอกว่าตัวเอง....ก็อารมณ์ค้างอยู่....

    เห็นที...ต้องช่วยให้คนหัวแข็งหาย อารมณ์เสียซะแล้ว^^

......................................................................................................................

 

 

     แสงแดดที่ส่องผ่านลอดม่านสีขาวสะอาดตาปลุกให้ร่างโปร่งตื่นขึ้นจากนิทราอีกครั้ง  ปลายนิ้วเรียวขยี้ดวงตาคู่สวยอย่างงัวเงีย

       เวลาในตอนนี้ไม่ได้สายอะไรมากมาย แต่ห้องของจองซูก็สว่างโร่จนไม่อาจปิดตาหลับตาได้ เนื่องจากทั้งวอลเปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง หรือแม้แต่ประตูห้อง ล้วนแต่เป็นสีขาวสว่างโทนเดียวกันทั้งนั้น มองเพลินๆก็ติ๊งต่างว่าที่นี่เป็นสรวงสวรรค์ได้ไม่ยาก...ถ้าไม่ติดที่มีซากบ้างอย่างนอนตายอยู่ข้างเตียงเค้าน่ะนะ!

     “ฮีชอล  ลุกขึ้นมา..”  จองซูพูดเสียงหน่าย ก่อนใช้ฝ่าเท้าสะกิดที่ก้นงามงอนของคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จนต้องออกแรงเพิ่มน้ำหนักที่ฝ่าเท้าอีกครั้ง จนคนนอนคว่ำเริ่มขยับตัว

       คนขี้เซาค่อยๆลุกขึ้นอย่างงัวเงีย มือเรียวยาวขยี้ทรงผมที่เจ้าตัวแสนจะภาคภูมิใจจนฟูฟ่อง ดวงตาค่อยๆเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้าด้วยเพราะแสงที่ส่องมากระทบหน้าขาวสวย ปากเรียวสีสวยอ้าหาวน้อยๆ ส่งผลให้คนตรงหน้าดูสวยสะกดสายตาราวกับราชินีตื่นจากนิทราก็ไม่ปาน ถ้าไม่โฟกัสลงมาที่แผกอกขาวที่ประดับไปด้วยรอยลิปสติกน่ะนะ

       ให้ตายเถอะ...หมดมู้ดชะมัด!!

       “ไปฟัดกับสาวร้อนแรงที่ไหนมาอีกล่ะ ถึงขนาดลืมทางกลับห้องเลยรึไง” จองซูประชดเพื่อนรัก มือสองข้างเท้าเอวมองอย่างปลงๆ

 

      “แหะๆ โหยยย ไอ้ทึกกี้เพื่อนรัก ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆว่ะ ยัยนั้นดูดฉันจนจะช้ำไปทั้งตัวแล้ว...” ฮีชอลพูดเสียงอ่อย ส่งยิ้มแห้งไปให้เพื่อนรักอย่างน่าสงสาร

 

     “แกเลยหนีมาห้องฉันงั้นเหรอ ห้องแกทำไมไม่ไปวะ”

 

     “ก็อยู่นี่มันชวนปลอดภัยนี่หว่า อยู่กับแกแล้วไม่มีใครกล้ามายุ่งแน่  บารมีนักพรตเคร่งพรหมจรรย์ของแกมันขลัง ฮ่าๆๆ” ฮีชอลหัวเราะก๊ากเมื่อพูดถึงฉายาของเพื่อนรักที่เป็นที่รู้จักกันทั่วแผนก  พร้อมหลบหมอนหนานุ่มที่เพื่อนรักขว้างมาบรรณาการถึงใบหน้าสวย

 

      “ให้ตายเถอะ คราวหน้าคราวหลังจะหิ้วจะฟันกับใครก็ดูตาม้าตาเรือหน่อยเถอะ มันอันตราย”

 

      “อันตรายก็มาหมกขุมนางฟ้าของแกไง” ฮีชอลยิ้มกว้าง พูดถึงชื่อห้องของจองซูที่ตนตั้งชื่อให้อย่างหมั่นไส้

 

       “อย่ามายุ่งห้องฉัน” จองซูพูดเสียงเย็น ก่อนจะหลุบหายเข้าในห้องน้ำไป

 

         “เออๆๆ หวงเข้าไป ถึงเวลาถ้าฉันจะมา แกก็ห้ามไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ^^

...............................................................................................

 

   “ วันนี้แกจะเข้าบริษัทอีกเหรอ ต้นฉบับยังไม่เสร็จรึไง ” ฮีชอลถามในขณะที่ยังเคี้ยวขนมปังอยู่เต็มปาก

 

   “ อืม งานยังไม่เสร็จฉันต้องพิมพ์ใหม่หมดเลย” จองซูตอบอย่างหัวเสีย

 

   “ อ้าว มันเยอะรึไงวะแกนั่งรากงอกทำตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะเว๊ย ทำไมยังไม่เสร็จวะ ”

 

   “ อารมณ์เสียว่ะ มันไม่ได้ดั่งใจด้วย เลยลบทิ้ง วันนี้กะจะไปลุยใหม่ ”

 

     “ โฮ อะไรทำให้แกอารมณ์เสียถึงขนาดลบงานทิ้งเลยวะ อยากรู้ว่ะ” ฮีชอลถามอย่างใคร่รู้ เค้ารู้นิสัยจองซูดี เพื่อนเค้าเป็นประเภทที่ยอมหักไม่ยอมงอ แล้วยิ่งเวลาเจอเรื่องชวนอารมณ์เสียมากๆล่ะก็ แม้งานผิดพลาดเพียงนิด จองซูก็สามารถลบทิ้งได้อย่างไม่ลังเลเลยทีเดียว

 

   “ ก็ไอ้แผนกบ้านั่นน่ะสิน่ะสิ! ” จองซูพูดเสียงดังอย่างหัวเสีย

 

   “ แผนกตรงข้ามเหรอ...ทำไมอีกล่ะ ” ฮีชอลกอดอกมองจองซูที่หัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะเรื่องของแผนกตรงข้ามอีกตามเคย  ถึงแม้ว่าเค้าจะอยู่แผนกเดียวกับจองซูแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะปิดกั้นโลกของตัวเองให้อยู่แค่ด้านเดียวเหมือนจองซูซะหน่อย เพราะถ้าดูตามความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีตัวตั้งตัวตีเขม่นกันแค่ไม่กี่คน ส่วนที่เหลือก็เป็นมิตรกันแทบทั้งนั้น

 “ ทำไมน่ะเหรอ ก็เหมือนเดิมน่ะสิ พวกแอบอ้างว่าตัวเองเปิดรับโลกภายนอกแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่มองถึงความเหมาะสม ที่แท้ก็แค่ข้ออ้าง ถึงมั่วเซ็กซ์ได้แม้ที่ที่ทำงาน!! ” จองซูกระแทกตัวลงเก้าอี้เมื่อพูดจบอย่างมีอารมณ์

 

  “ มั่วเซ็กซ์? ที่ทำงาน? ” ฮีชอลทวนอย่างฉงนก่อนจะหัวเราะออกมาจนจองซูส่งตาเขียวปั๊ดไปให้

 

   “ แกหัวเราะอะไร!

   “ ฮ่ะๆๆ แสดงว่าแกไปเจอคนแผนกนั้นเค้าปั่มปั๊มกันมาใช่ไหมล่ะ^^

 

   “ คิมฮีชอล! ” จองซูเรียกชื่อเพื่อนเต็มยศ

 

   “ ฮ่าๆๆ นี่ฟังนะ ปาร์คจองซู ” ฮีชอลพยายามหยุดหัวเราะก่อนจะหันไปเรียกชื่อจริงของเพื่อนเต็มยศเช่นกัน แววตาเหมือนจะจริงจังขึ้นมามากกว่าปกตินิดหน่อย...ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นล่ะ

 

   “ เรื่องเซ็กซ์น่ะ มันเป็นเรื่องปกติของสัตว์โลกหรอกนะ การที่บางทีอาจล้ำเส้นความเหมาะสมบ้าง.....มันก็เพื่อความเร้าใจเข้าใจไหม ” จองซูทำท่าเหมือนจะเถียงแต่เพื่อนรักก็กดไหล่ให้นั่งลงที่เดิม

“ มันอาจจะไม่ถูกต้องสำหรับแก แต่แกคิดดูให้ดีๆสิ คนพวกนั้นต่างก็มีวุฒิภาวะโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ถึงจะผิด

สถานที่ไปบ้าง....แต่มันก็ยังดีกว่าพวกวัยรุ่นใจแตกที่จะมั่วเซ็กซ์กันโดยไม่คำนึงถึงวัยไม่ใช่เหรอ”

 

   “.....”

 

   “ ฟังฉันนะจองซู เวลาคนเราเกิดความต้องการ การปลดปล่อยไม่ใช่เรื่องน่าอาย....แกเคยไหมสักครั้งที่แกรู้สึกอยากสัมผัสใครสักคน อยากฟังเสียงเวลาที่เค้าร้องครางอย่างสุขสม  เมื่อไหร่ที่แกรู้สึกอย่างนั้น...แกจะเข้าใจเองเพื่อน^^

 

   ฮีชอลพูดจบพร้อมเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีอีกทั้งยังไม่ลืมฉวยโอกาสหยิบขนมปังส่วนของจองซูซึ่งตอนนี้ยังคงนั่งจมอยู่กับความคิดของตนเองออกไปด้วย

  เสียงร้องครางของคนสองคนสอดประสานเข้ามาในหัวของจองซูอีกครั้ง .... จนเจ้าตัวต้องสะบัดหัวไล่ออกไป

  ...เรื่องพันธุ์นี้...มันจะละเอียดอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ!!

 

......................................................................................................................

 

 เสียงถอนหายใจเฮือกของร่างโปร่งดังขึ้นอีกครั้ง นิ้วเรียวเขี่ยปัดปากกากลิ้งไปมาอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างกลัดกลุ้ม  ตั้งแต่เช้ามาแล้ว ต้นฉบับของเค้าก็ยังไปไม่ถึงไหน  จากที่อารมณ์ร้อนในตอนแรกเริ่มเข้าสู่โหมดปลงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรดีขึ้น  นัยน์ตาสวยมองไปยังโต๊ะทำงานข้างๆที่ไร้แม้เงาของเจ้าของ

 

    สบายจริงนะฮีชอล....ปานนี้คงไปลั้ลลาอยู่ไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

   ฮีชอลเคลียร์ต้นฉบับส่วนของตัวเองในเดือนนี้เสร็จหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวานจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าบริษัทอีก ... เหลือแต่เค้า ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของหลายๆด้านนอกจากจะเขียนคอลัมภ์เพียงอย่างเดียว งานจึงล่าช้าเป็นธรรมดา....ก็ถ้าเมื่อวานเค้าไม่อารมณ์เสียซะก่อน

  วันนี้เค้าคงไม่มานั่งถอนหายใจอยู่บนโต๊ะทำงานแบบนี้

 

   ยังไงซะวันนี้เค้าจะพยายามไม่ให้อะไรมากวนใจได้ละกัน  ไม่งั้นคงได้องค์ลงลบงานไปอีกรอบ...เข็ดแล้วจริงๆ

แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลย-__-

 

...............................................................................

 

 

  ซ่าๆๆ

 

จองซูหอบหายใจเล็กน้อย สบสายตาตัวเองในกระจก  คนตรงหน้าก็มีอาการหอบฮักเช่นกัน ใบหน้าขาวเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำที่เจ้าตัววักน้ำขึ้นมาล้างหน้า  ทั้งยังเผื่อแผ่ไปยังเส้นผมที่ระลงเกะกะและเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่สวมใส่อยู่จนเปียกแนบไปกับลำตัว

 

  พลันร่างหนาของใครบางคนก็ปรากฏสู่สายตา จองซูรีบหันหลังไปเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญทันที  แววตาของจองซูแข็งกร้าว  สบสายตาคมอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

  ทำไมต้องให้คนตรงหน้ามาเห็นตัวเองในสภาพหน้าอายแบบนี้ด้วย!

 

   “ คุณจองซูนี่เอง วันนี้ก็มาทำงานอยู่อีกเหรอครับ ” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยทักทาย ราวกับว่าไม่สนใจในท่าทีของจองซู

 

   “ ก็งานผมยังไม่เสร็จ ว่าแต่คุณเถอะครับ ที่ยังมาทำงานอยู่เพราะงานยังไม่เสร็จเหมือนกันเหรอครับ ” จองซูพยายามตอบอย่างมีมารยาท  แม้ไม่อยากเจอคนตรงหน้ามากที่สุดก็ตาม

   ก็เจ้าบ้านี่ไงเล่า  ที่มักจะโจมตีรูปแบบการทำงานของเค้าอยู่เสมอ และเค้าก็เกลียดความคิดความอ่านของหมอนี่เช่นกัน!!

 

   “ อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมแค่มาส่งต้นฉบับ ” ร่างสูงยกซองเอกสารสีน้ำตาลให้เห็น พร้อมกดยิ้มตามแบบฉบับ

 

   “ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีว่าต้องไปทำธุระต่อ หวังว่าคุณคงเขียนคอลัมภ์ร้อนของคุณเสร็จไวๆนะฮะ...จะได้มีแรงมาโจมตีผมต่อ^^ ”  โน้มตัวเข้าใกล้พูดเสียงกระซิบให้ประโยคหลังก่อนจะเดินออกห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี

 

   “ ไอ้บ้า ” จองซูกัดฟันกรอด บริภาสถึงคนที่เพิ่งเดินจากไป

 

   ไม่เอาน่าจองซู อย่าอารมณ์เสีย วันนี้แกห้ามอารมณ์เสีย...

 

  จองซูพยายามสะกดจิตตัวเองหันไปทำธุระส่วนตัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

   เมื่อร่างโปร่งปลดปล่อยความอึดอัดที่อั้นมาเกือบชั่วโมงแล้ว สมองเริ่มปลอดโปร่งอีกครั้ง  และเสียงหอบครางนั่นก็ย้อนกลับมาด้วย!

 

   เสียงแผ่วเบานั้นดังขึ้นเรื่อยๆราวกับย้อนกลับไปในเหตุการณ์เมื่อคืน มือของจองซูเริ่มสั่น  ความรู้สึกอึดอัดที่ช่วงล่างเริ่มก่อตัว ต่างจากความอึดอัดที่กลั้นปัสสาวะ...มันเป็นความอึดอัดที่ต่างกัน และหัวใจมันก็ไม่ได้เต้นเร็วแบบนี้!

 

   มือเรียวที่สั่นอยู่กอบกุมส่วนที่เริ่มแข็งขืนของตนไว้ ในเวลานี่ตาของจองซูพร่าเลือน ในหัวมีแต่เสียงหอบหายใจเป็นจังหวะ และเสียงครางกระสันดังก้องเต็มไปหมด  ขาเรียวเริ่มอ่อนแรงราวกับจะทรุดตัวลงกับพื้นเสียให้ได้ ถ้าไม่ติดที่มีแขนแกร่งมารั้งร่างไว้เสียก่อน

 

จองซูไม่อาจรับรู้ได้ว่าคนที่ประคองตนจากด้านหลังเป็นใคร แต่สัมผัสได้ถึงฝ่ามือแกร่งที่ค่อยๆสอดแทรกกอบกำเเก่นกลางที่เเข็งขืนแทนมือของตนมือหนากดแตะตรงส่วนไวต่อสัมผัสอย่างรู้ใจ จองซูพยายามระงับเสียงครางในลำคออย่างยากเย็น

   “ อย่าเก็บเสียงไว้เลยคุณจองซู.. เสียงทุ้มต่ำกระซิบอยู่ข้างหู สัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดต้นคอ  ยิ่งปลุกให้ร่างกายของจองซูร้อนขึ้นอีกมือเรียววางบนแขนแกร่งแล้วขย้ำแขนเสื้อของร่างสูงจนยับย่น

จองซูหอบหายใจหนัก เสียงที่กระซิบข้างหูทำเอานึกถึงนัยน์ตาคู่คมที่ตนรู้สึกคุ้นเคย แต่ก็ไม่สามารถจะดึงสติได้ว่าใครเป็นเจ้าของดวงตาคู่นั้นดวงตาคมในมโนภาพเริ่มชัดเจนขึ้นอีก มันจ้องมองเค้าราวกับจะแผดเผาให้เค้าไหม้เป็นจุล เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่จุดความร้อนในร่างกายเค้าให้ระเบิดออกมา

เเกนกายอุ่นร้อนเริ่มเเผลงฤษธิ์ ส่วนปลายยอดปริ่มน้ำราวกับจะปลดปล่อยออกมาได้ทุกเมื่อ

ฝ่ามือหนาที่ขยับขึ้นลงตามความยาวของท่อนเนื้อนำพาเอาจองซูแทบคลั่ง เสียงทุ้มปนหวานหลุดรอดออกมาจากลำคอสวยปลุกอารมณ์คนฟังได้ดีทีเดียว ร่างหนาก้มมองคนที่อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ลงน้ำหนักกดที่ส่วนหัวยิ่งขึ้นเพื่อเรียกเสียงครางออกครั้ง ซึ่งก็เป็นไปตามคาด

   “ กำลังเสียวได้ที่ใช่ไหมล่ะครับคุณจองซู ริมฝีปากร้อนซุกไซร้ไปตามคอระหง แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ มือแกร่งปล่อยมือจากท่อนเนื้อสวยราวกับต้องการฉุดกระชากให้ร่างโปร่งหลุดออกจากฝั่งฝันอย่างจงใจ ทำเอาคนตรงหน้าแทบจะตายเสียให้ได้

    “ หึ รู้แล้วใช่ไหมครับ ความรู้สึก...ของคนที่โดนขัดจังหวะน่ะ สิ้นเสียงจองซูก็ผลักอกแกร่งออกทันที  ร่างโปร่งหายใจหอบฮักแววตาฉายแววโกรธจนถึงขีดสุดเมื่อดึงสติกลับมาได้  แล้วเดินหนีออกไป

นัยน์ตาคมมองตามร่างโปร่งที่เดินพลุนพลั้นออกไป ก่อนจะยกมือแกร่งที่เปียกชุ่มไปด้วยคราบขุ่นขาวขึ้นมา ลิ้นสากตวัดคราบนั้นเข้าปากราวกับจะลิ้มลองรสชาติของเหลวอุ่นร้อนอย่างกระหาย

       “ ทิฐิเยอะเหลือเกินนะจองซู  แต่ว่า.....ผมคงปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกนะ ปากหยักกดยิ้มอีกครั้ง

         “ เพราะผม....ชักจะถูกใจคุณซะแล้วสิ

 

...................................................................................................................................

 

 

     ร่างโปร่งพิงตัวกับผนังเพื่อหยุดพัก อกบางกระเพื่อมตามจังหวะที่หอบหายใจ พยายามจะพยุงให้ตัวเองเดิน แต่ก็ชนเข้ากับแม่บ้านที่เดินสวนออกมาจากแผนกอย่างจัง  ถาดแก้วกาแฟร่วงสู่พื้น  กาแฟร้อนคว่ำราดลงบนหน้าแข้งเรียว   แก้วเซรามิกหล่นกระแทกซ้ำลงไปตรงตำแหน่งเดียวกันก่อนจะตกแตกกระจายกับพื้น

 

    เพล้ง!!!

 

“ ตายแล้วคุณอีทึก! ”