@159473

ตอนที่ 1 เริ่มต้น

fanasai View 259
"เคยมีคนตั้งคำถามกับฉันว่าในชั่วชีวิตของคนๆหนึ่งเมื่อเกิดมาแล้วจะทำอะไรได้มากมาย ไม่ว่ายังสุดท้ายสิ่งที่รออยู่ก็มีเพียงความตาย"

กริ๊งงงงงงง.....

เสียงนาฬิกาที่ดังขึ้นท่ามกลางความมืดในห้องเล็กๆเรียกให้บางสิ่งที่หลับไหลอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาต้องเอื้อมมือออกมาเพื่อหยุดเสียงที่ดังอยู่อย่างไม่อาจเลี่ยงได้ มือที่โผลล่ออกมาสั่นสะท้านเมื่อสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นของอากาศด้านนอกผ้าห่ม ก่อนที่จะคว้าหมับที่นาฬิกาเจ้าปัญหาและปิดมันลงไม่ถึงเสี้ยวนาทีหลังจากนั้นมือข้างนั้นก็ผุดกลับหายเข้าไปในผ้าห่มตามเดิม

เสียงหายใจที่ดังเป็นจังหวะ บ่งบอกถึงการหลับไหลที่มีความสุขของเจ้าของเสียง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าไม่กี่นาทีหลังจากนี้ตัวเองจะต้องตื่นเพราะมารผจญอย่างต่อไป

ปังๆๆๆๆๆ!!!!

"ตื่นได้แล้ว!!! นี่มันกี่โมงกันแล้วห๊ะ!!!!"เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นที่หลังประตูพร้อมกับเสียงฝ่ามือที่ฟาดมันเข้ากับบานไม้ดังสนั่น ทำให้ร่างใต้ผ้าห่มเริ่มมีการขยับตัวอีกครั้ง แต่ก็ทำได้เพียงแค่ทำให้เจ้าของร่างใต้ผ้าห่มนี้พลิกตัวหันหน้าไปนอนอีกฝั่งเท่านั้น

ปังๆๆๆๆๆๆ!!!

"แบล็ค!!! แบล็ค เฟเธอร์ หูหนวกเหรอไงฉันบอกให้ตื่นได้แล้ว!!!!"เจ้าของเสียงนั้นยังคงส่งเสียงโวยวายต่อไป จนในที่สุดร่างใต้ผ้าห่มก็ไม่อาจทนการรบกวนนี่ได้อีกต่อไป และลุกขึ้นมานั่ง ดวงตาสีเหลืองอำพันทอประกายหงุดหงิดที่ถูกรบกวนเวลาการนอนอันสงบสุข

"ตื่นแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆ รำคาญจริงๆ"ชายผิวขาวจนเกือบซีด เส้นผมสีดำยาวที่ยุ่งเหยิงหล่นลงมาปิดใบหน้าที่กำลังบ่งบอกถึงอารมณ์ในปัจจุบัน ก่อนที่ชายที่ชื่อ แบล็ค จะลุกออกจากเตียงและเดินไปเปิดประตู เพราะท่าทางอีกฝ่ายจะไม่ยอมรามือจากเขาง่ายๆเป็นแน่

"มาปลุกแต่เช้าแบบนี้ คาดหวังอะไรจากผมกันเนี่ยครับ คุณเคท"ชายหนุ่มบ่นอย่างรำคาญใจสุดๆยิ่งได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีชัยของหญิงสาวร่างบางที่อยู่ในชุดคลุมยาวคลุมขาสีขาวบริสุทธิ์ ผู้มีใบหน้าดูเหมือนหาเรื่องคนตลอดเวลา ดวงตาสีม่วงภายใต้กรอบแว่นทรงเหลี่ยมมองสภาพของอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนหุบยิ้มแทบจะในทันที

"เช้าบ้านเธอสิ นี่มันจะสิบโมงแล้ว จะนอนต่อก็ไม่มีใครว่าหรอกแต่นี่ยังไม่ได้แต่งตัวเลย คิดจะให้ชาวบ้านเขารออีกนานแค่ไหนกัน"เคทมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ซึ่งฝ่ายชายเองก็มีสีหน้าที่แทบจะไม่แตกต่างกัน

"แล้วใครใช้ให้รอล่ะ..."แบล็คพึมพำเสียงเบา แต่เหมือนอีกฝ่ายจะหูดีกว่าเพราะไม้เท้าในมืออีกฝ่ายซึงประดับยอดด้วยคริสตัลสีฟ้าอ่อนกำลังทอแสงสว่างจ้า  พร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจและคำขาดของสาวแว่นหน้าโหด...

"ง่วงชะมัดเลยครับ..."แบล็คที่ตอนนี้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จด้วยความรวดเร็วที่สุดในชีวิตกำลังเดินลงมาจากชั้นสามพร้อมกับสาวแว่นสุดโหดที่ฮัมเพลงมาตลอดทาง  ด้านล่างสุดนั้นมีกลุ่มคนสีห้าหกคนกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ หนึ่งในกลุ่มคนเงยหน้าขึ้นมาก่อนโบกมือทักทายคนทั้งสอง ซึ่งแบล็คก็ทำเพียงยิ้มแห้งๆแล้วโบกมือตอบ...

"อย่าปล่อยให้คนอื่นต้องรอนายคนเดียวสิ ปิโยะ"เสียงนั้นดังออกมาจากเด็กสาวร่างเล็กที่สุดในกลุ่ม เส้นผมสีดำเหมือนราตรียาวสลวยถึงเอว รับกับดวงสีแดงเหมือนทับทิมที่กำลังจ้องมองผู้กล่าวถึงด้วยสายตาตำหนิ ซึ่งแต่งตัวเหมือนนักเรียนหญฺิงทั่วไปเพียงแต่ชุดเป็นสีดำสนิทสิ่งเดียวที่แตกต่างแล้วเป็นจุดเด่นชัดคือ ผ้าพันคอสีแสงสดซึ่งมีความยาวไม่แพ้เส้นผมของเธอ ฟรอเซ็นมีคลาสประจำตัวคือ ไนท์ ซึ่งมันช่างดูขัดกับร่างกายของเธอเสียจริงๆ

"อย่าพูดคำซ้ำสิครับ คุณฟรอ"แบล็คกล่าวอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะใช้มือยันหัวอีกฝ่ายเมื่อเด็กสาวทำท่าจะวิ่งชาร์จเข้าใส่ เพราะระยะของแขนที่สั้นกว่าจึงทำให้ ฟรอเซ็นทำได้แต่แกว่งแขนฟาดไปมาในอากาศก่อนจะหมดแรงหอบไปในที่สุด

"อำมหิตมากครับ แต่แบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะครับ คิดแบบนั้นไหมครับ คุณเคียวยะ"คราวนี้เป็นเสียงจากชายหนุ่มหน้าหวานที่สวมชุดเหมือนช่างเครื่องกล ซึ่งมีเส้นผมสีน้ำเงินถักเป็นเปียปล่อยยาวจนถึงไหล่ ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองสภาพของ ฟรอเซ็น อย่างขำๆ ชายคนนี้มีชื่อว่า ไมโกะ แต่ทว่าส่วนใหญ่คนจะเรียก ไมจัง ซะมากกว่าแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ชอบสักนิดเพราะชื่อมันดูยังไงก็ชื่อเรียกผู้หญิงชัดๆ ซึ่งมีคลาสประจำตัวคือ นักประดิษฐ์

"ผมขี้เกียจต่อมุกครับ ว่าแต่จะหันกล้องมาทางนี้ทำไมครับ คุณเคท"เจ้าของเสียงตายด้าน พอๆกับสีหน้านั้น เป็นชายร่างสูงพอๆกับแบล็ค สีผิวก็ซีดเหมือนขาดเม็ดสีพอๆกัน เพียงแต่ว่าเส้นผมนั้นมีสีขาวเหมือนหิมะ และดวงตานั้นเป็นสีแดงเหมือนดั่งเลือด ชายหนุ่มในชุดโค๊ทสีขาวยกกาแฟขึ้นมาดื่มก่อนหันกลับไปสนใจหนังสือพิมพ์ในมือต่อ เขามีคลาสประจำตัวคือ มือปืน

"เอ่อ...ขาดอีกคนรึเปล่าฮะ ?"เสียงนี้ดังออกมาจากเด็กชายซึ่งสูงกว่าฟรอเซ็นนิดหน่อย ดวงตาสีเขียวจ้องมองทุกคนอย่างกล้าๆกลัวๆ พลางใช้มือม้วนเส้นผมซึ่งมีสีเดียวกับดวงตาอย่างหวาดหวั่น เด็กคนนี้มีชื่อ โอทาเคะ โดยเด็กคนนี้มีคลาสสายเดียวกับ เคท ซึ่งเป็นนักเวทย์ เพียงแต่ว่าคลาสของเขาเป็นคลาสที่ต่อยอดความสามารถมาอีกแขนงหนึ่ง นั่นคือ คลาส นักเรียนเวทย์ ผิดกับ เคท ที่เป็นคลาสสายตรงนั่นคือคลาส จอมเวทย์

"ถ้าหมายถึง ตาลุงขี้เมานั่นล่ะก็ นอนเมาอยู่นั่นไง"เคทชี้ไปที่กองผ้าอะไรสักอย่างที่มุมห้อง รอบๆเต็มไปด้วยขวดเบียร์มากมาย ก่อนที่ร่างของชายวัยกลางคนซึ่งแต่งตัวเหมือนพนักงานบริษัทที่หมดเวลางานจะลุกขึ้นมาทำหน้ามุ่ย ชายคนนั้นควานหาแว่นตาทรงกลมก่อนจะหยิบมันขึ้นมาสวมและใช้มือเสยผมสีเทาที่ปิดหน้าปิดตาขึ้นไป ชายคนนี้มีชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด มีคลาสประจำตัวคือ ไฟเตอร์

"เห็นแบบนี้นะ แต่ไอเบียร์ไม่กี่ลังทำฉันเมาไม่ได้หรอก เคท"เอ็ดเวิร์ดบ่นระหว่างคว้าเอาเสื้อนอกที่กองอยู่มาสวมทับ ก่อนจะเดินมารวมกลุ่ม

"อย่าเข้ามาใกล้สิ เดี๋ยวเสื้อฉันมันติดกลิ่น"เคททำหน้าแหยแล้วสะบัดมือไล่

"พูดมากเดี๋ยวก็อ้วกใส่ซะเลย"เอ็ดเวิร์ดทำท่าจะเดินเข้าหา ทำเอาเคทรีบวิ่งไปหลบแบล็คที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆเพราะถูกเอามาเป็นโล่กำบังอีกแล้ว เพราะไม่มีทางเลือกชายหนุ่มจึงคว้าเอาโอทาเกะที่ใกล้ตัว โยนไปหาเอ็ดเวิร์ดในฐานะผู้รับเคราะห์ ซึ่งก็ใช้ได้ผลทุกครั้งเพราะเอ็ดเวิร์ดก็กอดโอทาเกะแน่นพลางเอาแก้มที่มีหนวดขึ้นถูไปกับแก้มเนียนๆของเด็กชายตรงหน้าอย่างรักใคร่

"โลลิค่อนเอ๊ย..."เคทบ่นเสียงเบา ซึ่งคนที่ได้ยินก็ทำได้เพียงแต่ยิ้มแห้งๆเท่านั้น

"เพราะว่ามนุษย์มีเวลาที่จำกัดจึงต้องใช้มันให้เกิดคุณค่ามากที่สุดไม่ว่าจะต่อตัวเองหรือต่อผู้อื่น เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วถึงตัวเราจะตายไปแต่เราก็ถือได้ว่าได้ใช้ชีวิตที่เกิดมาอย่างคุ้มค่าค่าแล้ว...นั่นคือคำตอบของฉันสำหรับคำถามนั้น"

"เอาล่ะๆ ไหนก็มากันครบแล้ว จะขอบอกแผนสำหรับการลงดันเจี้ยนในครั้งนี้นะ"เคททุบโต๊ะเพื่อเรียกความสนใจของคนในทีมซึ่งก็ได้เสียงตอบรับอย่างดี หญิงสาวดันแว่นครั้งหนึ่งก่อนหยิบเอาแผนที่หนังมาปูกางบนโต๊ะ ก่อนที่แผนที่นั้นจะฉายภาพของมาเป็นโฮโลแกรมสามมิติ

"นี่คือจุดตั้งแต่ทางเข้าที่เราจะลงไป จุดสีแดงที่เห็นอยู่นั่นคือมอนเตอร์ในดันเจี้ยน พื้นที่สีเขียวคือจุดปลอดภัย สีแดงคือจุดอันตราย ส่วนสีเทาคือส่วนที่ยังไม่ได้เปิดของแผนที่ จากคำบอกเล่าของพวก NPC ดูเหมือนในจุดที่ลึกที่สุดของชั้นนี้จะมีบอสเฝ้าเส้นทางลงไปชั้นต่อไปอยู่ จากระดับของบอสคาดว่าจะต่ำกว่า 90 ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจจะอยู่ที่ 74" สิ้นคำสีหน้าของคนในทีมก็ดูลำบากใจขึ้นมาในทันที ระดับที่อาจจะถึง 74 นั้นฟังดูเป็นอะไรที่เลวร้ายเอามาก เพราะระดับเฉลี่ยของทีมพวกเขานั้นอยู่ที่ 85 ซึ่งห่างจากบอสถึง 9 ระดับ

"แล้วมีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับบอสอีกรึเปล่าครับ อย่างเช่นความสามารถ หรือเผ่าพันธุ์"ไมโกะเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบของวงสนทนา

"จากข้อมูลที่ได้ยินมาเหมือนบอสจะเป็นเผ่าสไลม์นะ...ส่วนความสามารถนี่ยังหาข้อมูลไม่ได้เลย ขอโทษด้วยนะ"เคทมีสีหน้าที่เศร้าลง เพราะบกพร่องในหน้าที่หาข่าวของตัวเอง

"ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นก็ได้ครับ คุณเคท อย่างน้อยเราก็ได้รู้ข้อมูลเผ่าของบอสนะครับ ถ้าจำไม่ผิดเผ่าสไลม์จะแพ้ธาตุไฟใช่รึเปล่าครับ ?"เคียวยะพูดขึ้นบ้าง ก่อนจะได้รับการยืนยันจากเคทซึ่งเป็นหน่วยหาข้อมูล ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยถามตามตรง "งั้นในทีมเรานอกจากคุณเคทใครมีความสามารถธาตุไฟบ้างครับ ไม่ต้องถามผมนะครับ เพราะผมไม่มี"

"ผมมีครับ"เอ็ดเวิร์ดยกมือขึ้นระหว่างกอดโอคาเกะซึ่งนั่งยิ้มแห้งๆอยู่บนตัก "เป็นสกิลการต่อสู้แบบประชิดตัว ใช้เวลาคูลดาวน์ 8 วินาที เมื่อใช้สกิลแล้วผมจะขยับตัวไม่ได้ 3 วินาที สร้างความเสียหายได้ 600-1400"

"คูลดาวน์นานเอาเรื่องเลยนะครับ จากที่ดูคงจะเป็นสกิลการจู่โจมแบบวงกว้างสินะครับ เพราะค่าดาเมจที่สร้างมันค่อนข้างจะเบา ถ้ามองในสายคลาสของคุณ"ไมโกะพูดแทรกขึ้นมาซึ่งเอ็ดเวิร์ดก็พยักหน้าเบาๆและกลับไปป้อนข้าวโอทาเกะต่อ
"แล้วคุณไมมีอุปกรณ์ธาตุบ้างรึเปล่าครับ ?"เคียวยะหันมาถามต่อ

"มีครับ แต่ว่าน้อยมากเลยครับ แร่สำหรับทำอาวุธธาตุในเกมส์นี้หายากมากแถมต้องมีระดับการผลิตที่สูงเอาเรื่อง เท่าที่ผมรู้มานอกจากผมก็มีอยู่อีกไม่ถึงร้อยคนเลยครับที่มีความสามารถในระดับนี้"ไมโกะพูดไปพลางดันฟรอเซ็นที่พยายามจะเข้ามากอดซะให้ได้

"ฉันไม่มีนะไม่ต้องถาม"ฟรอเซ็นพูดดักคอเอาไว้ก่อน ซึ่งก็เลยทำให้เคียวยะได้แต่หัวเราะเบาๆเพราะไม่รู้จะพูดยังไงดี สุดท้ายดวงตาสีแดงสดก็มาสบกับดวงตาสีอำพันของชายที่กึ่งหลับกึ่งตื่น

"จะว่าไปคุณเป็นผู้เล่นที่เข้ามาใหม่ในทีมเมื่อหลายวันก่อนสินะครับ ไม่ทราบว่าคลาสของคุณคือคลาสอะไรเหรอครับ ?"

"คลาสของผมน่ะ...เอ่อ...คือ..."ดูเหมือนแบล็คจะลำบากใจเอาเรื่องที่ต้องมาพูดถึงคลาสของตัวเอง

"อย่าพึ่งใส่ใจเรื่องคลาสเจ้านี่เลย ยังไงก็เพิ่งเข้ามาไม่นานจะจัดแท็คติกให้เข้ากับทีมคงไม่ทันหรอก เราเองก็ต้องรีบด้วยเพราะมีข่าวว่าทีมของเซ็ตเองก็จะมาเคลียร์ชั้นบอสนี่ให้ได้เหมือนกัน"เคทรีบตัดประเด็นแล้วดึงคนกลับเข้ามาเรื่องเดิม

"ถ้าแบบนั้นก็แย่เลยนะครับนั่นน่ะ เจอกันครั้งก่อนกว่าจะหนีกันมาได้ก็แทบจะตายกันยกทีมเลย"ไมโกะพูดไปหน้าซีดไป

"เป็นแค่ข่าวลือรึเปล่าคะ เพราะดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไปล่าศิลาแกร่งของโกเลมที่ป่า 81 นิคะ"ฟรอเซ็นพูดไปพยายามลวมลามไมโกะไป

"อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เพื่อความปลอดภัย เรารีบเคลียร์ดันนี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า"น้ำเสียงของเคทดูจะยังไม่คลายความระแวงเท่าไหร่ จนทำเอาเอ็ดเวิร์ดสงสัยขึ้นมาจึงเอ่ยถามขึ้นบ้าง

"ว่าแต่ดูเธอจะรีบเคลียร์ดันนี่จังเลยนะ มันมีอะไรน่าสนใจหรือไง"

"ก็มีนะ แหวนอิกฟรีทระดับ 75 น่ะ"พอได้ยินหัวหน้าทีมพูดมาแบบนี้คนในทีมก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่ทุกคนจะร้องเป็นเสียงเดียวกัน

"ว่าไงนะ!!!!!!"

"คนๆนั้นเพียงหัวเราะให้กับคำตอบของฉัน ฉันเข้าใจถึงสาเหตุของเสียงเยาะเย้ยนั้น แต่ฉันก็เพียงแค่ยิ้มแล้วไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก"

การเดินทางในดันเจี้ยนหนองน้ำดูจะราบรื่นจนผิดปกติ มอนเตอร์ทั่วไปมันดูน้อยๆกว่าที่ควรจะเป็นทำเอาคนในปาร์ตี้LH มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักเพราะมันเป็นการบ่งบอกได้ว่าพวกเขาโดนตัดหน้าซะแล้ว พวกเขาจึงรีบเดินทางกันให้เร็วขึ้นอีกเพื่อไปให้ถึงห้องบอสเร็วที่สุด แต่ทว่าเมื่อไปได้จนเกือบถึงปลาทางก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น พร้อมกับร่างของชายคนหนึ่งที่ปลิวกระเด็นออกมาและกระแทกเข้ากับผนังหินอย่างแรง

"เป็นอะไรรึเปล่าครับ?!"ไมโกะกับเคียวยะรีบเข้าไปดูอาการอีกฝ่าย แต่ว่ามันก็สายเกินไปเพราะว่าร่างของชายคนนั้นแตกสลายกลายเป็นเศษแก้วไปต่อหน้าต่อตา การที่เป็นแบบนั้นเป็นการบ่งบอกว่า ชายคนนั้นถึงแก่ความตายเสียแล้ว...

"บ้าที่สุด!!"เคียวยะกัดฟันกรอดฟาดมือเข้ากับผนังถ้ำ ส่วนคนอื่นก็มีสีหน้าที่แย่ลง เพราะการตายในเกมส์นี้นั้นมันไม่มีการรีเซ็ตเพื่อเริ่มต้นใหม่แต่มันคือการตายที่หมายถึงชีวิตจริงๆในฐานะมนุษย์ของโลกเกมส์แห่งนี้...

ใช่แล้ว....ทุกสิ่งมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน...