ในยามเช้าที่แสนเงียบสงบ คณะเดินทางเฉพาะกิจก็ออกเดินทางจากเมืองเริ่มต้นเพื่อมุ่งหน้าไปสู่รังจ้าวมังกร หนุ่มทั้งสามต่างคนต่างไม่มีการสนทนาใดๆเกิดขึ้น ทั้งสามคนนั้นปกติไม่ใช่ผู้เริ่มเปิดบทสนทนาเป็นทุนเดิมความเงียบที่ก่อตัวขึ้นไม่ยากเลยที่จะทำให้มนุษย์ผู้รับหน้าที่ตบมุกอย่าง แบล็ค เฟเธอร์ รู้สึกอึดอัดขึ้นมา
"เราออกมาไกลกันพอสมควรแล้วสินะครับ ไหนๆก็ไหนๆ พักกันสักหน่อยดีกว่าครับ"เสียงของเฟธดังขึ้น เรียกให้ทั้งสองต้องหันมามอง ซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธเพราะว่าพวกเขาก็เริ่มเหนื่อยแล้วจริงๆ เพียงแต่ว่าแถวนี้ไม่มีจุดปลอดภัยอยู่เลย...แล้วจะให้ไปพักที่ไหน ?
"เอาล่ะ เชิญเลยครับ ว่าแต่ทานอะไรกันสักหน่อยไหมครับ"สองหนุ่มถึงกับตะลึงงัน เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า นั่นคือผ้าปูกับตระกร้าที่เฟธนำออกมาจากกระเป๋า นี่อีกฝ่ายคิดว่าพวกเขากำลังมาปิกนิคหรือยังไงกัน "ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ได้ใส่ยาพิษ ไม่สิ ต้องบอกยาว่าเพิ่มพลังชีวิต ไว้ในอาหารหรอกนะครับ"
แบล็คหันไปมองเคียวยะอย่างขอความเห็น ซึ่งชายหนุ่มก็ทำเพียงแค่ยักไหล่ ก่อนลงมานั่งแล้วลงมือทาน บางทีการพักก็เป็นอะไรที่เหมาะสมเช่นกัน
"ตั้งแต่ภัยพิบัติครั้งนั้น แถวนี้ก็ไม่มีพวกมังกรเหลือให้ล่าเลยนะครับ"เฟธจู่ๆก็พูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง จำนวนของมอนเตอร์ก็มีอัตราการเกิดใหม่ที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ และเป็นที่คาดการณ์ได้ว่าสุดท้ายมันก็ต้องหมดไปหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ฝั่งผู้เล่นระดับเองก็ยังคงที่ แต่ฝ่ายมารกลับสูงขึ้นเรื่อยๆในท้ายที่สุดผู้เล่นก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้อย่างแน่นอน ซึ่งผลสรุปที่จะตามมา แบล็ค เองก็มองในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือ การต้องกลายเป็น NPC ในเกมส์แล้วกลับไปโลกของเขาไม่ได้อีกเลย
"พวกเรารีบไปกันดีกว่าครับ ผมได้ยินเสียงของสายลมบอกว่า พวกกุล เกือบยี่สิบคนกำลังไปแย่งเหยื่อของเรา"เฟธพูดต่ออีกครั้ง คำว่า กุล ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองสั่นสะท้าน พวกกุล นั้น คือกิลใหญ่ที่สุดของผู้เล่นที่มีอยู่ในตอนนี้ ซึ่งในวิกฤตพวกเขาตั้งตนเป็นผู้ปกครองเหล่าเพลเยอร์ และใช้ความรุนแรงในการสยบผู้เล่นที่แข็งขืน กลุ่ม LH ของเคท เองก็เคยปะทะกับพวกกุลมาครั้งสองครั้ง ซึ่งผลการต่อสู้ก็กว่าจะเอาตัวรอดกันได้มาก็ลำบากพวกตัว ยังโชคดีที่ตอนนั้นพวกมันมีกันแค่ไม่กี่คน หากมามากกว่านี้พวกเขาเองก็คงตายไปนานแล้ว
ขั้วอำนาจของฝ่ายผู้เล่น (ไลท์) นั้น ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็นสามขั้วอำนาจใหญ่ คือ
- NPC ซึ่งเป็นฝ่ายของNPC(ประชากรหลักของเกียอา สัดส่วน คือ 85% โดยปัจจุบัน ฝ่ายไลท์ นั้นมีสัดส่วนคือ 1:3 ที่เหลือในตอนนี้คือฝ่ายดาร์ก)มีราชาผู้ปกครองคือ คิงเกียร์ แห่งอีเดน เป็นราชาสูงสุดของฝ่าย ไลท์
- Guild ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้เล่น ซึ่งล้มล้างการปกครองของ คิงไลบรา แห่งเวลล์ หนึ่งในอาณาจักรใหญ่ของฮาฟเว่น แล้วตั้งตนเป็นผู้ปกครองดินแดนส่วนนั้น (สัดส่วนของผู้เล่นฝ่าย Guild ต่อจำนวนผู้เล่นที่มีทั้งหมดคือ 8:10) ระดับเฉลี่ยของผู้เล่นอยู่ที่ 91 ปัจจุบันประกาศสงครามกับ อีเดน อยู่ มีผู้ปกครองสูงสุดคือ กลุ่มสมาพันธ์ กุล ซึ่งเป็นกิลที่มีอำนาจสูงสุด ปกครองโดยระบบเผด็จการทหาร ผู้คนที่เป็น NPC ในเมืองส่วนใหญ่ไม่ถูกฆ่าก็กลายเป็นทาสแรงงาน หากเป็นผู้หญิงก็ต้องการเป็นของเล่นที่ไว้สนองตัณหา มีข่าวลือออกมาว่า Guild นั้นเป็นพันธมิตรอย่างลับๆของ ดาร์ก
-Party ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้เล่นเช่นกัน เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับฝ่าย Guild อยู่กันเป็นกลุ่มสมาพันธ์เล็ก จำนวนไม่เกิน 20 คน อาศัยกันแบบกลุ่มของใครของมันโดยปกติจะไม่ขัดแย้งกันเอง เป็นกลุ่มเพลเยอร์ซึ่งมีผู้เล่นระดับต่ำกว่า 90 มากกว่า กลุ่มของ Guild ถึง 7/10 ของจำนวนผู้เล่นทั้งหมด ปัจจุบัน มีทั้งหมด 50 กลุ่ม โดยกลุ่ม St. ของเซ็ทเป็นกลุ่มปาร์ตี้ที่มีอำนาจสูงสุด รองมาคือ กลุ่ม LH ของเคท และกลุ่ม Br ของเวสต้า ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ระดับต่ำที่สุดในเกมส์ตอนนี้ (ระดับของเวสต้า คือ 62)
อันดับ Rank 10 ของผู้เล่นในปัจจุบัน
- 1 เวสต้า/คลาส : วีรบุรุษ ระดับ 62
- 2 เคทอิจิ/คลาส : จอมเวทย์ ระดับ 64
- 3 เซ็ท/คลาส : ??? ระดับ 66
- 4 กุล/คลาส : ??? ระดับ 67
- 5 เฟธ/คลาส : ??? ระดับ 69
- 6 เคียวยะ/คลาส : มือปืน ระดับ 71
- 7 เอ็ดเวิร์ด/คลาส : ไฟเตอร์ ระดับ 76
- 8 เฟียร์(มือขวาของกุล)/คลาส : นักธุรกิจ(สายซับของนักเวทย์ เช่นเดียวกับนักเรียนเวทย์ ของโอทาเกะ) ระดับ 77
- 9 ไดอาเนล(มือซ้ายของกุล)/คลาส : ครูเซเดอร์ ระดับ 79
- 10 มายุย(มือซ้ายของเวสต้า)/คลาส : จอมเวทย์ ระดับ 80
ทั้งสามคนเร่งเดินทางมากให้เร็วขึ้นจนกระทั่ง ภาพของปากทางเข้ารังจ้าวมังกรก็มาปรากฏแก่สายตา กลิ่นอายของความทรงอำนาจและน่าเกรงขามยังคงแผ่ออกมาเหมือนครั้งแรกที่เด็กหนุ่มมาถึงที่นี่โดยบังเอิญ เพียงแต่ว่าในครั้งนี้นั้นมันต่างออกไปบรรยากาศข้างนอกนั้นราวกับกำลังเอ่ยกระซิบเตือนเขาให้ออกห่างจากมัน
"รีบไปกันเถอะ"เคียวยะเอ่ยพูดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากเงียบมานาน ชายหนุ่มวางกระเป่ากีต้าร์ที่สะพายไหล่อยู่ลง ก่อนเปิดออกหยิบลูกซองแฝดสีน้ำตาลออกมา ชายหนุ่มปิดกระเป๋ากีต้าร์อย่างรวดเร็วเมื่อเฟธทำท่าจะส่องมองข้างใน
"อ๊ะ...ขออภัยครับ"เฟธที่รู้ตัวว่าเสียมารยาทรีบเอ่ยขอโทษซึ่งเคียวยะเองก็พยักหน้าให้น้อยๆอย่างไม่ติดใจเอาความ
"เป็นปืนที่สวยดีนะครับ ของ ชาร์ล แลงคาสเตอร์ สินะครับ"เฟธมองปืนลูกซองในมืออย่างชื่นชมในความงามของมัน
"ใช่แล้ว เจ้านี่คือปืนคู่ใจที่สร้างชื่อให้ฉัน"เคียวยะพูดต่อ ดูจะพอใจที่มีคนรู้จักปืนลูกซองกระบอกนี้ ส่วนแบล็คก็ได้แต่เกาแก้มแบบงงๆ เขาไม่รู้จักเลยสักนิดแต่ก็อย่างที่เฟธกล่าวไว้ ปืนลูกซองแฝดกระบอกนั้นสวยงามจริงๆ
"ดูจะหมดเวลาสนทนาแล้วล่ะครับ"เฟธจู่ๆก็มีเสียงหน้าที่จริงจัง วงเวทย์ใต้เท้าของเขาพลันสว่างวาบ ในจังหวะเดียวกับที่เสียงของฝนธนูจะพุ่งเข้ามาปะทะกับม่านพลังสีฟ้าครามที่หน้าทางเข้ารังจ้าวมังกร แรงปะทะทำเอาถ้ำถึงกับสั่นสะเทือน แต่เพียงชั่วครู่เดียวทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ
"นึกไม่ถึงว่าคุณจะให้เกียรตืมาด้วยตัวเองเลยนะครับ กุล"เฟธเอ่ยยิ้มๆผิดกับดวงตาสีแดงเลือดที่จ้องมองอย่างรังเกียจ กลุ่มคนในผ้าคลุมสีดำสนิทนับสามสิบคน ตอนนี้ยืนอยู่กันที่หน้าทางเข้ารังจ้าวมังกร หนึ่งในนั้นก้าวเดินออกมาจากกลุ่มคนที่แยกตัวเป็นสองฝากฝั่งแล้วชันเข่าหนึ่งข้างทำความเคารพ
"จะมาล่า จ้าว ทั้งที ไม่มาด้วยตัวเองก็ดูจะเป็นการหมิ่นเกินไปหน่อย คุณคิดแบบนั้นรึเปล่า มหาเวทย์"ร่างที่บัดนี้ยืนเพียงหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนปลดฮู้ด ลงเผยให้เห็นใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา สีผิวนั้นซีดสนิทราวกลับซากศพ ใบหน้าซูบผอมเหมือนคนเป็นโรค ดวงตาสีดำคล้ำจ้องมองมาที่ทั้งสามคน ในตอนนั้นที่แบล็ครู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ความหวาดกลัวเข้ามากัดกินอย่างรุนแรง เขารู้สึกกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หมับ!
"เอ๊ะ ?!!"แบล็คสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆเคียวยะก็จับไหล่ของเขาเอาไว้แล้วบีบมันอย่างแรง เด็กหนุ่มหันมามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง ก่อนที่ตัวเขาจะพบว่าตอนนี้ขาของเขาข้างหนึ่งนั้นทรุดลงไปเหมือนกำลังเตรียมจะคุกเข่าทำความเคารพ แบล็คที่ได้สติรีบกลับมายืนอีกครั้ง เสียงหัวเราะของกุลดังออกมาอย่างขำขัน
"ไม่เห็นต้องไปห้ามเขาเลย นักล่าในเงาจันทร์ ผมเข้าใจหรอกนะที่เขาอยากจะทำความเคารพกษัตริย์"
"การเคารพคุณค่าของมันอยู่ที่ตัวบุคคล ต่อให้คนตรงหน้าคือกษัตริย์แต่หากทำตัวเหมือนสวะ ก็ไม่มีค่ามากพอที่จะเคารพ"เคียวยะพูดอย่างดูถูก เป็นครั้งแรกที่แบล็คเห็นชายข้างกายพูดจารุนแรงแบบนี้ แต่เหมือนกุลจะไม่ได้โกรธแถมยังหัวเราะชอบใจเสียอีก
"ไม่เป็นไรผมเข้าใจ ผมให้อภัยคุณ"กุลนั้นเหมือนจะเสียสติไปแล้วจริงๆ เขาหันกลับมายิ้มให้เฟธอีกครั้ง ที่ซึ่งตอนนี้กำลังตรึงคทาของเขาเอาไว้ที่พื้นอย่างยากลำบาก ถึงแม้สีหน้านั้นจะยังยิ้มอยู่แต่แบล็ครู้สึกได้ว่า มือข้างที่จับคทานั้นกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
"กลับมาคุยกันต่อเถอะสหายเก่า มาทำงานให้ผมซะ แล้วผมจะรับรองความปลอดภัยคุณ เนียร์ รับปากกับผมแล้วว่าหากช่วยเขายึดแผ่นดิน พวกเราทุกคนจะปลอดภัยแล้วจะได้กลับบ้านที่พวกเราจากมา"
"เนียร์ งั้นเหรอ...ดูถ้าข่าวที่ว่านายจับมือกับ ดาร์ก ก็เป็นความจริงสินะ"เฟธพูดอย่างดูถูก
"ต้นไม้ที่ฉลาดย่อมไม่ฝืนปะทะกับแรงลม"
"หากมัวแต่โอนอ่อนยอมแพ้ ก็จะไม่มีวันชนะ"เฟธแย้ง ก่อนยกคทาขึ้นเหนือพื้นแล้วกระแทกลงไปอีกครั้ง แรงสั่นสะเทือนทำให้กุลต้องถอยหลังไปถึงสี่ก้าว ชายหนุ่มผิวซีดดวงตาพลันเบิกกว้างอย่างตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็เปลี่ยนมายิ้มวิปลาศอย่างพึงพอใจ
"รีบไปเร็วเข้า"เฟธออกคำสั่ง ซึ่งเคียวยะที่เข้าใจดีก็รีบลากแบล็คไปด้วย แม้แบล็คจะส่งเสียงไม่เห็นด้วยก็ตาม
"ขอโทษนะ ที่ช่วยได้แค่นี้..."
"เอ๊ะ...ไม่จริงน่ะ!!"แบล็ครู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง เขาผละออกจากเคียวยะแล้วจะเข้าไปช่วย แต่ทว่าก็ไม่ทันกาล เพราะผนังถ้ำตอนนี้ถล่มลงมาปิดเส้นทางเอาไว้แล้ว แบล็คได้แต่กัดฟันกรอดทุบผนังหินอย่างโกรธแค้น "ไอเจ้าบ้าเอ๊ย!!! ถ้าแกตายพวกฉันก็ลำบากเซ่!!!"
"เราไม่มีเวลาแล้ว"เคียวยะเน้นย้ำ สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก ทางเลือกที่เฟธเลือกเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะคนที่สู้กับ กุล ได้นอกจาก สามสุดยอดเพลเยอร์ ก็คงจะมีเฟธอีกคนที่สูสี
"เข้าใจแล้วครับ"แบล็คเองก็เข้าใจถึงความจำเป็นดี แต่ว่าในใจเขายังไม่อยากจะยอมรับ แต่สุดท้ายถ้าหากเขามัวจะดึงดัน การที่เฟธยอมเสี่ยงแบบนี้มีแต่จะไร้ความหมาย แบล็คกำหมัดแน่นก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งตามไป โดยตระโกนทิ้งท้ายเอาไว้"ห้ามตายเด็ดขาด เข้าใจไหม!!!!"
เฟธยิ้มน้อยๆกับคำพูดนั้น เขารู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่มีให้ ชายหนุ่มรับตาลง ร่างของเขาแตกสลายกลับกลายเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง เส้นผมสีทองยาวสลวยถึงกลางหลังปลิวสไวตามสายลม ดวงตาสีแดงดั่งเลือดจ้องมองชายผิวซีดที่ยิ้มให้อย่างพึงพอใจ
"เป็นเกียรติยิ่งนักครับ มหาเวทย์"กุลโค้งศรีษะให้เด็กสาวตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา มือขวาพลันสะบัดกระชากเคียวยมทูตสีแดงสดออกมาจากอากาศธาตุปะทะเข้ากับกำแพงเวทย์ พร้อมๆกับลูกน้องที่กระชากอาวุธเข้าจู่โจม
"เฟธ มันเเปลว่า โชคชะตา อย่างน้อยฉันก็เชื่อว่าเราจะได้พบกันอีก"เด็กสาวหุบตาลงพลางเอ่ยกับราวคุยกับตัวของเธอเอง ก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในดวงตาสีแดงดั่งเลือดปรากฏวงเวทย์นับร้อยชั้นภายใน
ครืนน...
เสียงสั่นสะเทือนของถ้ำบ่งบอกถึงสัญญาณของการต่อสู้ ความรุนแรงของมันนั้นทำให้แบล็คหวาดหวั่นที่จะนึกถึงภาพของการต่อสู้นั้น ภาพของปลายทางปรากฏแก่สายตา รังของจ้าวมังกร
ทั้งสองมาปรากฏที่รังของจ้าวมังกรในที่สุด ทางออกนั้นถูกปิดตายตามระบบของห้องบอส ร่างของจ้าวมังกรในตอนนี้นั้นยืนเด่นสง่า มันตื่นนานแล้วตั้งแต่ได้ยินเสียงของการปะทะ ซึ่งนั้นทำให้มันลำบากมากขึ้นไปอีก
แต่ทว่า...บางสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่ากลับดังขึ้นมาในเสียงประกาศ ซึ่งทำให้ทั้งสองถึงกับยืนแข็งค้างราวกลับรูปปั้นหิน
[ผู้เล่น แบล็ค เฟเธอร์ พบ จ้าวมังกร ระดับ 32]
ระดับ 32...ได้ยังไงกัน...ระดับของมันหลังจากอัพแพทควรจะเป็น 110 ไม่ใช่เหรอ...
ในตอนนั้นเองที่ภาพในอดีตไหลเวียนกลับเข้ามาในอนุสติ ภาพของการจู่โจมของดาร์ก การรุกไล่ยึดเมือง แสงสว่างของเมืองที่ดับวูบ ระดับของมอนเตอร์ที่ลดต่ำลง ทุกอย่างมันสัมพันธ์กันหมด
ข้อมูลของเฟธนั้นสมบูรณ์แบบ เพียงแต่ว่ามันกลับขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดไป ระดับของมอนเตอร์มันไม่ได้ลดลงเพราะการอัพเดตแพทแม้แต่น้อย ที่มีการแบ่งฝ่ายออกเป็นสองฝ่ายนั้นมีเหตุผลที่ซ่อนอยู่
ระดับของมอนเตอร์แข็งแกร่งหรืออ่อนแอขึ้นอยู่กับจำนวนเมืองของทั้งสองฝ่ายนั่นเอง...
"เอายังไงดีครับ คุณเคียวยะ"แบล็คหันไปถามแต่ทว่ากลับพบว่าเขาหายไปจากตรงนั้นแล้ว และพุ่งเข้าใส่จ้าวมังกรพร้อมกับอาวุธคู่ใจ เสียงลั่นไกดังสะท้านพร้อมกับ พลังทะลวงที่พุ่งออกมาจากรังเพลิง ร่างของจ้าวมังกรสะท้านเพราะแรงปะทะ จนร่างซวนเซไปชนกับผนังด้านหลัง เกิดเสียงสั่นสะเทือนดังกึกก้อง
แบล็คมองภาพของจ้าวมังกรอย่างคาดหวังว่ามันจะสลบลงไปจากแรงปะทะ แต่ก่อนอื่นสิ่งใดนั้น ใต้ฝ่าเท้าของจ้าวมังกรก็ปรากฏให้เห็นถึงสิ่งที่แอบซ่อนอยู่
ต้นไม้ต้นน้อยที่แตกหน่อขึ้นมาเหนือพื้น ที่กิ่งๆหนึ่งของมันมีบางสิ่งที่มีลักษณะคล้ายผลแอปเปิ้ลเพียงแต่มันมีเจ็ดสีสันฉายอาบผิวของมัน
ผลสายรุ้ง...ไอเทมเควสของภารกิจนี้นั่นเอง
แบล็คใช้จังหวะที่เคียวยะดึงความสนใจของจ้าวมังกร พุ่งเข้าไปที่เป้าหมายอย่างรวดเร็วราวภูตพราย แต่ก่อนที่เขาจะไปถึงตัว หางสีดำขนาดใหญ่ก็กวาดเข้าใส่จนปะทะเข้ากับร่างอย่างแรง แบล็คปลิวกระเด็นไปตามแรงปะทะก่อนชนเข้ากับผนังหิน พลังชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นมากลายเป็น 70 % ในการฟาดลงมาเพียงครั้งเดียว และมิหน้ำซ้ำยังติดสถานะอัมพาทถึง 10 นาที
จ้าวมังกรลุกขึ้นยืน ราวกลับแรงของกระสุนนั้นไม่อาจจะทำให้มันบาดเจ็บได้มากมายนักนอกจากจะทำให้ซวนเซเพียงครั้งคราวเพราะไม่ทันตั้งตัว เคียวยะกระชากปืนกลเบาออกมาจากอากาศธาตุ และเริ่มยิงจู่โจมเพื่อดึงรั้งความสนใจเอาไว้ แต่ดูมันจะไร้ผล พลังทำลายของสายอาชีพมือปืนนั้น ไม่รุนแรงนัก แต่มันได้ตรงที่กินระยะกว้าง และมีลูกเล่นสูง ซึ่งแน่นอนหากเป็นจ้าวมังกรที่ระดับ 110 สามารถชนะได้ไม่ยาก แต่ในระดับที่ต่ำกว่าเขาถึง 39 ระดับ ทำให้ความสามารถของเขาไร้ความหมายไปโดยปริยาย
จ้าวมังกรยังคงสนใจอยู่ที่แบล็คราวกลับครุ่นคิด ดวงตาสีทองของมันวาวโรจน์ด้วยความอาฆาต มันจำสิ่งที่เด็กหนุ่มทำกับมันได้ดี ในตอนนี้ได้เวลาที่มันจะล้างแค้นสักที
ก๊าซซซซซซซซซซซซ!!!!
จ้าวมังกรคำรามลั่น ทำเอาแม้แต่เคียวยะ ที่มีความสามารถในการป้องกันสถานะผิดปกติทุกชนิด 40 % ก็ยังไม่อาจต้านทาน แล้วติดสถานะมึนอย่างรุนแรงก่อนจะล้มลงไปนั่ง วงเวทย์นับพันชั้นปรากฏเหนือจ้าวมังกร ราวกลับมันก็จะปิดบัญชีในบทเดียว
แบล็คพยายามเงยมองขึ้นไปอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาที่กำลังจะดับวูบ จ้องมองที่ภาพของจ้าวมังกรที่กำลังร่ายเวทย์อย่างสิ้นหวัง
ตัวเขาทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว...ทำอะไรไม่ได้เลย...