เสียงคำรามของจ้าวมังกรยังคงดังต่อไป มันยังคงสวมบริกรรมมนตราของมันตามระบบที่มันถูกเขียนมาไว้เช่นนั้น แบล็คมองภาพๆนั้นอย่างเหนื่อยล้า ร่างกายตอนนี้นั้นเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และในที่สุดเธอก็เลือกที่จะหลับตาลงไป
เหนื่อยจัง...ถ้าเราหลับไปตอนนี้อาจจะตื่นจากฝันร้ายนี่ก็เป็นได้...
ตอนที่เราลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...ภาพตรงหน้าก็คงจะเป็นห้องที่คุ้นเคย...บรรยากาศที่คุ้นเคย...
กลิ่นของสายลมและธรรมชาติที่ลอยผ่านมา...ถนนย่านการค้าเก่าที่คุ้นเคย...สถานที่ที่คุ้นเคย...
แต่เธอรู้ดีว่ามันจะไม่เกิดขึ้น...ในตอนนี้เสียงคำรามของจ้าวมังกร และเสียงสั่นสะเทือนของหินผา...
กลิ่นและรสชาติของดินนั้นมันเด่นชัดจนยากเกินกว่าจะปฏิเสธ...
ในตอนนี้ที่นี่คือความเป็นจริงที่เธอกำลังเผชิญ...ความจริงที่ว่าตัวเธอกำลังจะตาย...
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของทิม...เป็นเพราะมันคนเดียว...ถ้ามันไม่เอาเกมส์นี้มาบอกกับเขาเขาก็คงไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้...
แบล็คในตอนนี้คิดแต่สาปแช่งผู้ที่ทำให้เธอต้องมาจบชีวิตลงในโลกแห่งนี้ แต่กลับมีเสียงเพลงบทหนึ่งดังแทรกขึ้นมากลบความรู้สึกด้านลบเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น
ภาพที่ปรากฏในห้วงสติคือภาพของหญิงสาวร่างไม่สูงนักที่สวมชุดนอนซึ่งกำลังโอบกอดเขาไว้อยู่ ร่างบอบบางนั้นแม้พยายามจะเก็บซ่อนอาการมากแค่ไหนแต่เธอก็สัมผัสได้ว่ามันสั่นสะท้านอย่างหวาดหวั่นมากแค่ไหน ในตอนนั้นเธอทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่จะยกแขนไปโอบกอดเพื่อปลอบหญิงสาวคนนั้น ในหัวนั้นมันโล่งและว่างเปล่าไปหมด หญิงสาวคนนั้นลูบเส้นผมของเธออย่างเบามือ ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยบทเพลงซึ่งหญิงสาวชื่นชอบที่จะร้องมันให้ฟังทุกครั้งที่เธอท้อแท้และสิ้นหวัง
พี่สาว...
ถ้าเกิดตอนนั้นไม่มีพี่สาวอยู่เคียงข้าง ตัวของเธอก็คงจะไม่อยู่รอดมาจนถึงป่านนี้ อาจจะเสียสติไม่ก็ไปจมชีวิตลงในการปกครองของพวก Guild ซึ่งเห็นคนเป็นเพียงสิ่งของให้ใช้งาน
พี่สาวสำหรับเขาไม่ต่างไปจากพี่สาวแท้ๆ เหมือนที่เธอมองเรอาเป็นน้องสาวของเธอ แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่ความผูกพันนั้นเด่นชัดไม่แพ้ความผูกผันที่เธอมีให้พ่อกับแม่ของเธอ
สมมุติถ้าเธอไม่ได้เข้ามาเล่นเกมส์นี้...แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พี่สาวจะทำยังไงกันล่ะ...ในโลกที่คนนั้นรู้จักกันเพียงผิวเผิน พี่สาวจะเป็นยังไง...ภายใต้ความเข้มแข็งที่แสดงออกมาที่ภายนอก เธอรู้ดีว่าคนๆนั้นบอบบางเพียงใด อ่อนโยนมากแค่ไหน คนที่มีหลักยึดทางใจเพียงน้องสาวตัวน้อยคนนั้น จะทำยังไงถ้าต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้เพียงลำพัง...แล้วเรอาจะเป็นยังไงต่อไป...ถ้าวันหนึ่งจะได้รู้ว่าครอบครัวคนสุดท้ายของเธอจะไม่มีวันได้กลับมาอีกต่อไป...เด็กคนนั้นจะเป็นยังไงต่อไป...คงจะไม่พ้นถูกส่งเข้าหน่วยงานของรัฐบาล...ซึ่งมันก็ไม่ต่างไปจากขุมนรกดีๆ...
แล้วฟรอเซ็นล่ะ เด็กสาวที่ปากร้ายแต่ใจดีคนนั้น ภายนอกที่ดูสดใสร่าเริงแบบนั้นภายในก็ไม่ต่างไปจากกระจกแก้วที่หากพลาดพลั้งไปโดนก็จะแตกสลายได้โดยง่าย เสียงกรีดร้อง และใบหน้าที่หวาดกลัวในตอนนั้นยังคงจำติดตาได้ไม่มีวันลืม ถ้าหากเด็กคนนั้นไม่มาพบเธอเข้าโดยบังเอิญเด็กคนนั้นจะเป็นยังไงต่อไป...เด็กคนนั้นก็มีครอบครัว แล้วครอบครัวของเด็กคนนั้นจะเสียใจมากแค่ไหนถ้ารู้ว่าลูกสาวของเขาจะไม่ตื่นขึ้นมายิ้มทักทายพวกเขาอีกต่อไป ดูจากสภาพถ้าเด็กคนนั้นไม่มาเจอกับเธอแล้วพวกพี่สาวก่อน ก็คงจะไม่พ้นถูกล่อลวงให้เดินไปในเส้นทางที่ผิด เด็กคนนั้นยิ่งหัวอ่อนหลอกง่ายอยู่ด้วยสิ...
คุณ Limbo ที่เป็นหนึ่งในเกมมาสเตอร์ คนนั้น ถึงภายนอกจะดูเป็นสาวมั่นที่เข้มแข็ง แต่เอาจริงๆความเข้มแข็งนั้นก็เป็นเพียงแค่เปลือกนอก ที่ไหล่ขวาของเขายังคงเหลือรอยแผลเป็นจางๆจากการโดนของมีคมบาด ไม่กี่วันที่เกิดภัยพิบัติ เมื่อไปที่ตึกสำนักงาน เธอได้พบว่าหญิงสาวคนนั้นพยายามที่จะฆ่าตัวตายเพราะเชื่อว่าเป็นหนทางเดียวที่จะได้กลับไปสู่โลกของที่จากมา ใบหน้าที่บ้าคลั่งและกราดเกรี้ยวนั้นเธอจำได้ไม่มีวันลืมเช่นกัน เพราะการพยายามเข้าไปห้ามจึงทำให้ได้บาดแผลที่ไหล่มา โชคดีที่มันไม่ลึกมานักและดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดที่อยากจะตายจริงๆ แต่เป็นเพราะไม่มีอะไรที่หญิงสาวทำได้แม้แต่อย่างเดียว ในที่สุดเมื่อเห็นเลือดจากบาดแผลของเธอ หญิงสาวก็หยุดบ้าคลั่งในที่สุด ใช้เวลาพอสมควรกว่าที่หญฺงสาวจะกลับมาตั้งหลักได้
ทุกคนในปาร์ตี้ LH ไม่ว่าจะเป็น คุณไม คุณเคียวยะ คุณเอ็ดเวิร์ด คุณโอทาเกะ ทุกคนก็ต่างมีครอบครัวที่รอพวกเขาอยู่เช่นเดียวกับตัวเธอ แต่ทุกคนไม่กลัวที่ลุกขึ้นต่อสู้ แม้จะต้องผ่านความยากลำบากมามากแค่ไหนพวกเขาก็สู้และฝ่าฝันอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ด้วยดี แต่เธอล่ะ...หลังจากที่เกิดภัยพิบัติ ก็เอาแต่เลือกที่จะหนีจากการต่อสู้...เลือกที่จะทำตัวเป็นเพียงผู้ชมอยู่รอบนอก...ไม่เคยมีใครกล่าวว่า...ทุกคนต่างเข้าใจในสถานะที่เกิดขึ้น...ใครบ้างไม่กลัวความตาย...ในเมื่อตอนนี้พวกเขาได้รู้ว่านี่มันไม่ใช่เพียงเกมส์ ที่ถ้าตายแล้วจะไม่กลับไปเกิดที่โบสถ์แต่ต้องกลายไปเป็น NPC ที่มีหน้าตาเหมือนคนรู้จักแต่ก็เป็นเพียงโปรแกรม...
ภาพในอดีตในสมัยที่เธอยังเป็น Single Player ระดับแนวหน้าปรากฏกลับเข้ามาในความทรงจำ...น่าแปลกในตอนนั้นเธอได้ต่อสู้กับสิ่งที่ยากเกินความสามารถของเธอมาโดยตลอด แต่ทำไมทั้งๆที่ต้องตกในสถานการณ์เกือบตายหลายๆครั้งเธอถึงไม่ได้หวาดกลัวเลย...มันเป็นเพราะว่าไม่ได้มีชีวิตเป็นเดิมพันรึเปล่า ?...
ก็แน่ล่ะสิ...เพราะว่านั่นมันเป็นแค่เกมส์ยังไงล่ะ...
นี่มันก็เป็นเกมส์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ...
ไม่ใช่...นี่มันเป็นความจริงที่จากนี้เราต้องเผชิญต่างหาก...
แล้วมันต่างกันตรงไหน...
ฉันยังไม่อยากตาย...
งั้นก็หลับตาลงเสียสิทีรัก...เพียงเธอหลับไปเธอจะไม่ต้องรับรู้อะไรอีก...
ความคิดของแบล็คเริ่มเบาบางและเลือนลางลง...
นั่นสินะเพียงเธอหลับไป...เธอก็จะไม่ต้องรับรู้อะไรอีกต่อไป...
ลุกขึ้นสิ!!!
เฮือก!
แบล็คลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้นั้นเธอพบว่าตัวเองได้กลับมาอยู่ในห้องที่แสนจะคุ้นเคย...ฝ่ามือที่แสนคุ้นเคย...ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาแล้ว...
แบล็คลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ...เธอได้กลับมาบ้านของเธอแล้ว...สถานที่ที่เธอจะปลอดภัย...
เด็กสาวออกจากห้องและล็อคประตู...ความรู้สึกที่แปลกประหลาดก็เริ่มเข้ามา...
'ยัยนั่นยังไม่ตื่นอีกเหรอ ?'เเบล็คครุ่นคิดอย่างแปลกใจ ปกติถ้าเธอตื่นมาก็ต้องได้ยินเสียงทักว่า อรุณสวัสดิ์ จากเด็กสาวข้างห้อง แต่ในวันนี้มันกลับไม่มีเสียงใดและใครยืนอยู่ตรงนั้น แบล็คตัดสินใจเดินไปที่ห้องๆนั้น และเคาะประตู
"เฮ้...นี่มันกี่โมงแล้ว เฮ้ ฟา"แบล็คยังเคาะประตูต่อไปอีกสักพักแต่ทว่าไม่มีใครตอบกลับมา ในที่สุดแบล็คก็ตัดสินใจไปโรงเรียนก่อนเพราะว่ามันสายมากแล้ว
บรรยากาศในถนนที่คุ้นเคยนั้นแตกต่างออกไป ไม่มีความอบอุ่นหรือความรู้สึกใดๆนอกจากความมืดหม่น เด็กสาวขมวดคิ้วน้อยๆ มีบางสิ่งผิดปกติไป...
ทิม โบกมือยิ้มทักทายเธอตามปกติเมื่อทั้งสองเจอกัน แบล็คก็ทักตอบแล้วทั้งสองก็คุยทักทายกันเหมือนทุกๆวัน เพียงแต่บางสิ่งมันแปลกออกไป...
"วันนี้ อ.ไลท์ ไม่มาสอนเหรอ ?"ในคาบพักเที่ยงหลังจากเรียนคาบเช้าจบ แบล็คเอ่ยถามเพื่อนตัวใหญ่ของเธอ เพราะวันนี้คนที่เข้ามาในคาบโฮมรูมเป็นคนอื่นที่เธอไม่คุ้นหน้า ทิมดูแปลกใจในคำถามของเธอเล็กน้อย แต่คำตอบที่แบล็คได้รับกลับยิ่งทำให้เธอตกใจยิ่งกว่า
"พูดอะไรของนายน่ะ แบล็ค อ.ไลท์ เขาลาออกไปตั้งนานแล้วนะ"
"ได้ยังไงกัน!?"เมื่อวานเธอยังจำได้ว่าคุยกับอาจารย์อยู่เลย แล้วพอแบล็คสังเกตดีๆ ก็พบว่ามีหลายคนที่หายไปจากห้องรวมถึงไวท์ "มันเกิดอะไรขึ้น ?!!"
"จำไม่ได้เหรอแบล็ค ?"ทิมดูจะงุนงงกับท่าทีของเพื่อนรัก
"มันเกิดอะไรขึ้น ทิม!! อาจารย์ทำไมถึงลาออก แล้วทำไมไวท์ถึงไม่มาเรียน ตอบคำถามฉันสิ!!!"
"ครอบครัวของ อ.ไลท์ เสียชีวิตจากการติดอยู่ใน อาจารย์แกเลยต้องไปดูแลกิจการกับน้องสาวของครอบครัว ส่วนไวท์เองจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นเลย เฮ้ แบล็คนายจะไปไหนน่ะ!!"ทิมตระโกนเรียกเมื่อจู่ๆแบล็คก็วิ่งออกจากห้องไป
'ไม่จริง!! ไม่จริง!!'แบล็ควิ่งมาจนถึงร้านอาหารที่เขาคุ้นเคย ก่อนที่จะผลักมันเข้าไป คาดหวังอย่างสุดใจว่าคนที่รอเขาอยู่จะเป็นคนที่เขาคุ้นเคย
แต่ทว่า...มันไม่ใช่ คนที่ยืนอยู่ที่ครัวไม่ใช่หญิงสาวที่มีสีหน้าแบบหาเรื่องคนตลอดเวลา ผู้มีดวงตาสีม่วงภายใต้กรอบแว่นทรงเหลี่ยม แต่กลับกลายเป็น ชายวันหลักสี่ที่มีดวงตาสีแดงและเส้นผมที่ขาวที่เขารู้จักเช่นกัน อาจารย์ไลท์...
"นี่มันเป็นเวลาเรียนนะ แบล็ค เธอมาที่นี่ทำไม ?"ไลท์ดูงุนงงที่อดีตลูกศิษของเขาโผล่มาเวลานี้
"แล้วพี่สาวล่ะครับ พี่สาวอยู่ที่ไหน!!"
"พี่สาว ? พูดเรื่องอะไรของเธอน่ะ แบล็ค ?"ไลท์ยิ่งงุนงงหนักขึ้นกับท่าทางของอีกฝ่าย "หมายถึงเคทเหรอ ?"
"ใครมาเหรอคะ ไลท์"เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้นจากหลังร้าน ก่อนที่จะปรากฏตัวของเจ้าของเสียงคือเด็กหญิงร่างเล็กที่แบล็คเองก็รู้จักเช่นกัน เพียงแต่ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป เรอาในตอนนี้นั้นไม่มีความสดใสเหมือนครั้งสุดท้ายที่เขาเจออีกแล้ว เด็กสาวนั้นดูเหมือนสูญเสียความเป็นตัวตนและจิตวิญญาณของเธอไป เธอนั้นสวมชุดสีดำสนิทเหมือนชุดไว้ทุกข์ ดวงตาสีม่วงซึ่งหม่นหมองจ้องมองมาที่แบล็คอย่างว่างเปล่า ในช่วงขณะนั้นแบล็คเหมือนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกด้านมืดที่ถาโถมเข้ามาใส่เธอเหมือนคลื่นที่ซัดถล่มชายฝั่ง ทั้งความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง ความท้อแท้
"เรอา พี่สาวอยู่ไหน !!"
"พี่สาว..."เรอาพอได้ยินคำว่าพี่สาวเธอก็ชะงักไปชั่วขณะ...ก่อนที่เธอจะเดินหายไปหลังร้าน "แวะมาเยี่ยมพี่สาวงั้นสินะคะ ตามมาสิคะ"
แบล็ครีบเดินตามเรอาไปที่หลังร้าน ไลท์มองตามมาอย่างสงสัย แต่ทว่าดวงตาของเขาก็หม่นหมองลงเช่นกันในทันทีที่รู้ว่า พี่สาว ที่แบล็คตามหาคือใคร เขาดับเตาไฟลงก่อนเดินออกไปสูบบุหรี่ที่หน้าร้าน และเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางหลับตาลงโดยไม่พูดอะไร
ห้องที่เรอาพามาคือห้องของพี่สาว เด็กหญิงเปิดประตูเข้าไปข้างใน ทุกสิ่งข้างในนั้นยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนยกเว้นแต่ไม่มีใครอยู่ข้างในนั้นนอกจาก รูปถ่ายรูปหนึ่งที่ริมห้องกับกระถางธูป
"พี่สาว...พี่ชายแวะมาหา"เรอา นั้นเหมือนกำลังคุยกับบางสิ่งที่เธอมองเห็นเพียงคนเดียว "พี่ชาย เข้าไปสิ พี่สาวรออยู่"
แต่แบล็คนั้นไม่อาจจะก้าวขาข้ามพ้นบานประตูไปได้ ร่างของเธอแข็งทื่อจ้องมองสิ่งตรงหน้าอย่างไม่เชื่อในสายตา ก่อนที่จะหันไปมองเรอาที่ตอนนี้กำลังคุยเล่นกับใครบางคนที่ไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง
"เด็กคนนั้นเป็นแบบนั้นตั้งแต่เสียพี่สาวไป"
"อาจารย์ ?!"แบล็คสะดุ้งเฮือกมองชายร่างสูงข้างตัวที่ตอนนี้ดูจะสูบบุหรี่เสร็จแล้ว ดวงตาสีแดงของเขาเองก็หม่นหมองไม่แพ้กัน ชายวัยกลางคนถอนหานใจก่อนจะเดินเข้าไปข้างในแล้วเล่นกับเรอาทำเอาเด็กหญิงหัวเราะชอบใจใหญ่ แบล็คได้แต่มองภาพทีเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างแข็งค้าง ดวงตาสีอำพันเบิกกว้าง ในที่สุดเธอก็วิ่งหนีออกมา เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังจะวิ่งไปที่ไหน ความเจ็บปวดข้างในนี้เหมือนกับจะระเบิดออกมา เธอนั้นอยากจะกรีดร้องแต่ทว่าไม่มีแม้แต่เสียงใดดังออกมาจากลำคอ ความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างไปจากวันแรกที่เธอรู้ตัวว่าเธอติดอยู่ในออนไลน์เลย ต่างกันตรงที่ครั้งนี้จะไม่มีใครอยู่เคียงข้างเธออีกแล้ว
หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเธอเดินมาที่โรงพยาบาลกลางตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็กสาวที่สภาพจิตใจแทบจะแตกละเอียดเงยหน้าขึ้นมองโรงพยาบาลอันใหญ่โตตรงหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไป และเดินไปที่ประชาสัมพันธ์
'ห้องนี้สินะ...'แบล็คนั้นหยุดอยู่ตรงที่หน้าห้อง 2501 ซึ่งมีชื่อของคนๆหนึ่งติดอยู่ที่หน้าห้อง แต่ก่อนที่แบล็คจะเอื้อมมือไปเปิดประตู บานประตูก็เปิดออกมาเสียก่อนพร้อมกับร่างของคนสองคนที่ดูท่าจะเป็นครอบครัวของไวท์
"เธอคือ...?"คนทั้งสองมองมาที่แบล็คอย่างแปลกใจ
"ผม...ผมเป็นเพื่อนของไวท์ครับ"แบล็คตอบไปด้วยน้ำเสียงอันว่างเปล่า และเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน แบล็คผงะจนเผลอก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งดวงตาของสองสามีภรรยานั้นไม่ต่างไปจากดวงตาที่เรอาจ้องมองมาที่เขาเลย มันเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และมืดหม่น
"เข้ามาก่อนสิ ไวท์คงจะดีใจที่มีเพื่อนมาเยี่ยมเขา..."คนที่ดูจะเป็นแม่ของไวท์แย้มยิ้มเมื่อรู้ว่ามีคนมาเยี่ยมลูกชายของเธอ แบล็คก้าวเดินเข้าไปข้างในดวงตาสีอำพันของเด็กสาวยังคงเบิกกว้างราวกลับจะเก็บทุกรายละเอียดที่เห็นนี้เอาไว้
พ่อแม่ของไวท์นั้นต้องกลับไปทำงานต่อเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาของลูกชาย ทำให้แบล็คต้องอยู่ในห้องกับไวท์เพียงลำพัง เด็กสาวได้แต่มองภาพของคนที่เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้โดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ร่างของเด็กหนุ่มร่างสูงตอนนี้นอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วย ที่ศรีษะเครื่อง Gear ยังคงทำงานอยู่ แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการมีชีวิต เขานั้นเพียงแค่หลับฝัน...แต่การหลับฝันของเขานั้นไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน...สิ่งเดียวที่ยังหล่อเลี่ยงชีวิตของเขาเองไว้ก็คือถุงน้ำเกลือที่แขวนอยู่ข้างเตียง
เธอยังไม่ได้ขอโทษเรื่องที่ทำไปเมื่อตอนนั้นเลย...
ในที่สุดแบล็คก็ร้องไห้ออกมา เธอได้แต่ร้องไห้อยู่ที่ข้างเตียงนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน ราวกับจะปลดปล่อยความรู้สึกข้างในนั้นออกมา แต่ทว่ามันไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย ถึงเธอจะร้องไห้มากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีหญิงสาวร่างสูงไม่มากมาคอยปลอบ พ่อกับแม่ของเธอก็ยังอยู่ที่ต่างประเทศ ทุกสิ่งรอบตัวนี้คือความจริงที่เธอต้องเผชิญว่าตอนนี้เธอนั้นไม่เหลือใครอีกแล้ว...
'ฉันต้องกลับไป...'ในตอนนั้นที่ความคิดหนึ่งไหลผ่านสมองไป เด็กสาวเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือที่ชุ่มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างเล็กน้อย
'ใช่แล้วฉันต้องกลับไป...โลกแบบนี้ โลกที่ฉันต้องอยู่แบบนี้ ต่อให้มีชีวิตอยู่ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก!!!'เด็กสาวคิดแบบนั้นก่อนที่จะลุกขึ้นยืน เธอจะต้องกลับไป...เธอจะต้องกลับไปที่บ้านพักของเธอแล้วสวม Gear อีกครั้ง เธอจะไม่ยอมอยู่แบบนี้เด็ดขาด เธอครุ่นคิดถึงใบหน้าของเรอาก่อนมองดูใบหน้าที่หลับไหลอยู่ของเด็กหนุ่ม เธอตัดสินใจได้แล้ว...แต่ทว่า
เมื่อเธอกลับออกมาจากห้องผู้ป่วย เธอเห็นรถเข็นศพคันหนึ่งเข็นมา ผ้าที่คลุมศพอยู่ร่วงหล่น ทำให้แบล็คต้องก้มลงไปช่วยเก็บ ทันทีที่เธอลุกขึ้นมาจะส่งผ้าคืนให้ เจ้าของร่างที่นอนอยู่ที่เตียงนั้นก็ทำให้ดวงตาสีอำพันของเเบล็คเบิกกว้าง
ร่างที่นอนอยู่นั้นคือร่างที่เขารู้จัก...ร่างของเด็กสาวผู้มีเส้นผมสีทองยาวสลวย ซึ่งผิวซีดเผือกไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิต แบล็คได้แต่ยืนแข็งค้างอยู่ตรงนั้นแม้กระทั่งรถเข็นจะเคลื่อนผ่านไปนานมากแล้ว ดวงตาสีอำพันทอประกายแห่งความกราดเกรี้ยว เธอโกรธ...เธอโกรธตัวเอง...โกรธความขี้ขลาดของตัวเอง...เธอที่เลือกจะหนีจากทุกปัญหา แล้วทำตัวอยู่เหนือปัญหามาตลอด เธอเกลียดมัน...
เด็กสาวรีบมุ่งหน้ากลับที่พักของเธอ ซึ่งทันทีที่เธอกลับมาถึงห้องก็พบว่ามีชายคนหนึ่งในชุดสีดำสนิทนั่งรอเธออยู่ในมือของเขาถือ Gear เอาไว้ ชายคนนั้นเธอรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเธอเป็นคนที่สร้างเขาขึ้นมาเอง ชายคนนั้นคือ แบล็ค เฟเธอร์...
"ยินดีต้อนรับกลับครับ"แบล็คเอ่ยยิ้มๆ
"ส่งมันมาให้ฉัน ฉันจะต้องกลับไป"เด็กสาวยื่นมือไปแต่แบล็คก็แค่หมุน Gear เล่นโดยไม่สนใจท่าทางของอีกฝ่าย
"ทำไมถึงอยากกลับไปล่ะครับ ?"แบล็คถามโดยไม่หันมามอง
"ฉันไม่รู้ แต่ฉันต้องกลับไป!!"เด็กสาวยังคงยืนกรานคำเดิม แต่แบล็คก็ยังคงไม่ส่งคืนให้
"คุณเป็นคนเลือกทางนี้เองไม่ใช่เหรอครับ ?"แบล็คยิ้ม
"ฉันจะกลับไปช่วยพวกเขา"
"อย่างคุณจะทำอะไรได้ครับ"
"ฉันคนเดียวทำไม่ได้หรอก...แต่ถ้าทุกคนช่วยกันมันจะต้องสำเร็จ"เด็กสาวเอามือแตะที่อกของตัวเอง แบล็คก็ทำเพียงยิ้มอย่างเย้ยหยัน
"ใครเขาจะยอมมากับคุณกันครับ ใครๆก็กลัวตาย"
"ถ้ามัวแต่ยอมแพ้ก็จะไม่มีวันชนะ!!"ไม่รู้ทำไมคำพูดของเฟธถึงกับมาดังในห้วงสติ
"รู้ว่าสู้ไปยังไงก็แพ้จะเสียเวลาสู้ทำไมกันครับ"แบล็คโยน Gear เล่นไปมา
"ถ้าไม่ลองสู้ดู รู้ได้ยังไงว่าจะไม่ชนะ"
"ก็นั่นเป็นเส้นทางที่คุณเลือกเองตั้งแต่รู้ว่าโลกนี้มันไม่ใช่เกมส์ไม่ใช่เหรอครับ"สภาพห้องนั้นแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นสภาพห้องในออนไลน์อีกครั้ง ตรงกลางห้องนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่โอบกอดปลอบเด็กหนุ่มร่างสูงซึ่งดวงตาเบิกกว้างเอาไว้ "คุณเลือกที่จะอยู่ห่างจากการต่อสู้ทุกรูปแบบใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้คุณเป็นคนเลือกเองไม่ใช่หรือไงกันครับ"
"ฉันเดินผิดมาโดยตลอด...ใช่ฉันกลัว...แต่ทุกคนก็กลัว...ฉันเลือกที่จะทิ้งให้พี่สาวสู้เพียงลำพังโดยที่ฉันทำเพียงแค่มองอยู่ห่างๆ...แต่พี่สาวก็ไม่เคยแม้แต่จะว่ากล่าวฉันและยิ้มให้ฉันเสมอ เธอปกป้องฉันมาตลอดสามเดือน ขอร้องล่ะ ได้โปรดให้โอกาศฉัน ได้โปรดให้ฉันได้ช่วยครอบครัวของฉันช่วย"เด็กสาวพูดทุกคำพูดที่อัดอั้นในใจออกมาราวกับจะระบายถึงความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ในความจริง
แบล็ค เฟเธอร์แย้มยิ้ม เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินมาหา แบล็คสูงกว่าเธอมากแต่ยังไม่เท่ากับทิม เด็กหนุ่มก้มลงมามองเธอ ดวงตาสีอำพันทั้งสองประสานกัน เด็กหนุ่มยกมือขึ้นแล้วเช็ดคราบน้ำตาขอบเด็กสาวออก
"แน่ใจแล้วนะครับ นี่เป็นโอกาศครั้งสุดท้ายแล้วนะ"แบล็คยิ้มพลางปาดน้ำตาของเด็กสาวตรงหน้าออกจนหมด ก่อนลูบเส้นผมของเด็กสาวอย่างเบามือ เด็กสาวคนนี้ช่างอ่อนแอ เธอพยายามจะทำตัวให้เป็นผู้ชาย แต่เอาจริงๆเธอก็ยังเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง
"ฉันแน่ใจ"
"ถ้าหากคุณเลือกทางเดินนี้ แล้วพลาดพลั้งขึ้นมาจะกลับมาที่โลกนี้ไม่ได้แล้วนะครับ"สภาพรอบๆแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นห้องของเธออีกครั้ง "ในโลกแห่งนี้คุณจะได้อยู่อย่างสงบสุข ถึงแม้จะไม่มีคนเหล่านั้นแต่พ่อกับแม่ของคุณก็ยังอยู่"
"ทางเลือกที่ฉันเลือกท่านทั้งสองจะต้องเห็นด้วย"เด็กสาวตอนนี้เธอไม่ร้องไห้อีกแล้ว ดวงตาสีอำพันนั้นเปล่งประกายเหมือนในครั้งแรกที่เขาได้พบกับเธอ "ได้โปรดเป็นพลังให้ฉันด้วย แบล็ค เฟเธอร์"
ดวงตาสีอำพันของแบล็คเบิกกว้างเล็กน้อย...เขาหลุดหัวเราะออกมา ให้ตายสิ...เจ้านายของเขานี่ช่างซื่อบื้อเสียจริง...
"ห่ะ ห่ะ หัวเราะอะไรกันเล่า!!!"เด็กสาวหน้าแดงก่ำที่จู่ๆคนตรงหน้าก็หัวเราะแบบนี้
"ขอโทษครับ เพียงแต่ว่าคำพูดของคุณมัน ฮะๆๆๆๆ"แบล็คใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะหยุดขำได้ เขายีผมเด็กสาวที่ทำหน้าไม่พอใจเล่น ทำเอาเด็กสาวโวยวายใหญ่ "เข้าใจแล้วครับ ผมจะเป็นพลังให้คุณเอง จากนี้และตลอดไป ตราบเท่าที่คุณยังอยู่ในโลกอันไร้พรมแดนนี้ ไม่ว่าเมื่อไหร่คุณจะมีผมเคียงข้างเสมอ"
แบล็คสวม Gear กลับคืนให้เด็กสาวที่กำลังส่งยิ้มให้เขา
"จากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะ แบล็ค เฟเธอร์"เด็กสาวเอ่ยบอกกับคนตรงหน้าที่กำลังสลายหายไป โลกที่ดำมืดตอนนี้สว่างไสว
เช่นกันครับ เจ้านาย...
"อือ...."แบล็คลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เสียงสวดของจ้าวมังกรนั้นยังคงอยู่ ดวงตาสีอำพันฉายประกายเหมือนครั้งแรกที่เขาเข้ามาในเกมส์ๆนี้...
แบล็ค เฟเธอร์ กลับมาแล้ว...