@159473

ตอนที่ 14 สัจจะไม่มีในบัญญัติของคนทราม

fanasai View 361
"คุณเคียวยะเป็นอะไรรึเปล่าครับ ?"แบล็ครีบวิ่งไปดูอาการของชายหนุ่มที่ยังติดสถานะอัมพาท เคียวยะถอนหายใจเบาๆที่เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่เป็นอะไรมาก

"ปลอดภัย...ก็ดีแล้ว"ดูถ้าสถานะอัมพาทนั้นจะส่งผลให้การพูดลำบากมากขึ้นไปด้วย

"ไม่ต้องพูดต่อแล้วครับ ผมจะรีบพาคุณไปจุดปลอดภัยเดี๋ยวนี้"แบล็คทำท่าจะยกอุ้มเคียวยะไปหลบให้พ้นระยะทำลายของเวทย์มนต์

"ไม่ต้อง...นายรีบไป...เอาผลไม้นั่น...แล้วหลบตรงนั้นซะ..."ความต้องการของเคียวยะนั้นคือการให้เด็กหนุ่มรีบไปเก็บผลไม้สีรุ้งในตอนนี้ซึ่งเป็นเพียงโอกาศเดียว และให้เขาหลบอยู่ที่ใต้ตัวจ้าวมังกรเพื่อหลบเลี่ยงการทำลายล้างของเวทย์มนต์จากนั้นก็ให้ใช้จังหวะ 10 วินาทีที่ห้องบอสจะเปิดเมื่อมีการตายของผู้เล่นในทีม หนีออกจากเขตห้องบอสจากนั้นก็ใช้ขนนกกลับไปยังโรงแรม สรุปคือ เคียวยะต้องการสละตัวเองเพื่อให้ภารกิจครั้งนี้ลุล่วง

"ไม่ได้หรอกครับ ผมจะไม่ยอมทิ้งคุณเด็ดขาด"แบล็คปฏิเสธโดยไม่คิดมาก เขารีบอุ้มเคียวยะที่ต่อว่าไม่หยุดในความดื้อด้านของเขาไปหลบในเขตปลอดภัย

"จะทำบ้าอะไร..."เคียวยะพูดด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง เมื่อแบล็คเดินกลับเข้าไปในเขตต่อสู้

"ไปทำในสิ่งที่ผมถนัดที่สุดครับ"เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้มก่อนที่สายลมที่ไหลเวียนอยู่จะเข้ามารวมตัวที่เขา แสงสว่างแผ่พุ่งออกมาจากลมพายุนั้น ก่อนที่จะปรากฏเป็นร่างของหญิงสาวสะคราญโฉมดั่งเทพนิรมิตในชุดกระโปรงยาวสีดำสนิทรับกับเส้นผมที่ยาวสลวยเหมือนผ้าแพรที่ถักทอจากความมืดยามราตรีของเธอ ดวงตาที่หลับอยู่เผยขึ้นอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มแย้มรอยยิ้มบางเบา

เคียวยะมองภาพของหญิงสาวตรงหน้าแล้วอึ้งไปชั่วขณะ...ถึงเขาจะรู้ว่าคนตรงหน้าคือผู้ชายแต่พอเห็นแบบนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

"แย่จังเลยนะ...ต้องกลับมาเป็นร่างนี้อีกแล้ว..."แบล็คดูจะเปลี่ยนบุคลิกแบบหน้ามือเป็นหลังมือ หญิงสาวกอดอกพลางทำสีหน้าหนักใจก่อนที่จะยื่นแขนซ้ายออกมาแล้วเปิดหน้าต่างคลังไอเทมเลื่อนไปมาเหมือนจะหาของอะไรสักอย่างโดยไม่เห็นเงาหัวของจ้าวมังกรอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ

ปึ๊ด!!

เสียงของเส้นอารมณ์ที่ขาดผึงของจ้าวมังกร ทำให้มันคำรามอย่างกราดเกรี้ยว แต่หญิงสาวก็แค่เอานิ้วก้อยอุดหูข้างนึงเอาไว้แล้วเลื่อนหาไอเทมที่ต้องการต่อไป

"เจอสักที"หญิงสาวกดเลือกไอเทมก่อนที่ร่างของเธอจะทอแสงสว่างวาบ ในตอนนี้ชุดของเธอไม่ใช่ชุดกระโปรงสีดำยาวอีกต่อไปแต่กลายเป็นชุดเมดซึ่งในมือกำไม้ปัดขนไก่

เจอแบบนี้เข้าไปเคียวยะก็ถึงกับนั่งช็อค...เขารู้สึกเหมือนกับโดนดาเมจสองเท่าทำเอาใบหน้าแดงก่ำ เขารู้สึกเหมือนจะเลือดกำเดาไหลแต่ติดตรงที่ร่างกายที่ยังติดสถานะอัมพาทอยู่ทำเอาเขาเช็ดเลือดไม่ได้

ก๊าซซซซ!!!

จ้าวมังกรกรีดเสียงร้องคำรามลั่น ในที่สุดมันก็ร่ายมนต์เสร็จสักทีเห็นได้ชัดว่ามันดีใจเป็นที่สุดเพราะว่ามันยืนนานจนเมื่อยขาไปหมดแล้ว แสงจากวงเวทย์ทั้งพันทอแสงสว่างวาบ ก่อนที่อัสนีบาตนับพันสายจะพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

'หลบเร็วเข้า!!'เคียวยะได้แต่ตระโกนในใจ แต่ทว่าหญิงสาวในชุดเมดทำเพียงแย้มยิ้มเหมือนไม่สนใจแแล้วยืนหลับตาอย่างสงบต่อไป

"ทักษะเมด บท ความสะอาด บทที่ 1 ปัดฝุ่น"หญิงสาวเอื้อนเอ่ยก่อนที่จะสะบัดที่ปัดขนไก่ใส่ฝนอัสนีที่พุ่งเข้าใส่ เคียวยะหลับตาลงแบบไม่อยากมองเห็นภาพอันโหดร้ายเพียงแต่ว่าไม่มีเสียงกรีดร้องใดๆเกิดขึ้น เสียงระเบิดอันรุนแรงของฝนอัสนีนั้นรุนแรงและทำให้เขาที่อยู่ในเขตปลอดภัยถึงกับสั่นสะท้าน ถ้ำทั้งถ้ำส่งเสียงราวกับจะพังครืนลงมา เป็นเวลาช่วงขณะก่อนที่เสียงทั้งหมดจะเงียบหายไป ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนที่ดวงตาสีแดงจะเบิกกว้าง

หญิงสาวในชุดเมดยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไร้รอยขีดข่วน ในมือของเธอยังคงกำที่ปัดขนไก่เอาไว้ เธอทำเพียงแย้มยิ้มและยืนอยู่ในท่าทางที่สุดแสนจะเรียบร้อยเหมือนดั่งกุลสตรีสมบูรณ์แบบ แม้แต่จ้าวมังกรก็ยังมีสีหน้าที่ตกใจอย่างเห็นได้ชัดซึ่งทำเอาเคียวยะขำในใจเสียยกใหญ่อยากจะยกกล้องมาถ่ายวีดีโอตอนนี้เสียจริง

ก๊าซซ!! 

จ้าวมังกรที่เสียหน้าเพราะเวทย์ไร้ผลอีกครั้ง หมดความอดทนที่จะทำเท่ก่อนจะมันจะตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้แรงเป็นลุ่น จ้าวมังกรง้างหมัดก่อนจะชกมันเข้าใส่หญิงสาวที่ยังคงยืนนิ่งแบบไม่สะทกสะท้าน

"ทักษะเมด บท กฏเหล็กทั้ง 10 บทที่ 4 เมื่อเจ้านายเรียกใช้ต้องปรากฏตัวเคียงข้าง"

ผลุบ!!

หมัดที่ชกใสไปนั้นชกโดนเพียงแต่ความว่างเปล่า จ้าวมังกรดูจะงุนงงว่าเป้าหมายนั้นหายไปไหน แต่ไมถึงพริบตาหญิงสาวในชุดเมดก็มาปรากฏแบบชนิดที่ว่าต่อหน้าต่อตา โดยเธอนั้นมาปรากฏตัวอยู่บนปากของจ้าวมังกรห่างจากตาทั้งสองข้างไม่กี่ก้าวเท้าในมือนั้นกำไม้กวาดเอาไว้

"ทักษะเมด บท ความสะอาด บทที่ 2 กวาดบ้าน"เธอกล่าวพลางกวาดปากของจ้าวมังกรเบาๆ แต่มันแรงชนิดที่ว่าทำเอาจ้าวมังกรปลิวไปชนกำแพงหินด้านหลังของมันจนผนังหินพังถล่มล้มทับลงมาใส่ หญิงสาวทิ้งตัวลงมายืนบนพื้นอย่างสวยงามอาวุธในมือเธอกลายเป็นถุงใส่เมล็ดพันธุ์พืช หญิงสาวเปิดถุงก่อนจะโปรยเมล็ดไปทางจ้าวมังกรที่ล้มอยู่ 

"ทักษะเมด บท ดูแลสวน บทที่ 1 พรวนดิน"เธอกล่าวสิ้นคำบัญชาของเธอ รอบตัวเธอก็ปรากฏส้อมพรวนนับสิบก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่เมล็ดพันธุ์ที่โปรยไปในตอนแรก

"ทักษะเมด บท ดูแลสวน บทที่ 2 ใส่ปุ๋ย"หญิงสาวไม่รอช้าและออกคำบัญชาทักษะบทต่อไป เมล็ดพืชที่โปรยไปในตอนแรกซึ่งผ่านการพรวนดินทอแสงสีเขียวออกมาก่อนจะแตกยอดหน่อออกมาเป็นต้นกล้า ในมือเธอปรากฏอาวุธใหม่ออกมาเป็นฝักบัวรดน้ำ

"ทักษะเมด บทดูแลสวน บทที่ 3 รดน้ำ"สิ้นคำกล่าวของเธอ หญิงสาวก็เอียงฝักบัวลงเล็กน้อย สายน้ำที่ไหลลงมาจากปลายฝักบัวไหลไปทางต้นกล้าที่กระจายตัวอยู่รอบจ้าวมังกร ก่อนที่ต้นกล้าเหล่านั้นจะดูดซับน้ำไปจนหมดสิ้น

จ้าวมังกรสะบัดไล่ความมึนงงมันลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง มันไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกับมัน แต่ไม่ทันที่มันจะได้ทันตั้งหลักใต้ตัวมันก็เกิดเสียงสั่นสะเทือน เมื่อมันรู้ตัวที่จะบินหนีก็สายเกินกาล เถาวัยล์เส้นหนากว่าเมตรครึ่งนับสิบเส้นพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินรวบรัดร่างอันใหญ่โตของจ้าวมังกรให้หยุดตรึงติดพื้นจนมันไม่สามารถขยับตัวได้อีก แม้แต่ปากก็ยังถูกพันรัดโดยเถาวัยล์เส้นบางแต่มีนับหมื่นเส้นจนไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมา

เพียงไม่ถึงสิบนาที ร่างของจ้าวมังกรซึ่งทรงอำนาจก็ถูกสยบลงได้อย่างง่ายดาย เป็นจังหวะเดียวกับสถานะอัมพาทของเคียวยะได้หมดลงไป ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อในสายตา เหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาตามมันไม่ทัน

"คุณเคียวยะ หลุดจากสถานะอัมะพาทแล้วสินะคะ"หญิงสาวในชุดเมดหันมายิ้มให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินตรงเข้ามา ทำเอาเคียวยะเผลอก้าวถอยหลังอย่างตกใจ หญิงสาวล้วงไปในกระเป๋ากระโปรงก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาให้ "เชิญใช้ได้ตามสะดวกค่ะ"

"เอ๊ะ ?"เคียวยะดูงงเล็กน้อย แต่แบล็คก็แค่ยิ้มแล้วชี้ไปที่จมูกของเธอ เคียวยะหน้าแดงก่ำเมื่อนึกได้ถึงเลือดกำเดาที่ไหลอยู่เมื่อครู่ก่อนจะรีบคว้าเอาผ้าเช็ดหน้าแล้วหันหลังมาเช็ดคราบเลือดออกไปการใหญ่

'ให้ตายสิ ใจร่มๆไว้ นั่นมันตัวผู้นะเฟ๊ย!!'เสียงในใจของเคียวยะดังโวยวาย เขารีบไอกลบเกลื่อนก่อนจะหันกลับมา"ไว้ผมจะทำความสะอาดคืนให้นะครับ ว่าแต่ขอบคุณมากครับ"

"ด้วยความยินดีค่ะ นายท่าน"แบล็คพูดยิ้มๆ ทำเอาเคียวยะถึงกับเลือดกำเดากระฉูดอีกรอบ แต่เคียวยะจะรู้ไหมนะว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มแบบนี้ ในใจของแบล็คนั้นแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว

'คุณเคียวยะคะ ช่วยเลิกคุยกับฉันสักทีเถอะ!!! ฉันอายตัวเองจะแย่อยู่แล้ว!!! ไอระบบบ้าเอ๊ย จะบังคับคำพูดกันเกินไปแล้วนะ!!!'

ดูเหมือนหากเป็นแบบนี้ต่อไป เคียวยะเองก็คงจะไม่รอด ชายหนุ่มเองก็ไม่ถนัดรับมือกับเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ ในที่สุดเขาก็รีบเปลี่ยนบทสนทนาที่เริ่มสร้างบรรยากาศแปลกๆไปสนใจจ้าวมังกรที่โดนมัดแทน

"ว่าแต่สุดยอดเลยนะครับ ที่สามารถจัดการ จ้าวมังกรที่ระดับ 32 ได้ในเวลาไม่นานแบบนี้"ชายหนุ่มหันมาชมอย่างจริงใจ เขาไม่เคยเห็นทักษะที่มีความสัมพันธ์และรวดเร็วขนาดนี้มาก่อน

"ไม่หรอกค่ะ เพียงแต่จ้าวมังกร เป็นรูปแบบที่มันเข้าทางสายคลาสพอดีเท่านั้นเองค่ะ"หญิงสาวในชุดเมดตอบอย่างสุภาพ แต่เอาจริงๆแบล็คไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้เลย แต่จะเปลี่ยนไปใส่ชุดคลาสอื่นก็ไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้น เถาวัลย์พวกนั้นก็จะหายไปในทันที

"งั้นก็จัดการมันทิ้งเลยก็แล้วกันครับ ไหนๆมันก็ขยับตัวไม่ได้แล้วด้วย"เคียวยะหันมาบอกแบล็ค ด้วยความสามารถระดับนี้การฆ่าจ้าวมังกรก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทว่าคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับทำหน้างุนงงเป็นอีกครั้งในรอบวัน

"เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ"

"ทำไมล่ะครับ ?"

"เพราะสายคลาสสายนี้ ไม่มีความสามารถในการโจมตีเลยค่ะ"

"เอ๊ะ ?"คิ้วของเคียวยะแทบจะขมวดเข้ามารวมกันเป็นปม

"คลาส Lady สายเมด เป็นคลาสทักษะการป้องกันสมบูรณ์แบบน่ะค่ะ จึงไม่มีความสามารถในการต่อสู้ใดๆเลย และถ้าหากไม่เห็นว่าการโจมตีนั้นจะมาจากทิศทางไหนก็จะไม่สามารถใช้ทักษะของสายเพื่อป้องกันตัวได้ค่ะ"หญิงสาวตอบอธิบายข้อสงสัย

"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง มิน่าพวกตัวใหญ่แต่สมองเล็กอย่างจ้าวมังกรถึงได้แพ้เอาง่าย"เคียวยะได้ข้อสรุป แต่เหมือนเขาจะพูดดังไปหน่อยเพราะจ้าวมังกรนั้นส่งเสียงในลำคอคำรามลั่น แต่เพราะอ้าปากไม่ได้เสียงคำรามมันจึงอู้อี้

"และในสายอื่นของคลาสก็มีความสามารถในการโจมตีสินะครับ งั้นเปลี่ยนเป็นสายคลาสอื่นได้รึเปล่าครับ เพราะคลาสของผมการต่อสู้กับระดับที่ต่ำขนาดนี้สร้างความเสียหายให้มันแทบไม่ได้เลยล่ะครับ"เป็นอีกครั้งที่แบล็คได้เห็นว่าเคียวยะนั้นพูดยาวมากกว่าปกติ

"เรื่องนั้นก็ไม่สามารถทำได้ค่ะ"คำตอบของหญิงสาวทำให้คิ้วของเคียวยะกลับมาขมวดเข้าหากันอีกครั้ง

"เพราะถ้าดิฉันเปลี่ยนไปในสายอื่น ผลจากทักษะของสายเดิมที่ทำงานอยู่จะถูกยกเลิกผลค่ะ"

"หมายความว่าถ้าคุณเปลี่ยนสาย เถาวัลย์พวกนั้นก็จะหายไปสินะครับ"คำตอบที่ได้รับทำให้เคียวยะต้องกุมขมับ จะฆ่าก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ แล้วนี่จะยังเหลือทางไหนให้พวกเขาเลือกอีกล่ะเนี่ย "ช่างเถอะ อันดับแรกพวกเราไปเอาผลสายรุ้งกันก่อนเถอะครับ"

แบล็คพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมา เธอไม่อยากจะพูดคำที่ฟังแล้วชวนขนลุกอย่าง นายท่าน อีกต่อไปถ้าเป็นไปได้ เธอเดินตามเคียวยะไปที่ต้นสายรุ้งอย่างเงียบๆ จ้าวมังกรพยายามดิ้นให้หลุดจากการมัดตรึงแต่ทว่าไม่สามารถทำได้ ดวงตาสีเหลืองทองจ้องมาที่ทั้งสองอย่างกราดเกรี้ยว

หมับ!!

"เอ๊ะ..."เคียวยะอุทานอย่างตกใจ วันนี้มันเป็นวันอะไรของเขากันนะ ถึงได้แต่เจออะไรที่มันคาดไม่ถึงตลอดเวลา ผลสายรุ้งนั้นมันเหนียวมากชนิดที่ว่าไม่ว่าจะออกแรงมากแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถดึงผลออกจากกิ่งได้เลย ความรู้สึกนั้นเหมือนเขากำลังจะดึงอะไรสักอย่างที่หนักพอสมควรซึ่งฝังอยู่ใต้ดินเสียมากกว่า หลังจากพยายามออกแรงอยู่สักพักมันก็ไม่เป็นผล ถ้าหากเป็นเอ็ดเวิร์ดเขาเชื่อว่าจะต้องดึงมันขึ้นมาได้ง่ายๆแน่นอน หรือไม่ถ้าได้หุ่นยนต์ของคุณไมมาช่วยสักตัวก็คงจะดีไม่น้อย ในที่สุดเคียวยะก็หันมาขอความเห็นจากหญิงสาวข้างกาย

"ขอดิฉันลองดูนะคะ"หญิงสาวโค้งตัวให้เล็กน้อย ก่อนจะหยิบเอากรรไกรตัดกิ่งไม้ออกมา

"ทักษะเมด บท ดูแลสวน บทที่ 9 ตกแต่ง"กรรไกรตัดกิ่งในมือหญิงสาวทอแสงสว่างวาบ ก่อนที่เธอจะจัดการกระน่ำแทงใส่ต้นสายรุ้งอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ดวงตาอันเฉียบคมของเคียวยะก็ยังมองตามไม่ทัน แต่ทว่าผลที่ได้รับก็ไม่ต่างไปจากเดิม ผลสายรุ้งยังคงอยู่ที่เดิมแต่ต้นของมันนั้นกลายสภาพเป็นนกยูงไปเสียแล้ว

"ดูเหมือนจะไม่ได้นะคะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ นายท่าน"แบล็คอยากจะกัดลิ้นของตัวเองทิ้งเสียจริงๆ ดูเขาจะเผลอหลุดปากพูดคำชวนขนลุกออกไปอีกแล้ว

"อ่ะ...เอ่อ ไม่เป็นไรครับ"เห็นได้ชัดว่าเคียวยะเองก็รู้สึกกระดากแบบแปลกๆ ชายหนุ่มเกาแก้มเบาๆ เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของแบล็คอยู่จึงไม่อยากจะพูดต่อความยาวมากกว่านี้ "ลองเปลี่ยนเป็นทักษะที่ใช้ขุดดูดีกว่านะครับ ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรสักอย่างฝังอยู่ใต้ดิน"

แบล็คพยักหน้ารับรู้ และเปลี่ยนอาวุธเป็นพลั่ว "ทักษะเมด บทดูแลสวน บทที่ 5 ขุด"

ตูม!!!!!!

ทันทีที่สิ้นคำประกาศทักษะแรงระเบิดมหาศาลพร้อมกับเศษดินจำนวนมากก็ปลิวกระจายไปทั่ว ทำเอาคนที่อยู่ในระยะอย่างเคียวยะโดนดินเปื้อนตัวไปเต็มๆ ส่วนแบล็คเมดนั้นยังคงสะอาดไร้คราบเปื้อนเช่นเดิม สิ่งที่ปรากฏให้เห็นนั้นคือแท่งรูปทรงคล้ายหลอดแก้วเพียงเป็นสีทึบ ความสูงประมาณเมตรกว่าซึ่งมีประตูแต่ไม่มีที่จับ...

"ฝากด้วยนะครับ"เคียวยะพูดต่อ งานแบบนี้ดูจะลำบากเกินความสามารถของเขา แบล็คเมดทำท่าทางแบบจะบอกว่าไว้ใจได้เลย ก่อนจะใช้ทักษะขุดเอาพลั่วเสียบช่องประตูแล้วออกแรงงัด ทำเอาอะไรก็ตามที่อยู่ข้างในส่งเสียงโวยวายใหญ่ และแล้วบางสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ก็เปิดประตูออกมา

สิ่งที่โผล่ออกมานั่นคือหญิงสาวร่างสูงสง่า ผู้มีเส้นผมสีแดงดั่งเพลิงรับกับดวงตาสีทับทิม ดูมีราศีแห่งความเป็นผู้นำในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีขาวรับกับสีผิวของเธอ แต่เธอคงจะดูดีกว่านี้ถ้าไม่สวมผ้าคาดหัวที่เขียนข้อความไว้ว่า 'ต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับสัตว์โลกที่น่าสงสาร' พอมองเข้าไปข้างในหลอดแก้วนั้น สิ่งที่เห็นก็ทำเอาทั้งสองถึงกับตะลึงงัน เพราะมันคือเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องซึ่งบีบอัดแน่นอยู่ในนั้น รวมถึงอุปกรณ์บังคับ ซึ่งภาพที่หน้าจอกำลังฉายภาพของพวกเขาอยู่ เคียวยะหันควับไปมองจ้าวมังกรที่โดนเถาวัลย์พันตัวอยู่ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ...

เคียวยะกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ เขารู้สึกว่าวันนี้ชีวิตเขามันช่างดูงี่เง่าพิกล ในตอนนี้มีแต่เรื่องแปลกๆเกิดขึ้นจนทำเอาเขาลืมเรื่อง กุล ไปเสียสนิท

"คุณแบล็ค ยกเลิกผลทักษะได้เลยครับ จ้าวมังกรทำอะไรเราไม่ได้แล้วล่ะ"เคียวยะพูดแบบเหนื่อยๆ แบล็คแม้จะงุนงงแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี จากหญิงสาวกลับมาเป็นเด็กหนุ่มผิวขาวอีกครั้ง หญิงสาวผู้เหมือนเปลวเพลิงจ้องมองแบล็คเหมือนศัตรูคู่อาฆาตมาแต่ชาติปางก่อน

จ้าวมังกรนั้นยังคงนอนนิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว แบล็คเอียงคอมองอย่างงุนงง

"คุณคือ จ้าวมังกร สินะครับ"เคียวยะที่กำลังเหนื่อยใจกับชีวิตที่ไร้ซึ่งแก่นสารถามหญิงสาวตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาหญิงสาวที่กำลังจ้องแบล็คอยู่สะดุ้งเฮือก

"คะ ค่ะ!!!"

"ห๊ะ ?"แบล็คถึงกับงงกับสารที่ได้รับ "ผู้หญิงคนนี้คือจ้าวมังกร ? แล้วไอตัวนั่นมันอะไรกันล่ะครับ!!!!"

"คงจะเป็นหุ่นจักรกลอะไรทำนองนั้นล่ะมั๊ง แบบหุ่นยนต์ของคุณไมไง ก็ไม่แปลกที่กระสุนของผมจะยิงมันไม่เข้า"เคียวยะพูดแบบเบื่อหน่าย บางทีการที่เขาไม่รู้ความจริงเลยน่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า ซึ่งแบล็คเองก็มองสลับไปสลับมา ระหว่างมังกรตัวใหญ่กับหญิงสาวที่กำลังทำหน้าเชิดอย่างภูมิใจในผลงานของเธอ

"ใช่แล้วล่ะ เจ้านี่คือหุ่นยนต์ของเราเอง ชื่อของมันคือ จ้าวมังกร Ver 10.1"หญิงสาวผู้เหมือนเปลวเพลิงดูจะรอเวลานี้มานานพอตัว เธอทำการโฆษณาความสามารถของหุ่นยนต์เธอเสียยกใหญ่ สองหนุ่มก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆแล้วปรบมือแปะๆทำเอาหญิงสาวหัวเราะชอบใจใหญ่

นี่มันเรื่องบ้าอะไรฟะเนี่ย...

หลังจากสอบถามโดยคุณเคียวยะ (เพราะเธอนั้นเกลียดขี้หน้าแบล็คเอามากๆเนื่องจากเขาไปถล่มหุ่นยนต์ของเธอซะพังยับไปหลายสิบตัว) เธอนั้นมีชื่อ ดราเนีย เป็นผู้นำมังกรรุ่นที่ 50 (49 รุ่นก่อนหน้านี้โดนผู้กล้าสังหารไปหมดแล้ว) เพียงแต่ว่าเธอนั้นไม่มีความสามารถเหมือนจ้าวมังกรรุ่นก่อนๆทำให้เธอไม่สามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้ เธอจึงหันไปศึกษาจักรกลของพวกมนุษย์โดยการแฝงตัวไปศึกษา และทำการปรับแต่งจนสร้างหุ่นจ้าวมังกรตัวแรกขึ้นมาสำเร็จแต่ทว่าไม่ทันไรมันก็โดนพังยับโดยแบล็คที่โผล่เข้ามาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย (พอพูดถึงตอนนี้เธอก็หันควับไปมองแบล็คที่ได้แต่เกาแก้มแห้งๆ)

พอพูดถึง ผลสายรุ้ง หญิงสาวก็ทำสีหน้างุนงงเพราะเธอไม่รู้เจ้าของแบบนั้นเลย เพียงแต่เคียวยะเองก็ทำการยืนยันข้อมูลที่เขาได้รับ ดราเนียดูข้อมูลในแผนที่นั้นโดยนึกทำสิ่งที่มันน่าจะใช่ แต่สุดท้ายมันก็ล้มเหลวเพราะว่าเธอนึกไม่ออกเลย แบล็คเหน็บเธอไปว่าเพราะมัวแต่ขังตัวเองไว้ในห้องเลยไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ก็เลยโดนดราเนียปาหินก้อนหนึ่งใส่ ซึ่งแบล็คก็โยนหัวหลบได้อย่างง่ายดาย ทำให้เห็นได้ชัดว่า ดราเนีย ไม่มีความสามารถในการต่อสู้สักนิด เคียวยะตัดสินใจที่จะพา ดราเนีย กลับไปด้วย เพราะเธอเป็น NPC สายนักประดิษฐ์ที่มีความสามารถมากแน่นอนว่ามันจะช่วยเพิ่มทักษะของ ไม ที่ตันในการเลื่อนระดับคลาสได้อย่างแน่นอน

"โอ๊ะๆๆๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันละครับ"เสียงๆหนึ่งที่นิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ดังขึ้นจากตรงปากทางเข้าที่ตอนนี้ม่านผนึกห้องบอสได้หายไปแล้ว กุล เดินเข้ามาเพียงลำพังในสภาพที่ชุดขาดวิ่น ในมือของเขาถือสิ่งของที่ทั้งสองคุ้นตาเอาไว้...มันคือคทาของเฟธ

กุล มอง ภาพที่เกิดขึ้นก่อนจะแย้มยิ้มวิปลาศระดับการประมวลผลของชายคนนี้ไม่ธรรมดาเพียงมองแค่ชั่วครู่เดียวเขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด ชายหนุ่มส่งสายตาจ้องตรงไปที่ ดราเนีย อย่างหิวกระหาย หากได้สิ่งๆนี้มาไว้ในกำมือ มันจะทำให้เขามีอำนาจต่อรองกับ ดาร์ก ได้ในทันที

"แกฆ่าเฟธไปแล้วสินะ"เคียวยะเดินมาขวางระหว่างดราเนียกับกุลเอาไว้ ในมือของเขากำลูกซองแฝดเอาไว้ ดวงตาสีทับทิมจ้องมองคู่สนทนาอย่างมุ่งร้าย หญิงสาวใบหน้าซีดเผือกเมื่อเจอสัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายที่ชัดเจนมุ่งตรงมาทางเธอ แบล็คเองก็ไม่รู้จะทำยังไงสุดท้ายก็ต้องเข้าไปปลอบอีกเช่นเคย ในตอนนี้แบล็คกำลังคิดว่าเขามีหน้าที่เป็นจิตเเพทย์คอยดูแลผู้หญิงหรือยังไง

"เฟธ...อ่าใช่แล้ว เธอสู้สุดชีวิตเลย ทำเอาลูกทีมของผมตายซะเกลี้ยง แถมอาวุธคู่ใจผมยังพังไปพร้อมๆกัน แต่น่าเสียดายที่เธอตายก่อนจะฆ่าผมได้"กุลยิ้ม เขาไม่เสียใจสักเท่าไหร่ที่ต้องเสียลูกน้องพวกนั้นไปเพราะอย่างไรก็ตามเขายังมีให้ใช้งานอีกมาก แถมสิ่งที่เขาได้พบในครั้งนี้มันก็คุ้มค่ากับที่เสียไป

"แกเสียอาวุธคู่ใจไปแล้ว แกเองก็น่าจะรู้ว่าสู้กับฉันตอนนี้ยังไงก็ไม่ชนะ"เคียวยะพูดเสียงเย็นเฉียบ ถึงสถานะของห้องบอสจะหายไปแล้ว แต่ก็ยังถือเป็นเขตห้ามใช้ปีก ทางเดียวที่จะใช้ปีกได้คือการฝ่ากุลซึ่งขวางทางออกอยู่ออกไป

"คิดว่าผมไม่ได้เตรียมแผนอะไรมาเลยหรือไง ถึงจะผิดคาดไปนิดหน่อยที่ เฟธ เก่งกว่าครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน แต่มันก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่"กุลดีดนิ้ว ด้านหลังของเขาปรากฏกลุ่มคนผ้าคลุมสีดำนับร้อยยืนอยู่เบื้องหลัง "อย่าลืมสิครับว่าผมมีข้อมูลมากกว่าคุณ..."

กลุ่มคนด้านหลังของกุลกระจายตัวไปรอบห้องบอส เคียวยะไม่สามารถทำอะไรได้เพราะถ้าเขาเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ซึ่งที่จะตามมาก็คือการโดนรุมถล่มจากคนนับร้อยเป็นแน่ ตัวของเขาคนเดียวเชื่อว่าเขาฝ่าออกไปได้ไม่ยากเย็น แต่สองคนข้างหลังจะเป็นยังไงต่อไป

"โอ๊ะ โอ๋...ถ้าคิดจะไปก็เชิญเลยครับ...ผมอนุญาต แต่เจ้าสิ่งนั้นต้องอยู่ที่นี่นะครับ"กุลที่รับเสื้อคลุมตัวใหม่มาสวมหมุนคทาของเฟธเล่น ดวงตาสีซีดของเขาจ้องตรงไปที่ดราเนีย ทำเอาหญิงสาวยิ่งสั่นสะท้านหนักยิ่งขึ้น เธอไม่เคยพบแรงกดดันขนาดนี้มาก่อน

"คุณแบล็ค ชุดเมดของคุณใช้ในสถานการณ์แบบนี้ได้ไหมครับ"เคียวยะกระซิบ

"ไม่ไหวหรอกครับ พวกมันมีมากเกินไป"แบล็คตอบไปตามตรง เขารู้สึกได้ถึงแรงบีบจากหญิงสาวที่อยู่กับเขา ความรู้สึกของเขาเหมือนมองเห็นภาพซ้อนของฟรอเซ็นขึ้นมาชั่วขณะ

"ไม่ไหวจริงด้วยสินะ..."เคียวยะพูดพึมพำ ก่อนที่เขาจะกระชาก ดราเนีย ออกมาจากแบล็ค ก่อนใช้ลูกซองจ่อชิดขมับทำเอาทั้งแบล็คและดราเนียถึงกับดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ "ถอยออกจากทางออกซะ กุล ฉันรู้ว่าแกต้องการแม่นี่ แกไม่ถอยยัยนี่ตาย!!!"

กุล ที่โดนบังคับให้เลือกดูจะไม่ตกใจสักเท่าไหร่ ดวงตาสีซีดของเขามองมาที่เคียวยะอย่างเย้ยหยัน เขากวักมือเรียกคนในชุดคลุมคนหนึ่งออกมา ร่างในผ้าคลุมดึงผ้าออกเผยให้เห็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่งในชุดแบบนักบวช ซึ่งมีเส้นผมสีขาวเหมือนหิมะและดวงตาแดงทับทิมซึ่งหมดหมอง ทันทีที่เห็นเด็กสาวคนนั้นดวงตาของเคียวยะก็เบิกกว้างอย่างเห็นได้ชัด ร่างของชายหนุ่มสั่นสะท้าน

"ถ้าเธอตาย น้องสาวของคุณก็ตาย"กุลยิ้มพลางโอบกอดเด็กสาวที่กลายเป็นเพียงตุ๊กตาเอาไว้ พลางใช้มีดสั้นจ่อชิดคอที่ขาวนวล

"แก..."เคียวยะคำรามเหมือนสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บ มือที่จับปืนเอาไว้สั่นเกร็งแน่นจนเส้นเลือดปูนโปนขึ้นมา สีหน้าของเคียวยะตอนนี้กราดเกรี้ยวจนเห็นได้ชัด

"ว่าแต่คุณรู้อะไรไหมครับ..."จู่ๆกุลก็พูดขึ้น ขณะลูบไล้ใบตามใบหน้าของเด็กสาวในอ้อมแขน ทำเอาความกราดเกรี้ยวของเคียวยะยิ่งทวีคูณ "ถ้า NPC ที่เกิดจากการตายของผู้เล่นถูกฆ่าซ้ำซ้อน พวกเขาจะตายและหายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์...ไม่สามารถกลับไปที่โลกเดิมได้อีก ผมก็ไม่รู้ว่าจริงไหมแต่ว่ามันก็น่าลองจริงไหมครับ"

"ปล่อย...ปล่อยเธอซะ"เคียวยะที่ถูกกุมจุดอ่อนอย่างเดียวของเขาเอาไว้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว

"ส่งผู้หญิงคนนั้นมาสิครับ ผมจะรับรองความปลอดภัยของน้องสาวคุณให้"กุลตอบกลับ

ดราเนียรู้สึกเหมือนใจหายวูบเมื่อเธอเห็นความลังเลในดวงตาสีทับทิมของชายที่จับเธอเอาไว้อยู่ ริมฝีปากของหญิงสาวกลายเป็นเส้นตรงบางเฉียบ ในที่สุดก็ก็ตัดสินใจพูดออกมา

"ปล่อยฉันให้พวกเขาเถอะค่ะ น้องสาวของคุณจะได้ปลอดภัย"คำพูดของเธอทำให้เคียวยะเกิดความลังเลหนักขึ้น เธอเป็นกุญแจสำคัญที่อาจจะนำมาซึ่งชัยชนะของฝ่ายผู้เล่นได้ซึ่งนั้นหมายถึงอิสระภาพจากโลกที่ถูกจองจำแห่งนี้ ในระหว่างที่เขากำลังตัดสินใจเขาไม่รู้ตัวเลยว่าดราเนียได้แอบใส่บางสิ่งลงไปในกระเป๋าไอเทมของเขา

"แต่ว่า..."ในที่สุดเคียวยะก็ตัดสินใจพูดออกมาแต่โดนหญิงสาวยกนิ้วปิดปากของเขาเอาไว้เสียก่อน เธอผละตัวออกจากการล็อคที่ไร้ซึ่งเรี่ยงแรงของเคียวยะอย่างง่ายดาย ก่อนจะยืนเด่นสง่าดุจดั่งราชินีผู้ทรงอำนาจ

"เอาล่ะ เจ้าพวกต่ำทราม ข้าตัดสินใจจะไปกับพวกเจ้า จงปล่อยสองคนนี้ไปซะ!!!"เธอประกาศก้อง

"ฮะๆๆๆ ถ้าแบบนั้นก็เดินมาทางนี้เพื่อยืนยันถึงเจตนาสิ ราชินี จากนั้นผมจะปล่อยพวกเขา"กุลยิ้ม ดราเนียเดินตรงไปโดยเก็บซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้

เคียวยะได้แต่ยืนนิ่งทิ้งแขนให้ร่วงลงสู่พื้น ดวงตาสีทับทิมเบิกกว้าง ส่วนแบล็คเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากและถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ดวงตาสีอำพันจ้องมองไปที่กลุ่มคนรอบๆ พวกนั้นจู่ๆก็หยิบอาวุธออกมา หรือว่า!!!

ในชั่วพริบตาที่แบล็คพุ่งออกไปเพื่อดึงตัวดราเนียกลับมา ดาบเล่มใหญ่ของลูกน้องคนหนึ่งของกุลก็ฟาดลงมาจากด้านบน แบล็คแค่นเสียงสบถและพลิกตัวข้ามไปแต่สุดท้ายก็โดนกำปั้นลุ่นๆอัดเข้าที่ชายโครงอย่างจังจนกระเด็นกลับไปนอนหมอบที่เดิม

"นายปีศาจ ว๊าย!!!"ดราเนียร้องเสียงหลง เมื่อทันทีที่เธอหันกลับไปมอง ก็โดนมือข้างหนึ่งกระชากเส้นผมของเธอเอาไว้ กุลยิ้มให้ดราเนียที่กำลังหวาดกลัวด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร

"ได้ของแล้ว..."

"รักษาสัญญาสิ ปล่อยพวกเขาไป!!"ดราเนียร้อง เมื่อจู่ๆพวกกลุ่มคนที่ยืนล้อมรังมังกรเริ่มบริกรรมคาถา

"ผมปล่อยแน่ครับ แต่ในสัญญาของเราไม่ได้กำหนดนิครับ ว่าให้ผมปล่อยอะไร"กุลเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก ทำเอาหญิงสาวถึงกับสั่นสะท้าน ดวงตาสีแดงเพลิงของเธอเบิกกว้าง แต่ก่อนที่เธอจะได้ขัดขืนเธอก็ถูกซัดเข้าที่ท้องอย่างแรงจนสลบเหมือดลงไปโดยลูกน้องที่ใช้กำปั้นชกแบล็คไปก่อนหน้านี้

"ฆ่าเขาซะ"กุลสั่งพวกที่ร่ายมนต์อยู่โดยโยนดราเนียที่หมดสติไปให้ลูกน้องอีกคน ก่อนจะเดินกลับไปที่ทางออกโดยไม่สนใจ คนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องอีก แต่ก่อนที่เขาจะใช้ปีก กุลก็หันมายิ้มให้กับเคียวยะที่ยืนนิ่งเหมือนวิญญาณหลุดไปจากร่าง "งั้นไว้พบกันใหม่นะครับ คุณเคียวยะ"

เสียงบริกรรมมนตราของเหล่าคนในผ้าคลุมดังก้องราวกับเสียงสวดของพิธีกรรม ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งรอรับชะตากรรม ในสมองนั้นครุ่นคิดแต่น้องสาวของเขาที่เสียชีวิตไปเพราะความล้มเหลวของตัวเองจนต้องกลายไปเป็น NPC เขาเชื่อมาตลอดว่าเธอจะยังปลอดภัยดีแต่ทว่ามันไม่ใชเมื่อมาตกอยู่ในกำมือของกุล เด็กหนุ่มที่นอนสลบอยู่ข้างๆเขามีสีหน้าที่เจ็บปวดจากการโดนชก อย่างน้อยถ้าจะตายเขาก็ไม่อยากจะสร้างภาระให้ใครตายไปด้วย

เคียวยะปลดกระเป๋าไอเทมของเขาก่อนจะสวมมันให้กับแบล็ค โดยที่กลุ่มคนที่กลายเป็นเพียงตุ๊กตาไม่สนใจเพราะพวกเขาทำตามมาเพียงคำสั่งที่ได้รับ ดวงตาสีทับทิมของเคียวยะในตอนนี้มืดหม่น หลังจากติดกระเป๋าทั้งหมดให้แบล็คแล้ว เขาก็โยนแบล็คออกไปในเขตปลอดภัยในจังหวะเดียวกับที่เสียงสวดของเหล่าตุ๊กตาสิ้นสุดลงพร้อมกับแสงหลากสีของมวลคาถาที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า

ขอโทษนะครับคุณเคท...ที่ผมรักษาสัญญาไว้ไม่ได้