ทางเดินที่ทอดยาวของฐานบัญชาการลับมีลักษณะไม่ต่างไปจากศูนย์รบในพวกหนังแนวไซไฟ กำแพงและโครงสร้างนั้นดูล้ำผิดยุคผิดสมัยของเกมส์มากนัก แบล็ค หันมองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ ระหว่างที่เขาเดินตามชายผู้แบกเด็กหญิงไว้บนหลัง ก็พบคนเดินผ่านหลายคนมีทั้ง NPC และผู้เล่น โดยที่น่าแปลกที่ทุกคนเมื่อเห็นเวสต้าก็จะเอามือนาบที่อกแล้วโค้งตัวให้เล็กน้อย แสดงความเคารพเหมือนกับเฟธที่มักจะทำแบบนั้น แต่พอคิดถึงเฟธแล้วสีหน้าของแบล็คก็แย่ลง เพราะพอนึกถึงเฟธเธอก็จะพาลนึกยาวไปถึงเคียวยะด้วย
"เอาล่ะ ถึงแล้วครับ"สถานที่ที่ทั้งสามหยุดลงคือบานประตูไม้เก่าๆเล็กซึ่งขัดกับผนังโดยสิ้นเชิง เวสต้าเปิดประตูเข้าไป ข้างในนั้นเป็นห้องที่ไม่กว้างมากนักออกจะคับแคบไปเสียด้วยซ้ำเพราะมันเต็มไปด้วยกองเอกสารจำนวนมากรวมถึงหนังสือหลากหลายประเภท ชายหนุ่มที่แบกเด็กสาวไว้บนหลังเดินลัดเลาะไปตามวงกตหนังสือได้อย่างไม่ลำบากมากนักเพราะความเคยชิน แต่สำหรับแบล็คแล้วมันลำบากเอามากๆเพราะว่าเธอต้องระวังไม่ให้ไปชนกองเอกสารหรือหนังสือล้มแม้แต่กองเดียวเพราะถ้ามันล้มแค่หนึ่งทั้งห้องก็คงจะพินาศเป็นแน่
หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุดเธอก็ผ่านเขาวงกตออกมาได้สักที เธอพบว่าชายหนุ่มกำลังวางเด็กสาวไว้บนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งซึ่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่ทำให้เเบล็คถึงกับอึ้ง
เพี๊ยะ!!
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะๆๆๆๆ!!!
เสียงการทำร้ายร่างกายแบบคริติคอลฮิตดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แก้มใๆสของเด็กหญิงทั้งบวมและแดงก่ำ เด็กหญิงค่อยๆลืมตาขึ้นในที่สุด เมื่อเธอพบว่าคนตรงหน้าคือใคร ใบหน้าของเธอก็แดงฉ่าก่อนที่เหมือนจะเห็นควันแผ่ออกมาจากศรีษะ เธอกลับไปสลบลงตามเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างค่อนข้างจะผิดหวังเล็กๆที่การปลุกไม่ได้ผล
"งั้นคุณแบล็คช่วยวางเอกสารเอาไว้ตรงนั้นก็แล้วกันครับ แล้วก็ขอบคุณมากครับ"ชายหนุ่มหันมาบอกพลางชี้ไปยังจุดที่มีกองเอกสารตั้งเอาไว้น้อยที่สุด แบล็คยิ้มแห้งๆและเดินเอาเอกสารไปวาง เธอมองข้อความที่เขียนเอาไว้ในเอกสาร เธอพบว่ามันเป็นเอกสารจำพวกเรื่องทั่วไป ที่เธอไม่เข้าใจและมันก็ยุ่งยากจนเกินกว่าที่เด็ก ม.ปลาย ปีสามอย่างเธอจะเข้าใจ
"งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"แบล็คกล่าวยิ้มๆก่อนจะขอตัวลา ซึ่งชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้าเบาๆ เขากลับไปทำการปลุกเด็กหญิงที่นอนอยู่ต่อตามเดิม เสียงตบนั้นยังคงดังก้องไปเรื่อยและมีท่าทีรุนแรงขึ้น
ปึง...
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆเธอได้แต่ภาวนาให้เด็กหญิงคนนั้นปลอดภัย ก่อนจะมองไปทางซ้ายทีขวาทีเธอไม่รู้ว่าเธอจะไปทางไหนต่อ และตัดสินใจได้ว่าเดินลึกเข้าไปน่าจะมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่า
พอเดินลึกเข้าไปมากๆเธอพบว่าคนที่พบตามเส้นทางนั้นมีน้อยลงเรื่อยๆจนหมดในที่สุด เส้นจากหลอดไฟที่ผนังมีการถูกดับไว้เป็นช่วงๆเหมือนเพื่อประหยัดพลังงานจนกระทั่งมันดับมืดสนิท หญิงสาวมองเส้นทางตรงหน้าที่มืดสนิทไร้ซึ่งแสงไฟและคิดได้ว่าเธอน่าจะเดินกลับไป แต่ทว่าพอเธอหันกลับมาเธอก็พบคนๆหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง
เซ็ท...ผู้นำแห่ง St.
"จากตรงนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับบุคคลทั่วไป"ชายหนุ่มมองมาที่แบล็คอย่างเย็นชา ดวงตาสีซีดมองมาที่เธออย่างแข็งกร้าว แรงกดดันนั้นแทบไม่ต่างจากความรู้สึกตอนที่ กุล มองมาสักนิด มือข้างที่กุมฝักดาบเกร็งแน่นราวกลับมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เธออุ่นใจ ซึ่งอีกฝ่ายก็สังเกตเห็น เขาแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม ในตอนนั้นที่แบล็ครู้สึกเหมือนตัวเองโดนของแข็งหวดเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง หญิงสาวกัดฟันกรอด ด้วยความกราดเกรี้ยวเธอจึงกระชากดาบออกจากฝัก แสงสีทองส่องสว่างวาบออกมาจากฝักดาบวาดผ่านเข้าใส่อีกฝ่าย แต่เมื่อมันสัมผัสโดนตัวอีกฝ่ายเขาก็สลายกลายเป็นฝุ่นควันไปต่อหน้าต่อตา
'หายไปไหนกัน'หญิงสาวมองไปรอบๆตัวอย่างหวาดหวั่น รอบตัวของเธอนั้นมืดสนิทไม่มีเส้นทางเหลือให้เธอได้เดินอีกแล้ว หญิงสาวโดนบางสิ่งฟาดเข้าที่เอวอย่างแรงร่างบางถึงกับสั่นสะท้านความรู้สึกไม่ต่างจากการโดนเสาเหล็กฟาดเข้าอย่างจัง แม้จะได้ชุดเกราะที่สวมอยู่ดูดซับความเสียหายเอาไว้ แต่ร่างของหญิงสาวก็ถึงกับติดสถานะอัมพาทหลายสิบวินาที
หญิงสาวฝืนจับดาบด้วยมือทั้งสองก่อนจะแทงดาบลงไปที่พื้น ดวงตาสีอำพันทอประกายกราดเกรี้ยว ก่อนที่จะประกาศทักษะด้วยเสียงที่กึกก้อง
"บทกึกก้องแห่งชัยชนะ!!!!"สิ้นเสียงประกาศแสงสีทองก็สว่างวาบออกมาจากปลายดาบที่ปักพื้นอาบขับไล่ความมืดที่ปกคลุมอยู่ แต่ทว่าก็ได้ไม่มากนักเพียงไม่นานแสงสีทองนั้นก็ถูกกลืนกินโดยความมืดอีกครั้งเพราะไม่สามารถต้านทานอำนาจที่สูงกว่าได้ เหลือเพียงแสงสีทองความกว้างรอบตัวเธอเท่านั้น
"ทักษะสายคลาส วีรบุรุษ หึ...แต่ยังเบาเกินไป ยังเทียบกับเจ้านั่นไม่ได้"เสียงของเซ็ทดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างของเจ้าของเสียงที่เดินฝ่าออกมาจากเงามืด ดวงตาสีซีดมองมาที่แบล็คอย่างรังเกียจ เหมือนกลับเขามองเห็นภาพซ้อนทับของคนๆหนึ่งอยู่
"หมายถึงฉันรึเปล่า เซ็ท"สิ้นเสียงประกายแสงสีทองที่ส่องสว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์สว่างวาบกลืนกินความมืดของเซ็ทจนหมดสิ้น มีมือข้างหนึ่งมาแตะที่บ่าของแบล็คเบาๆเมื่อเธอหันไปมองก็พบ เวสต้า ซึ่งมีใบหน้าแข็งกร้าวจ้องมองมาที่เซ็ทอย่างเย็นชายิ่งกว่าที่เธอเคยพบ
"นายมาทำอะไรที่นี่ เขตๆนี้เป็นเขตดูแลของฉัน"เซ็ทมองคู่อาฆาตตลอดกาลของเขาด้วยดวงตาเหมือนอสูรร้าย ไอสีดำแผ่ออกมาจากด้านหลังของเขาพุ่งปะทะเข้าใส่คนทั้งสอง
"แต่เด็กคนนี้อยู่ในการดูแลของฉัน"ชายหนุ่มตอบ แสงสีทองจากอัญมณีที่ฝังในใบดาบเข้าปะทะกับม่านสีดำทมิฬจนเกิดเสียงสั่นสะเทือนของทางเดินราวกลับมันจะถล่มลงมา
เปรี๊ยง!!!!!
เสียงกรีดร้องของท้องฟ้า นำพาอสนีบาตเส้นใหญ่พุ่งทะลุทะลวงลงมาจากท้องนภาตัดขาดม่านพลังทั้งสองออกจากกัน ทั้งสองถึงกับต้องก้าวถอยไปถึงสามก้าวจากแรงปะทะของพลังสายที่สาม
"ทะเลาะกันทำซากอะไร ขืนที่นี่พังขึ้นมาจะทำยังไง"เจ้าของเสียงคือหญิงสาวในชุดแบบจอมเวทย์ซึ่งสวมหมวกปีกกว้างที่กำลังนั่งไขว้ขาบนไม้กวาด ดวงตาสีม่วงภายใต้กรอบแว่นทรงเหลี่ยมมองลงมาเบืองล่างอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
"คนที่ทำพังมากที่สุดมันก็คุณไม่ใช่เหรอครับ คุณเคท"เวสต้าเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างเบื่อหน่าย สีหน้ากลับมานิ่งเรียบไร้อารมณ์ตามเดิม ส่วนเซ็ทก็ได้แค่ยีหัวแล้วแค่นเสียงใส่
"ทีหลังก็ดูแลเด็กแกดีๆอย่าให้มันมาเดินเล่นแถวนี้อีก ไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันจะเล่นสนุกกับร่างกายสวยๆแบบนั้นให้มันพังเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิตเลย"เซ็ทหันมามองทั้งสองเพียงวูบเดียวก่อนจะกลับเข้าไปข้างในเงามืดนั้น ร่างของเเบล็คสั่นสะท้านเพราะรู้ได้ว่าที่อีกฝ่ายพูดมาทำจริงอย่างที่พูดแน่นอน
"ให้ตายสิ ทำไมพวกนายสองคนถึงชอบทะเลาะกันนะ"เคททิ้งตัวลงมาจากไม้กวาดก่อนยืนหยัดบนพื้นอย่างสง่างาม ดวงตาสีม่วงภายใต้กรอบแว่นมองมาที่แบล็คชั่ววูบหนึ่ง ประกายตาที่แบล็คสัมผัสได้ทำให้เธอได้รู้ว่าอีกฝ่ายรู้แล้วว่าเธอคือใคร "ว่าแต่ไปเจอเด็กคนนี้มาจากไหนกันล่ะ"
"โรงพยาบาลร้างครับ"เวสต้าตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขากำลังเงยหน้ามองรูโหว่บนเพดานที่โดนเคทพังลงมาเหมือนกำลังคำนวนค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
"งั้นเองสินะ งั้นก็ฝากเด็กคนนี้ให้นายดูแลด้วยก็แล้วกัน มีอะไรที่สั่งสอนได้ก็จัดการสอนให้หมดเลยนะ"เคทยิ้มมันเป็นรอยยิ้มที่น่าสระพรึงกลัวที่สุดเท่าที่แบล็คเคยพบ ดูท่าพี่สาวจะโกรธเรื่องที่เธอหนีออกมาแถมยังเกือบเป็นชนวนให้สองผู้นำของฐานบัญชาการต้องมีเรื่องกัน
"ครับ ผมจะฝึกสอนเด็กคนนี้อย่างดีเลยครับ คลาสวีรบุรุษ เป็นคลาสที่ใช้ประโยชน์ได้มากในสงครามที่กำลังจะเริ่ม"
"สงคราม ?"
"สงครามครั้งสุดท้าย เป็นอีเว้นท์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกสามอาทิตย์ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเมืองแห่งนี้จะปรากฏให้เห็นเพียงเจ็ดวันเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะถูกซ่อนเอาไว้ด้วยข่ายมนตราระดับสูงซึ่งไม่สามารถแทรกแซงได้เป็นเวลาสามอาทิตย์น่ะ"เคททำการอธิบายพลางติดต่อไปยังใครสักคน "ที่เซ็ทเลือกที่นี่เป็นศูนย์บัญชาการก็เพราะคงเป็นเพราะเหตุผลนี้นั่นแหละ ก็ถึงว่าทำไมถึงตามหารังใหญ่ไม่เจอสักที"
"ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่มาก"เวสต้าพูดขึ้นบ้าง ก่อนที่จะสันมือฟาดคอแบล็คสลบคาที่ โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ "เวลามีไม่เยอะ ผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน"
"ทำไมนายชอบทำอะไรแบบนี้จังเลยนะ อ่อนโยนกับผู้หญิงหน่อยสิ"เคทดันแว่น
"ก็แบบนี้มันดูแลง่ายกว่า"
"แต่นั่นเป็นผู้หญิงนะ"
"ก็ผู้หญิงกับผู้ชายมันเท่าเทียมกันทางสังคมแล้วไม่ใช่เหรอครับ"เวสต้าตอบอย่างเย็นชา หญิงสาวเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะชักสีหน้าอย่างไม่พอใจเช่นกัน เธอขึ้นขี่ไม้กวาดก่อนจะพุ่งทะยานหายกลับไปในท้องฟ้าด้านบน เมื่อเคทจากไปชายหนุ่มก็ทำเพียงถอนหายใจเบาๆ เขาลากคอเสื้อของแบล็คลากไปตามทางเดินโดยไม่ยอมแบกไปเพราะว่าดูแล้วท่าทางจะหนัก...
เพี๊ยะ!!!
เจ็บ....
"ตื่นสักทีสิครับ ผมเมื่อยมือแล้ว"
เพี๊ยะ!!!
เจ็บเฟ๊ย...
เพี๊ยะ!!!
"ก็บอกว่าเจ็บไงเล่า!!!!!"แบล็คร้องลั่นก่อนฮุคเข้ากลางหน้าชายหนุ่มทำเอาคนตรงหน้าถึงกับหงายหลัง หญิงสาวลืมตาแล้วลุกขึ้นมายืนอย่างหงุดหงิดแก้มของเธอตอนนี้แดงก่ำและบวมเป่ง ดวงตาสีอำพันจ้องมองคนที่กำลังสะบัดหน้าแบบมึนๆเพราะโดนชกแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่สักพักเธอก็รู้สึกตัวหญิงสาวรีบนั่งลงไปดูอาการของอีกฝ่ายว่าเป็นยังไงบ้าง...
"ขะ...ขอโทษนะคะ"แบล็คก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ระหว่างที่คนที่โดนทำร้ายกำลังเอาทิชชู่อุดจมูกไม่ให้เลือดมันไหลออกมา เวสต้าทำเพียงโบกมือไปมาอย่างไม่ถือสา
"ผมเองก็ต้องขอโทษเหมือนกันครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนสภาพที่มีทิชชู่อุดอยู่แบบนี้มันทำให้หน้าตาตายด้านของเขาดูตลกขึ้นมา จนทำเอาแบล็คถึงกลับหลุดหัวเราะเบาๆ โชคดีที่คนที่ถูกหัวเราะกำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารอะไรสักอย่างที่ด้านหลัง "แต่คุณตื่นมาแบบนี้ก็ดีแล้วครับ เราจะได้ไปฝึกกันสักที"
"ฝึก ?"
"ครับ ฝึก เป็ํนการฝึกลดระดับของคุณ แล้วเพิ่มความสามารถของสายคลาส เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่า สายคลาสวีรชน เป็นสายคลาสที่มีประโยชน์มาก"แบล็คอึ้งไปชั่วขณะเพราะประหลาดใจที่อีกฝ่ายสามารถพูดได้นานขนาดนี้ด้วย "ได้ฟังอยู่รึเปล่าครับ ?"
"เห๊ะ ?!! ค่ะ!! แล้วที่ว่ามีประโยชน์นี่มีประโยชน์ยังไงคะ"
"ครับ สายคลาสวีรชน มีสกิลซัพพอร์ตที่จะเพิ่มทุกขีดความสามารถได้สูงสุด 50% อยู่ครับ ชื่อทักษะ เสียงเรียกของความกล้าหาญ เป็นทักษะที่จะปลดล็อคเมื่อระดับของคลาสถึงจุดสูงสุด แถมมีทักษะที่ส่งผลต่อทุกคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกันด้วยครับ"
"สุดยอด..."แบล็คร้องอย่างอึ้งๆ แต่เพราะอีกฝ่ายพูดได้ยาวกว่าเดิมอีกทั้งๆที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนชอบพูดเท่าไหร่
"ใช่ครับสุดยอดมากเลย แต่ยังมีทักษะที่ดีกว่านั้นอีกครับ เป็นทักษะขั้นสูงสุดของสายคลาสนี้ ซึ่งผมเองก็ยังไม่สามารถปลดล็อคมันได้"คำพูดของเวสต้าทำให้แบล็คถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ...มีทักษะที่คนๆนี้ยังปลดล็อคไม่ได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ ?
"มันเป็นทักษะแบบไหนคะ ?"
"มันเป็นทักษะที่มีชื่อว่า ลมหายใจสุดท้าย ครับ เรื่องความสามารถของทักษะนี้ผมเองก็ยังไม่ทราบ แต่เรื่องวิธีปลดล็อคมันผมก็รู้อยู่"
"อ้าว ?"ในเมื่อรู้วิธีปลดล็อคแล้วทำไมถึงยังปลดล็อคไม่ได้ล่ะ
"มันได้จากการเคลียร์ดันเจี้ยน สุสานผู้กล้า น่ะครับ ซึ่งต้องการคลาสวีรชน อย่างน้อยสามคนในการเปิดดันเจี้ยน ซึ่งพวกเรามีแค่สองคนยังขาดอีกหนึ่ง"
"อีกคนที่ว่าก็คือฉันสินะคะ"แบล็ครู้สึกเหมือนตัวเองต้องโดนบีบบังคับทางสังคมแบบแปลกๆ ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะอีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบ "แล้วอีกคนนอกจากฉันนี่ใครกันคะ ?"
"คุณเซ็ทไงครับ"
"...."
"...."
"เห๊ะ ?"