"เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมากครับ..."ชายหนุ่มในชุดที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและบาดแผลทั่วกายพูดขึ้นอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มือข้างหนึ่งของเขาจับศรีษะของเด็กสาวที่ร่างกายของเธอในตอนนี้แกว่งไปมากับอากาศอย่างไร้ซึ่งการควบคุมอีกต่อไปเพราะเจ้าของร่างนั้นบาดเจ็บสาหัส
ชายหนุ่มสะบัดร่างที่ปางตายของเด็กสาวไปกระแทกกับผนังสีเทาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยหลุมลึกมากมายรอบๆแสดงถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทว่ากลับน่าแปลกที่รอบๆบริเวณนี้ยังไม่ใครแม้แต่คนเดียวที่จะผ่านมาดูเพราะหากว่ากันทั่วไปแล้วในสภาพพื้นที่เป็นถึงขนาดนี้เสียงของการปะทะก็ต้องปลุกคนที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน
"อั๊ก...."ฟรอเซ็นแค่นเสียงตอนนี้เธอไม่มีแรงเหลือแม้แต่จะขยับแค่ปลายนิ้ว ดวงตาสีแดงที่พร่ามัวจับจ้องคนตรงหน้าอย่างอาฆาต ความจริงที่เธอได้รับรู้นั้นทำให้เธอไม่สามารถให้อภัยคนตรงหน้าได้เลย เด็กสาวพยายามจะขยับตัวออกจากหลุมแต่ทว่าความเจ็บปวดรุนแรงก็ทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้อีก ดูเหมือนกระดูกของเธอจะหักและซี่โครงจะแทงทะลุปอด เธอรู้สึกว่าการหายใจของเธอเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เด็กสาวรู้ดีว่าเธอกำลังจะตายในไม่ช้า
"ยอมส่งของชิ้นนั้นมาให้ผมแต่โดยดีดีกว่าครับ"ชายคนนั้นเดินตรงเข้ามาหาแม้ว่าร่างของเขาจะมีบาดแผลมากมายและเสียแขนข้างหนึ่งไปแต่ดูเขาจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจมากนักการเลือดที่ทะลักออกมาจากบาดแผลที่ไหล่ซ้าย มือข้างที่เหลือของเขากุมดาบสีทองสว่างเอาไว้
"ป่ะ...ป่ะ...ป่ะ......"
"หืม....?"
"ไปลงนรกซะ ไอชั่ว...."ฟรอเซ็นใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาและชูนิ้วกลางใส่พลางแสยะยิ้มอย่างสมน้ำหน้า ม้วนไอเทม นั้นเธอแอบส่งผ่านหุ่นกลของไมที่เธอได้รับมาตั้งแต่ช่วงต่อสู้แล้ว หน้าที่ของเธอนั้นคือการส่งมอบไอเทมชิ้นนั้นให้ถึงมือของไมไม่ว่าจะยังไงก็ตามเธอก็ต้องทำมันให้สำเร็จถึงแม้มันจะต้องแลกกับชีวิตของเธอเอง
"..."ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะเกร็งร่างแขนขวาที่ขาดไปสักพักแขนที่ขาดหายก็งอกกลับออกมาอีกครั้ง ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองเด็กสาวที่ใกล้ตายอย่างเย็นชา แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีอาการที่บ่งบอกถึงความกลัวเลยแม้เพียงนิดเธอทำเพียงยิ้มเยาะเท่านั้น"คุณเลือกเองนะครับ...."
ฉัวะ!!!!
........
............
"คุณไม พวกเรากลับก่อนนะครับ"เสียงของกลุ่มคนดังขึ้นเรียกให้ชายหนุ่มในชุดช่างหันมามอง เขาทำเพียงดันแว่นขึ้นและพยักหน้าให้น้อยๆ ตรงหน้าของชายหนุ่มคือหุ่นกลความสูงประมาณสองเมตรที่กำลังเชื่อมประกอบวงจรภายในอยู่
ไม หรือ ไมโกะ คลาสอาชีพนักประดิษฐ์ ผู้ที่ตอนนี้เหมือนแสงสว่างแสงสุดท้ายของเหล่านักประดิษฐ์แห่ง Party ด้วยความที่เขาเองก็เป็นผู้เล่นในระดับ top 50 ซึ่งน้อยคนนักที่อยู่สายประดิษฐ์จะไปอยู่ถึงระดับนั้นได้และด้วยนิสัยที่เป็นกันเองของชายหนุ่มหน้าหวานคนนี้จึงทำให้เขาเป็นที่ชอบพอของทั้งผู้เล่นและNPCด้วยกันเอง
"เหนื่อยหน่อยนะ"เสียงของชายอีกคนดังขึ้นพร้อมกับกระป๋องกาแฟเย็นเฉียบที่ถูกโยนมา ไมยกมือขึ้นรับก่อนจะเปิดดื่มมันและกลับมาสวมแว่นและเชื่อมต่อวงจนภายในของหุ่นกลให้เสร็จสิ้น
"ก็ต้องขอบคุณทุกๆคนและก็พวก NPC นั่นแหละครับที่ทำให้พวกเราทำงานได้เร็วขึ้นขนาดนี้"ไมทำการปิดแผ่นเหล็กและเชื่อมต่อให้เข้ารูปก่อนจะวางเครื่องมือทั้งหมดลงถอดถุงมือและเดินมานั่งข้างๆชายผมสีเทาที่สวมชุดแบบพนักงานบริษัทและแว่นตาทรงกลมเป็นเอกลักษณ์
"ว่าแต่ไอหุ่นพวกนี้จะใช้งานได้ดีแค่ไหนกันนะ ถ้าเทียบกับหุ่นของเจ้าพวกนั้น"เอ็ดเวิร์ดยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดกระป๋อง ดวงตาภายใต้กรอบแว่นจ้องมองไปที่หุ่นกลสามร้อยตัวในโกดังที่ถูกสร้างเสร็จสิ้นและมีอีกหลายร้อยตัวที่ยังอยู่ในช่วงสร้าง
"ก็เหมือนกับไม่มีเลยน่ะครับ"ไมพูดไปตามตรงพลางถอนหายใจ เขารู้ดีว่าของพวกนี้เทียบกับอีกฝ่ายแล้วก็ไม่ต่างจากเอาไม้ซีกไปงัดกับไม้ซุง อันที่จริงเป็นไปได้เขาอยากจะให้ล้มเลิกการเอาทรัพยากรมาผลาญอย่างสิ้นเปลืองแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ทำไงได้เขานั้นไม่มีเสียงในที่ประชุมเลยถึงจะเป็นหัวหน้าของฝ่ายเครื่องกลก็ตามจะขัดขืนก็ไม่ได้เพราะเป็นแบบนั้นก็จะกลายเป็นว่าเขาและคนอื่นในกลุ่มLH นั้นไม่ให้ความร่วมมือดีไม่ดีจะกลายเป็นเรื่องเสียเปล่าๆ เขาไม่อยากจะทำให้คุณเคทเองต้องมาเดือดร้อนไปด้วย วิธีสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุดและเต็มความสามารถเท่านั้น
"อย่างนั้นเองสินะ"เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจและเปิดเบียร์อีกกระป๋อง "ว่าแต่ยัยเด็กเปี๊ยกฟรอเซ็นไปไหนซะล่ะ"
"ฮะๆๆ เห็นเขาว่าจะไปลดระดับกับสมาชิกใหม่น่ะครับ"ไมหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าที่กระตือรือล้นของเด็กสาวเมื่อตอนนั้น "ป่านนี้ก็คงกำลังสนุกกับเพื่อนๆอยู่ล่ะมั๊งครับ"
"ว่าแต่เห็นแบล็คบอกว่าจะเอาไอเทมมาให้ตรวจสอบไม่รู้ว่าเป็นอะไรนะครับ"คำพูดของไมทำให้เอ็ดเวิร์ดหันมามองอย่างสงสัย
"'งั้นเหรอ..?"
"ครับ ดูจะเป็นของสำคัญพอสมควรเลยล่ะครับ อยากรู้จังว่ามันจะเป็นอะไร"ไมพูดยิ้มๆพลางดื่มกาแฟต่อ แต่ทว่าก่อนที่เอ็ดเวิร์ดจะได้พูดอะไรต่อเสียงแสบแก้วหูของล้อที่เสียดสีกับพื้นถนนก็ดังขึ้นกึกก้องทั่วโกดัง ทำเอาคนที่ยังอยู่รวมถึงไมและเอ็ดเวิร์ดพากันมองหาต้นเสียงอย่างประหลาดใจ
"เสียงอะไร...."ไม่ทันที่เอ็ดเวิร์ดจะพูดจบรถมินิคาร์อันน้อยก็พูดกระแทกใส่หน้าของเขาจนทำเอาหงายหลัง เอ็ดเวิร์ดผุดขึ้นมาสะบัดหัวอย่างมึนงง รู้สึกเหมือนหน้าผากจะแตกเล็กน้อยเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่ "อะไรวะเนี่ย!!!"
"นี่มัน...?"ไมขมวดคิ้วอย่างงุนงง เขาจำได้ดีว่ารถมินิคาร์คันนี้คือของใครเพราะว่าเขานั้นเป็นคนสร้างมันขึ้นมากับมือเป็นของขวัญให้กับเด็กสาวคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ รถคันนี้คือของที่เขาสร้างมันให้ฟรอเซ็นแล้วทำไมมันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?!!
"คุณฟรอ?!!"ไมลองตระโกนเรียกดูในขณะเดียวกันที่เอ็ดเวิร์ดก็ลุกขึ้นกลับมานั่งได้สำเร็จ เขามองมินิคาร์ที่ตกอยู่บนตักอย่างงุนงง
แต่ทว่าก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากด้านนอกประตู ไมจึงตัดสินใจลุกออกไปดูโดยที่คนอื่นๆที่ยังอยู่ในโกดังก็เดินมารวมตัวที่จุดที่เอ็ดเวิร์ดนั่งอยู่ โดยที่ทุกคนมองไปที่ไมเป็นทางเดียวอย่างสงสัยไม่แพ้กันว่าเกิดอะไรขึ้น
เส้นทางที่ไมมองเห็นนั้นมีเพียงหมอกสีดำสนิท ไม่มีสัญญาณของบุคคลอื่นอยู่ในระยะชายหนุ่มยิ่งสับสนกว่าเดิม ถ้าหากเด็กสาวไม่ได้อยู่แถวนี้แล้วใครส่งเจ้ารถคันนี้มา
'หรือว่า!!!?'สิ้นความคิดไมก็รีบวิ่งกลับมาหาเอ็ดเวิร์ดทันที ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับผงะเพราะความตกใจ
"คุณเอ็ดเวิร์ดขอรถคันนั้นให้ผมทีครับ!"
"เอาไปสิ"พอรับรถมาไมก็เริ่มใช้ความสามารถของนักประดิษฐ์ชำแระตัวรถทันที เขาได้พบว่ามันมีการลงรหัสเอาไว้แต่มันก็ไม่ยากเกินความสามารถและเมื่อเขาปลดล็อครหัสเสร็จสิ้นเขาก็พบม้วนหนังซึ่งจารึกคำว่า ??? เอาไว้ ชายหนุ่มหน้าซีดเผือกและรีบเปิดหน้าต่างสนทนาของ Party ขึ้นมาอย่างร้อนรน ท่ามกลางความสงสัยของคนอื่นๆ
"คุณเคทครับ!!! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!!]]
ในที่สุดการเดินทางนี้ก็จบลง...ฉันมองตึกสูงสีขาวสะอาดสี่ชั้นที่มีรอบล้อมด้วยรั้วสูงและคนในเครื่องแบบทั้งเพศชายและหญิงจำนวนมากยืนเฝ้าระวังความปลอดภัย ตรงหน้าฉันมีรถแบบเดียวกันจอดหลายคัน ฉันมองเห็นคนในชุดที่เป็นทางการและชุดที่แสดงออกถึงความน่าเกรงขามลงมาจากรถเหล่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปข้างในตึกนั้นพร้อมกับหน่วยคุ้มกันของพวกเขา...
"ทีหลังอย่าทำอะไรห่ามๆแบบนั้นอีกนะ บาบีก้อน"
"อย่ามาเรียกว่าบาบีก้อนนะเฟ๊ย!!!!"อมาร็อคตวาดใส่ เวลาไมดัสไม่พอใจเขาทีไรจะชอบเรียกชื่อบ้าๆแบบนั้นทุกที
"บาบีก้อนเหรอ!! อุ๊บส์!!"มายุที่ได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกถึงกับต้องกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ เธอรีบเบือนหน้าหนีไปโดยที่ชายร่างใหญ่ได้แต่ตวาดใส่ด้วยใบหน้าที่แดงเพราะความอับอาย เมื่อมองดีๆก็จะพบว่าชาโดว์เองก็พยายามไม่แสดงอาการนี้เช่นกันภายนอกเธอนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรแต่จริงๆแล้วตัวเธอนั้นสั่นเกร็งเพราะพยายามกลั้นขำเช่นกัน
"ให้ตายสิ ฉันอุตส่าห์มาช่วยนะ หัดขอบคุณกันบ้างสิฟะ!!!"อมาร็อคถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
"ช่วยตรงไหนกันวะครับ..."ไมดัสมองด้วยสีหน้าเย็นชา สภาพของเขานั้นเละเทะเหมือนเพิ่งไปฟัดกับฝูงสิงโตมาก็ไม่ปานเสื้อผ้านั้นขาดวิ่นจนเละเทะ แถมรอบๆบริเวณนอกจากซากอันเดธที่ตอนนี้ได้สลายหายไปหมดเเล้วก็เต็มไปด้วยซกอาวุธจำนวนมากทีกระจะดกระจายเกลื่อนพื้นโดยบางส่วนก็แตกสลายกลายเป็นเศษกระจกไป เช่นเดียวกับสภาพของมายุและชาโดว์ที่ค่อนข้างเยินไม่แพ้กัน แต่ก็ยังถือว่าไม่เป็นอะไรมาก
"ง่ะ...แหะๆๆ มันก็ต้องมีพลาดกันได้นิเนอะ"อมาร็อคยิ้มยิงฟัน เลยโดนมายุตบหน้าทิ่มพื้นไปรอบระหว่างที่กำลังพันแผลซึ่งเกิดจากของมีคมให้
4 ชั่วโมงก่อน...
"บ้าชะมัด!!! กลิ่นเลือดมันแรงเกินไป"ไมดัสสบถออกมาอย่างหัวเสียขณะที่มือทั้งสองนั้นสะบัดมีดในมือใส่ร่างอันใหญ่โตตรงหน้าอย่างรวดเร็วสร้างรอยแผลนับสิบในการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ทว่าร่างที่บ้าคลั่งนั่นจะเกิดผลเพียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวยิ่งขึ้นและไล่ทุบชายร่างสูงเพรียวนั้นด้วยดาบเล่มใหญ่ของเขา
"อีก 2 นาทีจะร่ายมนต์รักษาได้"มายุตระโกนบอก
"ไม่ต้องครับ!! ใช้เวทย์วารีล้างเลือดพวกนี้ออกไปที ไม่งั้นมีหวังไม่ชนะแน่ ส่วนคุณชาโดว์ ยิงพิษสนับสนุนผมทีครับ!!!"ไมดัสตระโกนไปแต่เขาก็ยังจดจ่อกับการจ่อสู้ตรงหน้าได้อย่างเฉียบขาด
ถึงแม้เบอร์เซิร์กจะได้รับความสามารถในด้านพละกำลังและพลังโจมตีที่มหาศาลรวมไปถึงพลังชีวิตและพลังป้องกันที่สูงจนเทียบชั้นได้กับสายคลาสดีฟเลอร์ระดับสูงอย่าง แทงเกอร์ หรือ ครูเซเดอร์ เป็นต้น แต่เพราะแบบนั้นรูปแบบการโจมตีของสายคลาสนี้จึงมีจำกัดและคาดเดาได้ เช่นเดียวกับทักษะที่ส่วนใหญ่จะเป็นสกิลที่มีไว้เพื่อ Support(สนับสนุน) ตัวเองและความเร็วของสายคลาสนี้เองแม้จะมีความคล่องตัวสูงแต่เพราะสูญเสียการต่อสู้อย่างมีแบบแผนไปจึงทำให้ตกหลุมพรางหลอกล่อได้ง่ายดายทำให้เป็นสายต่อสู้ที่เสียเปรียบในการต่อสู้ตัวต่อตัวกับสายคลาสความคล่องตัวสูงอย่างนักฆ่าของไมดัสโดยสิ้นเชิง
ทางฝั่งของไมดัสนั้น แม้สายนักฆ่าจะเป็นสายที่ได้เปรียบในการต่อสู้ระยะประชิดสำหรับทุกสายอาชีพ แต่ก็เป็นคลาสอาชีพที่มีพลังป้องกันและพลังชีวิตที่น้อย รวมไปถึงระดับการโจมตีระดับกลางซึ่งถูกเพิ่มเติมขึ้นมาด้วยอัตราการคริติคอลที่สูงในระดับท็อปคลาส พร้อมทั้งความเร็วของคลาสที่ติดในระดับ Top 5 ไม่รวมทักษะสายคลาสที่ส่งผลในการสังหารต่อบุคคลเป้าหมายหนึ่งบุคคลอย่างชัดเจนจึงทำให้เป็นสายอาชีพที่มีไว้เพื่อสังหารผู้เล่นด้วยกันโดยเฉพาะ ทว่าเพราะพลังโจมตีที่ไม่มากนักรวมถึงสกิลหลายสกิลที่ใช้ไม่ได้ผลกับทักษะ Roar จึงทำให้ความสามารถของสายคลาสถูกจำกัดลงอย่างชัดเจน
ฉึก!!
เสียงของลูกดอกที่ปักเข้าที่เอวทำเอาชายหนุ่มแสดงสีหน้าเหยเกออกมาก่อนที่เขาจะตัดสินใจสะบัดดาบสั้นในมือใส่ชายที่บ้าคลั่งตรงหน้าเพื่อชะงักการโจมตีให้เขาได้มีเวลาตั้งหลักอีกรอบหลังเสียความต่อเนื่องของการจู่โจมไปด้วยผลของพิษ กลิ่นเลือดรอบๆเริ่มจางลงจากการชำระล้างด้วยสายน้ำแต่กลิ่นจากบาดแผลหลายแห่งของชายทั้งสองก็ยังคงมีอยู่จึงทำให้สถานการณ์ตรงหน้านี้ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าเดิมเท่าไหร่
"อ๊ากกกกกกก!!!!!!!"อมาร็อคคำรามและตวัดดาบยักษ์ฟาดใส่ ไมดัสแสยะยิ้มก่อนพุ่งใส่เกิดแสงสีดำพาดผ่านร่างของชายร่างยักษ์ไป ไมดัสทรุดลงในท่าชันเข่า ดาบในมือแตกสลายกลายเป็นเศษแก้วเพราะไม่สามารถทนความสามารถของทักษะได้ ส่วนอมาร็อคนั้นล้มลงหน้าทิ่มพื้นจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว
"จบแล้วเหรอ ?!"มายุมองอย่างอึ้งๆเพราะว่ามันจบรวดเร็วกว่าที่คาด
"อย่าเข้าไป!!!"ไม่ทันแล้วเพราะมายุเดินไปถึงตัวของอีกฝ่ายเสียแล้ว ทันใดนั้นร่างอันใหญ่ยักษ์ดวงตาก็สว่างจ้าก่อนสะบัดดาบเล่มใหญ่เข้าใส่จนเกิดคลื่นดาบเป็นทางยาวพุ่งตรงเข้าใส่มายุอย่างรวดเร็ว
"มายุ!!!!!!!!!!!"
ตูม!!!!!
เสียงปะทะของดาบเล่มใหญ่ที่กระแทกเข้ากับหินนั้นรุนแรงจนเกิดหลุมลึกของพื้นดินที่แตกกระจาย ไมดัสที่หายจากผลของการดีเลย์ทักษะรีบหันกลับมา สีหน้าของชายหนุ่มซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด เขาพยายามมองฝ่าเข้าไปในกลุ่มควันที่ฟุ้งตลบเพื่อมองสถานการณ์ภายใน
"ถ้ารู้ว่านายจะทำสีหน้าแบบนั้น ฉันวิ่งเอาตัวเองฝ่าดงมอนไปตั้งนานแล้ว"เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มรีบหันกลับไปมอง เด็กหญิงร่างเล็กในชุดนักเวทย์ที่เปรอะเปื้อนยืนเกาแก้มอย่างอายๆข้างๆเธอคือหญิงสาวร่างสูงในชุดนินจาที่แม้จะบาดเจ็บแต่เธอก็ยังปกปิดใบหน้าของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิครับ!!!"ไมดัสตระโกนใส่ก่อนจะโอบกอดเด็กหญิงเอาไว้ ร่างของมายุแข็งทื่อใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงฉ่าเหมือนมันร้องจัด เธอเริ่มมองเห้นภาพรอบๆมันเบลอไปหมด ความคิดของเธอเหมือนสั่นไหวและไร้ซึ่งระเบียบไปโดยปริยาย มายุหันไปขอความช่วยเหลือจากชาโดว์ที่ยืนอยู่แต่หญิงสาวก็ตัวสั่นอย่างบ้าคลั่งเหมือนพยายามสะกดอารมณ์ขำเต็มที่ไม่ว่าเปล่ายังหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายภาพแบบรัวๆอีกต่างหาก
"ช่ะ ช่ะ ช่ะ"มายุเสียงสั่น เด็กสาวกัดฟันกรอดใบหน้านั้นเหมือนกำลังจะเป็นลมได้ทุกขณะก่อนจะหยิกเอวไมดัสเต็มแรงจนทำเอาชายหนุ่มปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน
"ทำบ้าอะไรครับเนี่ย!?"
"มันใช่เวลาไหมเนี่ย!!! ดูนั่น!!"มายุชี้ไปข้างหลัง อมาร็อคตอนนี้ลุกขึ้นยืน บาดแผลบนหลังที่ทะลุมาจากทางด้านหน้านั้นแสดงให้เห็นว่ามันพลาดจากจุดตายไปมากพอสมควรและตอนนี้บาดเเผลนั้นเริ่มสมานตัวเข้าหากันแล้ว
"กรร....."อมาร็อคหันกลับมามอง ดวงตาของเขานั้นคลั่งเลือดอย่างบ้าคลั่ง เขาปล่อยมือออกจากดาบก่อนกำหมัดแล้วหันกลับมาตะลุยเข้าใส่ไมดัส ไมดัสผลักมายุให้ชาโดว์ดูแลก่อนกระชากมีดสั้นออกมาจากลิวต์ไอเทมปะทะเข้ากับกำปั้นที่พุ่งตรงเข้ามา
ตึง!!!
"เดธ ครอส!!!!"ไมดัสคำราม ร่างของเขาระเบิดแสงสีดำออกมาก่อนที่จะกลายสภาพกลายเป็นคล้ายหมอกสีดำ ชายหนุ่มเกร็งกำลังทั้งหมดก่อนสะบัดดาบที่ไขว้กันอยู่ออกจากกันสะบั้นกรีดมือของอมาร็อคจนขาดสะบั้น ร่างใหญ่โตคำรามอย่างเจ็บปวดก่อนจะง้างหมัดอีกด้านแล้วชกใส่ ทำเอาไมดัสปลิวไปกระแทกกับต้นไม้จนซี่โครงถึงกับหัก
"การรักษาของวารี!!!"มายุตระโกน สายน้ำทั้งแปดสายพุ่งขึ้นมาโอบล้อมร่างของไมดัสเอาไว้เหมือนกับเกราะคุ้มกัน ทำให้หมัดของอมาร็อคไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ แต่ผลของวารีนี้เองก็มีผลกับอมาร็อคเช่นกันทำให้นิ้วมือที่ขาดไปงอกกลับมาอีกครั้ง อมาร็อคเปลี่ยนเป้าหมายมามองมายุที่พยายามรักษาไมดัสแทน ชายร่างยักษ์คำรามแล้วพุ่งเข้าใส่
!!!
เสียงพุ่งเข้ามาจากสีทิศพร้อมกับร่างของนินจาสาวที่กำมีดสั้นอาบยาพิษไว้ที่ใบมีด ชาโดว์พุ่งเข้าใส่หมายที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของอมาร็อคถ้าหากเธอทำสำเร็จก็จะสามารถทำให้ความคลุ้มคลั่งของอมาร็อคหยุดลงทันที
แต่ทว่าทุกสิ่งมันย่อมไม่ง่ายดังคาด เมื่ออมาร็อคสัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายที่พุ่งมาจากทั้งสี่ทาง เขาก็หันไปชกร่างๆหนึ่งของหญิงสาวจนแหลกละเอียดกลางอากาศ แม้อีกสามคนจะเสียบมีดจนมิดด้ามไปบนจุดตายได้สำเร็จแต่เหมือนจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นสักเท่าไหร่ ชาโดว์ตัวจริงที่เห็นแบบนั้นจึงรีบถอยออกมาทันที
"ก๊าซซซ!!!"ทว่าภาพในดวงตาที่ปรากฏให้เห็นนั้นคือมือมหึมาที่พุ่งมาจับร่างของเธอก่อนที่เธอจะทันได้ทำอะไร หญิงสาวรู้สึกโลกมันหมุนไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดมหาศาลจากการกระแทกและแรงบีบที่มากขึ้นเรื่อยๆ
"ปล่อยมือจาก ชาโดว์นะ เจ้าบ้า!!!! เฟลม บลาส!!!"มายุตระโกนแล้วยิงลูกเพลิงใส่ แต่ทว่าอมาร็อคกลับไม่สะทกสะท้านมากมายนัก เพราะในสภาพของ Roar เขานั้นแทบจะไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเจ็บปวด มีแต่จะยิ่งกราดเกรี้ยวยิ่งขึ้นเสียมากกว่า
อมาร็อคโยนชาโดว์ที่หมดสติไปร่างของหญิงสาวกลิ้งไปตามพงหญ้าก่อนหยุดลง เด็กหญิงนั้นอยากจะเข้าไปดูอาการของเธอว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ขาทั้งสองข้างของเธอตอนนี้นั้นก้าวไม่ออกเลย มายุรู้สึกว่าเธอนั้นกำลังสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนความหวาดกลัวนั้นเกาะกุมลงไปถึงขั้วหัวใจ เพราะถูกปกป้องมาโดยตลอดจากทุกๆคนจึงทำให้เธอไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เมื่อมาเจอแรงกดดันแบบฉับพลันจึงทำให้เธอไม่สามารถตั้งหลักได้ ดวงตาของเด็กหญิงเงยขึ้นมองอสุรกายที่เคยเป็นเพื่อนที่แปรเปลี่ยนมาเป็นศัตรู น้ำใสๆเริ่มคลอที่ขอบตา ภาพตรงหน้าคือมือสองข้างที่กุมกันและเงื้องขึ้นสูง
'ช่วยด้วย....'มายุกรีดร้องในใจ เธออยากจะตระโกนออกมาแต่เสียงของเธอตอนนี้มันเหมือนเหือดหายไปหมด 'ใครก็ได้...'
วูบ!!!! กำปั้นที่กุมกันหวดลงมานั้นหมายจะทุบร่างเล็กของเด็กหญิงนั้นให้จมพื้นธรณี
'ใครก็ได้!!! ช่วยด้วย!!!!!!!'
"Creed!!!!!!"เสียงตระโกนของไมดัสดังขึ้น พร้อมๆกับร่างของชายหนุ่มที่พยายามยันแรงกำปั้นที่หวดทุบลงมาจากด้านบน ชายหนุ่มในสภาพที่โทรมไม่เหลือเค้าโครงในช่วงเวลาปกติ ขณะนี้ยืนคั่นกลางระหว่างเด็กหญิงและชายร่างยักษ์มือทั้งสองกุมด้ามดาบคาตานะเอาไว้แน่นจนเส้นเลือดปูนโปนขึ้นมา ใบหน้าของเขาบิดเกร็งจากแรงกดทับที่ถาโถมลงมาเรื่อยๆ "มะ...มายุ ระ เร็วเข้า..."
คำพูดนั้นเรียกสติของเด็กหญิงให้กลับมาอีกครั้ง เด็กหญิงยกคทาขึ้นสูงก่อนเริ่มร่ายมนตราอย่างรวดเร็ว วงเวทย์บนพื้นทอแสงสว่างจ้า ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็ปรากฏสายน้ำทั้งแปดสายห้อมล้อมชายทั้งสองเอาไว้อีกครั้ง ถึงแม้ระดับการลดพลังชีวิตของไมดัสจะมีไปอย่างต่อเนื่องแต่อัตราการฟื้นฟูก็รวดเร็วไม่แพ้กัน ส่วนอมาร็อคนั้นสีผิวก็เริ่มจางลงความร้อนจากร่างกายของเขาก็เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันการใช้เวทย์บทนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานก็ทำให้มานาของเธอเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกไม่ถึงนาทีมานาของเธอจะต้องขึ้นจนถึงเพดานลิมิตอย่างแน่นอน
"มานาของฉันจะไม่ไหวแล้ว.!!"มายุตระโกนตอนนี้เธอละมือไปหยิบขวดพลังมาลดมานาของเธอได้เลย เพราะอมาร็อคนั้นเมื่อรู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างรุนแรงจากผลของวารีรักษาก็ยิ่งทวีความรุนแรงของการโจมตีขึ้นจนพื้นของไมดัสที่เขาใช้เป็นจุดค้ำยันนั้นแตกร้าว ใบหน้าของไมดัสซีดลงเรื่อยๆเพราะต้องฝืนรับแรงปะทะมหาศาลนี้เป็นเวลานาน
"ไม่ต้องกลัว..."เสียงอันแหบพร่าของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่ชาโดว์นั้นจับปากของมายุขึ้นมาและกรอกยาลดมานาลงไป เด็กหญิงทำสีหน้าเหยเกจนแทบจะสำลักเพราะไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อเห็นหญิงสาวนั้นได้สติแล้วเธอก็สบายใจขึ้น
"เป็นอะไรมากไหม"มายุถาม แต่โดนชาโดว์เอ็ดจึงกลับไปสนใจในการร่ายมนต์ต่อไป
ในที่สุดเวลาก็ผ่านไปอีกนับชั่วโมง ผิวหนังของอมาร็อคก็เย็นลงในที่สุดพร้อมๆกับแรงปะทะที่เริ่มเบาลง แต่ดวงตาของเขานั้นยังคงคลุ้มคลั่งอยู่ ดาบในมือของไมดัสแตกสลายกลายเป็นกระจกหลังจากที่มันถึงขีดจำกัดเช่นเดียวกับเจ้าของมันที่ล้มฟุบลงไปแทบเท้าอีกฝ่ายที่ยังคงไม่ได้สติ มายุร้องลั่นเพราะว่าอมาร็อคนั้นตั้งท่าจะทุบลงมาอีกครั้งแล้วซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นย่อมหมายถึงชีวิตของไมดัสอย่างแน่นอน
"หมดเวลา..."ชาโดว์พุ่งเข้าใส่พร้อมกับเข็มยาสี่แท่งในมือ เธอจัดการปักมันเข้าที่หน้าผากและท้ายทอยของอมาร็อคอย่างแม่นยำ ร่างสูงใหญ่โอนเอนไปมาสักพักก่อนจะล้มลงในที่สุด
ชัยชนะในที่สุดก็ตกอยู่กับฝ่ายของไมดัสในที่สุด...การต่อสู้นี้จบลงแล้ว ภายหลังทั้งสี่คนก็ต้องใช้เวลาอีกร่วมชั่วโมงเพื่อพักฟื้นให้พอขยับตัวได้...แต่ทว่าในสถาพแบบนี้พวกเขาต่อสู้ต่อไม่ไหวอีกแล้ว
"ว่าแต่ไม่เคยเห็นทักษะนั้นเลยนะ ? ทักษะใหม่เหรอ ?"มายุหันไปถามชายหนุ่มที่ยิ้มแห้งๆเพราะต้องเอาชุดสีสันแสบตามาใส่อย่างเลี่ยงไม่ได้
"ครับ ชื่อ Creed น่ะ เป็นทักษะที่จู่ๆก้ปลดล็อคขึ้นมาในช่วงที่ผมปลิวไปกระแทกต้นไม้น่ะครับ"ชายหนุ่มเลื่อดูหน้าต่างความสามารถของทักษะนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง เพราะเมื่อตอนนั้นมันฉุกละหุกมากจนเขาไม่มีเวลาดู
ทักษะ Creed เป็นทักษะที่แลกเปลี่ยนค่าความสามารถทุกด้านของนักฆ่ามาแปรเปลี่ยนเป็นพลังป้องกันอย่างมหาศาล โดยที่ทักษะนี้จะสามารถใช้ต่อก็ต่อเมื่อพลังชีวิตนั้นต้องอยู่ในระดับมากกว่า 90 % อย่างน้อย 3 ครั้งในระยะเวลาภายใน 1 ชั่วโมง
"ไม่รู้สินะ"มายุทำหน้าบอกไม่ถูก ถ้าตามปกติเธอคงต้องบอกว่ามันไม่ดีอย่างแน่นอน แต่ว่าที่พวกเขารอดมาได้ก็เพราะทักษะนี้จึงทำให้มายุนั้นไม่กล้าแย้งอะไร
"Creed นั้นหมายถึงความเชื่อ ดังนั้น ทักษะนี้จึงน่าจะหมายถึงเป็นการต่อสู้โดยแลกกับชีวิตเพื่อความเชื่อและศรัทธาของตน..."ไมดัสกระซิบกับตัวเองเบา
"เมื่อกี๊นายพูดอะไรรึเปล่า ?"
"ไม่ครับ ไม่มีอะไร"ไมดัสยิ้มให้ แต่ทว่าคำพูดที่เขาพูดมาเมื่อครู่นั้นชาโดว์ได้ยินชัดเจน
'ต่อสู้เพื่อความเชื่อและศรัทธาของตนงั้นเหรอ...'
"เอาล่ะ กลับไปรับเจ้าหญิงน้อยกันก่อนเถอะ ตอนฉันมาเห็นเธอหลับอยู่เลยไม่ได้พามาด้วย"อมาร็อคที่พันผ้าจนไม่ต่างไปจากมัมมี่พูดขึ้น อีกไม่ถึงชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะขึ้นแล้วและพวกเขาจะได้กลับไปสักที
"นั่นสินะ งั้นพวกเราไปกันเถอะครับ จากนี้รบกวนด้วยนะครับคุณชาโดว์"ไมดัสหันไปยิ้มให้นินจาสาวที่เป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ซึ่งต่อสู้ได้ในตอนนี้
"เข้าใจแล้ว..."
ทั้งสี่คนเดินทางข้ามมาอีกฝั่งของป่าได้สำเร็จ เพราะยิ่งใกล้เช้าเท่าไหร่พวกอันเดธก็ยิ่งมีบางตาลง จนกระทั่งพวกเขามาถึงป่าอีกฝั่งในที่สุด แต่ที่นั่นพวกเขากลับพบว่ามันเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้มากมายเหมือนกับเกิดสงครามย่อมๆบริเวณนี้
"แบล็ค!!"ทั้งสี่คนช่วยกันแยกย้ายตามหาตัวหญิงสาวที่หายไป อมาร็อคนั้นใบหน้าซีดเผือกเพราะว่าถ้าหากแบล็คเกิดตายขึ้นมาทุกอย่างที่พวกเขาทำมาจะเสียเปล่าทันทีและที่สำคัญที่สุดอีกฝ่ายก็เป้นเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาตั้งแต่แรก แต่อีกสามคนนั้นก็ปลอบให้กำลังใจว่าแบล็คน่าจะคงยังปลอดภัยดีไม่มีร่องรอยของเศษอาวุธหรือชุดเกราะหรืออะไรที่น่าจะเป็นของเพลเยอร์แถวๆนี้เลย
"แบล็ค!!!!"มายุตระโกนร้องหา แต่ทว่าก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา สภาพรอบๆเองก็เริ่มจะทำให้เด็กหญิงหวั่นวิตกขึ้นมาอย่างรุนแรงเช่นกัน เหมือนกับเสียงสวรรค์ที่ส่องลงมา ทั้งสี่คนนั้นพบว่ามีเสียงตอบกลับมาจากด้านในของป่า
"แบล็ค เธอเปะ..."ภาพตรงหน้านั้นทำให้ทุกคนโดยเฉพาะมายุถึงกับหน้าซีดเผือก
ร่างของหญิงสาวในชุดเกราะที่แตกละเอียด ซึ่งหลังพิงต้นไม้ในสภาพหายใจรวยริน ข้างกายของเธอคือดาบที่เต็มไปด้วยคราบเลือด เช่นเดียวกับรอบๆบริเวณที่มีซากอุจาดตาและชวนอาเจียนมากมาย
"ป่ะ...ปลอดภัยดีสินะคะ"แบล็คมองทั้งสี่คนแล้วก็พยายามยิ้ม ดวงตาสีอำพันตอนนี้มันมองเห็นได้ไม่ชัดนักเพราะเลือดที่บดบังการมองเห็น มายุเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามา ก่อนที่เธอจะเริ่มร่ายมนต์รักษาทันทีซึ่งมันดูช่วยได้แต่ไม่มากเท่าไหร่นัก
"เธอติดเชื้อแล้วครับ"ไมดัสได้ข้อสรุปจากการวิเคราะห์ ทำให้ชาโดว์ทำท่าที่จะหยิบไอเทมที่จำเป็นออกมาแต่ไมดัสห้ามเอาไว้ก่อน
"คุณชาโดว์ช่วยสนับสนุนการคุ้มกันต่อไปครับ ส่วนมายุเก็บมานาไว้ครับให้ใช้ไอเทมเพื่อคงระดับพลังชีวิตของเธอเอาไว้เรื่อยๆก่อน อมาร็อคช่วยไปแบกเธอทีครับ"ไมดัสเริ่มสั่งการอีกครั้ง เขาเปิดหน้าต่างสถานะขึ้นมาดูพบว่าเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะหกโมงเช้าแล้ว ดังนั้นน่าจะไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงมากนัก
ทั้งห้าคนกลับออกมาถึงบริเวณประตูใหญ่อีกครั้ง มันนั้นช่างเงียบสงบและร่มรื่นผิดกับตอนแรกที่พวกเขาเข้ามาโดยสิ้นเชิงและแล้วช่วงเวลาที่รอคอยก็สิ้นสุดลง บานประตูใหญ่เลื่อนเปิดออกอีกครั้งทว่าด้านนอกนั้นไม่มีใครมารับอย่างที่ได้ตกลงกันเอาไว้และทุกอย่างดูเงียบจนผิดสังเกต
'ช่องติดต่อของศูนย์บัญชาการใช้งานไม่ได้...'ไมดัสขมวดคิ้วเล็กๆกับความผิดปกตินี้ แต่ทว่าเขาก็หาข้ออ้างใช้ไปก่อนแม้คนในทีมจะมองมาอย่างไม่เข้าใจเสียเท่าไหร่นักและก็ตกลงกันว่าจะเดินเท้ากลับศูนย์บัญชาการโดยคาดการร์เวลาไว้ว่าอีกไม่เกินชั่วโมงก็จะถึงถ้าไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางระหว่างทาง
แบล็คนั้นยังคงไม่ได้สติถึงแม้ผลของเชื้อจะหมดไปแล้วก็ตามแต่ก้ยังมีผลสะท้อนอยู่คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆกว่าเธอจะได้สติอีกครั้ง ระดับของทั้งห้าคนลดลงมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เรียกได้ว่าหากไม่ติดใจเรื่องหยุมหยิมก็นับได้ว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
ตลอดการเดินทางเพื่อกลับศูนย์บัญชาการนั้นช่างไร้ซึ่งอุปสรรค ไม่มีแม้แต่อันเดธตัวเดียวให้เห็นบนท้องถนนสองฝากฝั่ง แต่ทว่าก็อย่างที่โบราณเคยกล่าวเอาไว้ ลมที่สงบผิดปกตินั้น ย่อมหมายถึงจะมีพายุลูกใหญ่ตามมาในภายหลังด้วยเสมอ...
ตูม!!!!