Day1 chapter0
ภายในห้องพักขนาดกลางซึ่งถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงสว่างอ่อนๆที่ส่องผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างซึ่งถูกปิดโดยผ้าม่านสีเข้ม ร่างๆหนึ่งบนเตียงที่มีผ้าปูเป็นลายอีกาตาโปนซึ่งห่อตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาลายแบบเดียวกัน เสียงหายใจที่ดังอย่างเป็นจังหวะช้าๆบ่งบอกถึงสถานะของเจ้าของที่กำลังหลับอย่างสบายใจ แต่ทว่ามันก็ได้อีกไม่นานเพราะเสียงปีศาจร้ายที่ดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดในห้องจนสิ้น...
กริ๊งงงงงงง........กริ๊งงงงงงง.............เสียงนาฬิกาที่ดังอย่างต่อเนื่องราวกลับไม่เหนื่อยหน่ายที่จะทำหน้าที่ของมันเรียกให้สติของฉันที่หลุดลอยไปได้กลับมาอีกครั้ง ฉันเอื้อมมือไปคว้าเจ้าเครื่องประดิษฐ์ที่น่ารำคาญนี้อย่างไร้ทิศทาง จนกระทั่งมือของฉันสัมผัสไปโดยผิวโลหะที่เย็นเฉียบซึ่งอยู่ที่หัวเตียง
กริ๊ก...ฉันจัดการหยุดการทำงานของเจ้านาฬิกาปลุกนั่นได้สำเร็จ อากาศรอบๆมันช่างเย็นสบายและเหมาะแก่การนอนหลับต่ออีกสักหน่อย...แต่ว่าถ้าหากเสียงนาฬิกาดังแบบนี้แสดงว่าตอนนี้เวลาคงจะหกโมงเช้าแล้วแน่ๆ ฉันคิดว่าบางทีฉันควรที่จะลุกไปอาบน้ำได้แล้ว...แต่ว่าอากาศมันก็น่านอนต่อจริงๆนั่นล่ะนะ...
'ไม่ได้...ขืนนอนต่อมีหวังไปสายกันพอดี'ฉันได้ข้อสรุปก่อนจะฝืนร่างกายที่อยากจะนอนพักต่ออย่างเต็มแก่ขึ้นมา ภายตรงหน้าของฉันมันเบลอๆดูขมุกขมัวทำให้ต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะปรับภาพตรงหน้าให้เด่นชัดเพียงพอ
อา~~ ง่วงชะมัดยาดเลย...สงสัยจะเป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึกเกินไปแน่เลย...ข้อสรุปนั้นเป็นเพียงข้ออ้างที่ใช้มาเพื่ออธิบายความเอื่อยเฉื่อยของตัวฉันเอง ฉันเอื้อมมือไปที่ผ้าม่านและทำการเลื่อนมันออก ทันใดนั้นแสงสว่างจ้าจากภายนอกที่:Xส่องเข้ามาก็ทำให้ฉันต้องเบือนหน้าหนีอย่างไม่อาจเลี่ยง ฉันหรี่ตาลงเพราะแสงสว่างที่เข้ามาอย่างกะทันหันมันเจิดจ้าจนเกินไป แต่ก็เพียงไม่นานฉันก็ปรับแสงให้เข้าที่เข้าทางได้ในที่สุด
ฉันทำการยืดแขนเพื่อสะบัดไล่ความขี้เกียจออกไปและลงจากเตียงก่อนจะทำการจัดผ้าห่มและผ้าปูเตียงให้เรียบร้อยตามความเคยชิน...จากนั้นก็เดินตรงไปยังประตูเพื่ออกไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาและเตรียมตัวไปโรงเรียนตามปกติ
ภาพที่สะท้อนในกระจกนั้นคือภาพของเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ออกจะเหมือนผู้หญิง เส้นผมสีดำสนิทเหมือนราตรีซึ่งตัดซอยไร้รูปทรงยาวปะบ่าถูกมือเรียวบางปัดเสยไปให้พ้นใบ้หน้า ดวงตาสีอำพันจ้องมองเงาสะท้อนในกระจกราวกลับจะตั้งคำถามว่าทำไม...ก่อนที่ฉันจะแย้มยิ้มทักทายเงาในกระจกนั้น
"อรุณสวัสดิ์นะ ตัวฉัน"ฉันกล่าวขำๆ การทักทายตัวเองในกระจกนี้ก็นับว่าเป็นกิจวัตรประจำวันอีกอย่างของตัวฉันเช่นกัน ก่อนที่ฉันจะถอดชุดนอนออกพลางแขวนมันด้วยไม้แขวนเสื้อที่ราวตากผ้าและพาร่างอันเปลือยเปล่าของฉันลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำที่ตอนนี้น้ำกำลังอุ่นได้ที่
"อาบน้ำอุ่นแบบนี้ล่ะ ความสุขของชีวิตเลย..."การแช่ตัวในอ่างอาบน้ำก็นับว่าเป็นหนึ่งในความสุขเล็กน้อยๆของชีวิตของฉันนอกเหนือจากการเข้าไปในโลกออนไลน์หรืออ่านหนังสือไม่ก็ทำขนมซึ่งสิ่งเหล่านี้คืองานอดิเรกของตัวฉันเอง
หลังจากเหตุการณ์ ภัยพิบัติใหญ่ ของเกมออนไลน์ MMORPG ชื่อดัง ที่เกิดเหตุการณ์ที่ผู้เล่นจำนวนมากไม่สามารถทำการล็อคเอาท์ได้และมีคนจำนวนมากที่เสียชีวิตจากการถูกทำลายคลื่นสมองโดย Gear ซึ่งผู้ผลิตนั้นเป็นคนๆเดียวกับผู้พัฒนาและสร้างเกม MMORPG นั้นขึ้นมา ก็เป็นเวลากว่าสี่ปีแล้ว เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เกมโลกเสมือนจริงที่ผู้เล่นสามารถเข้าไปในโลกของเกมออนไลน์ได้ผ่านคลื่นสมองได้ถูกนำมาถกเถียงกันอีกครั้งถึงความปลอดภัยของอุปกรณ์ แต่ทว่าในตอนนี้ Gear ซึ่งได้มีการเปลี่ยนผู้บริหารนั้นได้มีการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของGear อีกครั้ง ซึ่งทำให้ Gear ในตอนนี้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยที่เมื่อผู้เล่นนั้นขาดการล็อคเอาท์เกินกว่าแปดชั่วโมง ระบบจะทำการตัดการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติโดยที่จะมีการคัดลอกข้อมูลของผู้เล่นด้วยชุดตัวเลขที่ทำเฉพาะเอาไว้เพื่อกันการดักจับของผู้มีความประสงค์ที่จะจับผู้เล่นไว้เป็นตัวประกัน...แต่ถึงจะบอกแบบนั้นตัวฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าการป้องกันที่พวกนั้นโฆษณามันจะช่วยอะไรได้มากสักแค่ไหน
ฉันใช้เวลาแช่ตัวเกือบสิบนาทีก่อนจะลุกออกมาเพื่อเช็ดตัวให้แห้งและกลับมาที่หน้ากระจกอีกครั้งเพื่อแปรงฟันให้สะอาด ในที่สุดกิจวัตรประจำวันของฉันก็เสร็จสิ้นลง...เสียเวลาไปอีกนิดหน่อยเพื่อการแต่งตัวในชุดนักเรียนชายสีน้ำเงินเข้มที่ไร้ลวดลายเรียบสนิททั้งเสื้อและกางเกง มองๆดูแล้วก็ชวนให้หดหู่ใจพิลึก...อาหารมื้อเช้านั้นถูกเตรียมอย่างเรียบง่ายเป็นเมนูมื้อเช้าสุดแสนจะมาตรฐาน ขนมปังแผ่นทาแยมกับนมร้อนหนึ่งแก้ว
‘เวลาไม่พอเตรียมข้างกล่องแล้วแหะ...’ฉันถอนหายใจอย่างเศร้าๆพลางหยิบเศษเหรียญมาเพิ่ม ‘วันนี้กินขนมปังไส้ไก่ก็แล้วกัน...’
“ไปแล้วนะคะ”ฉันที่จัดการทุกสิ่งเสร็จสิ้นแล้วได้หันไปพูดกับความว่างเปล่าของทางเดินในห้องพักของฉัน ก่อนที่จะออกจากห้องและทำการล็อคประตูให้เรียบร้อย พวกคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมฉันถึงใช้คำว่า ‘คะ’ ซึ่งเป็นคำต่อท้ายของผู้หญิง เอาเถอะ ฉันจะเล่าให้คุณฟังก็ได้…แต่อย่าไปบอกให้ล่ะ
ฉันมีชื่อว่า ปิโยะโกะ เป็นเด็กสาววัย 17 ปี ด้วยสาเหตุบางประการทำให้ตัวฉันไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนสตรีได้ ซึ่งฉันจะไม่ขอกล่าวถึงมันก็แล้วกันเพราะว่ามันเป็นเหตุผลที่งี่เง่ามากจนตัวฉันอยากจะร้องไห้เลยทีเดียว และเพราะเหตุผลบ้าๆนั่นทำให้จึงทำให้ฉันต้องมาเข้าเรียนในโรงเรียนชายล้วนซึ่งตั้งอยู่ติดกัน ไม่น่าเชื่อใช่ไหม ? ว่าตลอดเวลากว่าหนึ่งปีในช่วงมัธยมปลายปี 1 ไม่มีใครดูออกเลยว่าฉันเป็นผู้หญิง ฮะๆ…เฮ้อ……คิดแล้วมันก็เศร้า แต่เพราะว่าต้องปกปิดเพศที่แท้จริงของฉันจึงทำให้ฉันต้องเปลี่ยนทั้งบุคลิก การแสดงออกเบื้องหน้า และชื่อของฉัน โดยที่ในรั้วโรงเรียนนั้นฉันมีชื่อว่า แบล็ค เอาล่ะเราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่านะ…อย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังไม่ได้สนิทกันมากพอจนจะพูดได้ทุกเรื่อง…
เส้นทางที่ฉันใช้ในการมาโรงเรียนนั้นเป็นเส้นทางลัดที่ต้องผ่านย่านการค้าเก่าซึ่งค่อนข้างเงียบเหงาและร้านส่วนใหญ่ที่ยังคงเปิดอยู่ก็เป็นร้านเก่าแก่ซึ่งเจ้าของร้านเองก็อายุก็หลัก 50 ขึ้นไปเสียส่วนใหญ่ มันเป็นเส้นทางที่ดีที่จะไม่ต้องพบปะเจอกับพวกนักเรียนทั้งหญิงและชายคนอื่นๆเพราะถนนเส้นนี้ไม่ใช่สถานที่ที่พวกนักเรียนหญิงจะมากันนานๆครั้งก็จะพบพวกนักเรียนชายของโรงเรียนเดียวกันโผล่มาเตร็ดเตร่ซื้อของแถวนี้บ้างแต่มันก็นานๆครั้งจริงๆ
“อ้าว สวัสดีนะ ปิโยะ วันนี้ตื่นสายจัง”เสียงๆหนึ่งดังขึ้นเรียกให้ฉันต้องหันกลับไปมองทางต้นเสียงนั้น เจ้าของเสียงเมื่อครู่คือหญิงสาวร่างสูงเกือบ175 ซึ่งหุ่นผอมเพรียว ดวงตาสีม่วงสดที่ดูเหมือนหาเรื่องตลอดเวลาภายใต้กรอบแว่นทรงเหลี่ยม เธอนั้นสวมเสื้อคอกลมแขนยาวสีเขียวอ่อนตัดกับกางเกงขายาวสีขาว มือซ้ายของเธอนั้นกุมด้ามไม้กวาดเอาไว้เหมือนกำลังกวาดพื้นอยู่ หญิงสาวคนนี้นั้นมีชื่อว่า เคทอิจิ เธอนั้นเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ฉันได้รู้จักเมื่อหนึ่งปีก่อน ถึงแม้การแสดงออกของเธอจะดูแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรแต่ทว่าถ้าได้รู้จักเธอแล้วก็จะพบว่าเธอนั้นมีนิสัยที่เป็นมิตรกว่าที่เห็นภายนอกมาก โดยฉันเองจะเรียกเธอว่าพี่สาวเสมอ พี่สาวนั้นมีน้องสาววัย 10 ปีคนหนึ่ง ชื่อ เรนะ ซึ่งให้คำนิยามสั้นๆได้ว่า คือ ปีศาจจิ๋ว ดีๆนี่เอง
“อรุณสวัสดิ์ครับ พี่สาว”ฉันยิ้มทักทายตามปกติ“เรนะ ไปโรงเรียนแล้วเหรอครับ?”
“เป็นสาวน้อยต้องใช้ คะ สิ ปิโยะ”พี่สาวนิ่วหน้าใส่ ทำเอาฉันรีบยกนิ้วส่งเสียงห้ามแทบไม่ทัน พลางมองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่น คงจะไม่ดีแน่ถ้าเกิดมีใครได้ยินสิ่งที่พี่สาวพูดไปเมื่อครู่
“อย่าพูดเสียงดังสิครับพี่สาว!”ฉันดุเสียงเบา โดยที่พี่สาวก็ทำแค่ยักไหล่อย่างไม่ค่อยใส่ใจ เอาตามตรงแล้วพี่สาวเองก็ดูจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ผู้หญิงแบบฉันต้องมาเรียนโรงเรียนชายทั้งๆที่ควรจะได้เข้าโรงเรียนสตรีแท้ๆ
“ทำไมกันนะ คุณแม่ของเธอก็มีตั้งเยอะ พอมาลูกสาวหายไปไหนหมดล่ะเนี่ย”คำพูดนั้นทำเอาฉันถึงกับคิ้วกระตุก
“พี่สาวเองก็ไม่มีเหมือนกันแหละครับ”ฉันเหน็บแนมไปเบาๆ ทำเอาพี่สาวเองก็สะดุ้งเฮือกก่อนยกมือขึ้นปิดอกตัวเองพลางเอี้ยวตัวเล็กน้อย ดวงตาสีม่วงสดทอประกายหงุดหงิดเล็กๆ
“รีบๆไปโรงเรียนได้แล้ว ยัยเด็กบ้า!”คำพูดของพี่สาวทำเอาฉันแอบยิ้มเล็กๆหลังจากที่การโต้กลับของฉันทำแต้มได้เต็มประตู ก่อนที่ฉันโบกมือลาพี่สาวที่ซึ่งเธอนั้นทำเพียงยกมือรับอย่างเอื่อยเฉื่อย พวกเราสองคนมักจะล้อเล่นกันแบบนี้ทุกๆเช้าจนกลายเป็นเพียงเรื่องปกติ หลังจากที่ลาจากพี่สาวฉันก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะเวลาตอนนี้ใกล้จะ 8 นาฬิกาเต็มที ซึ่งแน่นอนมันไม่ดีแน่ถ้าโดนอาจารย์ที่เฝ้าประตูอยู่จับไปลงโทษเพราะมาสาย
เส้นทางที่เป็นทางลัดนั้นคือตรอกซอยเล็กๆซึ่งอยู่ข้างๆมินิมาร์ท โดยอีกฟากนั้นจะเป็นเส้นทางที่อยู่ห่างจากโรงเรียนไม่มากเท่าไหร่ เส้นทางตรงนี้จะร่นระยะเดินทางจากเส้นทางหลักจากบ้านพักได้เกือบครึ่งหนึ่งแถมยังเป็นจุดที่ไม่ค่อยจะมีใครสนใจด้วยมันจึงเหมาะกับฉันที่ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจได้อย่างดี
“วันนี้ทำไมมาสายจังห๊ะ แบล็ค”อาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงประตูกล่าวทัก เขาเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่กล้ามบึกบึนแบบคนเล่นกล้าม ไม่น่าเชื่อว่าอาจารย์เขาจะสวมเสื้อกล้ามและกางเกงวอร์มเหมือนทุกวันๆได้ทั้งๆที่อากาศมันค่อนข้างเย็นพอสมควรแบบนี้ “นอนเพลินหรือไง?”
“ฮะๆๆ…ก็ใช่ครับ อากาศแบบนี้มันชวนนอนมากเลยล่ะครับ”ฉันตอบกลับพลางยิ้มแห้งๆอย่างไม่อาจปฏิเสธความเป็นจริงได้ อาจารย์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะชอบใจใหญ่ก่อนที่เขาจะไล่ให้ฉันเข้าไปข้างในได้แล้วเพราะว่าอีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาเข้าเรียนคาบโฮมรูม
โรงเรียนของฉันนั้นมีชื่อว่า สถาบันแห่งสหพันธ์รัฐใต้ เป็นโรงเรียนชายล้วนซึ่งมีอาคารทั้งหมดสามอาคาร ตรงกลางหนึ่งอาคารเป็นอาคารหลักซึ่งเป็นอาคารสำหรับห้องเรียนเพียงอย่างเดียว มีทั้งหมดสี่ชั้น ชั้นล่างสุดจะเป็นชั้นของห้องพักอาจารย์ ห้องพยาบาล และที่ตั้งของตู้เก็บรองเท้า ส่วนสามชั้นบนจะเป็นอาคารเรียนของนักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายปี 1-3 ดาดฟ้านั้นมีการปลูกสวนพักผ่อนหย่อมใจซึ่งปกติจะเป็นสถานที่โปรดของเหล่านักเรียนคู่รัก(?)
อาคารฝั่งขวานั้นเป็นอาคารสำหรับห้องเรียนในคาบวิชาพิเศษตั้งแต่ ศิลปะ คอมพิวเตอร์ ศิลปะการป้องกันตัว ฯลฯ มีทั้งหมดสี่ชั้น โดยชั้นล่างสุดนั้นจะเป็นโรงอาหาร ซึ่งชั้นดาดฟ้าเองก็เหมือนกับอาคารหลักเป็นสวนพักผ่อนหย่อนใจ โดยอาคารฝั่งขวานั้นจะเป็นฝั่งที่อยู่ติดกับอาคารของสถาบันเพื่อผู้มีศักยภาพสมาพันธ์รัฐเหนือ หรืออีกชื่อคือโรงเรียนสตรีนั่นเอง แต่ถึงจะบอกว่าอยู่ติดกันแต่ก็มีช่องว่างระยะห่างเกือบสามเมตร ดาดฟ้าของอาคารฝั่งขวานี้คือสถานที่โปรดของฉันกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งเพราะว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยจะมีใครขึ้นมาใช้เท่าไหร่นัก ส่วนทางอาคารฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นอาคารหอประชุมหลักซึ่งในเวลาปกติถ้าไม่มีการเรียกประชุมก็จะเป็นโรงยิมซึ่งมีไว้เพื่อการเล่นกีฬาและอื่นๆ
หลังจากที่ฉันเอารองเท้าเก็บเข้าตู้เก็บรองเท้าและเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะ ฉันก็เดินไปอย่างเอื่อยเฉื่อยตามขั้นบันไดเพื่อเดินไปทีห้องเรียนของฉันซึ่งอยู่ชั้นสอง ห้องของฉันนั้นคือห้อง 2-D โดยที่ในแต่ละชั้นของอาคารหลักจะมีห้องเรียนทั้งหมดไล่มาตั้งแต่ ???-A จนถึง ???-E สาเหตุที่ฉันไม่รีบร้อนที่จะไปให้ทันคาบโฮมรูมก็เป็นเพราะอาจารย์ประจำชั้นของห้องของฉันนั้น…เป็นคนที่เรียกว่า…ยังไงดีล่ะ…ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ ก็เป็นคนที่ง่ายๆสบายๆจนเกินไป…ล่ะมั๊งนะ…เอาตามตรงเลยก็คือตั้งแต่เปิดเทอมปีสองขึ้นมาฉันยังไม่เคยเห็นอาจารย์ในคาบโฮมรูมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ครืดดด…
“ขออนุญาตครับ”ฉันเอ่ยพูดตามความเคยชินแต่ทว่าภาพตรงหน้านั้นทำให้ฉันถึงกับตะลึงงัน
“เธอมาสายไปสามนาที”เสียงอันเนิบนาบไร้อารมณ์ดังขึ้นจากร่างของชายร่างสูงโปร่งในเสื้อโค้ทสีดำยาวคลุมเข่าซึ่งสวมทับเสื้อเชิ้ตลายทางตรงแขนยาวสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำสนิท ดวงตาสีแดงหม่นจ้องมองมาที่ฉันอย่างเรียบเฉย ชายคนนี้คืออาจารย์ประจำชั้นของฉันเองและยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาคณิตศาสตร์ด้วย ชื่อของเขาคือ อ.ไลท์ ซึ่งเป็นชายวัยสามสิบปีซึ่งยังคงโสดสนิท ฉายาที่พวกนักเรียนตั้งให้นั่นคือ อ.ช้ำรัก แห่งสถาบันใต้ จากการที่ อ.ไลท์ นั้นถูกปฏิเสธการคบหากับเพศหญิงหลายครั้งหลายครา
“ขอโทษด้วยครับ”ฉันโค้งตัวขอโทษ แต่ดูเหมือน อ.ไลท์ เองจะไม่ได้คิดมากอะไร เขาหยิบสมุดรายชื่อขึ้นมาก่อนเขียนอะไรยุกยิกลงบนกระดาษเช็คชื่อ
“ไปนั่งที่ได้แล้ว”เขากล่าวเรียบๆ ฉันเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะรับคำและเดินไปนั่งที่โต๊ะซึ่งว่างอยู่ที่ตั้งอยู่ในมุมที่ดีที่สุดของห้อง โต๊ะสุดท้ายริมหน้าต่าง คนในห้องหัวเราะเบาๆเพราะนึกขำแต่ฉันเองก็แค่ยิ้มตอบไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร ที่ฉันสนใจก็คือเรื่องที่วันนี้อาจารย์แกมาเข้าคาบโฮมรูมต่างหาก
“หลับเพลินหรือไง แบล็ค”เสียงห้าวๆดังขึ้นจากโต๊ะด้านข้าง เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่และกล้ามบึกบึนจนเกือบจะเท่ากับอาจารย์พละที่ประจำหน้าประตูในตอนเช้า เพียงแต่ชายคนนี้มีสีผิวที่เข้มกว่าเรียกว่าเป็นผิวสีแทนตามคำกล่าวของเจ้าตัวแต่ไม่ว่าฉันมองยังไงนี่มันก็ผิวออกจะดำแล้วด้วยซ้ำ ผมสีดำของเขานั้นถูกตัดจนสั้นเรียบเห็นหนังศีรษะ ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองมาที่ฉันอย่างนึกขำเช่นเดียวกับคนอื่นๆในห้อง ชายคนนี้คือเพื่อนสนิทของฉันเอง มีชื่อว่า ธนากร โดยที่คนทั่วไปจะเรียกเขาว่า ทิม ถึงจะเห็นดูแมนแบบนี้แต่ว่าจริงๆแล้ว ทิม นั้นเป็นเพศที่สามแถมเป็นหัวหน้ากลุ่มของสมาคมเพศที่สามในสถาบันนี้เสียด้วยซ้ำ โดยกล้ามที่ดูบึกบึนนั้นได้มาจากการออกกำลังกายและการชกมวยไทยเห็นว่า ทิม นั้นเป็นแชมป์ระดับประเทศติดต่อกันหลายสมัยแล้ว
“ก็นิดหน่อยล่ะนะ”ฉันตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักระหว่างหยิบสมุดจดและเครื่องเขียนขึ้นมา เมื่ออาจารย์ประจำวิชาคาบแรกได้เข้ามาแทนที่ อ.ไลท์ ที่ออกจากห้องไป
“ว่าแต่เมื่อวานได้เข้าไปใน Seed รึเปล่า ? ฉันไม่เห็นนายออนตัวเลย”ทิมกระซิบถาม โดยที่ดวงตาจับจ้องที่หน้าจอสไลด์ซึ่งแสดงข้อความและรูปภาพต่างๆ มือของเขาเองก็ทำการจดไปอย่างรวดเร็ว ลายมือของทิมนั้นสวยมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาสามารถเขียนมันได้โดยไม่จำเป็นต้องมองสักนิด
“ไม่ได้เข้า ช่วงนี้เกมใน Seed เองก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจด้วย”ฉันตอบโดยที่ดวงตายังคงจับจ้องที่กระดานสไลด์และเขียนเล็กเชอร์แบบเดียวกับคนอื่นๆในห้อง
Seed…เป็นเมนเฟรมเซิร์ฟเวอร์หลักในโลกออนไลน์ซึ่งมีปรากฏขึ้นภายหลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติสองปี ไม่มีใครรู้ที่ว่าของมันหรือแม้แต่การทำงานของระบบ รู้แต่เพียงว่ามันเป็นระบบที่สามารถทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถสร้างโลกเสมือนจริงของตัวเองได้ผ่านเครือข่ายของ Seed โดยที่ในบางเกมนั้นเราสามารถเคลื่อนย้ายข้ามไปอีกเกมหนึ่งได้อีกด้วยถ้าหากระบบของเกมนั้นเปิดให้สามารถเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งภายหลังการปรากฏตัวของ Seed นั้นก็ทำให้ยุคสมัยของเกมแนว MMORPG กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งรวมไปถึงเกมแนวอื่นๆที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น...
“ก็นะ ก็เข้าใจอยู่ แต่เอาเถอะวันนี้ฉันมีเกมใหม่มาเสนอให้นายด้วยล่ะ”
อีกแล้วเหรอ…ฉันคิดอย่างเหนื่อยใจ ตัวทิมเองนั้นไม่ได้ชอบเล่นเกมเลยสักนิด แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงขยันหาเกมมาให้ฉันเล่นเสียอยู่เรื่อย ตั้งแต่ที่เขาได้รู้ว่าตัวฉันนั้นเป็นเป็นหนึ่งในเกมเมอร์ที่ติดสิบอันดับใน Seed เขาก็มักจะหาเกมมาท้าทายฉันเสียอยู่เรื่อย ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเกมแนว MMORPG ไม่ก็แนว FPS มีแม้กระทั่งพวก TD หรือ MOBA ซึ่งเอาตามตรงตัวฉันนั้นชอบเล่นพวกแนว MMORPG มากกว่าแต่ว่าเกมที่มีในSeed นั้นรูปแบบของเกมก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยสักนิด คือเริ่มต้นจากระดับต่ำสุดและไต่จนขึ้นสู่จุดสูงสุด ฉันเจอแบบนั้นซ้ำๆกันก็ยอมรับตรงๆเลยว่ามันค่อนข้างเหนื่อยหน่ายพอสมควร
“เอาเกมอะไรมาเสนอฉันอีกล่ะ”ฉันตัดสินใจลองถามดูระหว่างที่ดวงตาของฉันยังคงจับจ้องที่ข้อความในจอโปรเจคเตอร์ “บอกก่อนนะว่าถ้าไม่ใช่MMORPG ฉันขอผ่าน”
“ไม่ต้องมาดักคอกันเลย...รู้หรอกน่ะ เกมที่ฉันไปเจอมาเมื่อวานน่ะนะเป็นเกมที่ลึกลับและได้ชื่อว่าเป็นเกมที่เล่นยากมากเลยล่ะนะ”คำพูดของทิมทำให้หูของฉันกระตุกเล็กน้อย พอได้ยินว่าเกมยากๆแล้วมันทำให้ความสนใจของฉันเริ่มทำงานอีกแล้ว
“ก็เห็นพูดแบบนี้ทุกที”ที่จริงฉันเองก็สนใจนิดๆนะ...แต่เดี๋ยวก่อนตอนนี้ฉันยังเล่นตัวได้อยู่ขอเล่นตัวอีกสักนิดก่อน
“เอ๊า…ไม่เชื่ออีก ฉันเคยโกหกนายที่ไหนล่ะ มีแต่นายนั่นแหละที่เก่งเกินเกม”ทิมแย้ง ทำเอาฉันเผลอยิ้มออกมาอย่างขำๆ เพราะว่ามันก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด
“ว่าแต่เกมที่ว่าชื่อเกมอะไรล่ะ”
“Online”
“รู้แล้วว่าเป็นเกมออนไลน์ ที่ฉันถามหมายถึงชื่อเกมต่างหากล่ะ”ฉันทวนคำถามอย่างงุนงงกับคำตอบเมื่อครู่
“ก็ชื่อเกมว่า Online ไง”ทิมทวนคำตอบ ดูเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฉันงงอะไร
“ห๊ะ?”ชื่อเกมๆนั้นทำเอาฉันถึงกับมึนๆไปพักใหญ่ เพราะความสงสัยในเกมที่ชื่อแปลกๆนั้นทำให้คาบๆนั้นทำเอาฉันไม่มีสมาธิในการเรียนเลยสักนิด…
”คาบหน้าสอบ...”ราวกับเสียงของมัจจุราชที่ดังขึ้นจากปากของ อ.ช้ำรัก ในคาบเรียนที่สองของวันนี้ ดวงตาสีแดงหม่นกวาดมองไปรอบห้องที่ซึ่งตอนนี้เหล่านักเรียนกำลังทำสีหน้าเหมือนรู้ว่าคะแนนสอบตัวเองนั้นติดตัวแดงอะไรทำนองนั้น…จะไม่ให้ตกใจกันได้ยังไงในเมื่อคาบหน้าที่ว่านั่นก็เป็นคาบเรียนหลังพักกลางวันของวันนี้เลย
‘อาจารย์แกคงโดนปฏิเสธมาอีกแล้วล่ะสิ’ฉันแอบถอนหายใจเบาๆพลางเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง อากาศข้างนอกดูจะเริ่มร้อนแล้ว แสงสว่างที่ส่องลงมาจากดวงอาทิตย์นั้นกำลังอบอุ่นตามแบบฉบับของเวลาเช้าๆย่างเข้าช่วงสาย จากที่นั่งของฉันมองตรงไปจะเห็นหลังคาบ้านพักของฉันได้นิดหน่อย ซึ่งมันช่างขัดกับเหล่าตึกสูงระฟ้าซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกหน่อยราวกับฟ้าและดิน
“คุณแบล็ค...”
‘ให้ตายสิ...อาจารย์แกก็เข้าใจอยู่ว่าโดนปฏิเสธมาบ่อย แต่จะมาระบายอารมณ์กับนักเรียนนี่มันก็ดูจะเกินไปหน่อยนะ’ฉันครุ่นคิดไปพลางมองนกฝูงหนึ่งบินผ่านไปพลาง การสอบในคาบหน้าสำหรับตัวฉันที่คะแนนติดสามอันดับของชั้นปีไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเสียเท่าไหร่นัก ยิ่งสำหรับทิมยิ่งแล้วใหญ่เห็นแบบนั้นเขานั้นเป็นอันดับ1ของชั้นปีเลยทีเดียว แถมยังถูกทาบทามจากทางคณะกรรมการของสถาบันในตำแหน่งประธานสภานักเรียนอีกด้วย ฉันเองก็เหมือนกันแต่ว่าสำหรับฉันที่จะเป็นจุดสนใจของคนหมู่มากไม่ได้เพื่อรักษาความลับจึงได้ปฏิเสธไปตั้งแต่ช่วงเปิดภาคเรียนถึงแบบนั้นพวกเขาก็ดูจะยังไม่ยอมแพ้และมาตามเกาะแกะฉันหลายครั้ง โชคดีที่ได้ทิมช่วยเอาไว้ทำให้พักนี้ไม่เห็นหน้าพวกสภาสักเท่าไหร่
“คุณแบล็ค เฟเธอร์...”น้ำเสียงอันเนิบนาบดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุบโต๊ะที่ดังลั่นห้อง ทำเอาร่างของฉันสะดุ้งโหยง เมื่อหันไปมองที่ต้นเหตุของเสียงก็พบชายในชุดโค๊ทสีดำสนิทก้มมองลงมาด้วยใบหน้าเย็นชาเหมือนหินสลัก “วิชาของฉันดูท่าคงจะง่ายเกินไปสำหรับอันดับสามของชั้นปีสินะ…”
“เอ๊ะ…?”ฉันถึงกับติดสถานะสตั๊นซ์ไปชั่วขณะคำพูดคำนั้นเป็นการบ่งบอกได้ว่าในช่วงหลังเลิกเรียนฉันต้องไปห้องพักอาจารย์เพื่อทำข้อสอบระดับมหาลัยที่หนาพอๆกับพจนานุกรม เสียงหัวเราะขบขันดังขึ้นทั่วห้อง ฉันละสายตาจาก อ.ไลท์ ไปมองทิมที่นั่งข้างๆประมาณว่า...ทำไมไม่เตือนกันล่ะเนี่ย?!
“คุณธนากรเขาพยายามเตือนคุณแล้ว แต่คุณคงมัวแต่จะสนใจฝูงนกที่บินผ่านไปอยู่”คำพูดที่ราวกลับอ่านความคิดออกทำเอาฉันได้แต่หันมามองอาจารย์แล้วยิ้มแห้งๆ คำพูดนั้นยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องได้มากขึ้นไปอีก ฉันมองลอนผ่านแขนของอาจารย์ไปเห็นทิมกำลังยกมือเชิงขอโทษ ซึ่งก็แน่ล่ะฉันจะไปมีสิทธิโกรธอะไรเขากันล่ะ...
“เปิดไปที่หน้า 125 เราจะเรียนกันเรื่อง ตรีโก...”หลังจากได้ระบายอารมณ์เป็นที่เรียบร้อยน้ำเสียของอ.ไลท์ ก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งคือดูเนิบนาบและเอื่อยเฉื่อย น่าแปลกที่คนอื่นๆในห้องดูจะไม่สามารถแยกแยะอารมณ์จากน้ำเสียงของอาจารย์แกได้ ฉันถอนหายใจอย่างปลงชีวิตและพลิกหน้ากระดาษไปที่หน้าที่ว่าแล้วกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่หน้าห้องอีกครั้ง...
ในที่สุดคาบพักกลางวันก็มาถึงฉันถูกทิมไล่ให้ขึ้นไปรอที่ดาดฟ้าตามปกติ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือแย้งอะไรเพราะว่าในโรงอาหารตอนนี้นั้นไม่ต่างอะไรไปจากสมรภูมิอันดุร้ายเลยสักนิด ซึ่งร่างเล็กๆบอบบางของฉันนั้นไม่เป็นที่เห็นด้วยของทิมและคนอื่นๆสักเท่าไหร่ เพราะกลัวฉันจะจมใต้กองเท้าของเหล่านักเรียนชายที่หิวโหยเสียก่อน ตอนแรกฉันเองก็แย้งว่าฉันเองก็ฝ่าเข้าไปได้แต่พอได้เป็นเห็นกับตาตัวเองก็ทำให้ฉันล้มเลิกความคิดไปในทันที ในตอนนั้นคนอื่นๆใกล้ๆนั้นทำเพียงยิ้มให้ฉันอย่างเข้าใจ
ระหว่างนั่งรออาหารกลางวันฉันหยิบ PAD ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนทำการดึงโฮโลแกรมขึ้นมาเพื่อค้นหาข้อมูลของ Online ซึ่งฉันได้ค้นพบว่าในอินเตอร์เน็ทและในเซิร์ฟเวอร์ของ Seed เองข้อมูลของเกมๆนี้ก็มีน้อยมากแถมข้อมูลส่วนใหญ่ก็เป็นแค่เพียงเรื่องทั่วไปเสียด้วยซ้ำ จำพวกว่าเป็นเกมแนว MMORPG แต่ทุกความเห็นที่ปรากฏนับจำนวนได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นเกมที่ยากมาก…
‘เกมที่ยากมากงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนิ…’
“ไง ทำสีหน้าแบบนั้นแสดงว่าสนใจสินะ”เสียงของทิมดังขึ้นในสองมือของเขานั้นเต็มไปด้วยขนมปังและนมกล่อง
“ขอคิดดูก่อนล่ะกัน”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Tips
ชื่อ : ธนากร
ชื่อเล่น : ทิม
อายุ : 17 ปี
เพศ : ชาย
ส่วนสูง : 191 cm.
น้ำหนัก : 71 kg.
นิสัย : รักเพื่อน เป็นมิตร เข้าหาคนง่าย
สิ่งที่ชอบ : สัตว์ตัวเล็กรวมถึงเด็ก ความแข็งแรง การออกกำลังกาย
สิ่งที่ไม่ชอบ : การรังแกคนอ่อนแอกว่า คนโกหก การหักหลัง อาหารรสเค็ม
สีที่ชอบ : สีน้ำเงิน
เพลงที่ชอบ : My Heart will go on
ข้อมูล
ทิมเป็นเพื่อนที่คบหากับฉันมาตั้งแต่วันแรกที่ฉันเข้ามาในสถาบันช่วงชั้นมัธยมปลายปี1 เขาคอยปกป้องฉันจากการโดนรังแกมาโดยตลอดฉันนึกขอบคุณเขามากเลยล่ะ ในตอนแรกฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นเพศที่สามเลยนะเพราะดูภายนอกนี่ดูไม่ออกเลยสักนิด…โดยทิมนั้นจะคอยให้คำแนะนำเบื้องต้นต่างๆให้ฉันและยังมีข้อมูลอีกหลายๆอย่างถ้าฉันมีความสนิทกับเขามากกว่านี้ (อย่างน้อยฉันก็คิดว่าแบบนั้น)
__________________________________________________________________________________________________
ชื่อ : เคทอิจิ
ชื่อเล่น : เคท
อายุ : 22 ปี
เพศ : หญิง
ส่วนสูง : 173 cm.
น้ำหนัก : ??? kg.
นิสัย : ใจดี รักครอบครัว คุยกับคนแปลกหน้าไม่เก่ง โมโหง่าย
สิ่งที่ชอบ : อาหารอร่อยๆ การแกล้งเด็ก ครอบครัว เกม
สิ่งที่ไม่ชอบ : คนกวนประสาท คนพูดจาไม่รู้เรื่อง อาหารไม่อร่อย
สีที่ชอบ : เขียวอ่อน
เพลงที่ชอบ : ???
ข้อมูล
พี่สาวนั้นเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ฉันรู้จักเมื่อตอนที่ย้ายมาเรียนที่นี่ใหม่ๆ ในตอนแรกฉันค่อนข้างกลัวสายตาของพี่สาวมาก แต่หลังจากที่ฉันได้พูดคุยกับพี่สาวหลายครั้งก็พบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใจดีกว่าที่เห็นมากนัก เธอนั้นมีน้องสาวตัวแสบคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า เรนะ
__________________________________________________________________________________________________
ชื่อ : ไลท์เนอร์
ชื่อเล่น : ไลท์
อายุ : 30 ปี
ส่วนสูง : 181 cm.
น้ำหนัก : 66 kg
นิสัย : เอื่อยเฉื่อย โกรธง่ายหายเร็ว ไม่ค่อยพูด
สิ่งที่ชอบ : กาแฟดำ ???
สิ่งที่ไม่ชอบ : ???
สีที่ชอบ : ???
เพลงที่ชอบ : ???
ข้อมูล
อาจารย์ประจำวิชาคณิตศาสตร์แห่งสถาบันแห่งสหพันธ์รัฐใต้ เป็นที่เลื่องลือของเหล่านักเรียนในเรื่องชอบเอาข้อสอบยากๆมาให้ทำ ได้รับฉายา ว่า อาจารย์ช้ำรักแห่งสถาบันใต้ จากการถูกหญิงสาวปฏิเสธมาหลายครั้ง ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำชั้น 2-D