รู้หรือไม่ว่า…การใช้มือถือขณะขับรถนั้นทำให้เกิดอันตรายมากว่าเมาแล้วขับซะอีก ค่าที่ยุคนี้โทรศัพท์มือถือมันติดอยู่กับชีวิตเราจนแยกกันไม่ออก เราแทบจะใช้มันตลอดเวลา อยู่ที่ไหนก็สามารถคุยกัน ติดต่อกัน
ทำงาน ทำธุรกิจได้ ไม่ว่าจะอยู่ซีกโลกไหน (อีกหน่อยคงติดต่อกันต่างภพได้) นั่นคือประโยชน์ของมันถ้าใช้ให้ถูกเรื่อง ถูกเวลา แต่เมื่อมันถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยแบบเกินความจำเป็น ไม่มีกาลเทศะ ย่อมมีผลกระทบที่ตามแน่ๆ
สังคมทุกวันนี้กลายเป็นสังคมที่นิยมคุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือ แม้จะนั่งอยู่ด้วยก็ยังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์เล่นเฟซ บุ๊ก แชตไลน์ ฯลฯ ไม่เว้นแม้แต่ขณะขับรถก็ยังนำโทรศัพท์มากดเล่น
ทั้งนี้กฎหมายโทรไม่ขับมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 2551 ซึ่งอยู่ใน พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (9) ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยที่ผู้ขับขี่ต้องไม่ถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ซึ่งเป็นการบังคับใช้กับรถทุกชนิดทุกประเภทตามความหมายใน พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ รวมถึงรถจักรยาน และรถสามล้อ ที่วิ่งในถนนสาธารณะ ยกเว้นรถไฟและรถราง
หากจำเป็นต้องโทรศัพท์ควรจอดข้างทางในที่ที่สามารถจอดได้ หรือจอดในปั๊มน้ำมัน กรณีรถติดไฟแดงหรือรถติดก็ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ในทุกกรณี ไม่ว่าจะหยิบมาโทรฯหรือเล่นเกม เฟซบุ๊ก หรือไลน์ เพราะถือว่าอยู่ระหว่างขับขี่
เนื่องจากเครื่องยนต์ยังติดอยู่ คนขับยังควบคุมรถอยู่ การใช้คอหนีบโทรศัพท์ หรือให้คนอื่นถือโทรศัพท์มาแนบหูให้ก็ผิด ที่ทำได้คือเปิดลำโพง ให้เสียงดังแล้ววางไว้ให้เป็นที่เป็นทางก่อนสนทนา หรือใช้อุปกรณ์เสริม เช่นสายฟัง หรือบลูทูธ จึงจะไม่ผิดกฎหมาย ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท.
ที่มา : dailynews.co.th
ด้วยความปราถนา จาก ที่ปรึกษา ประกันภัยรถยนต์ ชั้นนำ แหล่งรวมโปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ
เบื่อซ่อม อยากขาย ไว้ใจ Q4Car ตลาดรถ รับฝากขาย รถมือสอง ฟรี!!!!
เบื่อซ่อม อยากขาย ไว้ใจ Q4Car ตลาดรถ รับฝากขาย รถมือสอง ฟรี!!!!