กุมชะตา ฝ่าลิขิตซาตาน

Akira_Asarashi View 420
Normal 0 false false false MicrosoftInternetExplorer4 /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;}

ใครจะเชื่อว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติธรรมดาๆจะสามารถเปลี่ยนชีวิตของชายหนุ่มคนหนึ่งได้...จะมีใครเคยคิดบ้างว่าธรรมชาติที่แปรเปลี่ยนสภาพรอบตัวเราไม่ได้เกิดเพราะธรรมชาติแต่เพราะมีใครสักคนที่ควบคุมมันอยู่หรือจริงๆแล้วมันจะเป็นเส้นทางการแปรเปลี่ยนโชคชะตาของใครสักคนหนึ่ง...โดยที่เราไม่รู้ตัว

.

.

.

บทที่ 1สุริยคราต

วันนี้เวลา14 นาฬิกาหน่อยๆนะคะจะเกิดปรากฎการณ์สุริยุปราคาขึ้นใครที่สนใจนั้น...เสียงนักข่าวนอกสถานที่ไม่ช่วยทำให้บุคคลในห้องสนใจแม้แต่นิดเดียวเขายังคงนั่งอยู่ในห้องของเขาเฉยๆ เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้อย่างไม่แยแสแค่ไม่อยากให้ห้องเล็กๆที่เขาอยู่มันเงียบเกินไปก็เท่านั้น

อย่างไรก็ตามนะคะไม่ควรจะแหงนหน้าขึ้นไปมองปรากฏการณ์สุริยุปราคาด้วยตาเปล่าเพราะจะทำให้เสียสายตาได้ค่ะ...ข่าวจบลงแล้ว...เขาแค่ขยับตัวลุกจากตัวทำงานที่กลายเป็นโต๊ะกินข้าวในตัวไปยังปฏิทินที่วางอยู่ไม่ไกล

ปฏิทินลายเรียบๆมีปากกาสีแดงสดวงไว้ที่วันที่ 6 เดือน 6 แล้วเขียนไว้ว่าสุขสันต์วันเกิดเขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้ววางไว้ที่เดิมเหมือนกับว่าในวันนั้นมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นแค่วันธรรมดาๆที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไปข้างๆปฏิทินนั้นมีรูปของถ่ายครอบครัวที่ดูแสนจะอบอุ่นอยู่ข้างๆเขามองมันสักพักแล้วก็คว่ำรูปนั้นลงอย่างไม่ใยดี...

ปังเสียงประตูห้องปิดลงเขาเดินลงบันไดของหอลงมาเรื่อยๆจากชั้นที่เขาอยู่ลงมาชั้นล่างแต่เขาก็ไม่ลืมที่จะแวะดูกล่องไปรษณีย์ของหอว่ามีอะไรส่งถึงเขาบ้างหรือเปล่า

เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองกล่องไปรษณีย์ที่เป็นที่อยู่ของเขาชั้น 6 ห้อง 13พอเขาเปิดออกดูด้านในมีซองกระดาษสีขาวจ่าหน้าถึงเขาโระคุโตะ ชิอากิเขาเก็บมันเข้ากระเป๋าโดยไม่คิดจะเปิดและเหมือนว่าเขาพอจะรู้ว่าเนื้อความในจดหมายกำลังจะบอกอะไรเขา...

เห้ยอากิอรุณสวัสดิ์เสียงเรียกระหว่างทางทำให้เขาหยุดเดินเล็กน้อยแต่ยังไม่ทำให้เขาหันไปมองจนกระทั่งเจ้าของเสียงนั้นวิ่งเข้ามาแล้วเอามือตบไหล่เขาอย่างสนิทสนม

อะไรวะ...คนเขาอุตส่าห์เรียกไม่คิดจะหันมาตอบกันหน่อยหรือไงชายหนุ่มอีกคนที่ดูเป็นคนสนุกสนานต่างจากอากิที่ดูจะเงียบอยู่ตลอดเวลายิ้มร่าแล้วหัวเราะทั้งๆที่รู้ว่าคงจะไม่มีคำตอบกลับมาจากเพื่อนที่อยู่ข้างๆ

ไม่คิดเลยนะ...ว่าคนอย่างนายจะเดินมาเรียนเองได้โดยที่ไม่มีใครต้องโทรตามน่ะอากิหันไปมองเพื่อนข้างๆด้วยหางตาแล้วกลับไปมองข้างหน้าอย่างไม่คิดจะตอบ

อะไรกันเนี่ย...ใครกันนะทำให้อากิอารมณ์บูดแต่เช้าช่างน่าสงสารจริงๆนะอากิคุงเจ้าคนอารมณ์ดียังคงพูดไม่หยุดปากแต่ก็ยังไม่มีเสียงใดๆตอบรับจากอากิที่เดินเงียบตั้งแต่ออกจากบ้านจนบรรยากาศเริ่มอึมครึมและน่าอึดอัด

นี่นายจะไม่ยิ้มหรือตอบอะไรหน่อยหรือไงน่ะ...

ฉันไม่มีธุระอะไรจะต้องตอบคำถามของนายนี่อากิเดินต่อไปเงียบๆในขณะที่คนข้างๆหยุดเดินตามและเริ่มคิ้วขมวดแต่ไม่ทันไรหลังจากนั้น...

ป๊าบๆๆเจ้าคนยิ้มแย้มเดิมยิ้มเข้ามาตบหลังอากิอย่างอารมณ์ดีแต่เหมือนเขาจะไม่เล่นด้วยนัยน์ตาสีฟ้ามีแววบ่งบอกถึงความโมโหคุกรุ่นก่อนที่เขาจะเริ่มปริปากโต้ตอบ

นายเลิกทำตัวเป็นเด็กๆสักทีเถอะจิยะฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นอะไรบ้าๆกับนายตอนนี้นะแล้วเขาก็พยายามที่จะเดินหนีไปอย่างรวดเร็วแต่จิยะก็วิ่งตามเขาไปอยู่ดี

ไม่เอาน่า...นายไม่ควรจะเอาแต่ทำหน้าบูดบึ้งแบบนั้นตลอดเวลานะมันไม่ดีต่อสุขภาพของนายดูอย่างฉันสิ...ออกจะแข็งแรงเห็นไหมล่ะพูดจบจิยะก็ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วเบ่งกล้ามโชว์ความแข็งแรงอย่างปากว่าโดยที่ไม่ทันสังเกตว่าอากินั้นไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยแต่ถึงอย่างนั้น อากิก็หันมาพูดกับจิยะด้วยประโยคที่ทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง

ฉันหวังว่าความแข็งแรงของนายจะช่วยทำให้นายทำสอบย่อยของวันนี้ได้นะจิยะหัวเราะ

ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันอากิยิ้มที่มุมปากเล็กๆเมื่อจิยะเห็นเพื่อนสนิทเริ่มยิ้มตัวเองก็หัวเราะตามและเดินเอามือไขว้ไว้บนหัวอย่างสบายใจ

เริ่ม...เสียงประกาศการนับถอยหลังเริ่มขึ้นบนโต๊ะภายในห้องมีกระดาษข้อสอบวางอยู่สองแผ่นทุกคนในนั้นกำลังก้มหน้าก้มตายกเว้นอาจารย์คุมสอบที่ยืนจับทุจริตอยู่หน้ากระดานหลายคนในห้องกำลังนั่งเขียนทุกสิ่งที่ตัวเองพอจะรู้ลงไปบนข้อสอบหลายคนกำลังนั่งมั่วหลายคนกำลังนั่งคิดว่าจะตอบอะไรลงไปดีแต่ก็มีอยู่หนึ่งคนที่กำลังหลับคาห้องสอบ...

จิยะหันไปทางเพื่อนสนิทของเขาที่ตอนนี้กำลังหลับอยู่ในห้องสอบอย่างกังวลเวลาเหลือน้อยเต็มทีเขาแอบหยิบกระดาษใต้เก๊ะออกมาขยำๆแล้วแอบเควี้ยงไปทางที่อากิหลับอยู่กระดาษลงหัวอากิพอดีแต่โชคไม่เข้าข้างนักเมื่ออาจารย์คุมสอบเหลือบมาเห็นพฤติกรรมน่าสงสัย

อาคุมากิ!!!”เสียงต่ำทุ้มทำให้เจ้าของนามสกุลสะดุ้งโหยงแล้วค่อยๆก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบต่ออย่างตัดใจแต่ก็ไม่ใช่ว่ากระดาษขยำก้อนเล็กๆนั้นจะไม่เป็นผลเสียทีเดียวเมื่อหนุ่มขี้เซาเริ่มตื่นขึ้นมาทำข้อสอบอย่างเงียบๆ

อากิยกแขนที่มีนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเหลือเวลาให้เขาทำข้อสอบอยู่ประมาณ 15 นาทีก่อนจะหมดเวลาปากกาลูกลื่นถูกบรรจงขีดๆเขียนๆจนก่อนหมดเวลา 5 นาทีสุดท้ายอากิยกกระดาษคำตอบตรวจทานเล็กน้อยสายตาของเขาไล่ไปตามกระดาษคำตอบทีละตัวอักษรก่อนจะวางลงแล้วนอนต่อในขณะที่โต๊ะห่างออกไปยังมีคนที่นั่งกุมขมับพลางคิดว่าความแข็งแรงช่วยอะไรเขาไม่ได้สักกะนิดจนกระทั่ง...

หมดเวลาทุกคนวางปากกาอาจารย์กำลังเดินเก็บข้อสอบอยู่จิยะเอามือกุมหัวอย่างหมดหวังผิดกับอากิที่กำลังหลับอย่างไม่รับรู้สภาพแวดล้อมภายนอกเมื่อกระดาษข้อสอบทั้งหมดถูกเก็บออกไปเหล่านักเรียนที่เพิ่งผ่านการทดสอบก็ทยอยเดินออกจากห้องร่างของอากิถูกเขย่าเล็กน้อยโดยหนุ่มเจ้าสำราญ

ตื่นได้แล้ว...ดวงตาของเขาปรือขึ้นช้าๆเขาลุกขึ้นมานั่งสักพักจากนั้นก็ก้มลงไปหยิบกระเป๋า

นั่นนายจะไปไหนน่ะ!!!”ไม่ใช่เสียงของเพื่อนที่เข้ามาปลุกแต่เป็นอีกหนึ่งคนที่ดังมาจากหลังห้อง

ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอเขาหันกลับไปตอบสาวคนหนึ่งเธอยืนกอดอกขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเดินตรงเข้ามาแล้วดึงกระเป๋าของเขาไว้

แต่มันเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องดูแลความประพฤติของคนในห้องนะแล้วฉันขอสั่งไม่ให้นายไปไหนจนกว่าจะเลิกเรียนเธอพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง

เธอไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันอากิกระชากกระเป๋าของเขากลับแล้วก็กำลังจะเดินออกไปจากห้อง...ท่ามกลางอารมณ์เดือดดาลของผู้หญิงช่างออกคำสั่งที่ยืนอยู่ข้างๆ

นี่นาย...!”

เอาน่าๆฟุกุเห้ย...โชคดีนะอากิก่อนสาวเจ้าจะเข้าไปยื้อยุดชุดดึงร่างของผู้ที่ต้องการจะออกจากห้องจิยะรั้งตัวฟูกุไว้แล้วตะโกนบอกลาหลังไวๆของอากิฟุกุหันมาทำหน้าถมึงทึงใส่จิยะจากนั้นก็ถอนหายใจอย่างช้าๆ

นายเลิกให้ท้ายอากิสักทีเถอะนายนั่นจะกลายเป็นคนมีปัญหาในสังคมอยู่แล้วนะฟุกุยืนชี้หน้าจิยะอย่างคาดโทษ

เอาน่า...ปกติเธอจะพูดว่าอะไรอากิฉันก็ไม่เคยว่านี่อีกอย่างแล้วมันเคยฟังเธอไหมล่ะฟุกุสะอึกกับคำพูดของจิยะเล็กน้อย

แต่...แต่นายก็ไม่น่าเข้ามาห้ามนี่เธอหาข้อแก้ตัวแม้เธอจะรู้ว่ามันเป็นเหตุผลที่ค้างๆคูๆก็ตามแล้วก็หันหน้าไปอีกทาง

คือถ้าเป็นวันอื่นฉันก็จะไม่ห้ามหรอกนะแต่ช่วงนี้น่ะ....จิยะโน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของฟุกุฟุกุเบิกตาเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ...

จริงเหรอ...

ห่างออกไปจากโรงเรียนพอสมควรอากิถือกระเป๋าเดินไปตามทางที่เขาคุ้นเคยเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปที่กล่องข้อความ...ไม่มีข้อความอะไรอัพเดตไปจากเดิมเขาเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิมเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบตัวเองเดินกลับมาอยู่หน้าโรงเรียนซะแล้วสายตาของอากิบ่งบอกถึงความงุนงงเล็กน้อยแล้วเขาก็เดินต่อไปตามทางที่เขาเดินไปตั้งแต่ทีแรกเมื่อเขาเดินไปสักพักก็พบว่าเส้นทางที่เขาเดินกลับบ้านนั้นมีการปิดปรับปรุงสภาพถนนอยู่เขามองป้ายขออภัยในความสะดวกอย่างแปลกใจ

เมื่อเช้ายังไม่มีอะไรเลยนี่อากิยืนเกาหัวแล้วก็ตัดสินใจเดินอ้อมไปอีกทางเขาเดินดูตามทางไปเรื่อยเปื่อยจนถึงที่หน้าศาลเจ้าแห่งหนึ่ง...

แถวๆนี้มีศาลเจ้าด้วยเหรอ?อากิพึมพำกับตัวเองเขามองขึ้นไปด้านบนศาลเจ้าที่นี่สูงพอสมควรมองขึ้นไปจากด้านล่างเป็นบันไดสูงขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงบนเขาอากิยังคงมองขึ้นไปด้านบนเหมือนถูกสะกดบางอย่างในกระเป๋ากางเกงดึงความสนใจของเขาไปเขาเอามือล้วงเข้าไปในนั้นแล้วหยิบโทรศัพท์ที่มีข้อความเข้าอย่างมีความหวัง...แต่เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแสงจากพระอาทิตย์สะท้อนกับกระจกโทรศัพท์เข้าตาเขาอากิหลับตาลงด้วยความรวดเร็วเขาวูบลงไปนิดหน่อยความเจ็บปวดเล็กๆไหลเข้ามาในความรู้สึกตัวเขาเอนเอียงเล็กน้อยเหมือนคนจะเป็นลมแล้วเอามือเท้ากับราวบันไดไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไปกับพื้นเขาค่อยๆพาตัวเองขึ้นไปพักบนศาลเจ้าในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งกำลังถือโทรศัพท์อยู่

เมื่อเขามาถึงด้านบนสายลมโกรกพัดพาเอาอาการวิงเวียนของเขาออกไปได้ส่วนหนึ่งเสียงของกระดิ่งที่ห้อยอยู่ตรงคานศาลดังขึ้นเมื่อต้องสายลมเสียงใบไม้เสียดสีกันทำให้รู้สึกผ่อนคลายแต่กลับไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยแม้แต่คนเดียวอากิหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่มีใครโทรมาหรือมีข้อความเข้าแต่อย่างใด

คิดไปเองเหรอเรา...เขาเดินเข้าไปในตัวศาลเจ้าลึกขึ้นเรื่อยๆจากนั้นไม่นานลมก็เกิดจะพัดแรงขึ้นจนต้องเอามือยกขึ้นป้องกันเศษฝุ่นอย่างกะทันหันกระเป่าที่อากิถืออยู่ร่วงระเนระนาดสมุดหนังสือรวมถึงแผ่นกระดาษลอยกระจัดกระจายไปหมดจนกระทั่งลมแรงแผ่วกำลังลงอากิมองไปทางกระดาษที่กระจัดกระจายไปทั่วแล้วถอนหายใจเขาหยิบกระเป๋าขึ้นมาตามเก็บสมุดหนังสือที่กองๆกันอยู่แถวนั้นและตามเก็บเศษแผ่นกระดาษที่ลอยไกลออกไป

วันนี้มันอะไรนักหนาเนี่ยอากิสะบัดฝุ่นออกจากกระดาษแผ่นสุดท้ายแล้วเก็บเข้ากระเป๋าแล้วเขาก็หยุดชะงักกับข้อความของซุ้มมิคุจิ(เซียมซีของญี่ปุ่น)ข้างหน้าอนาคตของคุณจะเป็นไปอย่างที่คุณปรารถนาหรือเปล่าเขาหยุดคิดอยู่สักพักก็หยิบกระบอกไม้ไผ่มิคุจิขึ้นมาเกิดความลังเลขึ้นในจิตใจของเขาเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เริ่มเขย่ากระบอกไม้ไผ่แท่งไม้ไผ่เหลาเล็กๆก็ออกมาจากกระบอกไม้ไผ่แล้วตกลงพื้น(กระบอกเซียมซีของญี่ปุ่นจะมีแค่ช่องเล็กให้ไม้ออกมาเท่านั้น)อากิหยิบไม้ไผ่เหลาขึ้นมาแต่ไม้แท่งนั้นกลับไม่ได้บอกตัวเลขอะไรเลยเขามองมันอย่างงงๆแล้วก็วางไม้เหลานั้นไว้บนโต๊ะข้างหน้าจากนั้นก็เริ่มเขย่ากระบอกมิคุจิใหม่อีกครั้งแต่คราวนี้เขย่าเท่าไรก็ไม่มีอะไรออกมาจนเขาเริ่มหงุดหงิดเขาวางกระบอกมิคุจินั่นลงแล้วใส่ไม้มิคุจิที่ไม่มีเลขเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงอีกข้างด้วยความหวังดีเผื่อมีคนมาใช้ต่อจะได้ไม่มีไม้ที่เสียปะปนอยู่แต่เมื่อเขากำลังจะหันออกไปจากซุ้มมิคุจินั้นกระบอกมิคุจิก็ตกลงมาจากโต๊ะแล้วก็มีไม้ไผ่เหลาออกมาจากกระบอก 1 แท่งเขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็มีสีหน้างวงงงกับแท่งไม้ไผ่แปลกๆมันดูเหมือนเลข 9 แต่ว่าน่าจะเป็นเลข 6 เพราะว่ามีขีดแยกแยะบ่งบอกว่ามันเป็นเลข 6 บนเหนือเลข 9

เลข 6 กลับหัว เหรอ?เขาถามตัวเองอย่างไม่แน่ใจอากิเก็บกระบอกมิคุจิแล้ววางไม้ไผ่เซียมซีของเขากับกระบอกมิคุจิไว้ที่เดิมจากนั้นก็หยอดเหรียญร้อยเยนไว้ในกล่องเหล็กสีดำข้างๆเป็นค่าเสี่ยงทายแล้วเขาก็ตรงไปที่ลิ้นชักที่เก็บคำทำนายไว้แต่กลับไม่มีชั้นที่ใส่เลขหกหัวทิ่มไว้อากิเลยผละออกจากที่ตรงนั้นแล้วไปนั่งอยู่ที่แคร่ข้างๆซุ้มมิคุจิเงาของต้นไม้สายลมเย็นๆบวกกับอาการวิงเวียงที่ยังหลงเหลืออยู่นิดหน่อยทำให้เขาเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

จิยะ...นายว่าอันนี้เป็นไงฟุกุยื่นที่ห้อยโทรศัพท์มาเนะคิเนโกะ (แมวนำโชค) สีขาวให้จิยะดูจิยะหยิบมันจากฟุกุขึ้นมาดูแล้วก็หันไปตอบเธอ

เธอคิดว่าอากิจะใช้ของแบบนี้หรอ

ไม่...แต่ฉันชอบฉันจะให้อันนี้คำตอบทันควันที่ฟังดูแปลกมาจากสาวเอาแต่ใจจิยะเอามือกุมขมับ

ไปจ่ายเงินกันขาดคำฟุกุเดินนำจิยะไปทางเคาท์เตอร์คิดเงินแต่ก็ถูกจิยะเบรกไว้ก่อน

เดี๋ยวสิฉันยังเลือกของฉันไม่ได้เลยนะ

ก็เลือกเร็วๆสิจิยะหันกลับไปเลือกของแล้วหยิบของอย่างหนึ่งขึ้นมาฟุกุเดินเข้ามาดูว่าเป็นอะไรจากนั้นเธอก็เริ่มบ่น

นี่นายจะเอาจี้ห้อยโทรศัพท์มาให้อากิเหมือนฉันเหรอ!!!ไร้หัวคิดมันเป็นกระดิ่งแก้วคริสตัลใสๆที่มีสายห้อยเหมือนกับกระดิ่งในศาลเจ้า

ก็ฉันชอบอะ...จิยะมองมันแล้วก็ยิ้มๆดูเหมือนเขาจะถูกใจของชิ้นนี้มาก

ไม่ได้!ฉันจะให้ของที่ฉันชอบก่อนนะ

ไม่รู้ล่ะฉันจะให้อันนี้จิยะไม่ฟังคำทัดทานของฟุกุเขาหยิบกระดิ่งแบบเดียวกันมาอีกสองอันแล้วเดินตรงไปเคาท์เตอร์จ่ายเงินโดนมีฟุกุที่งอนตุบป่องเดินตามขณะออกมาจากร้าน...

นี่ดีนะที่อาจารย์ไม่สอนตอนบ่ายน่ะไม่อย่างนั้นฉันไม่ให้นายออกมาเดินโต๋เต๋ตอนเที่ยงวันแบบนี้แน่

คร้าบๆ...จิยะเดินอมยิ้มอยู่ข้างๆเขาหยิบกระดิ่งคริสตัลของเขาขึ้นมาดูฟุกุก็เลยหยิบมาเนะคิเนโกะของเธอขึ้นมาบ้างแล้วก็ยกขึ้นมาเทียบกับกระดิ่งแก้วของจิยะ

นายว่าอากิจะชอบของที่เราซื้อให้ไหม...คำถามที่ไร้คำตอบ

จิยะถ้าเกิดปีนี้พ่อกับแม่ของอากิมาหาอากิได้ก็คงจะดีไม่น้อยเลยเนาะฟุกุพูดแล้วหันไปทางชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ

อื้ม...จิยะตอบรับเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดต่ออย่าเอาไปบอกอากิล่ะว่าฉันเอาเรื่องของมันมาให้เธอฟังน่ะ

นายอย่าเป็นคนเริ่มพูดก่อนก็แล้วกัน...

เวลาผ่านไปนานพอสมควรหนุ่มผู้เงียบขรึมเริ่มตื่นหลังจากความเหนื่อยล้าพาเขาเข้าสู่การหลับใหลอากิเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาแต่เขากลับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ใช่มือถือมันเป็นกระดาษทำนายของเบอร์ 6 หัวกลับอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาดวงตาเขาบอกความแปลกใจเล็กๆแล้วก็หันซ้ายหันขวาเพื่อหาว่าใครเป็นคนเอามาใส่ไว้แต่ก็ยังไม่เจอใครอยู่ดีเขายังไม่เปิดอ่านดูแต่หันกลับมาสนใจโทรศัพท์ที่ตอนนี้หน้าจอมืดสนิท...เหมือนมันจะเสีย!!!

เฮ้ย...เป็นอะไรไปวะเขาสบถและใช้มือตบๆโทรศัพท์เบาๆแต่มันก็ไม่ติด...จนเขาเก็บมันเข้าประเป๋ากางเกงอย่างหงุดหงิดตามเดิมอากิเหลือบไปมองที่กระดาษมิคุจิที่มาอยู่ในกระเป๋ากางเกงได้อย่างไรก็ไม่รู้ขึ้นมาดูเมื่อเขาคลี่มันออกก็พบข้อความที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกงงมากขึ้น

เปลี่ยนตะวันกลับจันทราแปรสว่างสู่ความมืดเปลี่ยนดีเป็นร้ายกลับตายมีชีวิต...อากินั่งอ่านซ้ำไปซ้ำมาประมาณ 3 รอบแต่ก็ยังไม่เข้าใจแถวยังเป็นข้อความที่ยังเขียนไม่จบอีกต่างหากแต่ถึงอย่างไรเขาก็เก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อ

แต่แล้ว...

เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจากระยะไกลอากิลุกขึ้นยืนอย่างตกใจแล้ววิ่งลึกเข้าไปในศาลเจ้านั้นตามเสียงปริศนาทางสองข้างเป็นป่าไผ่สูงชันมืดและเย็นเฉียบเขาวิ่งต่อไปเรื่อยๆจนเริ่มพบแสงสว่างที่ลอดผ่านเหล่าต้นไผ่มากระทบตาเขาเมื่อทะลุป่าไผ่ออกไปมันกลับเป็นหุบเหวเขาหยุดอยู่ใกล้กับปากเหวแล้วก้มลงไปดูทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็สั่นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและทั้งๆที่เหมือนมันจะพังไปแล้วเขารีบคว้ามันขึ้นมาดูอย่างตกใจมันมีข้อความเข้ามาในเครื่องเป็นร้อยๆฉบับอย่างต่อเนื่องเขาเปิดมันดู

ปีศาจร้ายจะกล้ำกลายจมหายในความมืดมิดวนเวียนในหมู่มารความเข้มแข็งคือกุญแจ

ตุบ...!!!”อากิทำโทรศัพท์หลุดมือด้วยความตกใจเขารู้สึกว่ามือของเขาช่างไร้เรี่ยวแรง...

นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!

แล้วโทรศัพท์ที่สั่นอย่างต่อเนื่องก็หยุดลงอากิหายใจหอบเหมือนคนเพิ่งผ่านพ้นมาจากเรื่องเลวร้ายมาเขาค่อยเดินเข้าไปหาโทรศัพท์ที่หยุดนิ่งไม่ไหวติงใดๆมันกลับไปเป็นโทรศัพท์เสียๆอีกครั้งที่มีหน้าจอค้างกับที่แล้วนาฬิกาบนหน้าจอนั้นกำลังนับถอยหลังลงไปทุกที

แต่ทันใดนั้น...

ท้องฟ้ากลับเริ่มมืดครึ้มขึ้นเสียงนกกาต่างร้องกันระงมเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่กำลังตื่นกลัวกับเหตุการณ์ธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นอากิมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสุริยุปราคากำลังเริ่มขึ้นแสงจากดวงอาทิตย์ค่อยๆถูกพระจันทร์บดบังลงไปหน้าปัดนาฬิกาบนมือถือค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆจนเป็น 0.00 แล้วเมื่อถึงตอนนั้นเองสุริยคราตก็เต็มดวงพอดี

อ๊ากกกกกกกกก!!!!!!”

ตุบ...โทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือเจ้าของที่ตอนนี้กำลังเจอกับความเจ็บปวดมือทั้งสองของเขาปิดดวงตาทั้งคู่ที่รู้สึกเจ็บอย่างที่เขาไม่เคยเจอแม้คนอื่นๆจะเห็นว่าแสงจากสุริยปราคาจะน้อยกว่าแสงจากดวงอาทิตย์ธรรมดามากแต่สำหรับอากิมันส่องสว่างมากกว่าที่ผ่านๆมาเสียอีกเขายืนทุรนทุรายแล้วทรุดลงกับพื้นน้ำในตาเริ่มไหลออกมาจากต่อเนื่องมันเป็นสีแดงสดและดูน่ากลัวแผ่นดินที่เขาอยู่เกิดสั่นไหวจากนั้นแผ่นดินตรงที่เขานอนเจ็บอยู่ก็แตกออกแล้วก็ร่วงลงไปในเหวนั้น...!

มีเพียงโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ดับสนิทเพียงอย่างเดียวที่ยังอยู่ตรงนั้น...