บทที่2 กลับตายมีชีวิต
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด”หนุ่มเจ้าสำราญกดวางโทรศัพท์ทิ้งหลังจากได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติ
“ไม่รับสายเหรอ...”สาวเอาแต่ใจนั่งหน้างอเมื่อจิยะหันหน้ามาแล้วส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“ไปไหนของเขานะของขวัญก็เตรียมแล้วเค้กก็เตรียมแล้ว...“ทั้งคู่นั่งรออากิอยู่หน้าหอที่อากิพักอยู่จิยะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วยืนกอดอกรอเป้าหมายอย่างใจจดใจจ่อขณะที่ฟุกุหยิบมาเนะคิเนโกะขึ้นมาแล้วมองมันอย่างเบื่อหน่ายเธอหันไปมองนาฬิกาข้อมือจากนั้นสาวเจ้าก็ลุกขึ้นยืนปัดกระโปรงแล้วหันไปหาจิยะ
“ฉันต้องกลับบ้านก่อนแล้วล่ะเค้กนี่นายเอาไปให้เขาก็แล้วกัน...”
“อื้ม...วันนี้ขอบคุณมากนะ”จิยะพยักหน้าตอบรับฟุกุยิ้มให้เขาถือกระเป๋าแล้วเดินจากไป
จิยะยืนมองถุงเค้กแล้วเปิดกล่องข้างในออกดูเค้กช็อกโกแลตก้อนใหญ่ที่เขียนคำว่าHappy Birth Day Shiakiเขายืนหน้าสลดแล้วเก็บมันเข้าที่เดิมก่อนจะเดินเข้าไปข้างในหอของอากิ
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ”เขาเปิดกระจกหน้าต่างของห้องผู้ดูแลหอที่อยู่ชั้นล่างคุณป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา
“มีอะไรให้ช่วยเหรอพ่อหนุ่ม”จิยะยื่นกล่องเค้กให้กับคุณป้าคนนั้นแล้วพูดว่า
“ผมฝากให้เจ้าของห้อง 13 ชั้น 6 ด้วยครับเขาชื่อชิอากิ”ป้าดูแลหอพยักหน้ารับแล้วก็รับของไปอย่างว่าง่าย
“ขอบคุณมากครับป้า”ก่อนจิยะจะเดินออกไปป้าก็ถามหนึ่งคำถามกับเขา
“จะให้บอกว่าใครฝากไว้ล่ะพ่อหนุ่ม”จิยะหันกลับมา
“ฮานะคิจิไดฟุกุครับ”แล้วเขาก็เดินกลับบ้านของเขาไป...
“หึ หึ หึ...คิกๆ ๆ”เสียงหัวเราะของใครสักคนดังเข้ามาในโสตประสาทอากิเดินอยู่ลำพังในห้วงที่มืดมิดไม่มีแม้แต่แสงสว่างใดๆไม่เห็นอะไรนอกจากตัวของเขาเองเขาหันซ้ายขวาเพื่อมองหาเสียงหัวเราะนั้นแล้วเขาก็เริ่มวิ่งวิ่งไปทั้งที่มองไม่เห็นข้างหน้าไม่มีจุดหมาย
“มีใครอยู่ที่นี่บ้างไหมจิยะ...ฮานะคิจิมีใครอยู่บ้างไหม...”เขาตะโกนจนสุดเสียงแต่ก็มีเพียงเสียงของเขาเองที่สะท้อนกลับมา
“ใครก็ได้...มีใครได้ยินฉันไหม...”มีเพียงความเงียบที่กระซิบตอบเขาอากินั่งลงกับพื้นพื้นที่ตรงนี้ยังคงมีแต่ความมืดเท่านั้นแต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นอีก
“ตื้ดดดด...ตื้ดดดด...”เสียงโทรศัพท์ของเขาเองสั่นอยู่ข้างๆตัวเขาอากินั่งมองมันด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่ว่าพังไปแล้วเหรอ...”เขาเปิดโทรศัพท์ขึ้นดูมีข้อความใหม่อยู่ในกล่องข้อความของเขาจากจิยะเขาเปิดมันออกดู
“เปลี่ยนตะวันกลับจันทราแปรสว่างสู่ความมืดเปลี่ยนดีเป็นร้ายกลับตายมีชีวิตปีศาจร้ายจะกล้ำกลายจมหายในความมืดมิดวนเวียนในหมู่มารความเข้มแข็งคือกุญแจ”เขาเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจอากิโยนโทรศัพท์ของเขาออกไปจนมันแตกกระจัดกระจายออกไปคนละทิศคนละทางแล้วทรุดลงกับพื้นของเหลวสีแดงข้นไหลออกมาจากเศษโทรศัพท์มันไหลออกมาจำนวนมากมากเกินกว่าที่ความเป็นจริงมันจะบรรจุอยู่ในนั้นได้มันค่อยๆไหลเข้ามาหาเขาเรื่อยๆอากิกระเถิบตัวออกห่าง แต่ว่าเขากลับรู้สึกว่ายิ่งห่างออกไปเขาก็ยิ่งใกล้กับมันมากขึ้นจะกระทั่งมันค่อยๆไหลมาโดนตัวเขาตัวเขา
“เห้ย!!!”
‘ตูม’ร่างของเขาถูกดึงลงไปในกองเลือดด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็นอากิพยายามถีบตัวเองขึ้นจากกองเลือดแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเขาไม่สามารถต้านแรงที่กำลังฉุดเขาให้จมลงไปได้
“ช่วย....”ยังไม่ทันจบคำเขาก็ถูกดึงหายลงไปทั้งตัวมีแค่มือที่ยังยื่นขึ้นไปเพื่อขอความช่วยเหลือเท่านั้นที่ยังโผล่พ้นน้ำเลือดสีแดงสด
ใครก็ได้...ช่วยด้วย!
‘หมับ’มือหนึ่งจับมือที่กำลังจมหายลงไปแล้วดึงเขาขึ้นมาอากินั่งหอบเหมือนคนขาดอากาศเนื้อตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดกลิ่นสาปคาวเลือดลอยเข้ามาแตะจมูกจนรู้สึกคลื่นเหียนมือปริศนายื่นไปหาเขาหวังจะช่วยเหลือแต่อากิก็ลุกขึ้นด้วยตัวเองแล้วมองว่าใครกันที่เข้ามาช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา
“จิยะ...!!นายมาที่นี่ได้ยังไง...”บุรุษที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาไม่โต้ตอบใดๆเขายืนก้มหน้าก้มตาจนดูผิดแปลกอากิมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย
“นายโอเคไหมจิยะ...”จิยะส่ายหัวทั้งๆที่ก้มหน้าอยู่
“ไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกันตอนนี้เราไปจากที่นี่ก่อน”อากิเดินนำจิยะไปแต่มือของจิยะจับที่ไหล่ของเขาไว้ อากิหันกลับไปมองที่ไหล่ของเขามือของจิยะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดเขาเบิกตากว้างอย่างตกใจสะบัดมือของจิยะหลุดออกจากตัวของเขาแล้วถอยห่างออกไป
“นายเป็นอะไรน่ะจิยะ!!”เขาทั้งตกใจแล้วก็หวาดกลัวเพื่อนของเขาเองจิยะค่อยๆก้าวขาเข้าไปหาอากิอย่างช้าๆปากก็พลางพึมพำไปเรื่อยๆเสียงของจิยะค่อยๆดังขึ้นๆแต่ก็ยังคงเบาเกินกว่าจะได้ยินเลือดค่อยๆไหลออกมาจากหัวของจิยะแล้วหยดลงพื้นตลอดทางที่เดินเข้าไปหาอากิอากิค่อยถอยห่างจากจิยะออกไปเรื่อยๆอย่างหวาดกลัวเขาตัวสั่นระริกแขนและขาทั้งสองข้างเหมือนจะหมดแรงลงไปเฉยๆ
“ทำไม...ทั้งที่ฉันเป็นเพื่อนของนาย”เสียงของจิยะเริ่มดังจนจับใจความได้เลือดของจิยะไหลออกมามากขึ้นทั้งจากหูไหล่แขนขา
“ทั้งที่นายเป็นเพื่อนคนแรก...ทั้งๆอย่างนั้นทำไม”อากิขมวดคิ้วเขาไม่เข้าใจในคำพูดของจิยะที่กำลังคุยกับเขามันหมายถึงอะไร…
“นายพูดเรื่องอะไรน่ะฉันไม่เข้าใจ”
“ทั้งๆที่ฉันทำดีกับนายมาโดยตลอด...”สิ้นเสียงจิยะก็หยุดเดินอากิยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกเขายังคงไม่กล้าเข้าไปหาจิยะแล้วยืนอยู่ห่างๆ
‘ตุบ...!’จิยะแน่นิ่งลงไปกับพื้น...อากิสะดุ้งเล็กน้อยแล้วเขาก็ถอยหลังออกไปตั้งหลักอีกหนึ่งก้าวแต่กลับชนกับบางอย่างที่อยู่ด้านหลังเขาหันขวับ..จิยะที่ควรจะแน่นิ่งอยู่อีกทางยืนอยู่ตรงหน้าเขายังคงก้มหน้าก้มตาและยังมีหยดเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“นายฆ่าฉันทำไม!!!”จิยะเงยหน้าขึ้นแล้วเอามือทั้งสองข้างบีบคออากิอย่างสุดแรงอากิดวงตาเบิกโพรงอย่างตกใจใบหน้าของจิยะเต็มไปด้วยเลือดส่วนที่เห็นเป็นผิวก็เขี้ยวคล้ำตาขาวของเขาเป็นสีแดงก่ำเหมือนปีศาจถลึงตาด้วยความแค้นเคืองปากมีเลือดไหลออกมาเขี้ยวยาวเหมือนไม่ใช่มนุษย์
“ทั้งๆที่ฉันทำดีกับนายมาโดยตลอด...ทำไมนายต้องฆ่าฉัน....นายฆ่าฉันทำไมชิอากิ!!!”จิยะตะโกนใส่อากิมือของเขายังคงบีบที่คอของอากิ
“จิ...ยะ”เสียงของอากิแหบพร่าหายใจติดขัดมือของอากิพยายามจะแกะมือของจิยะที่คอของตัวเองออก
“นายต้องตาย...ตาย”
“ฉัน...ไม่ได้..ทำอะไร...นาย”
“นายฆ่าฉัน...นายต้องตาย”จิยะผลักอากิล้มลงไปกระแทกพื้นอากิไอค่อกๆแค่กๆแล้วใช้มือลูบที่คอของตัวเอง
“ฉันไม่ได้ฆ่านาย...”อากิตะโกนกลับเขาเงยหน้าขึ้นไปมองจิยะ
แต่ทว่า...
‘ฉึก’ดาบเล่มยาวแทงเข้าไปตรงหัวใจของอากิอากิมีสีหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดเขาใช้มือจับดาบยาวที่แทงทะลุหัวใจของเขาจิยะใช้ดาบยาวแทงกดลึกขึ้นไปอีกจากนั้นอากิก็ร้องเสียงดังลั่น
“อ๊ากกกกกกก!!!!!”ดาบยาวถูกดึงออกมาจากตัวของอากิแล้วถูกโยนลงไปกับพื้นดาบคมเฉือนฝ่ามือเขาจนแทบขาดเลือดสาดกระเซ็นเปรอะรอบด้านที่ยังคงมีแต่ความมืดอากิใช้มือกุมที่หน้าอกตัวเองอย่างเจ็บปวดในขณะที่จิยะมองเขาอย่างสะใจแล้วก็หัวเราะอย่างผู้มีชัยชนะลมหายใจของอากิค่อยๆแผ่วลง
แล้วดับไป...
.
.
.
‘พรึ่บ’ดวงตาสีฟ้าเปิดกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วเขาหายใจหอบมือสั่นระริกอากิใช้มือสำรวจร่างกายตัวเอง...เขายังไม่ตายไม่มีบาดแผลใดๆพาดอยู่บนตัวเขาเขาแค่“ฝัน”ไปแต่ว่าความฝันช่างเหมือนจริงจนเขาเองก็คิดว่าตอนนี้เขาได้ตายไปแล้ว...เขาถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอก
“ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย...”เขามองไปรอบๆที่นี่รกร้าง... มันเหมือนเคยเป็นป่ามาก่อนแต่ตอนนี้มีเพียงซากของต้นไม้ใหญ่ที่ตายแล้วมันแห้งกรังแล้วดูน่าเศร้าสลดเขายังคงมองดูมันไปรอบๆที่นี่มีทิวทัศน์เหมือนกันรอบด้านและยังมีเสียงของนกการ้องดังระงมจนน่าสยดสยอง
‘แหมะ แหมะ’บางอย่างหยดลงมาบนใบหน้าของเขาเขาใช้นิ้วปาดสิ่งนั้นแล้วยกขึ้นดู...
เลือด!!!เลือดสีดำสนิท
เขามองขึ้นไปด้วยความรวดเร็วแล้วก็ต้องตกใจนอกจากจะมีพระจันทร์สีแดงสดดวงกลมโตแล้วยังมีคนๆหนึ่งตายอยู่บนนั้นกิ่งไม้ใหญ่เสียบทะลุลำตัวของเขากิ่งไม้นั้นใหญ่ขนาดที่ว่าถ้าศพนั้นถูกขับเพียงนิดเดียวก็อาจจะขาดเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดายมีกาตัวสีดำสนิทจิกกินซากศพที่เริ่มจะเน่าเฟะ
“เห้ย...อะไรวะ!!!”เขาตกใจสบถเสียงดังจนกาแถวนั้นพากันแตกตื่นแล้วบินหนีไปแล้วดันตัวเองถอยห่างอย่างรวดเร็วจนชนกับต้นไม้อีกต้นใกล้ๆแต่ไม่ใช่แค่นั้นที่จะทำให้เขาตกใจถึงขีดสุด
เพราะว่า...
‘ก๊อกแก๊กก๊อก...ก๊อก’คอของศพนั่นเริ่มขยับมันบิดไปบิดมาได้ 180 องศาเหมือนคนที่คอหักแล้วมองมาที่เขาอากิอ้าปากค้างด้วยความตกใจเขาอยู่ในอาการช็อกแขนขาไม่ยอมขยับตามคำสั่งสมองสายตาจับจ้องอยู่ที่ศพนั่นแม้ว่าจะไม่อยากมองก็ตาม
ตาของศพแทบจะถลนทะลักออกมานอกเบ้าริมฝีปากแห้งผากกำลังแสยะยิ้มให้กับมนุษย์ที่กำลังหวาดกลัวเขาแล้วค่อยๆขยับปากแห้งๆพอให้เสียงดังลอดออกมาได้
“สายันสวัสดิ์...”กาดำตัวหนึ่งบินตรงลงมายังศพนั่นแล้วจิกเข้ากลางหน้าผากแรงสั่นนั้นทำให้ร่างเขาขาดออกจากกันแล้วร่วงลงปะทะกับพื้นหยดเลือดกระเด็นใส่อากิที่แม้จะอยู่ห่างไกลออกไปซากเศษของเครื่องในที่เน่าแฟะกระจัดกระจายไปทั่วอย่างไม่เหลือเค้าเดิม
อากิลุกขึ้นวิ่งด้วยสัญชาตญาณเขาวิ่งสับขาด้วยความรวดเร็วอย่างไม่คิดชีวิตแม้จะเหนื่อยหอบและเริ่มหายใจไม่ทันแต่สมองของเขาก็ไม่สามารถสั่งให้หยุดพักได้เขาวิ่งต่อไปเรื่อยๆจนสะดุดเข้ากับท่อนไม้ใหญ่ล้มลงไถลไปเกือบ 5 เมตรมือของเขาถลอกปอกเปิกจนรู้สึกแสบเลือดไหลออกมาซิบๆอากิค่อยๆใช้มือข้างที่ไม่เจ็บยันพื้นแล้วประคองตัวเองขึ้นมาความเจ็บปวดไหลแทรกซึมไปทั่วร่างจนถึงกับทรุดลงกับพื้นตามเดิมหน้าของเขาทับลงบนกองดอกไม้แห้งเหี่ยวเขาแหงนหน้าขึ้นไปมองมันเป็นป้ายหลุมศพหินที่เหมือนจะไม่ได้มีคนมาเยี่ยมหลุมนี้นานแสนนานฝุ่นหนาเกาะจนดูสกปรกมีทั้งหยากไย่ใยแมงมุมระโยงรยางค์ไปทั่วเขาใช้มือเท้ากับพื้นแล้วดันตัวเองขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาลุกขึ้นมาภาพข้างหน้านั้นช่างน่าขนลุก...!หลุมศพเป็นร้อยๆหรืออาจเป็นพันวางระเกะระกะเรียงรายอย่างไม่เป็นระเบียบเขาเดินก้าวเข้าผ่านหลุมศพเหล่านั้นไปอย่างช้าๆมีเพียงเสียงกาตัวสองตัวกับเสียงฝีเท้าของเขาเหยียบลงบนใบ้ไม้แห้งดังกรอบแกรบเขาเดินต่อไปเรื่อยๆโดยที่พยายามไม่หันไปมองทางด้านหลัง
‘พั่บ พั่บ พั่บ’อากิสะดุ้ง!!!แล้วหันไปทางต้นเสียงกาตัวหนึ่งบินออกจากหินป้ายหลุมศพเขาหายใจถี่จิตเขาเริ่มตกลงไปเรื่อยๆเขาตกใจทุกอย่างที่เคลื่อนไหวได้รวมถึงสิ่งที่เคลื่อนไหวไม่ได้แต่เคยมีชีวิต...
มือของใครสักคนใต้พื้นดินโผล่ขึ้นมารับอากาศมันหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆแต่มันก็ไม่น่าเข้าใกล้อยู่ดีมือนั้นหงายขึ้นข้างในมีแหวงอยู่เงินอยู่วงหนึ่ง
‘อึก!’เขายืนกลืนน้ำลายอึกใหญ่
เอาไงดีล่ะทีนี้
อากิยืนคิดกับตัวเองในขณะที่สายลมเย็นยะเยือกพัดอย่างต่อเนื่องความจริงมันแทบจะไม่รู้สึกถึงด้วยซ้ำแต่ลมเบาพัดแหวนสีเงินวงนั้นจนมันค่อยๆกลิ้งลงมาจากมือนั้นแล้วก็มาหยุดอยู่ตรงปลายเท้าของเขาเหมือนมีอะไรสักอย่างผลักมันลงมาจากมือที่น่าสยดสยองนั่น
เหงื่อเย็นเฉียบไหลออกจากทั่วใบหน้าจนมันไหลลงเข้าไปในเสื้อของเขาเป็นทางยาวเขาค่อยๆก้าวเท้าข้ามมันไปอย่างช้าๆแล้วเดินออกจากแหวนวงนั้นแต่เขากลับต้องมาเผชิญหน้ากับมือว่างเปล่าที่เคยมีแหวนอยู่ในนั้นเขาใช้เท้าสะกิดมือนั่นแล้วถอยกลับไปตั้งหลักเล็กน้อย
จะข้ามไปดีไหม...แต่ถ้าไม่ข้าม...
เขานึกถึงภาพสิ่งที่เขาวิ่งหนีมาแต่ไม่รีรอที่จะหันกลับไปดูเขาก้าวขาข้ามมือนั่นไปอย่างอัตโนมัติหนึ่งข้างในใจก็ภาวนาว่า...
อย่าขยับนะ!ขอร้องล่ะ
เขากำลังจะก้าวเท้าอีกข้างอากิหลับตาปี๋แล้วตัดสินใจก้าวเท้าอีกข้างมา...
‘หมับ!!!’เขาหันไปมองอย่างรวดเร็วมือนั่นกำลังจับที่ข้อเท้าของเขาอยู่เขาหายใจเร็วขึ้นเรื่อยๆแล้วพยายามสะบัดขาออกแต่ก็ไม่เป็นผลเขาตัดสินใจก้มลงแล้วพยายามแกะมือนั้นออก แต่ยิ่งแกะมันก็ยิ่งแน่นยิ่งยิ่งออกแรงมันก็ยิ่งบีบขาเขาจนกลายเป็นรอยแดงอากิเสียหลักจนล้มลงแต่เขาก็ยังคงพยายามแกะมือผีนั่นออกเขาใช้เท้าถีบที่ข้อมือของมือนั่นจนเนื้อที่คล้ายๆกับซากหลุดออกมาเลือดสีคล้ำกับน้ำเหลืองไหลย้อยลงมาแต่เท้าของเขาก็ยังคงติดอยู่กับมือผีนั่น
“ปล่อยสิวะ!...”เขารวบรวมแรกเฮือกใหญ่ถีบไปที่มือผีความแรงของมันทำให้เนื้อหนังเส้นเลือดรวมทั้งกระดูกแตกแล้วคลายมือออกจากเท้าของเขาอากิชักเท้ากลับมาอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือดันตัวเองถอยออกมาจากมือนั่น
มันจบแล้ว...
อยากจะพูดแบบนั้นถ้าเกิดพื้นดินที่อยู่รอบๆไม่เริ่มสั่นไม่ได้เกิดจากธรรมชาติแต่บางสิ่งบางอย่างหลายร้อยบางสิ่งบางอย่างที่ไร้ชีวิตกำลังผุดขึ้นมาจากใต้เท้าจากพื้นดินจากหลุม!!!
“นี่มันอะไรกันเนี่ย...”เหล่าซอมบี้พากันทยอยดันตัวเองขึ้นมาจากหลุมไม่ใช่แค่ที่เขามองเห็นจากด้านหน้าแต่จากทั่วทุกสารทิศรอบๆตัวเขามีแต่ผีดิบ [Zombies] รวมถึงโครงกระดูกผีนับร้อยๆ [Skeleton] กำลังมุ่งตรงมาทางเขาเสียงโครงกระดูกพวกนั้นดังก๊อกแก็กเหมือนคนกำลังบิดตัวพวกมันเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆอากิยืนขึ้นเขาหันไปรอบๆ
ไร้ซึ่งทางหนี...!!!
เขาเริ่มหันซ้ายขวาอย่างเลิกลั่กไม่รู้จะหันไปทางไหนมองไปรอบๆก็เจอแต่ผีดิบกับโครงกระดูกมากมายรอบตัวตัวเขาเริ่มสั่นเทิ้มด้วยความกลัวนัยน์ตาแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกแต่จู่ๆเขากลับตัดสินใจวิ่ง!!!วิ่งเข้าไปในดงสิ่งไร้ชีวิตเขาใช้ตัวกระแทกผีดิบจนล้มระเนระนาดโครงกระดูกตัวหลุดออกจากข้อต่อล้มระแกะระกะ
แต่แล้ว...
คอเสื้อของเขาถูกบางอย่างเกี่ยวให้แล้วล้มลงมือสีม่วงคล้ำจับเข้าที่คอของเขาแล้วโน้มตัวลงมาด้วยความรวดเร็วมันอ้าปากกว้างเขี้ยวของมันแหลมคมเหมือนฟันของสุนัขล่าเนื้อที่หิวกระหายแล้วด้วยความรวดเร็ว!!!
‘งั่บ’
“อ๊ากกกกกกก”เขี้ยวคมถูกฝังลงไปบนคอที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นอากิใช้มือพยายามผลักหัวของผีดิบนั่นออกไปเขาใช้ข้อศอกกระแทกลงไปบนหัวของผีเขี้ยวคมนั่นด้วยความแรงจรลูกตาหลุดบรวบ!ออกมาแต่ในขณะเดียวกันคมเขี้ยวก็ค่อยๆคลายออกจากคอของเขาอากิใช้เท้าถีบผีตาหลุดจนกระเด็นไปอีกทางชนเหล่าผีทั้งฝูงที่กำลังจะลงมาซ้ำอีกรอบจนล้มระเนระนาดเขาพยายามลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว...แล้วเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง
เขาวิ่งกระแทกหมู่ผีไปเรื่อยๆอย่างระวังตัวมากขึ้นมีหลายครั้งที่เขาเกือบถูกจับได้เกือบล้มแล้วถูกกัด!!!แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเกิดขึ้นเพียงเวลาไม่ถึง 2 นาทีด้วยซ้ำแต่แล้วจู่ๆฝีเท้าเขาก็ช้าลงตาเริ่มพร่ามัว...แล้ววิ่งแบบไม่เป็นจังหวะเหมือนคนที่เจ็บขา
เกิดอะไรขึ้นกับฉัน!!!
เขาถามตัวเอง...แล้วส่ายหัวอย่างรวดเร็วความเหนื่อยล้าหายไปชั่วขณะหนึ่งจนเขาก็พาตัวเองมาหยุดตรงใต้ต้นไม้แห้งกรังต้นหนึ่งแล้วเขาก็เริ่มปีนขึ้นไปในขณะที่เหล่าผีเน่ากำลังโอบล้อมต้นไม้นั้นแล้วพยายามเอื้อมมือขึ้นมาหวังจะคว้าตัวเขาลงมาเคี้ยวเขาขึ้นมานั่งมองเหล่าผีนับร้อยที่รอเขาอยู่ด้านล่างในขณะที่เขาเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขามันผิดปกติขึ้นทุกทีที่ตัวเขาเริ่มมีรอยเขียวช้ำหัวใจเต้นแรงจนได้ยินแม้เสียงกรีดร้องของเหล่าผีด้านล่างจะดังมากและเต้นไม่เป็นจังหวะตาเขาเริ่มรู้สึกเคืองแล้วมีน้ำตาไหลออกมาและเริ่มหายใจหอบ...
มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน...
“ซี๊ดดดด!!!”เขาใช้นิ้วแตะที่แผลมันรู้สึกแสบจนต้องดึงมือออกมาจากคอเขาเห็นเลือดที่เป็นสีดำสนิทบนเสื้อและที่มือของเขาแผลที่คอเขามันค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆแล้วปวดจนต้องกัดฟัน
หรือว่าฉันกำลังจะหลายเป็น...แบบนั้น!!!!!
เข้าก้มลงไปดูเหล่าผีด้านล่างแล้วก็หน้าซีดไปตามระเบียบแต่แล้ว...
‘ปึก’
“เห้ย!!!”บางชนเขาจนร่วงลงมาจากต้นไม้ต้นนั้นบางอย่างที่ตัวใหญ่แล้วมีปีกหนังขนาดกว้างบินผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่นั่น...ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะกังวลในเมื่อด้านล่างมีฟันหลายร้อยซี่กำลังรอเคี้ยวเขาอยู่อากิเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างตกใจแต่ร้องไม่ออกเขารู้สึกว่าเวลาของเขามันเริ่มช้าลงไปทุกขณะจนในที่สุด
‘งับ’ !!!!!
“ว่าไง...เจอตัวอากิไหม”ฟุกุวิ่งหอบมา
“ไม่เจอ...เธอก็ไม่เหรอ”สาวเจ้าพยักหน้าในขณะที่จิยะเริ่มใช้หัวคิด
“ที่ๆเขาชอบไปก็หามาหมดแล้วหรือว่า...”ฟุกุทำหน้าสงสัยเธอกำลังจะอ้าปากถามแต่ก็ถูกตัดบทซะก่อน
“ไม่ใช่หรอกมั้ง...”
“อะไรที่ไม่ใช่น่ะ”
“ก็ไม่มีอะไร...ฉันแค่คิดว่า...”
“ว่า..”จิยะเงียบไปสักพัก
“เขาคงไม่ได้หนีไปจากที่นี่แล้วหรอกนะ”กลางดึกคืนวันที่ 6 เดือน 6 คืนวันเกิดของอากิตอนเวลา 0.03 นาทีเมื่อจิยะเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรไม่ชอบมาพากลกับการหายตัวไปของอากิเขาก็เริ่มออกตามโดยมีฟุกุช่วยเหลือแต่พวกเขาคงไม่รู้หรอกว่า...อากิกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่
ดาบยาวเล่มหนึ่งบั่นคอของผีบริเวณนั้นจนหลุดระเนระนาดแต่เลือดสีดำนั้นข้นเหนียวเกินกว่าจะกระจัดกระจายเหมือนเลือดสดๆทั่วไปอากินั่งมองแผ่นหลังของคนๆหนึ่งคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเขาได้ทันเวลา...
“คุณเป็นใคร...”
“ไม่ใช่เวลาจะมาคุยกันเรื่องนี้เอ้า...ดื่มนี่ซะ”เขาโยนหลอดแก้วที่ข้างในบรรจุสารสีเขียวใสเอาไว้ให้อากิอากิรับมันไว้แล้วดื่มอย่างไม่ลังเล
“อุแหวะ!!!”แล้วเขาก็อ้วกขับบางอย่างออกมามันเป็นสีดำจสนิทจนน่ากลัวน้ำที่เริ่มเน่าแล้วข้นเหนียวเหมือนเลือดของผีดิบแต่อาการของเขากลับดีขึ้นถนัดตาอาการปวดของเขาบรรเทาลงไปอย่างน่าเหลือเชื่อตาเขากลับมามองเห็นเป็นปกติแล้วเขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ
“มันเป็นยาระงับพิษของซอมบี้...แต่ว่ามันแค่ระงับภาพรวมนายอาจจะรู้สึกดีขึ้นแต่จริงๆร่างกายของนายกำลังแย่ลงนายมีเวลาอีกแค่ 1 ชั่วโมงก่อนจะเป็นแบบพวกมัน”อากิถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินประโยคที่น่าสะพรึงกลัวจากบุรุษปริศนาแล้วจู่ๆ...เขาที่มาช่วยอากิก็ทิ้งค้อนขนาดใหญ่ไว้ให้เขามันเป็นประมาณค้อนทุบเหล็กที่ทำมาจากเหล็กหนักๆ
“อย่างที่บอกนายมีเวลาแค่ 1 ชั่วโมงในการจะกำจัดผีพวกนี้ก่อนที่นายจะตายเพราะถ้านายทำไม่ได้ให้ตายเสียยังดีกว่าอยู่ที่นี่”
“ว่าอะไรนะ...!”อากิถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“อย่างที่บอก...”แล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปเฝ้าดูอยู่บนต้นไม้อย่างที่เขาบอกถ้าทำไม่ได้ให้ตายเสียยังดีกว่า
อากิใช้มือลองยกค้อนนั้นดูแต่มันหนักเสียจนยกไม่ขึ้นไม่กระดิกแม้แต่นิดเดียวแม้ว่าเขาจะใช้ทั้งสองมือยกหรือออกแรงจนกล้ามเนื้อแขนจะฉีกก็ยังยกไม่ขึ้นแต่ซอมบี้และสเกลตันโดยรอบกำลังขยับเขยื้อนตัวเข้าไปหาเขาทุกขณะเขามองไปที่ผีพวกนั้นแล้วพยายามกัดฟันยกค้อนเงินนั่นยิ่งมันใกล้เขามามากเท่าไร...ก็ยิ่งหนักมากขึ้นเท่านั้น
“จะบอกอะไรให้เอาบุญนะค้อนนั่นนะเป็นค้อนศักดิ์สิทธิ์ชื่อว่า “เบรฟแฮมเมอร์”เป็นค้อนที่นักบวชที่กล้าหาญที่สุดในยุคสงครามสร้างขึ้นเพื่อต่อกรกับปีศาจที่แฝงตัวเข้ามาในยามกลลาหล...ฉันหวังว่านายจะฉลาดพอที่จะหาวิธีใช้มัน”
เบรฟแฮมเมอร์...ค้อนแห่งความกล้าหาญ!!!แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความกล้าล่ะ
เขาทวนชื่ออาวุธที่เขาถือในใจแล้วมองไปที่เหล่าผีที่ตรงเข้ามาเขาเริ่มยกค้อนอีกครั้งแต่ผลก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมจนผู้ที่เฝ้ามองอยู่เริ่มรู้สึกถึงชะตากรรมที่กำลังจะขาดสะบั้นของบุคคลที่อยู่ด้านล่าง
แค่มองไปก็น่ากลัวจะแย่แล้ว...ไม่สิเราต้องไม่กลัวเราต้องชนะเราต้องทำได้สิน่า...ก็แค่ผีแค่ภาชนะที่ไม่มีวิญญาณไม่มีอะไรน่ากลัว
แล้วแววตาของเขาก็เปลี่ยนไปจากคนที่ไร้ซึ่งความมั่นใจใดๆกลายเป็นคนที่มุ่งมั่นค้อนเหล็กค่อยๆลอยจากพื้นขึ้นทีละนิดละน้อยจนในที่สุดเขาก็ยกมันลอยเหนือหัวได้แล้วก็ประเดิมกับหัวแรกที่เดินเข้ามาถึงเขาพอดี...
‘พลั่ก!!!’ผีตัวนั้นหัวยุบไปครึ่งแทบมันสมองทะลักออกมาด้านนอกอย่างน่าสยดสยองเสียสละกองกำลังซอมบี้ไปหนึ่งตนแต่ค้อนกับเบาขึ้นอย่างกับขนนกเมื่อความมั่นใจมีมากขึ้นก็ไม่ยากกับการต่อกรกับกองกำลังผีนับร้อยเขาพุ่งเข้าในในกองผีจำนวนมากเหมือนผู้ชำนาญการต่อสู้ผีดิบหัวบุบกันไปเป็นแถบๆในขณะที่โครงกระดูกหัวลอยออกจากบ่ากันท้วนหน้าบางตนกระดูกก็แตกละเอียดเป็นเศษแก้ว
แต่ทว่า...
กองกำลังเป็นร้อยๆไม่อาจจะใช้เวลากำจัดให้น้อยกว่าชั่วโมงได้เมื่อร่างกายของเขาเริ่มสู้พิษซอมบี้ไม่ไหวแล้วทรุดลงดวงตาของเขาแดงก่ำ...ริมปีปากเป็นสีม่วงคล้ำความเจ็บปวดบริเวณรอยเขี้ยวเริ่มมีอีกครั้ง...เนื้อตัวเริ่มเป็นสีม่วงจ้ำๆหายใจหอบหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเขามองดูเหล่าผีดิบที่กำลังเดินเข้ามาประชิดขึ้นเรื่อยๆอีกหนึ่งสายตาที่เฝ้ามองอยู่บนต้นไม้นั้นยังคงดูอยู่เงียบๆอย่างไม่คิดจะช่วยเหลือแม้บุคคลตรงหน้าจะกำลังถึงฆาตก็ตาม
‘ตุบ’ค้อนที่ถืออยู่ร่วงตุบลงกับพื้นสองมือยันพื้นไว้อย่างไร้กำลังจะเดินต่ออากิกัดฟันอย่างเจ็บปวดร่างกายของเขาเหมือนกำลังจะแตกสลายและสูญเสียความเป็นตัวเองไปทุกทีเขาหื่นกระหายอยากจะเดินตรงเข้าไปหาผู้ที่เฝ้ามองอยู่ห่างๆฉีกเนื้อเขาเป็นชิ้นๆแล้วกินเป็นอาหาร
ดวงตาของเขาพร่าจนมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้วในขณะที่มือนับสิบของผีดิบแล้วโครงกระดูกกำลังไขว่คว้าตัวเขาไว้ในขณะที่คมเขี้ยวกำลังจะฝังลงบนร่างตายของเขานั้น...