กุมชะตา ฝ่าลิขิตซาตาน IV

Akira_Asarashi View 380
Normal 0 false false false MicrosoftInternetExplorer4 /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;}

บทที่4โชคชะตา

ดูนี่สิ...ฟุกุยื่นกระเป๋าสีดำสนิทให้จิยะดู

ฉันเจอมันอยู่ที่ศาลเจ้าบนเขาน่ะบางที...อากิอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้จิยะหยิบกระเป๋าไปดูเขาดูไม่ค่อยจะตื่นเต้นเท่าไรนักจิยะหยิบมันมาสำรวจอย่างลวกๆแล้วก็หันไปพูดกับฟุกุ

ฉันเก็บไว้เองแล้วกัน...ไปล่ะฟุกุมองจิยะอย่างงงๆเธอรู้สึกตกใจกีบท่าทีเมินเฉยของจิยะมากๆเหมือนเป็นคนละคนเธอเดินเข้าไปหาจิยะอย่างรวดเร็วแล้วดึงมือของเขาไปอีกทางจนจิยะต้องเอี่ยวตัวกลับมาแล้วเดินตามหลังเธอใบหน้าของจิยะดูตกใจ...และเขาก็ตัดสินใจถามออกไป

เธอจะพาฉันไปไหน...ฟุกุยังคงไม่พูดพร่ำอะไรเธอยังเดินจูงมือของจิยะอยู่...

ฉันถามว่าเธอจะพาฉันไปไหนความเงียบถูกส่งมาเป็นคำตอบอีกครั้งหนึ่งจนในที่สุดจิยะก็หยุดเดินตามและกลายเป็นฝ่ายรั้งแรงของฟุกุไว้

ฟุกุ...!!!”น้ำเสียงเย็นเฉียบหลุดออกจากปากของหนุ่มผู้ยิ้มแย้มตลอดเวลาฟุกุหันมาสบตาเขาแล้วพูด...

ไปศาลเจ้า...ฟุกุเริ่มเสียงดังด้วยความโมโห

เธอจะไปศาลเจ้าทำไม...อากิไม่อยู่ที่นั่นหรอก

ทำไมเธอถึงมั่นใจขนาดนั้น...

เพราะฉันเป็นเพื่อนของอากิไงล่ะ!!!”การเถียงกันเล็กๆดังขึ้นแล้วจบลงฟุกุสะอึกไปชั่วขณะ...เธอกัดริมฝีปากอย่างเดือดดาลแต่อีกด้านหนึ่งเธอก็รู้สึกเจ็บลึกๆอย่างบอกไม่ถูกทำไมกัน!!!

เธอหันหลังแล้วเดินออกห่างทิ้งชายหนุ่มไว้ข้างหลังซึ่งตอนนี้เขารู้สึกตัวว่า เผลอพูดอะไรออกไปวิ่งตามเธอมาและพยายามขอโทษ...

ฉันขอโทษ...ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น...

แล้วอย่างไหนล่ะ!!!ใช่สิ...ฉันมันก็แค่ผู้หญิงเจ้ากฎเจ้าระเบียบฉันมันไม่ใช่เพื่อนของพวกนายนี่

อย่าพูดแบบนั้นสิฉันไม่ได้ตั้งใจ

ถูกของนาย...ฉันน่ะมันไม่ใช่เพื่อนของพวกนายฉันก็แค่หัวหน้าห้องที่พยายามเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของเพื่อนๆที่ฉันเป็นห่วงอากิมันก็แค่นี้ล่ะ

เดี๋ยวสิ...ในขณะที่ฟุกุกำลังจะเดินจากไปจิยะจับที่ข้อมือเธอแล้วดึงกลับมา

นี่เธอเป็นอะไรของเธอน่ะ

นายนั่นล่ะเป็นอะไรไป!!!”สาวเจ้าระเบียบหันมาตะคอกใส่จิยะ...จิยะเงียบไปไม่ต่อปากต่อคำใดๆฟุกุสะบัดแขนของเธอออกจากมือของจิยะ...ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน...นายก็เปลี่ยนไปนายไม่สนใจไม่ใส่ใจไม่คิดแม้แต่จะตามหาอากิ...นายเป็นอะไรไป!จิยะที่คอยดูแลอากิหายไปไหนจิยะที่ฉันรู้จักหายไปไหน!!!”จิยะได้แต่ก้มหน้าเฉยๆไม่พูดอะไรฟุกุหันหลังให้เขาแล้วพูดจาเสียดสีเขาเป็นประโยคสุดท้าย...

ถ้าคำว่าเพื่อนของนายคือการอยู่เฉยๆล่ะก็ฉันก็ไม่อยากจะเป็นเพื่อนกับพวกนายหรอกแล้วฟุกุก็เริ่มวิ่ง

เดี่ยว...ฟุกุ!!!”เธอไม่ฟังคำทัดทานใดๆแล้ววิ่งหายไปทางศาลเจ้าที่เธอเจอเบาะแสโดยไม่รู้ว่าโชคชะตากำลังจะเล่นตลกกับเธออีกเช่นกัน

วูบหนุ่มเงียบขรึมเอนตัวไปด้านหลังหลบลูกตุ้มเหล็กได้อย่างหวุดหวิดแต่ทว่า...ดาบเล่มใหญ่ได้ถูกฟันลงมาเขากลิ้งตัวหลบไปอีกทางปลายดาบคมกระแทกพื้นจนหินอ่อนตรงนั้นแตกร้าวขวานเล่มใหญ่ก็ถูกสับลงอย่างรวดเร็วอากิใช้สองมือยกคุนิซึนะขึ้นมากันไว้คมขวานปะทะกับดาบเรียวจนฝักดาบแตก...ดาบเงาสะท้อนแสงจันทร์สีแดงสาดส่องไปทั่วห้องนั้นแต่เพราะแสงนั่นทำให้หุ่นเกราะเหล็กเหล่านั้นทรุดถอยลงไปเล็กน้อยจนเขามีโอกาสลุกขึ้นจากพื้น...

หุ่นเกราะเล็กนับร่วมสิบ[Ghost Armor] ค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาพวกมันมีอาวุธครบมือตั้งแต่ดาบใหญ่หอกขวานเคียวโซ่ค้อนและมอร์นิ่งสตาร์ (ลูกตุ้มหนามเหล็กติดโซ่)อากิหันมองไปรอบๆตอนนี้เขาโดนล้อมไว้หมดแล้ว... เขากระชับคุนิซึนะแน่นแล้ววิ่งเข้าไปหวดกับหุ่นเกราะที่สูงใหญ่กว่าเขาเกือบเท่าตัว...ดาบเรียวยาวปะทะกับดาบใหญ่ดังกิ๊ง!!!เกราะใหญ่กับหนุ่มเย็นชากำลังปะทะกำลังกันแต่ดูเหมือนแรงของเกราะเหล็กจะมากกว่าตัวเขาค่อยๆถูกดันเข้าไปหาเคียวโซ่และลูกตุ้มหนามที่ถูกเหวี่ยงเข้ามาอย่างรวดเร็วเขาย่อตัวหลบใช้สองมือยกดาบขึ้นมาดันดาบใหญ่ลูกตุ้มเหล็กและเคียวโซ่ชนโครมกับหุ่นเหล็กดาบใหญ่เข้าให้จนเกราะเหล็กเป็นรอยบุ๋มลงไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่มีผลสักเท่าไรเมื่อดาบใหญ่ยังถูกกดลงมาเรื่อยๆเขาใช้สองมือดันดาบใหญ่ออกไปจนสุดแรง...หุ่นเหล็กเซออกไปเล็กน้อยเขาใช้ดาบยันพื้นลุกขึ้นมา ขวานเล่มยักษ์ถูกฟันต่อลงมาอย่างไม่ขาดตอนมือซ้ายของเขาคว้าเอากริชสีเงินออกมาแล้วยกขึ้นกันขวานเล่มโตที่ปะทะกันเขาถึงกับทรุดตามแรงของขวานในขณะที่ค้อนใหญ่กำลังจะทุบเขาเขายกคุนิซึนะที่ค้ำตัวเขากับพื้นไว้ขึ้นมากันไว้หลังเขาร่วงลงไปกระแทกกับพื้นในขณะที่มือทั้งสองต้องกันอาวุธชิ้นใหญ่ๆสองชิ้น

ฟิ้ว...เสียงหวีดแหวกอากาศเข้ามาหอกยาวกำลังพุ่งเข้าหาใบหน้าของเขาเขาอาศัยความหนักของหุ่นเกราะดันตัวเขาลอดผ่านเกราะสองตัวไปและหลบหอกยาวได้อย่างเฉียดฉิวแต่กลับต้องเจอกับขวานใหญ่อีกเล่มที่สับลงมาพอดีปลายผมของเขาถูกตัดออกไปเล็กน้อยเขากลิ้งตัวไปอีกทางและลุกขึ้น...ดาบใหญ่อีกเล่มถูกวาดเป็นวงกว้าง...ดวงตาเขาเบิกขึ้นอย่างตกใจเขาพยายามเอี่ยวตัวหลบแต่...

ไม่พ้นแน่ๆ!!!

วืด..เขาหลบมันไปอย่างที่ตัวเขาเองยังตกใจ...

เพล้ง

พ้นเหรอเนี่ย...!

ดาบใหญ่ถูกกระจกหน้าต่างบานใหญ่จนแตกละเอียด..เขายังคงถูกโจมตีอย่างหนักและต่อเนื่องจากหุ่นเกราะนับสิบที่พยายามฆ่าเขาแต่เขาก็เริ่มชินกับดาบและการหลบหลีกได้แล้วเขาตอบโต้กับมันได้อย่างคล่องแคล้วมากขึ้นคุนิซึนะถูกกวัดแกว่างได้อย่างคล่องแคล่วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่ถึงอย่างนั้นจำนวนมันผิดกันเกินไปเมื่อเขาเริ่มเหนื่อย...แต่ยังไม่มีหุ่นเกราะตัวใดได้รับความเสียหายใดๆ

เคร้ง...เสียงดาบยาวเกี่ยวเข้ากับโซ่เคียวจากนั้นก็ถูกเหวี่ยงไปอีกทางอากิลอยผ่านหุ่นเกราะมากมายจนชนผนังกำแพงอีกด้านดัง ปึกแล้วค่อยๆไหลลงมาจนถึงพื้นห้องแต่ดาบคุนิซึนะยังคงถูกเกี่ยวไว้กับเคียวโซ่!

เขาทำอาวุธหลุดมือไปเสียแล้ว

บ้าจริง...

เขาสบถในใจค่อยๆพาตัวเองๆลุกขึ้นมือขวาโอบไปที่ชายโครงอย่างเจ็บปวดแต่เนื่องจากความเจ็บดึงความระมัดระวังตัวของเขาออกไป...

บางอย่างกำลังพุ่งเข้ามาดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างปากอ้าค้างด้วยความตกใจ...จากนั้น!!!

เพล้งค้อนใหญ่ก็ฟาดตุบเข้าที่ลำตัวของเขาจนลอยกระแทกหน้าต่างแล้วลอยออกไปนอกปราสาท...เขาจะทำอย่างไรถ้ากำลังดิ่งพสุธาด้วยความสูงระดับตึก 12 ชั้น!!!!!

ถ้าใครไม่คิดจะหาฉันนี่ล่ะจะหาเอง...

สาวเจ้าระเบียบยืนกอดอกอยู่หน้าศาลเจ้าที่ตอนนี้เรียกได้ว่ามืดมากมันช่างวังเวงและดูน่ากลัวเธอมองขึ้นไปบนศาลเจ้าอย่างแน่วแน่แล้วเดินก้าวขึ้นไปบนนั้นสายลมพัดเสียดสีกิ่งไม้ดังซู่ซ่าท่ามกลางความมืดมิดชวนให้รู้สึกขนหัวลุกเมฆสีดำปกคลุมทุกพื้นที่ของศาลเจ้านั้นไม่มีแสงใดๆทั้งสิ้นไม่มีแสงจันทร์ไม่มีแม้แต่แสงระยิบระยับของดาวดวงใดส่องลงมา แต่เธอยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆและหวังว่าเธอจะเจอกับคนที่เธอตามหา...

ด้านบนลมพัดแรงขึ้นจากข้างล่างมากเนื่องจากเป็นที่สูงเสียงกระดิ่งดังระงมเหมือนกำลังจะปลุกบางอย่างให้ตื่นจากการหลับใหลแต่ก็ยังมีแสงของเทียนจากโคมที่ตั้งขนาบอยู่สองข้างของทางเดินไฟดวงเล็กส่องสว่างไม่มากแต่ก็ช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับเธอไม่น้อยอย่างน้อยก็มากกว่าบันไดขึ้นมาบนนี้เธอเดินเข้าไปที่ศาลเจ้าแล้วสั่นกระดิ่ง

กริ๊งๆๆเสียงกระดิ่งดังตามจังหวะที่เธอสั่น...จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลง

ขอให้ได้พบกับอากิอีกครั้ง...ขอให้ได้เจอ...

เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋ากระโปรงของเธอแล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมาในนั้นมีกระดาษเปล่าอยู่ข้างใน...เธอหยิบมันขึ้นมาดู...

นี่มันอะไรเนี่ย...

เธอพินิจอยู่สักครู่ก็เก็บมันลงไปในนั้นเหมือนเดิมแล้วหยิบเหรียญเงินของมาร้อยเยนเพื่อนจะทำบุญขอพรให้เธอได้พบกับชิอากิไวๆแต่เมื่อเธอหยิบเงินออกมามันก็หลุดออกจากมือของเธอ...แล้วกลิ้งไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่ตรงที่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากเธอมากนักมันเป็นเสาต้นสนที่ไว้สำหรับผูกกระดาษเซียมซีที่มีกระดาษถูกผูกเอาไว้เต็มไปหมด(คนญี่ปุ่นจะไม่เอากระดาษเซียมซีกลับบ้านแต่จะนิยมผูกไว้ที่วัดยิ่งเวลาได้โชคร้ายเพราะเป็นความเชื่อว่าโชคร้ายจะผูกติดกับต้นสนไม่มาถึงตัวเอง)แต่กระดาษทุกใบบนนั้นไม่มีอะไรจาลึกเอาไว้เลยแม้แต่ใบเดียวเธอหยิบเงินของเธอขึ้นมาแล้วมองดูกระดาษว่างเปล่าที่ถูกมัดไว้กับราวอย่างประหลาดใจเธอเดินดูมันไปเรื่อยๆแม้ที่ตรงนี้จะมืดมากเพราะไม่มีแสงจากโคมใดส่องถึงแต่เธอก็ยังคงมองไปถามแนวเสากระดาษเซียมซีเผื่อจะมีกระดาษใบไหนที่มีอะไรเขียนเอาไว้บ้างแต่เธอเดินมาจนสุดทางของเสาแล้วก็ไม่มีกระดาษเซียมซีใบไหนที่บอกอะไรไว้...

จริงสิ...กระดาษเซียมซีคราวที่แล้ว..นี่เอง

ฟุกุเปิดกระเป๋าของเธอออกแล้วหยิบกระดาษเปล่าๆของเธอขึ้นมามัดรวมไว้กับกระดาษแผ่นอื่นๆขณะที่เธอกำลังมัดกระดาษอยู่นั้นจู่ๆกระดาษเซียมซีก็ถูกลมพัดหลุดมือเธอแล้วปลิวไปอีกทาง...จนเธอเริ่มงงนี่เธอซุ่มซ่ามขนาดทำของหลุดมือสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกันเชียว

ฟุกุรีบวิ่งไปเก็บกระดาษนั้นแล้วหันกลับมาที่ราวผูกกระดาษใหม่อีกครั้งแล้วเธอก็เห็น...เงาของใครสักคนอยู่ด้านหลังราวนั่น...หลังกระดาษเซียมซีกำลังเดินผ่านไป

อากิ...เธออุทานออกมาแล้วจากนั้นก็วิ่งไป

อากิ...นั่นนายหรือเปล่าอา...แต่เมื่อเธอวิ่งไปดูที่นั่น...กลับไม่มีใครอยู่เธอยืนขมวดคิ้วอย่างงงๆเธอหันหลังกับไปทางเก่าแล้วกันกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว...แสงจากโคมที่อยู่ไม่ไกลมากส่องมากระทบกับใบเซียมซีที่อยู่ด้านหลังของราวด้านหลังของกรดาษเซียมซีทั้งหมดเธอเดินเข้าไปดูมันมีบางอย่างเขียนอยู่...แต่เนื่องจากกระดาษนั้นมัดไว้กับราวทำให้เธอไม่สามารถอ่านข้อความข้างในนั้นได้เธอค่อยๆแกะออกช้าๆเพราะกลัวกระดาษขาดแต่ว่ากระดาษนั่นมัดแน่นจนเกินไปเธอพยายามคลี่กระดาษที่มันอยู่ออกมาอ่านแม้จะมีให้อ่านเพียงไม่กี่คำ

จุดเริ่มต้นของฝันร้ายอันตรายร้ายรอบด้านฟันฝ่า....เพียงแค่นี้เท่านั้นก่อนตัวอักษรที่เหลือจะถูกมันกระจุกเป็นปมติดกับราวไว้...

เซียมซีประหลาด...(เซียมซีของญี่ปุ่น ปกติจะบอกแค่โชคดี โชคร้าย มากหรือน้อย กับคำบรรยายเล็กๆเท่านั้น)

เธอคิดแล้วผละตัวออกจากตรงนั้นฟุกุยังคงเดินซอกแซกไปตามที่ต่างๆในศาลเจ้าแห่งนั้นแต่ก็ไม่พบวี่แววของอากิเลยแม้แต่น้อยเธอเดินมาถึงที่ซุ้มมิคุจิแล้วนั่งลงที่แคร่ไม้ข้างๆเพื่อพักเหนื่อย...เธอหยิบคิแนะมิเนโกะที่เธอตั้งใจซื้อมาเพื่อเป็นของขวัญให้กับอากิฟุกุใช้มือลูบมันเบาๆสายตามองไปยังจี้ห้องโทรศัพท์อย่างหมดหวังพลางคิดถึงเรื่องเมื่อหัวค่ำเรื่องที่เธอชวนเพื่อนคนหนึ่งทะเลาะด้วย

ถูกของจิยะอากิจะมาอยู่ที่นี้ได้ไง...ฉันไม่น่าไปทะเลาะกับเขาเลย...พูดแล้วเธอก็ส่ายหัวอย่างสำนึกผิด

ทำไมฉันต้องเป็นคนแบบนี้อยู่เรื่อยนะ...

เธอคิดถูกเงียบๆละสายตาจากจี้รูปแมวสีขาวมองไปที่พื้นดินเธอเขี่ยเศษหินที่พื้นอย่างติดนิสัยเวลาที่เธอมักจะกังวลกับบางอย่าง...เธอหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา...

ฉันควรจะขอโทษจิยะใช่ไหม?...

เธอลังเลอยู่สักพักก็เก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระโปรงตามเดิมจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนเก็บจี้รูปแมวเหมียวและกระดาษเซียมซีเปล่าๆจากนั้นก็ก้าวขาไปทางหน้าศาลเพื่อจะกลับบ้านแต่เสียงบางอย่างแทรกผ่านสายลมมาทำให้เธอหันกลับไปอย่างรวดเร็ว

ฮานะคิจิเธอหันไปทางป่าไผ่ที่เสียดสีกันตามแรงลมในนั้นมืด...น่ากลัวไร้ซึ่งแสงใดๆและไม่สามารถมองเห็นอะไรได้นอกจากความมืดเท่านั้น

ฮานะคิจิ...เธอก้าวขาเข้าไปทางป่าไผ่อย่างกล้าๆกลัวๆ

ใครน่ะ...!!!”เธอตะโกนออกไปขาของเธอเดินก้าวไปทีละเล็กละน้อยอย่างเกร็งๆแต่ก็ทำเป็นใจดีสู้เสือเข้าไว้

ช่วยฉันด้วย...เธอขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยแล้วเริ่มคิดเริ่มจับเค้าอะไรบางอย่างได้

เสียงนี้...!

เธออ้าปากขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจแล้วมองตรงลึกเข้าไปในป่าไผ่ที่ดำมืด

อากิ...นั่นนายไช่ไหม

ช่วยฉันด้วยได้ฟุกุตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างจากนั้นเธอก็ร้องตะโกน

อากิ!!!”เธอวิ่งเข้าไปในป่าไผ่ข้างในทั้งมืดและหนาดเย็นกว่าตอนกลางวันมาก...เธอวิ่งไปหยุดมองหาไปปากก็ร้องเรียกชื่อของเพื่อนไป

อากิ...นายอยู่ไหนน่ะ..ชิอากิแต่เธอก็วิ่งต่อไปแล้วไปหยุดอยู่ที่กลางป่าอย่างเหนื่อยหอบปากก็พลางร้องเรียกชื่ออากิ

อากินายอยู่ที่ไหนเธอยืนเอามือวางไว้บนหน้าอกอย่างคนหายใจไม่ทันจากนั้นเธอก็หันไปรอบๆป่าไผ่มีแต่ความมืดและเสียงเสียดสีกันของใบไม้ความหวังที่หลงเหลืออยู่เริ่มจางหายไปทีละนิด

ชิอากิ...!!!”น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือหยาดน้ำตาคลอไปตามดวงตาสีน้ำตาลเข้มเธอทรุดลงนั่งกอดเข้าอย่างคนไร้ทางซึ่งออกหันไปทางไหนก็เจอแต่ความมืดไม่รู้ออกตกเหนือใต้แต่อย่างใดไม่รู้ว่าเธอจะออกไปทางไหนจะเจออากิหรือเปล่าไม่รู้แม่แต่เธอวิ่งเข้ามาทางไหน

ชิอากิ...นายอยู่ที่ไหน...!!!”มีแต่เสียงของเธอที่สะท้อนก้องอยู่ในป่าไผ่ที่มืดมิดเท่านั้นเธอยกมือขึ้นมาปาดหยาดน้ำตาที่ล้นออกมาอย่างกั้นไว้ไม่อยู่แล้วเธอก็แบบมือออกดู...กระดาษเซียมซีเธอถือมันวิ่งมาตั้งแต่ตอนที่เธอจะเก็บมันครั้งล่าสุดตลอดทางโดยที่เธอไม่รู้ตัวกระดาษเปล่าที่ยังคงเป็นกระดาษเปล่าเว้นแต่..ความมืดทำให้กระดาษเปล่าเรืองรองไปด้วยแสงสีเขียวแล้วข้อความก็ปรากฏขึ้นมา

จุดเริ่มต้นของฝันร้ายอันตรายร้ายรอบทิศฝ่าความมืดที่เป็นอยู่สู่แสงสว่างข้างหน้าสิ่งใดใคร่พบจะได้พบแต่ประสบซึ่งทางผิดได้หนึ่งย่อมเสียหนึ่งถ้าถึงซึ่งจุดหมาย

กลอนแปลก...แต่เดี๋ยวนะ

ภาพกระดาษเซียมซีที่พันอยู่บนราวเข้ามาในหัวของเธอ...

ข้อความแบบเดียวกันไม่บอกโชคดีหรือโชคร้าย...มันยังไงกันเนี่ย

ไดฟุกุช่วยฉันด้วยเสียงปริศนาดังก้องขึ้นมาอีกเธอเงยหน้าแล้วลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว...หันมองไปรอบด้านก็ยังคงมีแต่ความมืดที่เดินทางมาให้เธอเห็น

อากิ...นายอยู่ที่ไหนน่ะ..อากิจากนั้นเธอก็เริ่มวิ่งลึกเข้าไปตามเสียงปริศนาที่ตอนนี้ดังต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา

ช่วยฉันด้วย...

อากิ...ฉันมาช่วยแล้วนายอยู่ที่ไหนอากิ!!!”เธอยังคงวิ่งอยู่แต่ด้วยทางที่มองไม่เห็นทำให้เธอสะดุดกับโคนของต้นไผ่จนล้มลงไปกับพื้นเธอค่อยๆใช้มือยันที่พื้นลุกขึ้นมาเธอมองตรงไปข้างหน้าที่เริ่มมีแสงลอดเข้ามาประปราย

อ้ากกกกกกกกกกตาเธอเบิกโพลงจากนั้นเธอก็รีบลุกขึ้นอย่างตกใจเพราะเสียงร้องที่ดังก้องไปทั่วป่าไผ่เธอวิ่งไปหาแสงสว่างด้วยความรวดเร็วและหวังว่าเจ้าของเสียงนั้นจะไม่เป็นอะไร

อากิ!!!!!”แสงสว่างยามค่ำคืนฉายเข้ามากระทบกระจกตาสีน้ำตาลมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเธอหลุดออกมาจากป่าไผ่แล้วพบกับเหวลึก...เหวเดียวกับที่อากิหล่นลงไปในนั้น!!!

อากิ...นายอยู่ที่ไหนน่ะนายอย่าเป็นอะไรนะเสียงกู่ก้องสั่นเครือไปด้วยความงุนงงความหมดหวังความโศกเศร้ามันปะปนกันไปหมดจนสับสน

อากิ...เธอยังคงเดินตะโกนเรียกอากิไปเรื่อยๆ...

กร๊อบฟุกุเดินเหยียบอะไรบางอย่างเธอชักเท้าออกอย่างรวดเร็วแล้วก้มลงไปดู

นี่มัน...!”เธอหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา...

โทรศัพท์มือถือของอากิ...

ฟุกุหยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอของโทรศัพท์ค้างอยู่กับที่...นาฬิกาดิจิตอลขึ้นที่เลข 00.00กล่องข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่านนับร้อยๆฉบับในขณะที่เธอกำลังจะเปิดดูนั้นโทรศัพท์ก็สั่นหนึ่งครั้งจนเธอเองก็สะดุ้งกับความกะทันหันที่ไม่ได้ตั้งตัวเธอกดเข้าไปดูกล่องข้อความเข้าไปดู...จากนั้นเธอก็อ่านข้อความนั้น

เปลี่ยนตะวันกลับจันทรา   แปรสว่างสู่ความมืด  เปลี่ยนดีเป็นร้าย  กลับตายมีชีวิตปีศาจร้ายจะกล้ำกลาย  จมหายในความมืดมิด  วนเวียนในหมู่มาร  ความเข้มแข็งคือกุญแจจากนั้นเธอก็เริ่มขมวดคิ้ว...

ใครส่งอะไรบ้าบอมาเนี่ย...

เธอเปิดหาแหล่งที่มาของข้อความแต่กลับไม่มีข้อมูลบอกอะไรไว้...แต่ในขณะที่เธอกำลังหาแหล่งที่มาของข้อความอยู่นั้น...ได้มีข้อความอีกฉบับเข้ามา...ฟุกุกำลังจะเปิดข้อความนั้นดู...

แต่ตอนนั้นเอง...

แซ่กๆแซ่กๆไม้ไผ่ที่อยู่ใกล้ๆเธอสั่นไหวฟุกุหันไปอย่างรวดเร็วเธอมองไปยังกอไผ่นั่นอย่างกล้าๆกลัวๆ...ฟุกุกลืนน้ำลายอึกหนึ่งมือจับโทรศัพท์แน่น...ก่อนจะเปล่งเสียงออกมา

อากิรึเปล่าไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมานอกจากเสียงซ่าจากไผ่กอนั้นแล้วก็มีบางอย่างกระโดดออกมาจากในนั้น

เหมียว..~”

เห้อ...เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก...แล้วหันกลับมาสนใจกับโทรศัพท์มือถือของอากิ...

ว้ายกาตัวหนึ่งบินมาเฉี่ยวมือที่ถือโทรศัพท์อยู่มือถือที่สภาพใช้การไม่ได้หล่นจากมือกระแทกพื้นแล้วไหลลงหุบเหวไป...

แล้วกัน...ฟุกุใช้แขนเท้าไว้ที่ขอบผา...แล้วชะเง้อลงไปอย่างเสียดายและในตอนนั้นเองมีบางอย่างพุ่งมาด้วยความเร็วสูงผ่านทะลุป่าไผ่ออกมาด้านนอกเสียงแหวกอากาศดังเข้ามากระทบกับสัมผัสหูฟุกุลุกขึ้นอย่างรวดเร็วตาเบิกกว้างขึ้นแล้วหันไป

แต่ทว่า!!!

ปึกบางอย่างพุ่งชนเธออย่างแรงร่างของเธอจนลอยเคว้งอยู่กลางอากาศสภาพรอบตัวเธอดูช้าลงไปถนัดตา...

กรี๊ดดดดดดดดเสียงร้องดังขึ้นแม้ว่าตัวของเธอจะถูกความมืดกลืนกินลงเหวลึกไป...มีเพียงสายตาวาวประกายสีทองของสัตว์สี่เท้าที่มองตามลงไปอย่างถูกใจ...!

ร่างหนึ่งกำลังถูกเสียดสีกับอากาศเมื่อเขาร่วงลงมาจากความสูงของตึก 12 ชั้นไม่อยากจะคิดว่าถ้าเขาปะทะกับพื้นดินเมื่อไหร่คงจะเป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย...

ทำไงดีล่ะเนี่ย...!

สมองถูกสั่งให้ทำงานอย่างรวดเร็ว...แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็คิดหาหนทางไม่ออก...เขาลองใช้กริชในมือปักเข้าไปกับผนังของปราสาทกริชเงินขูดกับหินสีดำจนเกิดเป็นกระกายไปแล่บออกมาแต่ความเร็วก็ยังไม่ลดลงเขากัดฟันแน่นแล้วพยายามกดกริชเข้าไปในแนวหินใหญ่สีดำ

แต่ทว่า...

กริชเงินทนรับแรงเสียดสีไม่ไหวจนหลุดมือกระเด็นห่างออกไปตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรพอจะแก้ปัญหาได้หรือนี่จะเป็นจุบจบของเขาแล้วจริงๆ!!!...อีกไม่นานร่างนี้ก็จะกระแทกพื้นแล้วเขาหลับตาเตรียมพร้อมรับการปะทะในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

.

.

.

ปริ๊บๆดวงตาสีน้ำเงินกระพริบถี่ๆอย่างแปลกใจ...

เขานั่งอยู่กับพื้นด้วยความงงๆไม่เจ็บไม่ปวดไม่กระแทกปะทะกับอะไรรุนแรง...แต่เพราะอะไรล่ะ?...

อากิยืนขึ้นแล้วเดินไปเก็บกริชที่กระเด็นออกไปไม่ไกลมานัก...เขามองมันแล้วเก็บมันขึ้นมากริชเงินยังคงสภาพดีไม่แตกไม่หักแม้กระทั่งรอยบิ่นสักรอยก็ไม่มีเขาใช้มือลูบมันเบาๆแล้วเก็บในปลอกตามเดิมจากนั้นเขาก็หันไปมองรอบๆเขาอยู่ที่หน้าปราสาท...หลุมศพมากมายที่เต็มไปด้วยผีสางเมื่อตอนที่เขามาตอนแรก

กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง...

เขายืนอยู่หน้าประตูปราสาทขนาดยักษ์...หายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้งแววตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่...เขาจะต้องออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยให้ได้เขาก้าวขาเข้าไปในปราสาทเพื่อเผชิญหน้ากับโชคชะตาอีกครั้งหนึ่ง...

กรี๊ดดดดดดดเสียงร้องปริศนาดังขึ้น...เขาหันกลับไปมองทางต้นเสียงมันดังมาจากทางสุสานซอมบี้อากิมองไปแล้วก็หันกลับไปทางปราสาทอย่างไม่ใส่ใจ

ถ้าเกิดเป็นกลลวงบ้าบออะไรอีกล่ะ...

แล้วเขาก็ก้าวเข้าไปในปราสาท...เว้นแต่ว่า

ใครก็ได้ช่วยที...อากิ!!!”เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็วแล้ววิ่ง!!!ไปทางต้นเสียง...

ใครกัน!!!

ร่างสาวนางหนึ่งนอนแผ่หลาอยู่บนพุ่มไม้แห้งเคราะห์ดีที่ถึงใบไม้นั่นจะแห้งกรอบแต่ก็สามารถรองรับแรงกระแทกได้ทำให้เธอไม่บาดเจ็บเท่าไรนักจากการตกลงมาจากที่สูงตาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆปรือขึ้นช้าๆที่นี่มีพระจันทร์สีแดงลอยอยู่ข้างบนท้องฟ้าเป็นสีแดงน้ำตาลขุ่นๆเธอยังคงมองขึ้นไปอย่างเลื่อนลอย...แววตาบอกความสับสนแต่ก็ดูสงบนิ่ง

นี่ฉันอยู่ที่ไหนฉันตายแล้วเหรอ?ที่นี่คือนรกงั้นเหรอ...

ฟุกุค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง...เธอเห็นแค่ต้นไม้ตายกรังๆพุ่มไม้เตี้ยๆแห้งกับพื้นดินแห้งแตกระแหงไปทั่วเธอลุกขึ้นช้าๆแล้วมองสำรวจไปในพื้นที่แห้งแล้วดูสลดไปรอบๆ...

ฉันควรจะไปที่ไหน?

เธอค่อยๆเดินออกไปช้าๆ...มองไปรอบๆเสียงการ้องดังระงมไปทั่วพวกมันบินอยู่เหนือหัวเธอไปมาแล้วบินมาเกาะบนกิ่งไม้เฉาแล้วเฝ้ามองเธออยู่ฟุกุมองขึ้นไปดูพวกกาเหล่านั้นพวกมันตัวสีดำสนิทเว้นแต่มีตาสีแดงก่ำดั่งเลือดเธอไม่รู้สึกกลัวกาแต่อย่างใดแต่ไม่ใช่กับศพ...ศพตัวขาดครึ่งท่อนที่ดูเละแหลกละเอียดไปด้วยเศษเนื้อเศษเครื่องในที่อยู่ข้างหน้า

อุก...เธอทำหน้าเหมือนจะสำรอกออกมาใช้มือสั่นเทาปิดปากตากเบิกกว้างเนื้อตัวสั่นด้วยความกลัวผสมกับความขยะแขยง...เธอค่อยๆก้าวผ่านศพนั่นออกไปช้าๆแล้วเธอก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเธอคิดว่าศพนั่นมันขยับได้!!!เธอยืนนิ่งเอาหลังพิงกับต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างจากศพนั่นมากนัก...แล้วพยายามเบนหน้าหนีออกไปทางอื่นแต่เธอกลับไม่มีแรงจะก้าวขาออกไป...ฟุกุค่อยๆก้าวขาออกไปทีละนิดอย่างไร้เรี่ยวแรงหายใจเร็วถี่...ค่อยๆดันตัวเองออกจากที่ตรงนั้นจากนั้นเธอก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วและไม่หันกลับไปมองมันอีก...

ฟุกุใช้มือสองข้างลูบแขนที่ขนลุกซู่ขึ้นลงอากาศในนี้ค่อนข้างเย็นก็จริง...แต่ก็ไม่มากเท่ากับศพตัวขาดเมื่อครู่เธอเดินมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวงรอบข้างช่างน่ากลัวต้นไม้พุ่มไม้แม้แต่พื้นก็ดูไม่น่าไว้วางใจไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรที่ไม่คาดฝันอีกก็ได้...คิดแล้วก็เสียวสันหลังเธอรีบเดินออกจากป่าแห้งโดยเร็วแล้วก็ออกมายังลาดกว้างที่มีสุสานเต็มไปหมดนับร้อยๆ...ฟุกุยืนนิ่งอยู่กับที่กลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบากเธอหันกลับไปทางเก่าเลือกที่จะเดินกลับเข้าไปในป่าแต่พอหันหลังกลับไปเท่านั้น!!!

ศพขาดครึ่งที่เธอก้าวผ่านมาใช้มือเน่าๆค่อยๆคลานเข้ามาหาเธอฟุกุเปิกตากว้างอย่างตกใจเธอยังคงยืนเฉยด้วยอาการช็อกสุดขีดในขณะที่ศพน่าสยดสยองกำลังคืบคลานเข้ามาหาเธอเธอยืนขาสั่นแล้วก็ทรุดลงไป...แม้แต่แรงที่จะร้องออกไปก็ยังไม่มีมากพอ

อย่าเข้ามานะ... เธอพูดพอได้ยินเสียง

หึ หึ หึ...ใกล้แล้ว...เสียงของศพดังขึ้นมาฟุกุยังคงนั่งมองศพนั่งอย่างหวาดกลัวดูเหมือนเรี่ยวแรงจะถูกดูดหายไปหมดแล้วศพนั่นยังคงใกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่าช้าๆ

ใกล้แล้ว...ใกล้จะได้เป็นอิสระแล้วเสียงของศพเชื่องช้าแต่น่ากลัวเป็นเสียงที่ไม่น่าจดจำที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินจากนั้นก็หัวเราเสียงดังขึ้นแต่ก็ยังคงคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆฟุกุลุกรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีลุกขึ้นขึ้นแล้ววิ่งวิ่งเข้าไปในสุสานผี...เธอวิ่งเข้าไปเรื่อยๆผ่านหลุมนับร้อยวิ่งไป...ไปไหนก็ได้ที่เธอจะไม่ต้องเห็นกับศพนั่นอีกแต่...เธออาจจะจะอยากกลับไปหาศพเดิมมากกว่าถ้าจู่ๆต้องเจอกับฝูงซอมบี้อย่ากะทันหันเธอหายใจเร็วเมื่อเห็นศพมากมายกำลังขึ้นมาตามหินสลักหัวใจเต้นเร็วจนรู้สึกได้เธอวิ่งหนีไปอีกทางแต่วิ่งไปได้ไม่ไกลก็เจอกับเหตุการณ์แบบเดิม เธอส่ายหัวอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

เป็นไปไม่ได้!!!

ฟุกุหันไปอีกทางแต่ว่าตอนนี้ไม่มีแต่ให้เธอหนีแล้ว...ฟุกุหันมองไปรอบๆมีแต่ผีแล้วก็โครงกระดูกมากมายกำลังเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆเธอถอยหลังไปจนชนกับบางอย่างฟุกุหันไปด้วยความตกใจมันเป็นเพียงแค่หินศิลาเท่านั้นแต่ว่าด้านล่างกำลังมาบางอย่างผุดขึ้นมาจากพื้นดิน

กรี๊ดเธอล้มลงจากแรงสั้นสะเทือน...มือสีม่วงคล้ำจับที่ขาของเธอไว้

ไม่นะน้ำตาเอ่อล้นหยดลงมาเป็นสายเธอหลับตาลงแน่นเผื่อว่าเธออาจจะตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายนี้ได้จากนั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วดวงตาก็เบิกโพรงด้วยอาการขวัญผวาหน้ามันค่อยๆโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆฟันแหลมคมเผยออกมามันอ้าปากกว้างอย่างน่าสยดสยองกลิ่นคาวเหม็นเน่าลอยมาแตะจมูก...แต่เธอไม่รับรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นแล้วเธอรู้แค่ว่า...

เธอกำลังจะถูกกิน!!!

กรี๊ดดดดดดดผีเน่าค่อยๆยื่นหน้าและฟันเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ

ใครก็ได้ช่วยที...เธอตะโกนเสียงดัง

อากิ!!!”พันแหล้มคมพุ่งเข้าใส่เธอเขียวๆยาวเล็งเป้าที่ต้นคอขาวอย่างรวดเร็วเธอหลับตาปี๋เตรียมรับรอยเขี้ยวยาว

แต่ตอนนั้นเอง...

ฉับ!!!’ตาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆลืมตาขึ้นหัวปีศาจหลุดกลิ้งอยู่ตรงหน้าเธอจนเธอสะดุ้งโหยงหนึ่งบุรุษยืนอยู่ข้างหน้าเธอแววตาสีน้ำตาลเข้มสบกับตาสีฟ้ารอยยิ้มบางๆเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ

อากิ!”