ถ้าซอมบี้มีจริง ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เราไม่กลัวซอมบี้อีกต่อไป

BaerKurun View 1927
อันผมอ่านมาแล้วก็เป็นจริง มากๆๆๆๆเลยครับ
กล่าวเริ่มต้นก่อนน่อ

พูดถึงหนังซอมบี้ คุณคิดถึงอะไร อย่างแรกคือมันเป็นแนวหนังขวัญใจของคนทั้งโลกด้วยสูตรสำเร็จมาช้านาน ที่หลายเรื่องมักกล่าวถึงโลกแฟนตาซี(ที่โหด) โลกของเราตกอยู่ในสภาพเดียวกับในหนัง เมืองร้าง ผู้คนหนีหาย ซากศพที่ถูกกัดทึ้ง เหมือนขยะ สัตว์กลายพันธุ์ และการเอาตัวรอด โอ้...แล้วขาดไม่ได้เลยก็คือพระเอกของเราซอมบี้นั้นเอง ที่มันเดินไปเดินมาอย่างกับคนเมา(บางเรื่องซอมบี้ก็วิ่งและกระโดดได้ แถมวิ่งอย่างกับปรอท) แถมมันโจมตีเราเสมือนหนึ่งเราเป็นอาหารของมันอีก และเราต้องป้องกันตัวด้วยการยิงมันที่หัวฮ่าๆ สะใจ แต่ระวังถูกมันกัดล่ะมั้งกันคุณจะเป็นพวกเดียวกับมันแน่!! ซึ่งแนวคิดได้สร้างแนวทางหนังสยองขวัญคลาสสิคขึ้นมาหลายแบบ และมันก็เป็นหนังที่ถูกผลิตออกมามากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลกภาพยนตร์ ประมาณกันว่า มีหนังซอมบี้ที่ใช้พล็อตแบบนี้เคยสร้างกันออกมาไม่ต่ำกว่า สองร้อยเรื่อง

ในขณะที่คุณเพลิดเพลินกับภาพยนตร์ซอมบี้ เช่น High School of the Dead (หรือชื่อไทยคือนมสู้ซอมบี้) หรือ Zombieland(2009) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้อย่างเหลือเชื่อ(ซอมบี้วิ่งเร็วโครต) แต่ในสมองคุณรู้สึกไหมว่าเรื่องซอมบี้นั้นมันขัดหลักความจริง วิทยาศาสตร์อย่างไม่น่าอภัย เราขอไม่นับเรื่องคนตายสามารถคืนชีพได้ล่ะกัน เพราะมีความเป็นไปได้ แต่กระนั้นถ้าสมมุติว่าซอมบี้เกิดขึ้นจริงและมันกินคนเป็นอาหารมันจะเกิดความวิ่งวายความจริงหรือไม่ อืม.....ผมขอบอกว่าเราสามารถเอาชนะซอมบี้ได้ และชนะอย่างรวดเร็วด้วย โดยไม่ต้องรอถึงภาค 3 เหมือนผีชีวะหรอก(แบบว่าผ่านเป็นสิบปีโลกเม่งล่มสลายเร็วเป็นบ้า)...........เรามาดูเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่เราสามารถเอาชนะซอมบี้ได้ดีกว่า!!

มีวิธีการ กำจัดซอมบี้ได้ถึง7ข้อ ดังนี้ครับ

7. They Have Too Many Natural Predators

  

ซอมบี้นั้นทำตัวเป็นนักล่ามากเกินไป ส่งผลทำให้ระบบนิเวศนั้นถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง อย่างที่เราเรียนกันระบบนิเวศนั้นต้องมีผู้ล่าน้อยกว่าผู้ถูกล่าและผู้ผลิตอาหารมันถึงจะอยู่ได้ หากผู้ล่ามากไประบบนิเวศจะล่มสลายลงสิ้นเชิง(ระบบนิเวศอาจเป็นตึก เมืองหรือโลก) เมื่อมันก็ไม่มีอาหาร มันจะอยู่ยังไง ปลูกผัก เลี้ยงหมู ล่าจับหมากิน หรือจับมนุษย์ขังในกรงเพื่อรอกินเหรอ พวกเขาคงฉลาดพอทำกิจกรรมแบบนี้ได้น่ะ และเมื่อซอมบี้ตกเป็นผู้ถูกล่าล่ะอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อสิ่งที่ซอมบี้ต้องเผชิญ คือนักล่าที่ร้ายกาจที่พวกเขาไม่สามารถป้องกันได้ มันคือหมี สิงโตเรอะเปล่าไม่ใช่เลย คือพวกร่างเน่าเปื่อยนี้เป็นอาหารอันโอชะของหนอนแมลงซอนไซศพจอมตระกละแน่นอน พวกมันทำการย่อยสลายศพเร็วกว่าที่เราคิดมากนะจะบอกให้

6. Decomposition

  

สิ่งที่เป็นกฎสากลของบรรดาซอมบี้ในภาพยนตร์คือ พวกเขาเกิดปรากฏการณ์เน่าเปื่อย เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง แน่นอนเราจึงไม่ต้องกลัวซอมบี้อีกต่อไปเพราะว่าโลกเราทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลทำให้โลกร้อนขึ้น ทำให้เร่งการเปื่อยของซอมบี้เร็วมากขึ้น ยิ่งมีปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรียและแมลงเพิ่มขึ้นมาซอมบี้คงต้องปวดหัวแน่นอน เมื่อพวกเขาพบว่าตนเองนั้นมีช่วงอายุสั้นกว่าทิ่คิด และที่น่าสนใจคือเมื่อสาเหตุการเน่ามาจากแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่(ส่วนใหญ่)ที่ทำปฏิกริยาเคมีในเนื้อเยื่อของร่างกายเมื่อตายแล้วมันจะเริ่มทำปฏิกริยาอย่างหนึ่งคือมันจะสร้างก๊าซและน้ำเหลื่องในร่างกายทำให้ร่างกายอืดก่อนเน่า ดังนั้นซอมบี้ที่เราเห็นในภาพยนตร์มันจะต้องเป็นคนอ้วนมากมายการที่คิดอย่างแน่นอน เรากลัวเหรอศพอ้วนอืดอาดแบบนี้ และเมื่อศพอืดนั้นเสี่ยงต่อการระเบิดได้หากมีปัจจัยที่เหมาะสม(การเน่าเปื่อยจนสลายนั้นใช้เวลา 50-365 วัน)

หากคุณอยากไปสถานที่ไม่มีซอมบี้รบกวน สิ่งที่เป็นทางออกก็คือซาฮาร่าไม่ก็ทะเลทรายที่ไหนสักแห่ง(อย่าไปแถวหนังชีวะ 3 ซอมบี้อะไรฮึดซิบหาย ทะเลทรายนะนั้น) ความร้อนระอุของทรายจะเป็นตัวช่วยเร่งให้ศพเกิดการเน่าสลายตัวเร็วยิ่งขึ้นยิ่งมันอยู่ในสภาพขาดน้ำยิ่งเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน ในทางตรงกันข้ามถ้าอุณหภูมิต่ำจะเกิดปฏิกิริยาการเน่าสลายตัวอย่างช้าดังนั้นจงหลีกหนีไปอลาสก้า(เหมือนในภาพยนตร์พูดกัน) และสถานที่ไม่ควรไปคือสถานที่กึ่งร้อนกึ่งหนาวเพราะมันเป็นสวรรค์ซอมบี้แน่นอน

5. Rigor Mortis

  

มีการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อ Sankarea (แนะนำให้ไปดูเพราะซอมบี้โมเอะมากๆ) ที่นางเอกคนหนึ่งกลายเป็นซอมบี้ และเธอได้ค้นพบปัญหาอย่างหนึ่งคือร่างของเธอกำลังอยู่ในสภาพแข็งทื่อหลังการตาย(Rigor Mortis) เป็นการเปลี่ยนแปลงหลังการตายตามธรรมชาติอย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ เกิดจากการแข็งตัวของกล้ามเนื้อต่างๆ ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากเมื่อเราตาย เซลล์ร่างกายต่างๆก็จะหยุดการทำงาน โดยเฉพาะ ATP(ย่อจาก Adenosine Triphosphate)ที่เกิดมาจากสันดาบในอาหารในเซลล์ของกล้ามเนื้อโนออกซิเจนเป็นตัวช่วยเพื่อทำให้กล้ามเนื้อสามารถทำงานเป็นปกติสลายไป ส่งผลให้กล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกายเริ่มหมดไป ส่งผลให้ร่างกายแกร่งแข็งตัวที่สุด

โดยปกติระยะเวลาการเกิดสภาพแข็งทื่อหลังตายจะเริ่มเกิดประมาณ 1-2 ชั่วโมงหลังตาย และเกิดการแข็งตัวเต็มทั่วร่างกายประมาณ 6-12 ชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มมีการอ่อนตัวลงอีกครั้งพร้อมกับการเน่าเปื่อยของร่างกาย ดังนั้นปัญหาซอมบี้ที่ว่านี้หากทิ้งไว้สักพักก็อาจจบอย่างรวดเร็วอย่างที่คิด(ถ้าผู้รอดชีวิตอยู่แต่ในบ้านอย่าให้เป็นเหยื่อของมันเพิ่มละกันน่ะ)

แน่นอนซอมบี้หรือศพคืนชีพด้วยอะไรสักอย่าง(อาจมาจากไวรัส หรือเวทมนต์อะไรก็เถอะ) มันจะต้องเจอปัญหานี้แน่นอน ในเมื่อร่างกายตายแล้ว แต่หากมีคนจะเถียงว่าซอมบี้มันไม่ใช่คนตาย แต่เป็นคนที่เสียสติที่ต้องทำตามคำสั่งอย่างเดียวคือกินมนุษย์เพื่อดำรงชีวิตก็เถอะ แต่ทำไมหลายเรื่องผมเห็นร่างของมันหรือได้เน่าได้ล่ะ นั้นมันศพมีชีวิตอย่างแท้จริงและมันต้องเจอแข็งตัวแน่นอนใน 6-12 ชั่วโมง(หากมันไม่สามารถหาวิธีที่จะช่วยตัวมันไม่ให้แข็งตัวได้ เช่นฟอร์มาลีน) แล้วไฉนเราต้องกลัวซอมบี้ที่เดินไม่ได้ แต่ทำไมภาพยนตร์บางเรื่องมันวิ่งปานจรวดได้ว่ะนั้นทั้งๆ ที่ผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วแท้ๆ(ภาพยนตร์เรื่องไหนเดาเอง)

4. Contacts disease by the bite

   

ไม่ว่าหนังเรื่องไหนก็ต้องมีสิ่งเหมือนกันคือซอมบี้แพร่กระจายโดยการกัดเหยื่อ จนเหยื่อกลายเป็นซอมบี้อย่างรวดเร็ว และไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่ซอมบี้แพร่กระจายโดยการมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อเหมือนเอดส์(นอกจากการ์ตูนโดจินโป๊บางเรื่อง) และแน่นอนคงจะไม่มีใครอยากมีเพศสัมพันธ์กับซอมบี้แน่นอน(นอกจากคนนั้นมันต้องโรคจิตจริงๆ)

หากเราทำตามกฎนี้คือโรคที่แพร่กระจายด้วยการกัด ในโลกแห่งความจริงที่มีกฎใกล้เคียงนี้ก็คือโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งโรคชนิดนี้เป็นเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อโดยน้ำลายที่เข้าสู่บาดแผลคือการข่วน แต่การติดต่อทางหายใจน้อยมากนั่นก็หมายความว่าเชื้อนี้ไม่สามารถแพร่กระจายทางอากาศ(หรือเปล่า?) แต่ทำไมในภาพยนตร์ทำไมคนกลายเป็นซอมบี้เพียบแบบนี้ทั้งๆ ที่ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง

หากแพร่โดยการกัดเพิ่มจำนวน แต่สิ่งนั้นก็เป็นปัญหาอีกเพราะการกัดนั้นแพร่เชื้อที่ค่อนข้างช้า การฟักตัวมันน่าจะประมาณ 2-8 สัปดาห์ มันจะเร็วเวอร์กลายเป็นซอมบี้ในพริบตาเลยเหรอ แม้แต่เอดส์ยังใช้เวลาถึงหลายเดือนกว่าจะฟักตัวและรู้ว่าเราเป็นเอดส์ ถ้าจะเอาไวรัสที่ร้ายแรงของโลกมาเปรียบเทียบก็มี โรควัวบ้า(ระยะฟักตัว 2-8 ปี) อีโบร่า(ระยะฟักตัว 2-21 วัน)เชื้อซอมบี้ที่โครตร้ายแรงกัดปุ๊บเป็นซอมบี้ไม่น่าจะเกิดจากธรรมชาติ น่าจะเป็นคนที่คนทำมากกว่าและคนทำนี้คงจะใช้เวลานานโครตในการผสมเชื้อจนได้ไวรัสเทพขนาดนี้

ดังนั้นพูดเต็มปากเลยว่าเชื้อซอมบี้ไม่น่าจะเป็นอันตรายสักเท่าไหร่ หากเกินขึ้นจริงก็ไม่น่าจะควบคุมยากสมมุติว่าซอมบี้กัดคน 30 คนในงานคอนเสิร์ตและไล่งับคนในงาน ก็ให้ทหารจับแยกซะเพราะถึงอย่างไรในอเมริกา(หรืออาจทั่วโลก)มีศูนย์ควบคุมโรค(CDC- (Centers for Disease Control and Prevention) ที่มักดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการกักกันเชื้อโรค โรคที่เป็นอันตรายของโลกที่เราประสบคือโรคที่ติดต่อโดยสามารถผ่านทางอากาศได้มากกว่า เช่นไข้หวัดมรณะ โดยส่วนมากประเทศเหล่านี้มีวิธีการรับมือการแพร่กระจายของโรคอยู่แล้ว เช่นการปิดพรมแดน หรือการตรวจเข้าออก ผลคือมีคนตายน้อยกว่าที่คิดมาก

3. The Landscape

 

บนโลกเขาเรามีพื้นที่ภูมิทัศน์ต่างๆ ที่การเดินเท้าไม่สามารถไปได้ถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา เกาะกลางทะเล นับประสาอะไรกับซอมบี้ที่เดินต้วมเตี้ยมอย่างกับเต่าจะไปถึงได้ มันคงว่ายน้ำที่ลึกและเชี่ยวกราดเหมือนมนุษย์กบได้หรือเปล่าและเท่าที่เห็นที่ซอมบี้ไม่สามารถกระโดดได้(ยกเว้นในบางเกม)มันสามารถไปได้หรือปีนหน้าผาหรือผจญกับอันตรายระหว่างทางได้หรือเปล่ามันจะรู้ทิศเหนือทิศใต้ มันรู้ตรงไหนควรเดินไม่ควรเดิน มันจะรู้จักถนนหรือเปล่าน่ะ

         (ไม่รู้จักถนนแล้วมันคิดจะเดินตรงอย่างเดียวก็เชิญตกหน้าผา)  นอกจากนี้ในเมืองใหญ่มีหลายตึกที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น ยิ่งเป็นธนาคารก็ยังมีห้องใต้ดินพร้อมการสแกนม่านตาประตูถึงจะเปิด ในสำนักงานยังมีอาคารสูงบางแห่งมีที่โครงสร้างสลับซับซ้อนป้องกันการถูกบุกรุกจากภายนอก ซอมบี้คงเดินขึ้นบันไดที่สลับซับซ้อนได้อยู่หรอกน่ะ ยิ่งเป็นป้อมปราการสมัยก่อนละก็ซอมบี้ยิ่งหมดสิทธิโชว์เก๋าแน่นอน

ในการ์ตูนและภาพยนตร์หลายเรื่องซอมบี้จะมีปฏิกิริยาการตอบสนองเสียงและแสง ก็น่าแปลกเหมือนกันในเมื่อประสาทส่วนต่างๆ ร่างกายหยุดทำงาน สมองมีแต่คำสั่งเดียวคือกินมนุษย์ แต่ยังสามารถได้ยินและได้ฟังสิ่งรอบข้างได้ เช่นมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่คนรอดชีวิตเปิดแสงตอนกลางคืนซอมบี้ก็แห่มายังกับแมลงเม่า มันมีความรู้สึกตอบสนองนี้ได้อย่างไรกันเนอ?


2.Congenital insensitivity to pain

          

กฎเหล็กของซอมบี้ที่เราเห็นในหนังมีอย่างหนึ่งเหมือนกันหมดคือพวกมันสูญเสียระบบประสาทรับความรู้สึกทั้งหมด ส่งผลทำให้มันไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดหรือทรมานแต่อย่างใด ต่อให้คุณต่อยถีบเอาปืนยิงที่ตัวมันก็ไม่ร้องโอ้ยกรูเจ็บแน่นอน

น่าแปลกตรงที่ว่าอาการระบบประสาทสูญเสียความรู้สึกไม่เจ็บไม่ปวดนั้นมีอยู่จริง นั่นคืออาการCongenital insensitivity to pain(CIP) มีความหมายว่าอาการไม่รู้สึกเจ็บปวดตั้งแต่กำเนิด มันไม่ใช้โรคหากแต่เป็นความผิดปกติทางระบบประสาทรับความรู้สึกต่างๆ ที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้ผู้มีอาการดังกล่าวไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือไม่รู้สึกร้อนและเย็น(หากคุณเห็นซอมบี้ในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มีรู้สึกรับรู้ความร้อนหรือเย็นกรุณาทำใจด้วย) นอกจากนั้นผู้มีอาการเหล่านี้จะไม่มีเหงื่อ ซึ่งการที่ไม่มีเหงื่อนี้จะทำให้เกิดความร้อนสูงในร่างกาย ซึ่งจะทำให้ตายได้

Congenital insensitivity to pain เป็นอาการที่หายาก น้อยนักจะพบเจอ แต่ใช่ว่าอาการไม่เจ็บปวดเหล่านี้จะทำให้ร่างกายคงกระพัน กลับกันมันทำให้ร่างกายเสียหายมาก ไม่ว่าจะเป็นที่ลิ้นติดเชื้อโรคเพราะถูกฟันกัดจากการบดเคี้ยวอาหาร กระดูกหัก ติดเชื้อที่กระดูก เจอความร้อนอาจถึงตาย และคนที่เป็นส่วนใหญ่จะปัญญาอ่อน อาการเหล่านี้อย่าว่าจะไปสู้กับใครเลย แค่เจอความร้อนนิดเดียวก็ไม่รอดแล้ว ดังนั้นตัดเรื่องซอมบี้ต้องเป็นคนเสียสติที่สูญเสียระบบประสาทรับความรู้สึกได้เลยเพราะมันตายแน่นอนหากโดนความร้อน

1.Weapons

ปืน ใช่แล้วปืนนั้นเอง ต่อให้ซอมบี้มาเป็นร้อยเป็นแสนแต่พอเจอปืนกลสักกระบอกมันก็ไม่รอด ก็พวกเขามีแค่ฟันนี้น่าที่เป็นอาวุธ จากสถิตแล้วในสหรัฐอเมริกามีผู้ใบมีอนุญาตพกอาวุธปืนกว่า 14 ล้านคน(สถิตในปี 2004) และบางคนสามารถพกอาวุธขนาดใหญ่ได้

ปืนสมัยนี้ขึ้นชื่อในเรื่องประสิทธิภาพความรุนแรงและความเบามากขึ้น ขนาดปืนที่ใช้ล่าสัตว์ก็สามารถแยกร่างซอมบี้เป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดาย สิ่งที่พวกซอมบี้ต้องเผชิญนั้นก็คือประชากรพลเรือนที่เป็นทหารและตำรวจหรือคนที่มีอาวุธปืนกว่า 3,000,000 คนพร้อมด้วยชุดเกราะที่แม้แต่ปืนยังยิงไม่เข้า นี้ไม่นับรถถังหรือเครื่องบินรบ ระเบิดมืออีกมากมาย ซอมบี้ที่มีแต่แขนและขาสามารถสู้พวกนี้ได้หรือเปล่าเราไม่ขอคิดถึงและไม่อยากจะคิดด้วย เอาเป็นว่าดูหนังซอมบี้อย่าไปคิดมากกับเรื่องพวกนี้ละกัน สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนดูผีชีวะภาค 4 ที่ซอมบี้เม่งวิ่งเร็วอีกเรื่อง ขอให้สนุกนะ