Chapter 16
อาสึนะบอกกับผมว่าเธอเฝ้าสังเกตแมพตลอดที่นั่งรอผมใน Gramdum
ทันทีที่สัญญาณของก็อดเฟรยหายไป เธอวิ่งออกจากเมืองและวิ่ง 5 กิโลเมตร ภายในเวลา 5 นาที ซึ่งปกติแล้วต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงี่นี่ เมื่อผมชี้ให้เห็นว่านั้นมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว เธอตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ
“พลังแห่งรักไงหล่ะ”
หลังจากกลับไปที่ฐานทัพของกิลด์ พวกเราได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฮีฟคลิฟฟ์ฟังและขอออกจากกิลด์เป็นการชั่วคราว หลังจากที่อาสึนะบอกเหตุผลไปว่า “ไม่ไว้ใจกับคนในกิลด์” ถึงฮีฟคลีฟฟ์จะนั่งครุ่นคิดเงียบๆ อยู่ขณะหนึ่งแต่เขาก็ยอมรับคำขอของพวกเรา หลังจากนั้นเขาได้กล่าวสิ่งสุดท้ายทิ้งไว้พร้อมกับรอยยิ้มอันแปลกประหลาดบนใบหน้าของเขา
“ไม่ว่าจะยังไงคุณจะต้องกลับมายังแนวหน้า แค่นั้นก็พอ”
พวกเราออกจากฐานทัพของกิลด์ ซึ่งในเวลานั้นก็เย็นซะแล้ว พวกเราจับมือของกันและกันและเดินไปยังลานวาร์ปด้วยกัน
มีกลุ่มคนจำนวนไม่มากในโลกแห่งนี้ที่สนุกกับการกระทำผิดกฎ จากโจรและขโมยสู่ฆาตกรเลือดเย็นของกิลด์ Laughing Coffin เช่น คราดิล ซึ่งมีข่าวลือเกี่ยวกับนักโทษพวกนี้ว่ามีจำนวนมากกว่าพันคน ซึ่งตอนนี้คนทั่วไปคิดว่ามันเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาเหมือนมอนสเตอร์
แต่เมื่อไหร่ที่ผมคิดเกี่ยวกับมัน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าคนเหล่านี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ทุกๆ คนก็รู้ๆ กันอยู่ว่าการทำร้ายผู้อื่นนั้นจะเป็นการลดโอกาสการเคลียร์เกมอย่างไม่ต้องสงสัย หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า พวกเขาไม่ต้องการจะออกไปจากโลกแห่งนี้
แต่หลังจากที่ได้พบคราดิล ผมไม่คิดว่าเขามีผลกระทบต่อเกม เขาไม่ไดช่วยหรือขัดขวางการเคลียร์เกมแต่อย่างไร เขาแค่ไม่คิดเกี่ยวกับมันเท่านั้น ไม่คิดถึงอดีตหรืออนาคต ก็แค่พยายามเติมเต็มความปรารถนาที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งส่งผลต่อเจตนาร้ายของเขาเอง
แล้วผมหล่ะ? ผมไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าผมเอาจริงเอาจังกับการจบเกม จะมีคนเชื่อมากกว่านี้ถ้าผมอ้างว่าที่เข้าไปสำรวจดันบ่อยๆ ก็เพื่อค่าประสบการณ์เท่านั้น และถ้าผมสู้เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อรู้สึกมีความสุขมากกว่าใครๆ และหลังจากที่มันฝังลึกลงไปในตัวผมแล้ว ผมจะไม่อยากออกไปจากโลกนี้หรอ?
ทันใดนั้น รู้สึกราวกับว่าแผ่นเหล็กรองใต้เท้านั้นค่อยๆ จมลงไป ผมหยุดเดินและกระชับมือของตัวเองที่กำลังจับที่มือขวาของอาสึนะ
“...?”
อาสึนะเอียงหัวของเธอเล็กน้อยและมองมาทางผม ผมก้มหัวลงเล็กน้อยและพูดออกมาเหมือนพูดกับตัวเองว่า
“...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะต้องส่งเธอกลับไปยังโลกเดิมให้ได้...”
“...”
ในเวลานั้นอาสึนะก็กุมมือของเธอเอาไว้
“เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราจะกลับไปด้วยกันนะ”
เธอยิ้มออกมาหลังจากที่เธอพูดเสร็จ
พวกเราเดินเรื่อยมาจนมาถึงลานวาร์ป มีแค่คนจำนวนน้อยที่กำลังเดินไปรอบๆ ซึ่งรวมกลุ่มรับลมหนาวที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมาของฤดูหนาว
ผมหันไปมองที่อาสึนะ
ผมคิดว่าความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากความตั้งใจอันแรงกล้าของตัวเธอนั้น เป็นแสงนำทางที่นำผมไปในทางที่ถูกต้อง
“อาสึนะ...คืนนี้..ผมอยากจะอยู่กับเธอ”
ผมพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร
ผมไม่อยากห่างไกลจากเธอ การโดนโจมตีเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ผมเกิดความกลัวตายแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความกลัวที่ไม่สามารถจะดิ้นหลุดออกไปแม้ตอนนี้
ผมอาจจะฝันร้ายแน่ๆ ถ้านอนคนเดียวคืนนี้ ผมจะฝันเกี่ยวกับพวกบ้าเหล่านั้น ดาบที่แทงเข้ามาที่ลำตัว ความรู้สึกที่ถูกแทงไปที่มือขวา ผมมั่นใจยังงั้นจริงๆ
อาสึนะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาเบิกกว้างราวกับว่าเธอเข้าใจเหตุผลจริงๆ ของคำขอของผม
หลังจากนั้น เธอพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับหน้าของเธอที่แดงไปทั่ว
บ้านของอาสึนะที่ Salemburg ที่ผมมาเป็นครั้งที่สอง ก็ยังคงตกแต่งด้วยของแต่งห้องที่หรูหราเช่นเคย ถึงเวลานี้ผมถูกต้อนรับอย่างอบอุ่น วัตถุที่วางอยู่ทั่วบ้านแสดงถึงรสนิยมอันโดดเด่นของเจ้าของบ้าน แม้จะเป็นยังงี้ อาสึนะก็พูดว่า
“อุหวา...มันรกไปหน่อยนะ ไม่ได้กลับมาตั้งหลายวันและ...”
เธอยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกับหัวเราะอย่างอายๆ และรีบเคลียร์ของออกจากบริเวณโดยรอบ
“ฉันจะรีบทำอาหารเย็นให้ อ่านหนังสือพิมพ์หรือทำอย่างอื่นรอไปก่อนนะ”
“อืมม...”
ผมเอนตัวลงนอนบนโซฟาหลังจากที่เฝ้ามองดูเธอถอดเครื่องแบบของกิลด์ออกแล้วใส่ผ้ากันเปื้อนแทนและก็เดินหายไปในห้องครัว หลังจากนั้นผมหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ถึงเราจะเรียกว่าหนังสือพิมพ์ มันก็เป็นแค่ข่าวลือที่เขียนออกมาจากพวกขายข้อมูล แต่ตั้งแต่ที่โลกแห่งนี้ขาดแคลนความบันเทิง หนังสือพิมพ์จึงเป็นสื่อที่มีค่าที่มีคนติดตามจำนวนมาก หนังสือพิมพ์นี้มีแค่ 4 หน้า ผมชำเลืองมองอย่างลวกๆ แค่หน้าแรกก่อนที่จะโยนมันออกไปข้างตัวด้วยความฉุน มันเป็นเพราะหัวข้อที่พาดหัวเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างผมกับฮีฟฟ์คลีฟ
[ผู้ใช้สกิลใหม่ดาบคู่ถูกกำจัดโดยดาบศักดิ์สิทธิ์]
ข้างใต้หัวข่าวเป็นภาพของผมนอนแผ่ที่พื้นต่อหน้าฮีฟฟ์คลีฟโดยใช้ Record Crystals ในการถ่าย ภาพนี้สามารถบอกได้ว่าผมเพียงถูกเพิ่มไปในหน้าหนึ่งของตำนานไร้พ่ายฮีฟฟ์คลีฟ
ดีแล้ว มันอาจจะทำให้พวกเขาเลิกตามตื้อผม ถ้าความคาดหวังจากสกิลของผมนั้นตกลง ผมช่วยตัวเองในการหาข้ออ้างที่ยอมรับได้ง่ายๆ หลังจากนั้นฝนขณะที่ผมกำลังดูของทั้งหมดในลิสต์ช่องเก็บของของผมกลิ่นหอมที่ล่อลวงลอยออกมาจากในครัว
อาหารมื้อเย็นเริ่มจากสเต็กที่ทำมาจากวัวที่คล้ายเนื้อมอนสเตอร์พร้อมกับโชยุพิเศษของอาสึนะ แม้ว่าส่วนผสมที่ทำจะไม่ได้มีระดับสูงแต่รสชาตินั้นก็เยี่ยมเหมือนปกติ อาสึนะมองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ เนื่องจากผมได้นำสเต็กนั้นเข้าปากเป็นที่เรียบร้อย
ในขณะที่เรานั่งตรงข้ามกันของอีกฝ่ายและจิบชาหลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จแล้วนั้น อาสึนะกลายเป็นคนพูดน้อยไปเลยเพราะเหตุผลบางอย่าง เธอพูดไม่หยุดเกี่ยวกับหลายเรื่อง เช่น ยี่ห้อของอาวุธที่เธอชอบใช้ หรือผมที่เป็นที่นิยมในการเป็นสถานที่เที่ยว
ตอนแรกที่ได้ฟังจากเธอนั้นรู้สึกตกใจอยู่ แต่อยู่ๆ เธอก็เงียบไปทันที ทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวล เธอยังคงนั่งเฉยๆ และจ้องไปที่ถ้วยชาของเธอราวกับว่าเธอกำลังพยายามหาบางสิ่งอยู่ ท่าทางของเธอดูจริงจังสุดๆ แทบจะราวกับว่าเธอกำลังเตรียมตัวจะสู้
“...เฮ้ๆ มีอะไรแปลกไปหรอ...”
แต่ก่อนที่ผมจะพูดจบ อาสึนะกระแทกถ้วยชาเสียงดังลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นยืนจากที่นั่งและประกาศตัว
“...โอเค”
เธอเดินออกไปที่ขอบหน้าต่าง สัมผัสกำแพงเพื่อเปิดเมนูควบคุมและปิดไฟทั้งหมดลงทันที ความมืดครอบคลุมไปทั่วทั้งห้องทันที สกิลสแกนของผมจะถูกเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติและเปลี่ยนเป็นโหมด night-vision แทน
ห้องถูกย้อมไปด้วยแสงสีฟ้าสลัว และอาสึนะถูกส่องแสงสีขาวจากไฟของโคมไฟที่มาจากด้านนอกของหน้าต่าง แม้ว่าผมจะรู้สึกสับสนกับพฤติกรรมของเธอ แต่ความสวยของเธอก็ยังคงทำให้ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ
ผมยาวของเธอดูเหมือนสีน้ำเงินเข้ม ความเรียวของแขนและขาขาวๆ ของเธอที่ยืดออกมาจากใต้เสื้อคลุม สะท้อนแสงไฟอ่อนและดูเหมือนจะสว่างขึ้นเรื่อยๆ
อาสึนะยืนอยู่ข้างขอบหน้าต่างอย่าเงียบๆ ครู่หนึ่ง ผมไม่สามารถมองเห็นท่าทางของเธอได้ชัดเท่าไหร่เพราะว่าเธอก้มหัวลง เธอยังคงถือแขนขวาและกอดหน้าอกของเธอ และดูเหมือนว่าจะลังเลกับบางสิ่งอยู่
เช่นเดียวกันกับที่ผมกำลังจะถามกับเหตุการณ์ที่กำลังจะดำเนินต่อไป อาสึนะเริ่มขยับมือซ้ายของเธอ นิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเธอเลื่อนลงมาตลอดจนหน้าต่างเมนูปรากฎขึ้นมาพร้อมกับเสียงเอฟเฟค
ในประกายความมืดสีฟ้า นิ้วของอาสึนะวาดไปในอากาศพร้อมกับมีหน้าต่างเมนูสีม่วงปรากฏขึ้นซึ่งเธอจัดการเมนูทางด้านซ้ายซึ่งเป็นเมนูเครื่องสวมใส่
ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ ถุงน่องที่อาสึนะนั้นสวมใส่ก็หายไป เรียวขาของเธอปรากฏอยู่ข้างหน้าผม นิ้วของเธอขยับอีกครั้งและคราวนี้กางเกงของเธอก็ถูกถอดออกไป ผมไม่สามารถทำอะไรนอกจากยืนอ้าปากค้าง และในที่สุดความคิดของผมก็ได้หลุดลอยไปโดยสมบูรณ์
ในตอนนี้อาสึนะใส่เพียงชุดชั้นในสีขาวตัวน้อยที่ซ่อนหน้าอกและเอวของเธอเอาไว้
“ย..อย่ามอง...มาทางนี้”
เธอพูดด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะพูดยังงั้น แต่ผมยังไม่สามารถหยุดมองได้เลย
อาสึนะพยายามปิดหน้าอกของเธอด้วยมือด้วยความหวั่นไหว และในที่สุดเธอก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองตรงมาที่ผม และค่อยลดแขนของเธอลงอย่างงดงาม
ผมรู้สึกช๊อกมากราวกับว่าใจจะหลุดออกจากร่าง ผมได้แต่มองเธอด้วยความตกตลึง
"สวยมากๆ" คำนี้ไม่ได้อธิบายความสวยของเธอได้หมด ผิวของเธอนั้นถูกแต่งแต้มระบายสีด้วยแสงสีน้ำเงินอ่อนๆดูอ่อนโยนและนุ่มนวล ผมของเธอนั้นราวกับว่าทำมาจากเส้นไหมอันอ่อนนุ่ม ส่วนของหน้าอกของเธอนั้นเป็นแนวนูนโค้งอย่างสวยงามอย่างกับไม่มีเครื่องมือในการสร้างกราฟฟิกไหนสามารถสร้างความสวยนี้ได้ ส่วนเรียวขาที่เรียวงามและเอวที่บอบบางทำให้เธอดูสวยกว่าใครๆ
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชื่อเลยว่าการปรากฏตัวของเธอนั้นเป็นเพียงแค่ 3D ที่ถูกทำมาจากกราฟฟิกเท่านั้น ถ้าจะให้ผมลองอธิบายดูเธอคงเป็นรูปปั้นที่ถูกสลักโดยพระเจ้าแล้วพ่นลมหายใจแห่งชีวิตให้แก่เธอ
ข้อมูลที่ถูกเก็บโดย Nerve Gear นั้นมาจากขั้นตอนลงทะเบียนของผู้เล่นทำให้สามารถสร้าง Avatar ที่เหมือนจริงได้ โดยในใจแล้วจะเรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ของร่างกายที่สมบูรณ์แบบและมหัศจรรย์
ผมได้แต่มองร่างกายอันเปลือยเปล่าของเธอ มันทำให้ใจของผมเกือบหลุดออกจากร่างกายเป็นแน่ ถ้า อาสึนะไม่ได้เอามือมาปิดบังร่างกายของเธอและกำลังเปิดปากที่จะพูด ผมคงจะยืนค้างหลายชั่วโมงแน่ๆ
หน้าของอาสึนะนั้นแดงไปหมด แม้แต่มีแสงสีฟ้า:Xส่องเข้ามาในห้องมืด เธอก้มหน้าลงและพูดว่า
“คิ-คิริโตะ-คุง รีบถอดเสื้อผ้าด้วยซิ....... ให้ฉันทำคนเดียวฉันอายนะ”
หลังจากได้ยิน ผมก็ได้คิดถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในการกระทำของอาสึนะ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เธอได้คิดว่าผมต้องการมานอนค้างกับเธอแล้วทำอะไรกันในคืนนั้น
ในที่สุดผมก็ได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็ยังอยู่ในวังวนของความตกใจอยู่ มันทำให้ผมรู้สึกผิดพลาดเลวร้ายที่สุดในชีวิตของผมจนถึงตอนนี้
“เอ่อ... ไม่หรอก... ผมเพียงคิดแค่ว่า พ-พักอู่ห้องเดียวกันในคืนนี้”
“เอ๊ะ....?”
ในขณะที่ผมตอบด้วยความโง่เขลาของตัวเองนั้น ก็เป็นตอนเดียวกับที่ อาสึนะอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นความโกรธและความอายที่รุนแรงก็ได้แพร่กระจายไปทั่วใบหน้าของเธอ
“คิ-ริ-โตะ...!.”
กำปั้นขวาของเธอกำลังเผยเจตนาฆ่าอย่างชัดเจจน
“ตาบ้า-!!”
กำปั้นของอาสีนะได้พุ่งมาอย่างรวดเร็ว ทำให้สัญชาตญาณการป้องกันตัวตื่นขึ้น แล้วทำให้ผมส่งเสียงออกมา
“อ้า-! เดี๋ยวก่อน ผมขอโทษ ลืมที่ผมพูดเถอะนะ”
ผมพยายามอธิบายในขณะที่ผมกำลังโบกมือขอโทษ
“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ตะ แต่ สามารถมีอะไรกันใน SAO ได้จริงๆหรอ?”
อาสึนะก็ได้ยอมรามือไปแม้ว่าเธอยังโกรธอยู่มากก็ตามที จากนั้นเธอก็ถามว่า
“คิ-ริโตะ หมายความว่า เธอไม่รู้หรอ?”
“ไม่ๆ ผมไม่รู้!”
หลังจากพูดจบทำให้ท่าทีของอาสึนะเปลี่ยนไปจากความโกรธเปลี่ยนเป็นความลำบากใจและความอายแทน จากนั้นเธอได้อธิบายในเสียงที่แผ่วเบาว่า
“เอ่อออ คือว่า >//< ในเมนูด้านล่าง จะมีoptionที่เรียกว่า<Ethic Code Off>”(หมายเหตุ ปุ่มปิดการป้องกันพฤติกรรมที่.........)
มันเป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยิน ผมแน่ใจเลยว่ามันไม่สามารถใช้optionที่ผมกำลังเข้าใจอยู่ใน beta test หรือมีปรากฏอยู่ในคู่มือการเล่นเลย ผมคงเป็นผู้เล่นเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรแน่ๆเลยนอกจากการต่อสู้
ความสงสัยก่อขึ้นมาในหัว ทำให้ผมเผลอถามอาสึนะอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ เคย....เคย.... ทำแบบนั้นมาก่อนแล้วหรือยังงง?”
และก็เป็นอีกครั้งที่หมัดของอาสึนะมีแสงสปาร์คจากสกิลของเธอขึ้นมาและพุ่งเข้ามาต่อหน้าผม
“ไม่...ไม่ เคยหย่ะ ตาบ้า ฉันแค่ได้ยินเรื่องพวกนี้จากเพื่อนชั้นในกิลล์เท่านั้นเองง!”
ทำให้ผมต้องคุกเข่าไปขอโทษเธอเป็นเวลานาน และต้องใช้เวลานานหลายนาทีกว่าเธอจะใจเย็นลง
__________________________________________________________________
16.5 ไปหาอ่านกันเอาเองน้าคร้าบบบ อิอิ
เทียนเล่มเดียวบนโต๊ะนั้น:Xแสงมายังอาสึนะที่นอนในอ้อมแขนของผม ในขณะที่นอนอยู่นั้นผมได้เอานิ้วลูบไล ไปตามแผ่นหลังอันขาวสะอาดของเธอ มันรู้สึกเรียบเนียน นุ่มนวลและอบอุ่นเวลาที่ได้สัมผัส
ตาของอาสึนะเปิกออกอย่างช้าๆ และจ้องมองมาที่ผม เธอกระพริบตา2-3ครั้ง หลังจากนั้นเธอก็ยิ้ม : ) มาให้ผม
“ขอโทษ... ที่ทำให้เธอตื่น”
“อื้ม..ไม่เป็นไร ฉันฝันด้วยแหละ เกี่ยวกับโลกที่เราเคยอยู่”
เธอก็ยังคงยิ้มต่อไป
“ในความฝันน่ะ ฉันสงสัยว่าถ้าทุกอย่างในแอนคราด ถ้าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนาย เป็นเพียงแค่ความฝัน ฉันก็กลัวนะ แต่ฉันก็ยังโล่งอกนะ... ที่มันก็ยังไม่ใช่ความฝันทั้งหมด”
“แปลกจังเลยนะ... ไม่อยากกลับแล้วหรอ?”
“อยากสิ อยากกลับ แต่ถึงจะอยากก็เถอะ ฉันก็ไม่อยากให้ช่วงเวลาที่อยู่นี้หายไป มันเป็น 2 ปีที่มีคุณค่ามากมายต่อฉัน จนเคยชินไปซะแล้วว”
อาสึนะ ก็เปลี่ยนท่าทีอย่างจริงจัง และคว้ามือขวาของผมไปวางไว้บนไหล่ของเธอ จากนั้นก็นำมือมาวางไว้ที่หน้าอกและกอดไว้แน่น
“ฉัน...ฉันขอโทษจริงๆ คิริโตะคุง ฉันจะพยายามให้มากกว่านี้”
ผมสูดลมหายใจลึกๆ
“ไม่.. เป็นอย่างที่เป็นอยู่นี่แหละดีแล้ว”
ผมพยักหน้าช้าๆพร้อมกับมองเข้าไปในนัยน์ตาของอาสึนะ
น้ำตาก็ได้ก่อตัวขึ้นในตาของอาสึนะ และเธอก็กำมือผมเอาไว้แน่น ผมรู้สึกว่าเป็นมือที่อ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ
“ผมสัญญาจากนี้ไปผมจะปกป้องคุณเอง”
นี่คือ-
คำพูดที่ผมไม่สามารถจะพูดแม้แต่ครั้งเดียว แต่สุดท้ายก็ได้พูดออกไปแล้ว
“ฉันด้วย”
เป็นเสียงที่เบาบางอย่างมาก
“ฉันจะปกป้องเธอด้วยเช่นกัน”
แม้ว่าเป็นคำพูดที่ดูเรียบง่าย แต่มันเป็นคำพูดที่สำคัญมาก ผมก็ได้ยิ้มเจือนๆและยกมือของอาสึนะขึ้นมาจากนั้นพูดว่า
“อาสึนะ เธอดูแข็งแกร่งมากเลย เธอสามารถไปไกลได้กว่าผมเยอะ..”
หลังจากได้ยิน อาสึนะก็ได้กระพริบตาหลายครั้งแล้วยิ้ม
“ไม่ ฉันไม่ ในโลกแห่งความจริงฉันมักจะหลบหลังคนอื่นอยู่ตลอด ขนาดเกมนี้ฉันยังไม่ได้ซื้อเองเลย”
อาสึนะหัวเราะและทำหน้ายิ้มให้แก่ตัวเอง
“เกมนี้เป็นเกมเกมที่พี่ชายฉันซื้อ ตอนนั้นเขายุ่งกับธุรกิจมาก ฉันก็เลยได้เล่นเกมนี้แทน ฉันว่าเขาคงโกรธฉันอยู่แน่ๆเลยที่ครอบครองเกมนี้อยู่”
“งั้นเธอก็ควรรีบกลับไปขอโทษพี่ชายของเธอได้แล้วว”
“อืมมม...ฉันจะพยายาม”
อาสึนะหายใจออกนิดหน่อย หลังจากเขยบร่างของเธอเข้ามาใกล้
“ถ้าเราห่างจากแนวหน้ามาหน่อย นายจะโอเคไหม?”
“ฮืมมม....?”
“รู้สึกกลัวน่ะ พอจะกลับไปในการต่อสู้ ก็รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดียังไงก็ไม่รู้ บางทีฉันอาจจะเหนื่อยไปหน่อยก็ได้
ผมลูบผมของเธอ และพยักหน้าตามคำของร้องของเธอ
“นั่นสินะ.... ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกัน”
วันที่ต่อต่อสู้ก็ยังคงมีมากมายเหลือเกิน วันที่มากมายเหล่านั้นเก็บสะสมความเหนื่อยล้าที่มองไม่เห็นเอาไว้ ดังนั้นผมจึงต้องการที่จะพักบ้าง
ผมรู้สึกว่าแรงกระตุ้นที่ทำให้ผมต้องสู้อย่างไม่หยุดหย่อนได้ลอยไกลออกไป ตอนนี้ผมแค่อยากจะอยู่กับเธอเพียงสองต่อสอง ผมได้โอบกอดเธออย่างแน่น แล้วเอาหน้าไปใกล้ๆเธอ
“ที่ชั้น 22 ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีหมู่บ้านเล็กๆที่ล้อมรอบด้วยทะเลสาบกับป่าอยู่ ไม่มีมอนเตอร์ พวกเราซื้อบ้านเล็กๆไปอยู่ที่นั่นด้วยกันนะ จากนั้น...”
อาสึนะมองมาที่ผมตอนที่ผมหยุดพูดพอดี
“จากนั้น.....?”
ผมพยายามควบคุมลิ้นอันแข็งทื่อ และพยายามพูดต่อ
“....ต..แต่งงานกันนะ”
รอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบของอาสึนะ ทำให้ผมไม่มีทางลืมรอยยิ้มนี้ไปได้เลย
“อื้มมมม...”
เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่น้ำตาไหลลงผ่านแก้มแดงๆของเธอ
แปลเองเลยนะคับบ เพิ่งแปลครั้งเเรก อาจจะดูมึนๆไปนิด 5555 สุดท้ายขอบคุณ บากะสึกิ และ แฟนซับที่ทำให้ผมเข้าใจเนื้อหามากขึ้นคับ!