ไม่เกี่ยวข้องว่า จะเป็นหญิง ชาย หรือแม้กระทั้งไม่ใช่มนุษย์
ขอเพียงมีความซื่อสัตย์ ตราบจนวันสิ้นลมหายใจ
ผู้คนจะเชิดชูสรรเสริญ
แม้ว่าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม
ไม่นานมานี้รีได้มีโอกาสดูหนังเรื่องหนึ่ง
เป็นหนังอีกเรื่อง ที่เรียกน้ำตา
จากครอบครัวของรีได้ และเป็นหนังอีกเรื่องที่สอนให้เรารู้
"ว่าคุณค่าของชีวิต ไม่ใช่ว่าเกิดมาเป็นอะไร แต่เกิดมาทำอะไร"
หนังเรื่องนี้คือ...

Hachiko....มีที่ยังไม่เคยรู้จักกับชื่อนี้บ้าง....
เพราะความจงรักภักดีของ Hachiko ที่มีให้กับเจ้าของ
จนถึงกับต้องสร้างเป็นภาพยนตร์ และ การ์ตูนอีกมากมายหลายเรื่อง
ถ้ายังไม่รู้จัก...นี่คือเรื่องจริงของ Hachiko
ถ้าคุณเดินผ่านแถวชิบูยะ
ไม่เคยเห็นรูปหล่อสุนัขอันโด่งดัง ชื่อ ฮาจิโกะหรือฮาจิ ก็คงจะไม่ได้
เพราะมันกลายเป็นสัญลักษณ์ที่นี่หรือจุดนัดพบที่สำคัญซะแล้ว
ยิ่งได้อ่านประวัติความเป็นมาแล้ว จะซาบซึ้งมาก
"สิ่งที่ยังคงอยู่เหลืออยู่ในปัจจุบันนี้คือ
ความกตัญญูต่อเจ้าของ
ซึ่งเป็นตัวแทนให้ระลึกถึงความซื่อสัตย์
โดยการเฝ้าการกลับมาของเจ้านายอยู่เสมอ”
น่าจะเป็นคำพูดที่กล่าวถึงเจ้าฮาจิโกะได้ดี
ฮาจิโกะเป็นสุนัขสายพันธ์อา กิตะ ซึ่งลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อ 10 พฤศจิกายน 1923 ในจังหวัดอากิตะ
โดยเมื่ออายุได้เพียง 2
เดือนเจ้าฮาจิโกะถูกส่งตัวไปอยู่กรุงโตเกียวกับเจ้านายของมันคือ เอชะบุโระ
อุเอะโนะ (Hidesamuroh Ueno) ศาสตราจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์
แห่งมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล
(มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน) ซึ่งศาสตราจารย์รู้สึกภาคภูมิใจกับเจ้าฮาจิโกะเป็นอย่างมาก
เนื่องจากมันเป็นสุนัขอากิตะสายพันธุ์แท้ซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น
ในวันที่นายต้องไปสอนหนังสือ ฮาจิโกะจะคอยส่งเจ้านายถึงประตูหน้าบ้าน
โดยอุเอะโนะต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีชิบุยะ จากนั้นเมื่อถึงเวลา 15.00 น.
ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานแล้ว
เจ้าฮาจิโกะจะมากระดิกหางรอพบเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟอยู่เสมอ
แต่แล้ววันหนึ่งในวันที่ 21 เดือนพฤษภาคม 1925 ศาสตราจารย์ อุเอะโนะ
เกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตก และเสียชีวิตขณะอยู่ที่มหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม ในวันนั้น ฮาจิโกะยังคงมารอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟ
โดยไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันจะไม่ได้พบกับเจ้านายของมันอีกแล้ว
เนื่องจากเขาได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากที่ศาสตราจารย์อุเอะ โนะเสียชีวิต
ภรรยาของเขาได้ย้ายบ้านไปและนำเจ้าฮาจิโกะไปให้กับญาติของศาสตราจารย์ที่
อยู่ห่างออกไปจากสถานีรถไฟหลายกิโลเมตร
แต่ว่าเจ้าสุนัขพันธุ์อากิตะผู้ซื่อสัตย์กลับไม่ยอมอยู่กับเจ้านายใหม่ของ
มัน เพราะทันทีที่มันหนีหลุดออกมาได้
มันวิ่งตรงไปที่บ้านเก่าของมันแต่เมื่อไม่เจอใคร
มันจึงกลับไปรอที่สถานีรถไฟเหมือนเมื่อครั้งที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่
โดย คิคุซะบุโระ โคบายาชิ
อดีตคนสวนของศาสตราจารย์ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเป็นคนคอยดูแลเจ้าฮา
จิโกะแทน
ทุกวันเมื่อถึงเวลา 15.00 น.
เจ้าฮาจิโกะจะวิ่งไปรอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟไม่เคยขาด
ทุกครั้งที่รถไฟเข้า มันก็จะชูคอชะเง้อมองหานายของมัน ทำแบบนั้นตรงเวลา
เหมือนเดิมเช่นทุกๆ วัน
ปฏิบัติแบบนั้นตลอดระยะเวลา 10 ปี
บางคนก็ให้อาหารบ้าง และสงสัยว่า อาจจะเป็นเพราะหิวอาหารจึงมาทุกวัน
แต่เมื่อดูพฤติกรรมอย่างถ่องแท้แล้ว มันจะมาเฉพาะช่วงตอนเย็นเท่านั้น
โดยเฉพาะการชะเง้อมองรถไฟขบวน เวลา 15.00 น.เมื่อเข้าจอด
ซึ่งไม่ใช่มาเพื่อหาอาหารกิน
ทำให้เรื่องราวความซื่อสัตย์ของมัน เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวของมันถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของ
ญี่ปุ่นในปี 1932 ทำให้ผู้คนทั่วสารทิศเดินทางมาดู มาเล่นกับเจ้าฮาจิโกะ
นอกจากนั้น
ชาวญี่ปุ่นยังได้ยกให้เจ้าฮาจิโกะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กๆอีกด้วย
ชื่อเสียงความภักดีของฮาจิได้รู้ไปถึงพระราชินีญี่ปุ่น พระองค์จึงได้ทรงให้ช่างหล่อรูปทองแดง ฮาจิโกะ สร้าง
ขึ้นในเดือนเมษายน 1934 โดย อันโดะ เทะรุ ศิลปินชื่อดัง เพื่อยกย่อง
และนำไปตั้งไว้ที่สถานีรถไฟชิบูยะ อย่างไรก็ตาม วันที่ 8 มีนาคม 1935
ฮาจิโกะก็ได้กลับไปพบกับเจ้านายของมันอีกครั้ง
โดยมีคนพบว่าฮาจิโกะนอนตายยังจุดที่มันคอยมารอเจ้านายของมัน
ที่ทำมาทุกวันมานานกว่า 10 ปี
ซึ่งข่าวการตายของฮาจิโกะนั้นถือว่าเป็นข่าวใหญ่มาก จนถูกตีพิมพ์ลงบนหน้า 1
ของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น
สำหรับร่างของฮาจิโกะนั้นถูกนำไปเก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ แห่งชาติ ในกรุงโตเกียว
จนป่านนี้ เวลานึกถึง ก็ยังน้ำตาซึมอยู่เลย
ปล. ใครยังไม่ได้ดู รี หาตัวหนังมาแปะไว้ที่นี่ จิ้มๆ
แต่ออกจะใหญ่ไม่น้อย(HD1080)ถ้าไหวก็ดูกันเน้อ