@49111

มาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยกันเถอะ~!!!!

mikiri View 320

เดี๋ยวนี้การเที่ยวชม อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ได้มีการพัฒนาให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยใช้ระบบแบบออร์ดิโอ ทัวร์ (Audio Tour) หรือ โสตทัศนาจร คือ การเช่าเครื่องฟังแนะนำสถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในบริเวณอุทยานฯ โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับแจกแผ่นพับแสดงแผนผังของโบราณสถาน ที่มีหมายเลขระบุไว้ ตั้งแต่เลข 1 – 20  พร้อมเส้นทางเดินชม เพื่อให้สามารถเดินท่องเที่ยวด้วยตนเองตามความสนใจ พร้อมกดปุ่มบนเครื่องเพื่อรับฟังข้อมูลตามจุดต่าง ๆ แต่ละจุดจะมีป้ายแสดงไว้อย่างชัดเจน โดยแปลออกเป็น 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น 


          ด้วยการเล็งเห็นว่าการมาเดินเที่ยวชม ถ่ายรูป อ่านป้ายที่อยู่ด้านหน้าตามโบราณสถานต่าง ๆ อาจจะทำให้เข้าใจในประวัติศาสตร์สุโขทัยได้ไม่มากนัก "โสตทัศนาจร" ใช้ง่าย ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินในการเที่ยวชมอุทยานฯ ทางทีมงานคู่หูเดินทางได้ลองใช้แล้วรู้สึกประทับใจมาก เพราะทำให้เราเข้าใจในความเป็นมาของสถานที่สำคัญต่าง ๆ แล้วยังช่วยเพิ่มอรรถรสในการเที่ยวชมได้เป็นอย่างดี แถมบางจุดยังได้สอดแทรกเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีเข้าไปอีกด้วย

 อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง ห่างจากตัวจังหวัดสุโขทัยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร โดยใช้ถนนจรดวิถีถ่อง ทางหลวงหมายเลข 12 สายสุโขทัย – ตาก

          อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของไทย สมัยเริ่มสร้างอาณาจักรที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก เมื่อเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2534 ให้เป็น "มรดกโลก" เนื่องจากในอดีตเมืองสุโขทัยเคยเป็นราชธานีของไทย ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เป็นศูนย์กลางการปกครอง ศาสนา และเศรษฐกิจ ภายในอุทยานฯ มีสถานที่สำคัญที่เป็นพระราชวัง ศาสนสถาน โบราณสถาน โดยมีคูเมือง กำแพงเมือง และประตูเมืองโบราณล้อมรอบอยู่ในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญ ๆ ดังนี้…

โบราณสถานภายในกำแพงเมือง

พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

          สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2518 ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ลักษณะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาด 2 เท่าขององค์จริง สูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนพระแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน พระแท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้าง ๆ ลักษณะพระพักตร์เหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น ถ่ายทอดความรู้สึกว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีน้ำพระทัยเมตตากรุณา ยุติธรรม มีความเด็ดขาดในการปกครองแบบพ่อปกครองลูก 

          ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์ เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย ด้านขวามือของพระองค์บริเวณทางเดินก่อนเข้ามาสักการะจะพบกับ "กระดิ่งพ่อขุน" กระดิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2529 โดยเป็นการจำลองแบบตามกระดิ่ง ที่ขุดได้จากฐานพระเจดีย์กลางเมืองสุโขทัย เพื่อน้อมถวายเป็นราชสักการะ และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่ได้ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความรัก อันศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรม ต่อไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน กระดิ่งพ่อขุนจึงเป็นกระดิ่งแห่งความสุข หากใครได้มาสั่นกระดิ่งที่นี่ก็จะได้พบกับความสุขเช่นกัน 

กำแพงเมืองสุโขทัย

          ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า ปรากฏหลักฐานในศิลาจารึก เรียกว่า "ตรีบูร" มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้าง 1,300 เมตร และยาว 1,800 เมตร กำแพงชั้นในเป็นศิลาแลงก่อบนคันดิน กำแพง 2 ชั้นนอกเป็นคูน้ำสลับกับคันดิน นอกจากมีหน้าที่ในการป้องกันข้าศึกแล้ว คูน้ำยังช่วยระบายน้ำไม่ให้ไหลท่วมเมืองอีกด้วย ระหว่างกึ่งกลางแต่ละด้านจะมีประตูเมือง และป้อมหน้าประตูด้วย
วัดมหาธาตุ

          เป็นวัดใหญ่และวัดสำคัญของกรุงสุโขทัย ตั้งอยู่กลางเมือง สร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ มีพระเจดีย์แบบต่าง ๆ มากถึง 200 องค์ มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ศิลปะแบบสุโขทัยแท้ เป็นเจดีย์ประธาน รายรอบด้วยเจดีย์  8 องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์ทรงปราสาทแบบศรีวิชัยผสมลังกา ก่อด้วยอิฐได้รับอิทธิพลมาจากล้านนา ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริด ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพมหานคร 

          ที่ด้านเหนือและด้านใต้เจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้ม เรียกว่า "พระอัฎฐารศ" ซึ่งพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัยนั้น จะมีลักษณะพระวรกายโปร่ง เส้นรอบนอกโค้งงาม ได้จังหวะ พระพักตร์รูปไข่ยาวสมส่วน ยิ้มพองาม พระขนงโก่ง รับกับ พระนาสิกที่งุ้มเล็กน้อย พระโอษฐ์แย้มอิ่ม ดูสำรวม มีเมตตา พระเกตุมาลา รูปเปลวเพลิง พระสังฆาฏิยาวจรดพระนาภี พระศกแบบก้นหอย ไม่มีไรพระศก ซึ่งพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยนั้นจะมีความงดงามมาก

วัดชนะสงคราม

          ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของวัดมหาธาตุ ใกล้กับหลักเมือง เดิมเรียกว่า วัดราชบูรณะ มีลักษณะเด่น คือ เจดีย์ทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ เป็นประธาน ด้านหน้ามีวิหาร และเจดีย์รายต่างๆ รวมทั้งยังมีเจดีย์อีกรูปแบบหนึ่ง เรียกว่า "เจดีย์ทรงวิมาน"ลักษณะมีหลังคาซ้อนกันลดหลั่นกันขึ้นไปเป็นชั้น ๆ พบอยู่ 2 องค์ ขนาบอยู่ด้านข้างเจดีย์พระประธาน

เนินปราสาทพระร่วง

          หรือเขตพระราชวังในสมัยสุโขทัย ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของวัดมหาธาตุ เป็นซากอาคารก่อด้วยอิฐ ขุดแต่งบูรณะแล้ว มีฐานบัวโดยรอบทำด้วยรูปปั้น สันนิษฐานว่าเนินแห่งนี้คือ ที่ตั้งของพระที่นั่งหรือปราสาทที่ประทับ ของกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง ที่ครองกรุงสุโขทัยในกาลก่อน แต่องค์ปราสาทหาชิ้นดีไม่ได้แล้ว เพราะคงจะสร้างด้วยเครื่องไม้ เดี๋ยวนี้มีแต่ซากกระเบื้องมุงหลังคากระจัดกระจายทั่วไป ณ เนินปราสาทแห่งนี้เอง ที่ได้ค้นพบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงและพระแท่นมนังคศิลา 

วัดตระพังเงิน

          คำว่า "ตระพัง" หมายถึง สระน้ำ หรือหนองน้ำ เป็นโบราณสถานสำคัญ ตั้งอยู่บริเวณขอบตระพังเงินด้านทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ ห่างจากวัดมหาธาตุ 300 เมตร โบราณสถานแห่งนี้ไม่มีกำแพงแก้ว  มีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือดอกบัวตูมเป็นประธาน บริเวณเรือนธาตุจะมีชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นประทับยืนทั้ง 4 ทิศ ด้านหน้าเป็นวิหาร 7 ห้อง ฐานและเสาก่อด้วยศิลาแลง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย บริเวณตรงกลางตระพังเป็นเกาะขนาดเล็ก เป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ 

วัดสระศรี

          เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ชื่อว่า "ตระพังตระกวน" ตัววัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงลังกา ด้านหน้าวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย มีเจดีย์ขนาดเล็ก ศิลปะศรีวิชัยผสมลังกา ตั้งอยู่ทางทิศใต้ มีซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ ด้านหน้ามีเกาะกลางน้ำขนาดย่อม เป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก ซึ่งเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงาน และในทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ของทุกปี หรือวันลอยกระทง สถานที่แห่งนี้จะเป็นจุดจัดงานเผาเทียนเล่นไฟ ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้ความสนใจอย่างมากมาย

วัดศรีสวาย

ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุ อยู่ใกล้กับกำแพงเมืองทางด้านทิศใต้ ห่างออกไปประมาณ 350 เมตร โบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ในกำแพงแก้วซึ่งก่อด้วยศิลาแลง ประกอบด้วยพระปรางค์ 3 องค์ มีรูปแบบศิลปะลพบุรี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม ลักษณะของพระปรางค์ค่อนข้างเพรียวตั้งอยู่บนฐานเตี้ย มีลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ ส่วนด้านหน้าขององค์ปรางค์ มีวิหาร 2 หลังที่สร้างเชื่อมต่อกัน 

โบราณสถานนอกกำแพงเมือง

วัดศรีชุม

          ตั้งอยู่ห่างจากวัดพระพายหลวงไปทางทิศตะวันตก 800 เมตร เป็นวัดที่ประดิษฐานพระอัจนะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร ลักษณะของวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานพระอัจนะนั้น สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมลักษณะคล้ายมณฑป แต่หลังคาพังทลายลงมาหมดแล้ว เหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน ผนังแต่ละด้านก่ออิฐถือปูนอย่างแน่นหนา ผนังทางด้านใต้มีช่องให้คนเข้าไปภายใน และเดินขึ้นไปตามทางบันไดแคบ ๆ ถึงผนังด้านข้างขององค์พระอัจนะ หรือสามารถขึ้นไปถึงสันผนังด้านบนได้ 

          ภายในช่องกำแพงตามฝาผนังมีภาพเขียนเก่าแก่แต่เลอะเลือนเกือบหมด ภาพเขียนนี้มีอายุเกือบ 700 ปี นอกจากนี้ แล้วบนเพดานช่องบันไดยังมีแผ่นหินชนวนขนาดใหญ่ แกะสลักลวดลายเรื่งชาดกต่าง ๆ ไว้มีจำนวนทั้งหมด 50 ภาพ เมื่อเดินตามช่องทางบันไดขึ้นไปจะโผล่บนหลังคาวิหาร มองเห็นทิวทัศน์อันงดงาม ของเมืองเก่าสุโขทัยได้โดยรอบ

วัดสะพานหิน

          โบราณสถานด้านทิศตะวันตกของกำแพงเมืองที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินลูกเตี้ย สูงประมาณ 200 เมตร มีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงดอกบัวตูมขนาดเล็ก ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขาด้วย ชื่อวัดเรียกตามลักษณะทางเดินที่ปูลาดด้วยหินชนวนแผ่นบาง ๆ ระยะทาง 300 เมตร จนถึงบริเวณลานวัด มีวิหารก่อด้วยอิฐ มีเสาก่อด้วยศิลาแลง 4 แถว 5 ห้อง ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระปางประทานอภัยสูง 12.50 เมตร เรียกว่า "พระอัฏฐารศ" บริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม เปิดเวลา 08.30 – 16.30 น.

เขื่อนสรีดภงค์ หรือทำนบพระร่วง

          ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเมืองเก่า ทำนบนี้เป็นเขื่อนดิน (คันดิน) สำหรับกั้นน้ำอยู่ระหว่างซอกเขาเขาพระบาทใหญ่และเขากิ่วอ้ายมา เพื่อกักน้ำและชักน้ำไปตามคลองส่งน้ำ มาเข้ากำแพงเมืองเข้าสระตระพังเงิน ตระพังทอง เพื่อนำไปใช้ในเมืองและพระราชวังในสมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันกรมชลประทานได้ปรับปรุงบูรณะและซ่อมแซมขึ้นใหม่ ถือว่าเป็นเขื่อนดินที่แรกของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ บริเวณพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 70 ตารางกิโลเมตร และมีโบราณสถานสำคัญที่น่าชมอีกมากมาย อาทิ วัดเจดีย์สูง วัดเกาะไม้แดง วัดพระบาทน้อย วัดเจดีย์งาม วัดช้างรอบ และวัดอรัญญิก เป็นต้น

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
 ศาลพระแม่ย่า

          ตั้งอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ถนนนิกรเกษม ริมแม่น้ำยม เป็นที่เคารพสักการะของชาวสุโขทัย ศาลนี้เป็นที่ประดิษฐานดวงพระวิญญาณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และเทวรูปพระแม่ย่า ทำด้วยศิลาสลักแบบเทวรูป พระพักตร์ยาว พระหนุเสี้ยม พระเกตุมาลายาวประดับเครื่องทรงแบบนางพญา มีความสูง 1 เมตร 

          ศาลพระแม่ยาสันนิฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่ออุทิศให้กับพระมารดา คือ นางเสือง เหตุที่เรียกว่า"พระแม่ย่า" นี้เพราะว่าพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงเรียกมารดาว่า "พระแม่" และชาวเมืองสุโขทัยเคารพพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเสมอด้วยบิดา จึงเรียกพระมารดาของพระองค์ว่า "พระแม่ย่า" แต่เดิมศาลพระแม่ย่าประดิษฐานอยู่บนเขาพระแม่ย่า มีเพิงหินเป็นผาป้องกันแดดและฝน ต่อมาชาวจังหวัดสุโขทัยได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองใหม่ โดยสร้างศาลขึ้นที่หน้าศาลากลางจังหวัดดังเช่นปัจจุบัน และประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองที่ศาลพระแม่ย่า เรียกว่า"งานพระแม่ย่า"
 พิพิธภัณฑ์สังคโลก

          ตั้งอยู่บริเวณริมถนนเลี่ยงเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย บริเวณเดียวกับโรงแรมอันดามัน สุโขทัย พิพิธภัณฑ์สังคโลกเกิดขึ้นจากความคิดและความตั้งใจขอ งคุณดำรงค์ และ คุณกุศล สุวัฒนเมฆินทร์ ซึ่งเป็นชาวสุโขทัยโดยกำเนิด มุ่งหวังจะนำความภาคภูมิใจ ในประวัติศาสตร์ของเมืองสุโขทัยราชธานีแห่งแรกของไทย และผลงานศิลปะชั้นเอกสมัยสุโขทัย มานำเสนอให้คนไทยและชาวต่างชาติ ได้ร่วมกันประจักษ์ในความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของเมืองสุโขทัย ท่านได้นำของสะสมที่เก็บรวบรวมมาเป็นเวลากว่า 50 ปี อันได้ แก่พระพุทธรูป เครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญยิ่งคือ  เครื่องสังคโลกสมัยสุโขทัย มาจัดแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัย และได้มาตรฐานเช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริง ของคนสุโขทัยในสมัยโบราณ 

          เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 250 บาท, เยาวชน (อายุไม่เกิน 17 ปี) 50 บาท และ นักเรียนในเครื่องแบบ 20 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-5561-4333 

วัดตระพังทอง

          อยู่ก่อนถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางสระน้ำที่เรียกว่า "ตระพังทอง" มีเจดีย์ประธานทรงระฆัง ใช้ศิลาแลงก่อเป็นฐาน ส่วนด้านบนใช้อิฐเป็นวัสดุก่อสร้างโดยรอบเจดีย์ประธาน มีเจดีย์รายล้อมจำนวน 8 องค์ สิ่งสำคัญของวัดนี้ยังมี โบสถ์ รอยพระพุทธบาทสมัยสุโขทัย และหลวงพ่อขาวอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกราบไหว้ขอพรพระเสร็จแล้ว ก็เดินมาบริเวณด้านข้างมีสถานที่ให้อาหารปลา ซึ่งปลาแต่ละตัวมีขนาดใหญ่มาก อาทิ ปลาดุก และปลาตะเพียน เป็นต้น

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง

          เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงศิลปโบราณ ที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีภายในเมืองสุโขทัย และที่ประชาชนมอบให้ บริเวณพิพิธภัณฑ์จะแบ่งส่วนการแสดงโบราณวัตถุไว้เป็น 3 ส่วนคือ

          1. อาคารลายสือไท 700 ปี เป็นอาคารใหม่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าอาคารใหญ่ เป็นที่จัดแสดงศิลปวัตถุสมัยสุโขทัย เช่น พระพุทธรูป เครื่องใช้ ถ้วยชาม สังคโลก ศิลาจารึก ฯลฯ

          2. อาคารพิพิธภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 ชั้น แสดงศิลปวัตถุในยุดสมัยต่างๆ มากมาย อาทิ พระพุทธรูปสำริด โอ่ง สังคโลก เครื่องศาสตราวุธ เครื่องถ้วยชามสังคโลก เงินตรา ท่อน้ำระบบชลประทานสุโขทัย ฯลฯ

          3. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง จะอยู่ด้านนอกโดยรอบอาคารใหญ่ เป็นที่ตั้งแสดงศิลปะวัตถุโบราณต่าง ๆ อาทิ พระพุทธรูปศิลา แผ่นจำหลัก รูปทรงอาคารไทยแบบต่างๆ เตาทุเรียงจำลอง เสมาธรรมจักศิลา เป็นต้น

          เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ยกเว้น วันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. ค่าธรรมเนียมเข้าชม ชาวไทยคนละ 30 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 150 บาท กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะ ควรติดต่อล่วงหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง ถนนจรดวิถีถ่อง ตำบลเมือง จังหวัดสุโขทัย 64210 โทร. 0-5561-2167 หรือ www.nationalmuseums.finearts.go.th