ห้องเรียนของอ.สิ้นหวัง จนได้พบกับสมุดเช็คชื่อเก่าๆ พร้อมกับกระบอกสำหรับใส่ใบจบการศึกษา
298 - พีธีจบการศึกษาของเหล่าลูกศิษย์ของอ.สิ้นหวัง และ อ.จิเอะ ได้เข้ามาเฉลยว่า ห้องที่อ.สิ้นหวัง
ทำการสอนนักเรียนนั้นที่จริงแล้ว มีแต่อ.สิ้นหวัง กับเครื่องเซ่นบนโต๊ะของนักเรียนทุกคนเท่านั้นในห้องนี้
นั่นหมายความว่าเกือบ300 ตอนแล้ว ที่อ.สิ้นหวัง ทำการเรียนการสอนให้แก่เหล่าวิญญาณนักเรียนทั้งห้อง!และหลังจากนั้น อ.สิ้นหวังก็ย้ายไปอยู่บนเกาะเล็กๆที่ห่างไกล กับลูกศิษย์ตัวน้อยสามคน
299 - มะจิรุ หลานของ อ.สิ้นหวัง ทราบความจริงเรื่องห้องเรียนของ อ.สิ้นหวัง จาก อ.จิเอะ จึงได้เดินทาง
ไปหาอ.สิ้นหวังที่เกาะเล็กๆแห่งนั้น และได้พบกับเหล่าลูกศิษย์ของอ.สิ้นหวังในชุดสีขาว เพราะว่า จริงๆแล้ว
พวกเธอทั้งหลายนั้นได้กระทำการฆ่าตัวตาย โดยมีสาเหตุในการฆ่าตัวตายที่แตกต่างกันไป
แต่มีจิตวิญญาณดวงหนึ่ง ได้ทำการช่วยพวกเธอและทำให้พวกเธอกลายสภาพเป็นดั่งเจ้าหญิงนิทราจนกระทั่งอ.สิ้นหวังได้ทำการเรียนการสอน และจัดพิธีจบการศึกษาพวกเธอจึงฟื้นขึ้นมา และฉากสุดท้ายของตอน พวกเธอเรียกอ.สิ้นหวังว่า "อาจารย์" เป็นครั้งแรก แต่ว่า. . .ไม่มีฟุอุระ คะฟุกะ อยู่ในกลุ่มนั้น
300 - ความจริงที่ช็อคที่สุดก่อนที่มังงะเรื่องนี้จะจบ ได้เปิดเผยขึ้นมา เมื่ออ.จิเอะ และ คุณหมอเซ็ตสึเมย์
ซึ่งเป็นพี่ชายของ อ.สิ้นหวัง ได้ยืนยันตรงกันว่า ในกลุ่มลูกศิษย์ของอ.สิ้นหวัง มีคนที่ตายไปแล้วจริงๆอยู่เพียง
คนเดียว และคนๆนั้นก็คือฟุอุระ คะฟุกะ
โดยอ.จิเอะได้แสดงหลักฐาน นั่นก็คือ บัตรบริจาคอวัยวะซึ่งเป็นของเธอ และใช้ชื่อจริงว่าอาคางิ อันพร้อมลงวันที่/เดือน แต่ไม่ระบุปีไว้ด้วย นั่นก็คือวันที่ 27 เดือนเมษายน (สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นปี 2005 ซึ่งเป็นวันที่ตอนแรกของเรื่องนี้ได้ตีพิมพ์ลงในนิตยสารโชเน็นแม็คกาซีน)
และอ.จิเอะได้กล่าวต่อไปอีกว่า เธอ(อาคางิ อัน) ได้บริจาคอวัยวะของเธอ 17 ชิ้นส่วน หลังจากที่เธอตายไป ให้แก่เหล่าเพื่อนนักเรียนทั้ง 17 คนเช่น อะบิรุได้กระจกตาของเธอ จิริได้หัวใจของเธอ โคโมริได้ปอดของเธอ เป็นต้นพวกเธอทั้งหมด รวมทั้งอ.สิ้นหวังและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงสามารถที่จะมองเห็นเธอ พูดคุยกับเธอ ครอบครองภาพวาดของเธอและผลงานการเขียนของเธอ
เพราะจิตวิญญาณของเธอจะยังคงอยู่ร่วมกับคนที่ได้รับอวัยวะที่บริจาคจากเธอ และทำให้ผู้อื่นสามารถมองเห็นคนใดคนหนึ่งใน 17 คนนั้น เป็นเธอได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
และประโยคสุดท้าย ในตอนก่อนอวสานก็คือ" ลาก่อน. . .ฟุอุระ คะฟุกะ "
สมดุลของโลก,การบริจาคอวัยวะ และ การทำความดีครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่
โดยผูกปมไปกับเรื่องราวอันเป็นปริศนา ของสาวน้อยผู้หนึ่ง นามว่า ฟุอุระ คะฟุกะ(หรือชื่อจริงคือ อาคางิ อัน)
อาคางิ อัน หญิงสาวคนหนึ่งที่มองโลกในแง่บวก,มีความสุขกับชีวิต และไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย
แต่เธอ กลับต้องจบชีวิตลง เพราะเธอถูกรถชน
คำใบ้ของเรื่องนี้อยู่ในมังงะตอนที่72 เล่ม8 โคบุชิ อะบิรุผู้ซึ่งได้รับบริจาคกระจกตาจากเธอ ได้กล่าวไว้ว่า "กระจกตาที่ชั้นได้รับบริจาคมา ยังเกิดภาพติดตาอยู่นั่นก็คือภาพของเลขทะเบียนรถยนต์ ที่ทับร่างของผู้บริจาค(อาคางิ อัน)จนถึงแก่ความตาย"
ส่วนหญิงสาวทั้ง 17 คน คือเหล่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ต้องการที่จะตายพวกเธอทั้งหลายนั้นได้กระทำการฆ่าตัวตายโดยมีสาเหตุในการฆ่าตัวตายที่แตกต่างกันไป (เช่น อะบิรุ = กระโดดตึก,โคโมริ = กินยาตาย เป็นต้น)
การปรับสมดุลของเรื่องนี้คือ 1. เธอได้บริจาคอวัยวะทั้ง 17 ชิ้นส่วน ให้แก่เหล่านักเรียนทั้ง 17 คน
2. จิตวิญญาณของเธอ ได้นำพาวิญญาณของเหล่าหญิงสาวทั้ง 17 ไปยังทางที่ถูกที่ควร
พร้อมกับได้รับการสั่งสอนเรื่องการมีชีวิตอยู่ จากอ.สิ้นหวัง จนทำให้พวกเธอเหล่านั้นฟื้นขึ้นมา
เธอจึงได้รับการสรรเสริญจาก อ.จิเอะ ว่าเธอเป็นดั่งนางฟ้า และเป็นเสมือนพระแม่ ที่ช่วยกอบ:X้ชีวิตให้กับ
หญิงสาวทั้ง 17 คน ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง
นี่เป็นฉากจบ(ยังไม่รวมถึงตอนสุดท้าย) ที่ให้อารมณ์คล้ายกับเรื่อง มาโดกะ,เพนกวินดรัม,Anothers
,ฟูลอัลฯ แต่มีตรรกะแห่งความเป็นจริงมากที่สุด เพราะเกี่ยวเนื่องกับการบริจาคอวัยวะ ที่มีผลต่อคนที่
ยังมีชีวิตอยู่มากที่สุด
ซึ่ง อ.คุเมตะ น่าจะบอกคอนเซปต์ของเรื่องนี้แก่สตูดิโอ Shaft แล้ว จึงทำให้คำใบ้ของเนื่อเรื่องช่วงสุดท้าย
นี้ มีอยู่ด้วยกันหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วงท้ายของ OP1 ของซีซั่นแรก
- ตอนแนะนำตัวเมรุจัง คนที่ถือไม้กางเขนไปตีหัวของเมรุ คืออะบิรุจัง
- ตอนที่คุณหมอเซ็ตสึเมย์พบคะฟุกะครั้งแรก จริงๆแล้ว คุณหมอเห็นมาโตอิต่างหาก
- ตอนดีท๊อกซ์ในบ่อน้ำร้อน
- OP1 ของซีซั่นที่สอง จะเห็นภาพชิ้นส่วนทั้ง 17
- มังงะตอนที่ 72
- OP ของภาคGoku ตอนที่3 แนะนำตัวสาวสิบสองคน จากนั้น ทั้งสิบสองคนก็กลายเป็นคะฟุกะ
- OP ของภาคสาม คะฟุกะจะลอยอยู่บนอวกาศ ด้านหลังมีแสงจากดวงอาทิตย์:Xส่อง
,เธอจะมีฉากที่อยู่คนเดียวสองฉาก และฉากที่รวมกลุ่มลูกศิษย์ ไม่มีเธออยู่ในฉากด้วย
- มังงะตอนที่290
ซึ่งแม้ผมจะติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด ผมก็ไม่เคยคาดคิดว่า
จะมีบทสรุปแบบนี้โผล่ออกมาด้วย
เหมือนๆกับผู้ที่อ่านเรื่องนี้หลายๆคน
ก็ไม่เคยคาดคิดเหมือนกัน ว่าคำใบ้ทั้งหมด จะนำพาไปสู่ฉากจบแบบนี้
และไม่ว่าตอนสุดท้ายของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร
แต่ผมก็คงต้องนับถืออ.คุเมตะมากๆ ที่สามารถโยงเรื่องราว
ทั้งหมดไปสู่ฉากจบแบบนี้ได้
และประโยคสุดท้ายที่ผมจะเขียน มอบให้แก่คะฟุกะซัง
"คะฟุกะซัง ขอโทษทีที่มองว่าเธอมืดมนที่สุดมาตั้งนาน จริงๆแล้ว
เธอเป็นดั่งนางฟ้าผู้โอบอ้อมอารีที่สุดเลย"
ปล.1
ตอนนี้
เริ่มมีScanตอนสุดท้าย(ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นแฟนอาร์ตรึเปล่า) ออกมาแล้วครับ
ปล.2
ขอร้องล่ะ
Shaft เมื่อไหร่ถึงจะมีอนิเมะซีซั่นสุดท้ายของเรื่องนี้ซักที่ล่ะ
จะเป็นแบบทีวี
หนึ่งซีซั่น,สองซีซั่น หรือ OVA ก็ได้นะ
เพิ่มเติมอีกนิด : เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ อ.คุเมตะสามารถที่จะเชื่อมโยงเรื่องราวทุกอย่างไปสู่ฉากจบอันแสนจะตกตะลึงนี้ได้เป็นเพราะอ.คุเมตะ สามรถที่จะเขียนเรื่องนี้ครบ 30 เล่มได้เป็นผลสำเร็จ
ซึ่งนั่นเป็นความฝันอันสูงสุดของอ.คุเมตะ
มาตั้งแต่สมัยเขียนเรื่องโอ้พระเจ้าจอร์จฯแล้ว(แต่ก็อย่างที่รู้ๆกัน
คือถูกตัดจบที่เล่ม 26 เลยได้ฉากจบดราม่าขั้นแรก ที่อาจเขียนขึ้นด้วยอารมณ์ประชด+สิ้นหวังและทำให้อ.คุเมตะ ย้ายค่ายมาเขียนมังงะเรื่องนี้กับโคดันฉะ)
ความฝันอันรองลงมาของ
อ.คุเมตะ คือการที่มังงะของเขาได้ถูกทำเป็นอนิเมะ
(เห็นได้จากความพยายามในการเขียนเรื่องโอ้พระเจ้าจอร์จฯ
ซึ่งความพยายามนั้น
เพิ่งจะประสบผลสำเร็จเมื่อปีที่แล้ว
โดยได้กลายเป็นOADสามตอน โดยShaft)
และสำหรับเรื่อง
อ.สิ้นหวัง ถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นที่ดีที่สุดของ อ.คุเมตะแล้วล่ะ
(ได้รางวัลมังงะยอดเยี่ยมของโคดันฉะในปี
2007,อนิเมะสามภาค สองภาคพิเศษ
และหนึ่งตอนแถมพิเศษ
รวมกันแล้วจะเท่ากับ 44 ตอน,สามรถจบสามสิบเล่มได้อย่างสมปราถนา)
อ.คุเมตะ
คงจะเขียนมังงะเรื่องนี้ โดยใส่คีร์เวิร์ด ไว้ทั้งในมังงะและอนิเมะ
จนอ.มั่นใจแล้วว่า
เรื่องนี้จะสามารถจบที่เล่มสามสิบได้แน่ จึงเริ่มประกาศจบมังงะ
และได้หยุดเป็นเดือน
(ช่วงเม.ษ.-
พ.ค.) เพื่อเขียนตอนจบที่ดีที่สุด จึงได้ผลผลิตออกมาเป็นอย่างที่เห็นนี้
ปล.นับจนถึงตอนนี้
อ.คุเมตะมีผลงานมังงะที่ได้เป็นอนิเมะถึง 3 เรื่อง ก็คือ
-โอ้พระเจ้าจอร์จฯ(OADสามตอน โดยShaft)
- อ.สิ้นหวัง(อนิเมะสามภาค
สองภาคพิเศษ และหนึ่งตอนแถมพิเศษ รวมกันแล้วจะเท่ากับ 44 ตอน)
- Joshiraku(อ.คุเมตะเป็นผู้แต่งเรื่อง) กรกฎาคมนี้ โดย J.C. starf