@58786

แอตแลนติส นครลี้ลับที่หายสาบสูญ

spyfresh View 984
แอตแลนติส ทวีปปริศนา มหานครที่สาบสูญ

พอดีมันคล้ายกับชื่อเกมเลยเอามาลง เผื่อใครสนใจก็อ่านได้ หรือใครรู้แล้วอ่านอีกรอบละกัน
น่าจะเป็นที่มาของเกม Atlantica

แอตแลนติส (Atlantis) คืออาณาจักรโบราณที่อยู่ในความทรงจำของคนทั้งโลก ซึ่งผู้ที่สร้างตำนานอาณาจักรลึกลับนี้ คือ เพลโต นักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิด ตะวันตก กล่าวกันว่าอาณาจักรแอตแลนติส เป็นทวีป ๆ หนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรงคุณธรรมและเทคโนโลย ีที่สูงส่ง กำแพงเมืองเป็นทองคำและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจและสนามแข่งม้า ทว่ามันถูกทำลายพังพินาศด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตรมันขึ้นมา

คำทำนายเกี่ยวกับอาณาจักรแอตแลนติส ที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยแรกของโลก

เอ็ดการ์ เคย์ซี ได้พยากรณ์ไว้ตอนหนึ่งว่า



...ทวีปแอตแลนติส เป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มีขนาดใหญ่กว่ายุโรปทั้งหมด รวมกับแผ่นดิน
รัสเซีย มีดินแดนต่อทอดไปทั่วโลก

ชนชาติทีอาศัยอยู่บนทวีปแอตแลนติส
เป็นชนชาติผิวแดงที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ
ผู้คนทั่วไปมีประสิทธิภาาพอย่างดียิ่ง
มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งปวง
รวมทั้งงานด้านประติมากรรม วิศวกรรม
และสถาปัตยกรรมด้วย
โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้น
เคย์ซีได้บันทึกไว้เป็นคำพยากรณ์ในบทที่ 2794-L-1
โดยสรุปว่า ชาวแอตแลนติสมีความรู้
ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเคมี ฟิสิกส์ 
และจิตวิทยามาก พวกเขารู้จักประดิษฐ์ไฟฟ้าใช้
รู้จักผลิตพลังปรมาณูจากยูเรเนียม
รู้จักผลิตแสงเลเซอร์ ตลอดจนผลิต
คลื่นวิทยุติดต่อกับดินแดนอื่นได้

สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
ชาวแอตแลนติสสามารถผลิตพลังงาน
มหาศาลจากพลึกมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง
ซึ่งสามารถรวมเอาพลังธรรมชาติ
ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกและจักรวาล
เข้าด้วยกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่า
ความสำเร็จในทางวิทยาศาสตร์
ของชาวแอตแลนติสนั้น อาศัยพลังงาน
แสงอาทิตย์เป็นสำคัญ

วัฒนธรรมสูงส่งของชาวแอตแลนติสพัฒนา
ตลอดมา โดยมีความเกี่ยวพันทางศาสนา
เริ่มตั้งแต่มีการทำพิธีบูชาพระอาทิตย์
และเทพเจ้า

วัฒนธรรมของอาณาจักรแอตแลนติส
หายสาปสูญไปในที่สุด เมื่อเกิดภัยพิบัติ
ครั้งใหญ่ ดินแดนของมหาอาณาจักรเกิด
สั่นสะเทือน และได้ถล่มทลายลงไป
ใต้ทะเล ภายในชั่วคืนกับชั่ววัน ดังน้นเมื่อ
ปี 9500 ก่อนคริสต์กาล ชาติแอตแลนติสก็
หายไปจากโฉมหน้าของโลก

เคย์ซีกล่าวว่า วัฏจักรแห่งประวัติศาสตร์
มักจะหมุนเวียนกลับมาอีกเสมอ
ดังนั้นวิญญาณของชาวแอตแลนติสย่อม
มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ได้อีก 
จากดินแดนหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง 
และจากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่ง
หรือจากเกาะหนึ่งไปยังเกาะอื่น ๆ

มหาอาณาจักรแอตแลนติสมีความเจริญ
ก้าวหน้าทางวิทยาการเท่ากับโลกเรา
สมัยปัจจุบัน หรือบางอย่างมีความก้าวหน้า
มากกว่า พวกเรารู้จักพัฒนา โดยนำเอา
พลังงานอันมหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์

ในปัจจุบันเคย์ซีเชื่อว่า โลกเราได้มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างปัจจุบันทันด่วน
ที่ร้ายแรงที่สุดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาจมีผล
ทำให้อาณานิคมหรือดินแดนบางส่วนของ
มหาอาณาจักรแอตแลนดิสโผล่ขึ้นมาให้ชาวโลก
ได้เห็นอีกก็เป็นได้ เช่น เมื่อปี 2483 เคย์ซี
ทำนายว่าพื้นที่บางส่วนทางด้านตะวันตก
ของแอตแลนติสจะโผล่ขึ้นมาใกล้ ๆ
บริเวณหมู่เกาะบาฮามา

ในช่วงระหว่าง พ.ศ.2511-2512 ปรากฏว่า
คำทำนายของเคย์ซีได้กลายเป็นความจริง
คือ ได้มีการค้นพบซากเมืองใต้บาดาลใกล้ ๆ
หมู่เกาะบาฮามา เรียงต่อกันอย่างประณีต
ราวกับมีการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรม
และสถาปัตยกรรมชั้นสูง หินบางก้อนมีขนาดใหญ่
พอ ๆ กับขนาดรถบรรทุกเลยดีเดียว 
ลำพังจะใช้กำลังคนช่วยกันแบกหาม
ขึ้นไปวางเรียงต่อกันก็คงจะไม่ทำได้
เรียบร้อยและปราณีตเช่นนั้น

เคย์ซียังทำนายต่อไปอีกว่า
ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้น จนทำให้
มหาอาณาจักรแอตแลนติส อันกว้างใหญ่
ไพศาลถล่มทลายพังพินาศจมหายไปใต้
ทะเลนั้น จะเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในโลก

เคย์ซีกล่าวว่า
ในช่วงแรกสุดของโลกเรา เมื่อประมาณ
10 ล้านห้าแสนปีมาแล้ว มีอารยธรรม
เกิดขึ้นแล้วเสื่อมสลายไปหลายครั้ง
ยุคเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมชาวแอตแลนติส
อยู่ระหว่างช่วงนับจาก 200000 ลงมา
จนถึงปี 10700 ก่อนคริสต์กาล คือนับตั้งแต่
ช่วงเวลาประมาณ 13000 ปี ถอยหลังเป็นต้นไป
คือสรุปแล้ว จะมีอายุนานประมาณ 80000-
900000 ปี

นี่ก็เป็นคำพยากรณ์บางส่วนของ 
เอ็ดการ์ เคย์ซี ที่ทำนายอดีตของโลกเรา
ย้อนหลังไปหลายแสนหลายล้านปี
ซึ่งความเป็นจริงในสิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้นั้น
ต้องรอคอยให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในโลก
ปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดในอนาคต
ถ้าใครได้อ่านแล้วช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยะคะ