@84154

ขั้นตอนการแต่งนิยาย

gap_sopa View 331

1. สร้างพล็อต
           เรื่องนี้ใครๆก็รู้ดีว่าการแต่งนิยายนั้นต้องมีพล็อตที่แน่นและสามารถดำเนิน เรื่องไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบ หลายๆคนเข้ามาถามว่า พล็อตต้องวางละเอียดแค่ไหน บอกได้เพียง วางตามความคิดของตัวเองเลยค่ะ บางคนอาจจะวางไว้กว้างมาก ตอนหนึ่งๆอาจจะมีพล็อตแค่ประโยคเดียว แม้ว่าตอนนั้นๆจะมีขนาดยาวกว่าสิบหน้าก็ตาม บางคนถนัดการวางพล็อตละเอียดยิบเพราะต้องการความเนียบ ก็แนะนำให้จดๆไว้ในสมุดหน่อยก็ดี ทั้งนี้การวางพล็อตเองก็มีทั้งวางพล็อตไปทีละตอนๆแต่มีกำหนดจุดหมายปลายทาง ไว้ หรืออาจจะวางโครมไปทีเดียวเลยก็ได้ แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน ทว่าจุดรวมของการวางพล็อตที่เหมือนกันนั้นก็คือ พล็อตจะต้องสามารถส่งต่อไปยังตอนต่อไปได้อย่างราบรื่นและสมเหตุสมผล และหากมีการวางปมปริศนาอะไร ถ้าเป็นคนความจำสั้นอย่างเช่นข้าน้อย - -" แนะนำให้จดปมไว้เป็นข้อๆในสมุดเล็กๆ 1 เล่ม เอาขึ้นมาอ่านทวนทุกครั้งที่จะเริ่มแต่งต่อ

2. กำหนดตัวละครและสถานที่
           เมื่อเราวางพล็อตว่าอะไรเสร็จก็ถึงขั้นตอนการกำหนดตัวละครต่างๆให้เป็นรูป เป็นร่างขึ้นมาโลดแล่นในนิยายของเรา ทั้งนี้ตัวละครและฉากสถานที่เป็นสิ่งที่ควรจะสอดคล้องกับช่วงเวลาความเป็น จริงในเรื่อง อย่างเช่น หากจะแต่งในสมัยยุคกลาง บรรยากาศและตัวละครรวมถึงเครื่องแต่งกายก็ควรจะมีกลิ่นอายของความเป็นยุค กลาง เพื่อให้ผู้อ่านได้รับอรรถรสได้ดียิ่งขึ้น แต่หากเป็นแนวแฟนตาซีแล้ว บางทีการสอดแทรกเทคโนโลยีเล็กๆน้อยๆเข้าไปในเรื่องทั้งๆที่กลิ่นอายยังเป็น แบบยุคสมัยโบราณหน่อยก็ไม่น่าจะใช่เรื่องผิด เพราะส่วนใหญ่นิยายแฟนตาซีจะเป็นการสร้างโลกใหม่ขึ้นมาอีกโลกหนึ่งโดยที่เรา เป็นพระเจ้า 555+ ทั้งนี้ก็ต้องระวังคนอ่านที่ยังคงยึดติดกับค่านิยมเก่าๆด้วยว่า "เฮ้ย อยู่ยุคกลาง ไหงหลอดไฟนีออนมันโผล่มาได้วะ" 555+

3. แน่ใจว่าข้อมูลที่หามาแน่นพอ
           ข้อมูลต่างๆที่ใช้ประกอบแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน หากเป็นนิยายรักอาจจะมีตำนานหรือความเชื่อ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ข่าวสารปัจจุบันมาเกี่ยวข้อง ส่วนแฟนตาซีคงต้องหากันหนักหน่อย เพราะจะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่เราไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น อาวุธของตัวละคร ชีวิตประจำวันของคนในสมัยก่อน ค่านิยมต่างๆ หรือตำนานประวัติศาสตร์ที่จะมาใช้อ้างอิงในเรื่อง เราจะต้องเตรียมพร้อมในจุดนี้ให้ดี

4. มีการฝึกภาษาในการอ่านและการเขียนบ่อยๆ
          ในจุดนี้คงไม่บังคับให้ไปเรียนภาษาไทยกัน (ฮา) แต่การอ่านเยอะๆจะเป็นการสะสมคำศัพท์ในหัว ทำให้เวลาแต่งนิยายแต่งได้โดยที่ภาษาไหลลื่นไม่ติดขัด ทั้งนี้การอ่านอย่างเดียวก็คงไม่ช่วยให้เกิดอะไร เราจึงควรเขียนควบคู่ไปกับการอ่านและจดจำสำนวนต่างๆไปด้วย ในช่วงแรกอาจจะยังแต่งได้ไม่ดีนัก แต่หากเราเขียนไป อ่านทบทวนไป หาจุดบกพร่องที่อ่านแล้วไม่ลื่นไหล มันจะเกิดการพัฒนาที่เร็วกว่าการให้คนอื่นมาช่วยบอกจุดบกพร่องของเราเอง ถึงแม้บางคนจะเห็นจุดอ่อนในสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่การที่เราพบเองและเรียนรู้เองมันก็เป็นการสะสมประสบการณ์เหมือนทำโจทย์ เลขบ่อยๆนั่นแหละนะ ^^

5. สร้างแรงบันดาลใจและกำหนดขอบเขตให้กับตัวเอง
           ข้อนี้เป็นส่วนที่เราเริ่มเขียนนิยายไปแล้ว คนเรามีความสามารถ สมาธิ และจินตนาการไม่เหมือนกัน บางคนเขียนออกมาได้เป็นฉากๆ รวดเร็วเสียยิ่งกว่าคุยMSNกัน แต่บางคนก็ต้องรอเวลา ดูอารมณ์ ใจศิลป์เสียยิ่งกว่าศิลปิน 555+ ดังนั้นเราจึงควรหาบางสิ่งบางอย่างมาเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดวินัยในตัวเอง อย่างเช่น กำหนดเวลาว่า เอาล่ะ สัปดาห์นี้ฉันจะเขียนให้ได้สัก 3 หน้าล่ะนะ แต่ถ้าถึงเวลา ทำไม่ได้จริงๆก็อย่าไปฝืน อย่าลืมว่านิยายเป็นเพียงงานอดิเรก จริงจังได้อต่อย่ามากจนเกินไป ชีวิตเรายังมีอะไรอีกเยอะแยะ เราพยายามในแบบของเรา แต่งนิยายด้วยความสนุกสนาน แต่พยายามสร้างวินัยตัวเองให้ได้เท่านั้นเอง ถือเป็นการฝึกการใช้ชีวิตในสังคมอย่างหนึ่งเลยนะ ^^
          แต่หากแต่งไม่ได้มาเดือนกว่าแล้ว ไม่ใช่ไม่มีเวลา แต่มันไม่มีอารมณ์ นั่นล่ะปัญหาหนักของนักอยากเขียนทุกคนไม่เว้นแม้แต่ตัวข้าน้อยเอง 555+ ก็อยากให้สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง อย่างเช่นบางคนฟังเพลงคลาสสิกแล้วรู้สึกไฟลุกพรึบพรับ ฟังทีไรอยากหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเหลือเกิน ก็จงฟังเพลงคลาสสิกแต่พอดี ไม่ใช่ฟังทุกครั้งที่จะแต่ง มิฉะนั้นนานๆไปมันจะไม่ช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจใดๆได้อีก ร้อนต้องไปหากิจกรรมอย่างอื่นทำ เป็นต้นอย่างข้าพเจ้านี่ 555+

6. การเขียนบล็อคช่วยคุณได้
           555+ หลายคนงง เฮ้ย ข้อนี้มันมาได้ไงเนี่ยแต่มันก็มาแล้วล่ะนะคะ (ฮา) การเขียนบล็อคช่วยพัฒนาภาษา การเขียน และเพิ่มจินตนาการให้กับทุกๆคนได้นะคะ การเขียนบล็อคก็เหมือนการเล่าเรื่องที่ต้องคิดภาพตามไปด้วยเสมอ ฝึกทั้งภาษาฝึกทั้งจินตนาการ แถมไม่ต้องไปหาข้อมูลอะไรที่ไหนให้ปวดหัว เห็นไหมว่ามันช่วยได้เยอะขนาดไหน อิอิอิ