วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมต้องอยู่กับปัญหาที่หาสาเหตุไม่ได้อีกเช่นเคย ความรู้สึกที่ดำมืดค่อยจะกัดกินจิตใจของผมไปช้าๆ ในขณะที่ความปรารถนาแห่งแสงสว่างก็ค่อยๆ ริบหรี่ลง และในไม่ช้ามันอาจจะดับลงในเร็ววัน
ผมยังคงที่จะนั่งคิดพล็อตนิยายตอนต่อไปตามเดิมเหมือนปกติ เพียงแต่วันนี้เวลาคงจะล่าช้าสักนิด เพราะไม่รู้ว่าตัวผมเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่นั่งนิ่งๆ อยู่หน้าคอม และพยายามปฏิเสธกิจกรรมนันทนาการข้างนอกบางส่วน (ย้ำว่า แค่บางส่วน) ผมไม่เข้าใจว่าบางครั้งทำไมผมถึงได้ทำแบบนั้น หรือผมควรจะออกไปสูดอากาศข้างนอกแล้วค่อยกลับมาอีกที
“นั้นก็เป็นข้อเสนอแนะที่ดีเหมือนกันนะ” ผมคิดเช่นนั้น
ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมอยู่ที่ไหน พวกเขากลับเรียกผมว่า “เคออส” ทั้งๆ ที่อันที่จริงมันก็เอ่อ…รู้สึกดีนะ อย่างน้อยก็ยังมีคนจำเราได้ดี แต่ว่าทุกครั้งที่ผมได้ยินชื่อนั้น มันทำให้ผมนึกถึง “อดีต” ที่ไม่สามารถลบล้างได้
สองด้านในจิตใจของผม กำลังบ่งบอกว่าผมควรจะทำสิ่งใดถึงจะให้ประโยชน์แก่ตัวเองได้มากที่สุด และรวมทั้งคนรอบข้างของผม ด้านหนึ่งเป็นอดีตของตัวผมที่ชื่อว่า “เคออส” เขาชอบการทิ้งคำปรัชญาต่างๆ เอาไว้ให้ผมฉุกคิด ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นด้านปัจจุบันที่ผมกำลังทำอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีชื่อว่า “แจ็คครอส”
พวกเขาสองคนมีความหลังที่ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ บางทีอาจถอดแบบออกมาด้วยซ้ำ รอบๆ ข้างของเคออสนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่อยู่ภายใต้ความมืด ในขณะที่แจ็คครอส รอบๆ ข้างของเขากลับเต็มไปด้วยแสงสว่างที่นำทางให้เขาได้พบกับความสุขสบาย แต่ต้องแลกมาด้วยกับการสูญเสียความเป็นตัวตนของตัวเองไปด้วย
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างคาแร็คเตอร์ทั้งสองเลยคือด้านมืดของจิตใจ กับอดีต และการกระทำของพวกเขาที่เหมือนๆ กัน นั้นก็คือเป็นคนที่ดื้อเงียบ ชอบทำในสิ่งที่ถูกต้อง และพวกเขาจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ โดยเฉพาะกับสิ่งที่พวกเขาสนใจจะทำมันเท่านั้น และการกระทำทุกๆ อย่างของพวกเขาทั้งสองย่อมมีเหตุผล
การกระทำโดยส่วนใหญ่นั้นล้วนตั้งอยู่ในหลักเหตุและผลกันทั้งนั้น มันคงไม่แปลกเลยว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยที่ไม่คิดจะลบล้างตัวตนเก่าของตัวเองไปเลย โดยเฉพาะกับเคออส ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเป็นหนึ่งในผู้ก่อการร้ายลำดับที่สามของโลก (ซึ่งก็แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่จินตนาการ) แต่การกระทำและลักษณะนิสัยของเขากลับไม่เหมือนกับผู้ก่อการร้าย บางทีเขาอาจจะเป็นเพียงแค่ “ลมปาก” ที่ทุกคนเรียกออกกันมาทั้งนั้น
ผิดกับแจ็คครอส เขาเป็นเพียงแค่เด็กที่อายุ 17 ปี ที่ต้องการอยากจะหาเพื่อนหรือใครสักคนที่สามารถเข้าใจเขา ในขณะที่การกระทำของเขาเองก็ไม่ต่างอะไรไปจาก ‘นักลอบสังหาร’ ที่ปกปิดตัวเองใน ‘เงามืด’ เพื่อปกป้องตัวเอง และไม่เปิดเผยข้อมูลอะไรของตัวเอง จนคนรอบข้างแทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร
ไดอารี่นี้ผมหวังไว้ว่ามันคงสามารถช่วยเตือนสติให้ผมดี และผมเองก็อยากที่จะปรึกษากับพวกเขาอีกหลายๆ เรื่อง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้ แต่อย่างน้อยพวกเขาคงอาจจะอยู่ในโลกคู่ขนานตามที่วิทยาศาสตร์เคยพูดเอาไว้