วันที่ 9 สิงหาคม ปีศักราชอวกาศ 2099 จักรวรรดิญี่ปุ่น ดาว JP-105 แนวป้องกันชายฝั่ง
สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาไม่หยุดหย่อนกว่าสองวันมันทำให้พวกทหารลำบากมากในหลายๆเรื่อง แต่ก็ต้องขอบคุณฝนที่ตกหนักไม่ยอมหยุดนี้เพราะมันทำให้กองทัพจีนหยุดเคลื่อนพลเข้าโจมตีได้ระยะหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้พวกมันจะบุกโจมตีทุกๆสามหรือสี่วันเสมอ แต่เพราะสภาพอากาศย่ำแย่ทำให้การยกพลขึ้นบกทำได้ยากเลยไม่มีการบุกโจมตีใดๆเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งอาทิตย์มานี้
“อยากอาบน้ำจังเลย!!!” เสียงร้องของทาเอะดังขึ้น โดยเธออยู่ในชุดนักบินกำลังดิ้นไปมาอยู่บนเตียงในโรงนอนที่ถูกสร้างอย่างง่ายๆจากแผ่นเหล็ก นั่นหมายความว่าเสียงของเม็ดฝนที่ตกกระทบกับหลังคานั้นมันดังจนน่าหนวกหู
“หยุดพูดแบบนั้นเถอะค่ะ ฉันเองก็จำไม่ได้แล้วล่ะค่ะว่าได้กินอาหารอร่อยครบสามมื้อมันเมื่อไหร่” จิซึรุพูดพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะที่ทำจากไม้
“อยากกินเค้ก” ฮารุโกะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนทุกที แต่คำสั้นๆง่ายๆนี้มันทำให้คนรอบข้างอยากจะเข้าไปรุมกระทืบเธอซะเหลือเกิน
“อย่าพูดคำนั้นอีกเชียวฮารุโกะ ถ้าเธอพูดอีกทีฉันจะเอาปืนในมือนี้ยิงใส่เธอแน่นอน” อายาเสะพูดพลางหยิบเอาปืนพกของตัวเองขึ้นมาพลางมองฮารุโกะเพื่อนรักอย่างมุ่งร้าย
“น่าๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน” ยูอิพูดพลางเดินเข้ามาในโรงนอน ซึ่งเพื่อนของเธอรวมถึงเพื่อนร่วมชั้นในรุ่นเดียวกันคนอื่นๆก็อยู่ด้วย
โดยเหล่านักเรียนจากโรงเรียนนายร้อยองครักษ์รุ่นเดียวกับพวกเธอตอนนี้เหลือเพียงแค่สิบสองคนเท่านั้น โดยหลายคนโดนฆ่าตายในแนวรบต่างๆที่พวกเธอถูกส่งไป ซึ่งแนวรบไหนมีพวกเธออยู่หมายความว่าที่นั้นมีเชื้อพระวงศ์อยู่ที่นั่น บางคนก็ถูกส่งกลับเนื่องจากเสียสติไปจากการรบอันดุเดือดและรุนแรง
ส่วนพวกเธอในตอนนี้เองก็ถูกสั่งให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา โดยพวกเธอถูกส่งมาประจำที่แนวหน้านี้ได้สองอาทิตย์เศษ และในแนวหน้าที่ไม่รู้จะโดนโจมตีเมื่อไหร่นั้นไม่ได้มีห้องอาบน้ำหรือห้องน้ำดีๆให้ใช้นัก โดยเฉพาะกับพวกเธอที่ถูกสั่งมาว่าห้ามถอดชุดนักบินออกจนกว่าจะได้รับอนุญาต ซึ่งเวลาเดียวที่ถอดได้ก็คือตอนทำธุระส่วนตัวเท่านั้นล่ะนะ
“นี่พวกเธอ เอะอะอะไรกัน!!” เสียงห้าวของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับประตูของโรงนอนที่ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง โดยเธออยู่ในชุดสูทสีแดงเพลิง เธอกวาดตามองไปรอบโรงนอนแล้วจึงถอนหายใจ
“เอาน่าๆอย่าเครียดนักเลยมามิ” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเธอและเธอจึงค่อยๆเดินขึ้นมาด้านหน้า เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามได้รูป เรือนผมสีน้ำตาลยาวถูกรวบเป็นผมหางม้าและดวงตาสีอัมพันที่แสนอบอุ่น ทำให้พวกสาวๆ ร้องขึ้นพร้อมกับวิ่งกรูกันเข้ามาหาเธอ
“ท่านซึคุโยมิ!!” ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกัน
“ไงสาวๆ ฉันไม่อยู่แค่สองวันเองนะ” เธอพูดพลางหัวเราะอย่างมีความสุข
“ท่านซึคุโยมิคะ ได้เวลาต้องไปเข้าประชุมแล้วค่ะ” มามิพูดเสียงเครียด ส่วนซึคุโยมิได้แต่ถอนหายใจยาว
“สาวๆ ไปก่อนนะ แล้วก็ฉันมีของมาฝากด้วยล่ะ” เธอพูดพลางยืดอก “มามิของฝากของสาวๆ จัดการด้วย” เธอพูดพลางเดินออกไปจากโรงนอน
“จงซาบซึ้งในบุญคุณของท่านซึคุโยมิซะล่ะ” มามิพูดพลางเดินออกไปด้านนอกโรงนอน หลังจากนั้นก็กลับมาแทบจะในทันทีพร้อมกับกล่องกระดาษที่ใส่เอาไว้ในถุงพลาสติกบางเฉียบแบบย่อยสลายได้ “สิ่งนี้คือของหายากที่ท่านซึคุโยมิเอามาให้พวกเธอ จงกินมันอย่างภาคภูมิใจซะเถอะ” เธอพูดต่อ แต่ทันใดนั้นมือของฮารุโกะก็รีบคว้ามันไปทันทีแล้วรีบวิ่งไปที่โต๊ะแล้วเปิดกล่องอย่างรวดเร็ว ส่วนอายาเสะเองก็ไม่แพ้กัน เธอรีบเอาถ้วยสแตนเลสของแต่ละคนมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ถึงจะไม่มีจานแต่สำหรับพวกเธอมันไม่เป็นปัญหาเลย เพราะถ้วยสแตนเลสพวกนี้ถูกใช้งานแบบครอบจักรวาลมาแล้ว ทั้งใส่อาหาร ใช้ดื่มน้ำ หรือแม้แต่ใช้เป็นอุปกรณ์กักเก็บน้ำหรือหาน้ำก็ใช้มาแล้วครบวงจร
“ว๊าว น่าอร่อยจัง!!” เสียงทาเอะดังขึ้น เธอทำตาเป็นประกายน้ำลายไหลออกมาเป็นสายน้ำ
“ให้ตายสิ อะไรกันเนี่ย” มามิพูดพลางถอนหายใจ
“นั่นสินะคะ” ยูอิเสริม
“เอ้ายูอิส่วนของเธอ” ทาเอะพูดพลางเดินตรงมาหาเธอ ในถ้วยสแตนเลสมีเค้กก้อนหนึ่งใส่ลงไป ถึงสภาพของมันจะดูบู้บี้ไปซักนิดก็ตาม
“ขอบคุณนะทาเอะ” ยูอิตอบพลางส่งยิ้มให้เพื่อนรักของตัว แต่ออีกฝ่ายกลับแสดงท่าทีแปลกอย่างหน้าแดงออกมา
หลังจากที่ทุกคนสนุกสนานจากการกินเค้กกันแล้วต่างก็กลับเข้าสู่ความสงบ ใบหน้าของแต่ลคนแสดงความสุขออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“สาวๆ!!” เสียงของซึคุโยมิดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดเข้ามา “มีการแจ้งมาจากหน่วยเหนือ ว่ากำหนดกลับของพวกเราจะเร็วขึ้นอีกนิด พวกเธออยู่ที่นี่อีกแค่สองวันแล้วก็กลับได้เลย พยายามกันอีกนิดนะจะได้พักแล้ว!! ไปล่ะ!!” เมื่อพูดจบเธอก็ปิดประตูอย่างรวดเร็ว ซึ่งแต่ละคนได้แต่นั่งอึ้งเงียบ แล้วจึงค่อยส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ
“นี่ยูอิ มากับฉันหน่อยสิ” ทาเอะเดินมากระซิบของหูยูอิที่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่าย
“มีอะไรเหรอทาเอะ” ยูอิถามแต่อีกฝ่ายไม่ตอบได้แต่ดึงแขนเธอให้ตามเธอไป
โดยทาเอะพายูอิเดินมาด้านหลังโรงเก็บ B.U. ที่ถูกสร้างเอาไว้ชั่วคราว โดยตอนนี้ทั้งสองสวมชุดกันฝนสีเขียวเข้มทับเอาไว้ด้านนอก ทาเอะได้แต่ยืนนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร ส่วนยูอิก็ได้แต่มองเธอด้วยความงุนงง
“ยูอิ คือจริงๆแล้วน่ะ ฉันน่ะ ฉันน่ะ” ทาเอะกลืนคำพูดของตัวเองลงคอไป แล้วค่อยๆสูดหายใจเข้าแล้วจึงตะโกนขึ้นมาสุดเสียง “ฉันรักเธอนะยูอิ!!” ยูอิที่ได้ยินคำพูดนี้ได้แต่ยืนนิ่งเงียบด้วยความตกใจและทำอะไรไม่ถูก “ฉันน่ะ แอบชอบเธอมาตั้งแต่เรียนปี 1 แล้ว แล้วชอบเธอมาตลอดเลยแต่ไม่กล้าบอกเธอจนถึงตอนนี้ ฉันรักเธอมา รักที่สุดเลย” ทาเอะพูดขึ้น แล้วหลังจากนั้นเธอจึงโผตัวเข้าไปยูอิแล้วเขย่งตัวขึ้นแล้วจึงใช้ริมฝีปากของเธอประกบจูบกับยูอิเบาๆ ยูอิยืนตัวแข็งทือและนั่นเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่นานที่สุดในชีวิตของเธอ ทาเอะค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาแล้วจึงยิ้มให้กับยูอิแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องรีบให้คำตอบฉันก็ได้นะ”
หลังจากนั้นทั้งสองจึงกลับมายังโรงนอนซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ฝนเริ่มหยุดตกลงมา หลังจากที่กลับมาทั้งสองก็รีบเข้านอนทันทีทั้งๆที่มันเป็นช่วงหัวค่ำแท้ๆ
ในวันต่อมาที่โรงอาหารซึ่งพวกทหารกำลังมารอรับอาหารเช้าที่โรงอาหารซึ่งแทบจะเรียกมันว่าโรงอาหารไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะว่ามันอยู่กลางแจ้ง โดยพวกยูอินั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะหนึ่งพลางกินอาหารไปคุยไปเหมือนทุกที แต่ยูอิกลับนั่งกินเงียบๆ ซึ่งต่างกับทาเอะที่ยังคงทำตัวเป็นปกติ
แต่ในตอนนั้นเองที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นโดยที่ทุกคนแทบไม่ได้ตั้งตัว และตามมาด้วยเสียงประกาศตามสายของเจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่ง “ตรวจพบกองเรือของจีนกำลังใกล้เข้ามา ขอให้ทุกหน่วยเข้าประจำที่โดยด่วน!! ย้ำอีกครั้ง!! .........”
พวกยูอิที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งตรงไปยังโรงเก็บB.U. ของตัวเองทันที แต่ยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็มีเสียงอันแผ่วเบาของปืนใหญ่ดังขึ้นและตามมาด้วยการระเบิดอย่างต่อเนื่องภายในฐานอัพ และการโจมตีหลากชนิดก็เริ่มตามมา ป้อมปืนและ B.U. ที่อยู่ตรงแนวป้องกันเริ่มกระหน่ำยิ่งในทันที นั่นหมายความว่าพวกนาวิกโยธินของจีนกำลังพยายามจะยกพลขึ้นบกแล้ว ในระหว่างที่พวกยูอิกำลังวิ่งตรงไปยังโรงเก็บนั้นพวกเธอก็เห็นภาพภาพหนึ่งที่ชวนใจหายเข้า นั่นคือหัวหน้าหน่วยมามิที่กำลังวิ่งอยู่นั้นถูกระเบิดตกใส่ใกล้ๆแรงอัดจากระเบิดผลักตัวเธอปลิวออกไปราวกับเป็นแค่กระดาษ พวกยูอิจึงรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเธอทันที
และเมื่อพวกเธอมาถึงตรงหน้าของมามิก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบทำอะไรไม่ถูก ถึงเธอจะยังไม่ตายก็ตาม แต่ขาของเธอสภาพดูย่ำแย่มาก เนื้อตรงส่วนแข้งขวาของเธอมันขาดหายแหว่งไปจนเกือบหมดเผยให้เห็นกระดูกสีขาว เนื้อส่วนที่เหลือกำลังกระตุกอยู่ และยังมีแผลร้ายแรงอีกหลายจุด
“พวกเธอ...... มัวดู ...... อะไร รีบๆไสหัว ไปทำหน้าที่ได้แล้ว” เธอพูด
“ทุกคนรีบไปที่โรงเก็บ B.U. ฮารุโกะอยู่กับหัวหน้า อายาเสะรีบไปตามหน่วยแพทย์มา” ยูอิที่ได้สติจึงรีบออกคำสั่งเพื่อนๆ ของเธอ จริงอยู่ที่ยศทางทหารพวกเธอนั้นเท่ากันคือร้อยตรี แต่ว่ายูอินั้นต่างไปเล็กน้อย เพราะระดับชั้นของทหารราชองครักษ์ของเธอสูงที่สุดในตอนนี้เธอจึงต้องรีบออกคำสั่งแทนหัวหน้าของเธอ ซึ่งทุกคนก็รีบทำตามอย่างรวดเร็ว ทุกๆ คนจึงรีบไปทำหน้าที่ของตัวเองทันที
และที่โรงเก็บ B.U.ระหว่างที่ทุกคนกำลังจะเข้าประจำเครื่องทาเอะรีบวิ่งมาหายูอิแล้วจึงพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ฉันจะปกป้องเธอเอง ดังนั้นไม่ต้องกลัวนะ” เธอพูดพลางยิ้มให้ยูอิ
หลังจากนั้นเหล่า B.U. ก็เริ่มเดินเครื่องและพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว โดยแต่ละเครื่องมาหยุดประจำที่แนวรับซึ่ง ความยาวของตัวหาดนั้นยาวถึง 400เมตร ซึ่งถือว่ายาวมากและยังมีความสูงชันอีกด้วย โดย B.U.ของพวกยูอินั้นกำลังกระหน่ำยิ่งลงไปด้านล่างโดยมีเป้าหมายเป็น B.U.ของฝ่ายกองทัพจีนที่กำลังติดเครื่องกีดขวางในทะเลอยู่ โดยเรือที่ใช้ขนส่งนั้นไม่สามารถเข้ามาใกล้หาดได้ โดยรวมระยะทางที่พวก B.U.และทหารต้องขึ้นมานั้นเท่ากับพวกเขาต้องฝ่าดงกระสุนในเส้นทางนรกยาวถึง 600 เมตร เลยทีเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการโดนโจมตีแบบนี้พวกเขาจะตีโต้กลับมาไม่ได้ B.U.ของญี่ปุ่นเองก็ถูกทำลายไปเป็นระยะๆ เช่นกัน
“ยูอิเธอยังโอเคใช่ไหม” ทาเอะติดต่อเข้ามาหายูอิผ่านทางช่องสัญญาณส่วนตัว
“จ๊ะ ฉันยังไหว” ยูอิตอบพลางกวาดตามองไปยังจอมอนิเตอร์ที่ภายภาพด้านนอกอยู่
“แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นยูอิที่ฉันชอบล่ะนะ” ทาเอะพูดขึ้นพลางยิ้มกว้าง แต่ในตอนนั้นเองที่ภาพในช่องสัญญาณติดต่อกลายเป็นสัญญาณซ่าพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้นจากภายนอก
ยูอิค่อยๆหันส่วนหัวของยูกิคาเสะไปด้านข้างแล้วก็พบกับยูกิคาเสะเครื่องขาวของทาเอะล้มหงายหลังลงกับพื้น ตรงส่วนอกซึ่งเป็นส่วนของห้องนักบินถูกระเบิดเป็นรู และในจังหวะที่ควันเริ่มจากลงภาพภายในห้องนักบินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ร่างของทาเอะที่ขาเหลือแค่ครึ่งเดียว และสภาพใบหน้าที่เละจนแยกแยะไม่ออกว่าเป็นใคร
ในตอนนั้นในหัวของยูอิมันกลายเป็นสีขาวไปหมด คำพูดต่างๆที่เพิ่งคุยกันเมื่อวานและวันนี้มันกำลังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความโกรธแค้นและความเศร้าที่ผสมปนเปกัน ยูอิควบคุมยูกิคาเสะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเร่งบูสเตอร์จนไปถึงความเร็วสูงสุดของมัน เธอพุ่งผ่านแนวทหารบนหาดไปอย่างรวดเร็ว จุดหมายของเธอคือกองเรือของจีน
“สุเมรากิ นั่นเธอทำอะไรน่ะ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ อยากตายรึยังไงกัน!!” เสียงของซึคุโยมิดังขึ้น ในช่องสัญญาณสื่อสาร แต่ยูอิกลับปิดมันไปโดยไม่ตอบใดๆทั้งสิ้น
ยูกิคาเสะเครื่องแดงบนต่ำเลียมผิวน้ำ เพื่อที่จะได้เข้าไปในมุมอับของพวกปืนใหญ่และปืนกลประจำเรือได้ แต่พวกเรือรบเองก็ใช้ทุกอย่างกระหน่ำยิงมาที่เธอเช่นกัน แต่นั่นกลับทำให้ที่ฐานทัพได้โอกาศตั้งตัวกันมากขึ้นเพราะการโจมตีจากกองเรือนั้นเปลี่ยนไปที่ยูกิคาเสะของยูอิแทน
ยูอิบังคับยูกิคาเสะบินหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย แล้วจึงพุ่งเข้าใส่เรือพิฆาตลำหนึ่ง ยูกิคาเสะของเธอขึ้นไปยืนบนเรือลำนั้นแล้วไม่ยอมขยับไปไหนราวกับจะใช้มันเป็นโล่ ซึ่งเรือลำนั้นเองก็รีบเปิดสัญญาณเตือนภัยให้ทุกคนรีบสละเรือทันที โดยยูอิตอนนี้นั้น:Xกระสุนจากปืนของเธอเข้าใส่เรือลำอื่นๆ โดยกระสุน 2000นัดของเธอหมดลงอย่างรวดเร็ว โดยกระสุนจำนวนนี้เธอจมเรือไปได้ถึง 3 ลำ หลังจากนั้นเธอจึงพุ่งตัวจากเรือลำนั้นไปยังเรืออีกลำที่ห่างออกไปและใช้ดาบเล่มยาวที่ติดเอาไว้ที่หลัง แล้วใช้มันเข้าโจมตีใส่เรือลำนั้นทันที ดาบฟันทำลายหอบังคับการ ป้อมปืนใหญ่ และส่วนต่างๆ ของเรือ เธอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนมาถึงเรือบรรทุก B.U. ที่กำลังลอยลำอยู่ท่ามกลางกองเรือที่แตกพ่ายจากการบุกของ B.U. แค่เครื่องเดียว ซึ่งมันแน่นอนว่าด้วยอาวุธที่มีมันไม่มากพอจะจมเรือลำยักษ์นี้ได้ แต่ตัวเรือเองก็ไม่มีอาวุธอะไรจะมาสู้กับ B.U. เหมือนกัน เหล่าทหารต่างแตกตื่นรีบหนีกระโดดลงน้ำเพื่อเอาตัวรอด
ยูอิจึงใช้ดาบในมือฟันทำลายหอบังคับการแล้วจึงเปลี่ยนมาใช้ปืนสำรองที่เหลืออยู่ เธอใช้มันกระหน่ำยิงใส่พวกทหารที่ลอยคออยู่ในทะเลอย่างไร้ความปราณี โดยพวกทหารจีนที่อยู่บนหาดได้เห็นภาพการบุกโจมตีแบบดับเครื่องชนนี้เข้าจึงรีบยอมจำนนทันที
หลังจากเหตุการณ์นี้สงบลงแล้ว ได้มีคำสั่งมายังพวกทหารว่าห้ามเข้าใกล้กองเรือรบของจีนจนกว่าB.U. ของร้อยตรีสุเมรากิ ยูอิ จะพลังจากหมด หรือยอมกลับมา หลังจากนั้นกว่า 12 ชั่วโมง ยูอิก็ถูกนำตัวออกมาจาก B.U. และถูกนำตัวไปคุมขังเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงมีการสอบสวนต่างๆเกิดขึ้นตามมา แต่ด้วยการกระทำและผลงานนี้ทางทัพราชองครักษ์จึงให้หักล้างกันไปพร้อมเลื่อนยศให้เธอ1 ขั้น เป็นร้อยโทพร้อมกับเหรียญกล้าหาญอีกด้วย
สองปีต่อมา ถึงแม้ว่ามหาสงครามครั้งที่สิบจะยุติลงไปแล้ว แต่การรบของญี่ปุ่นกับจีนยังคงยืดเยื้อต่อมา โดยกองทัพญี่ปุ่นได้ทำการบุกเข้าโจมตีเข้าใส่ฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดของจีน บนดาว JP-105 หลังจากที่ทางกองทำจีนได้ทำการระเบิดฐานทัพของตัวเองเพื่อจะกำจัดทหารฝ่ายจักรวรรดิญี่ปุ่นให้เหลือน้อยที่สุดนั้น ก็ไม่มีใครได้พบตัวของสุเมรากิ ยูอิอีกเลย โดยข่าวลือต่างๆ มากมายเริ่มกระจายออกไป บ้างก็ว่าเธอเสียชีวิตในหน้าที่ บ้างก็ว่าเธอหนีไปเข้ากับฝ่ายจีน หรือแม้แต่ข่าวลือสุดโอเว่อร์อย่าง เธออาจเป็นเทพธิดาของดาวนี้ที่ลงมาจุติเพื่อช่วยในสงครามครั้งนี้พอหมดงานของเธอจึงได้หายตัวไป ก็ยังมี แต่ไม่ว่าข่าวลือไหนๆ ต่างก็ไม่มีการยืนยันแน่ชัด ทางกองทัพเองก็ประกาศออกไปว่าตัวเธอนั้น MIA
เรื่องของยูอิก็จบไปละนะครับ
Valkyrie Royal Guard ตอนที่2