แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nook747 เมื่อ 2014-5-24 18:38
สวัสดีครับทุกท่าน 5 วันที่ผ่านมาผมไม่ได้อัพเดทเรื่องราวของมองโกลเลย ดังนั้น เพื่อเป็นการรอคอยที่คุ้มค่า(?) กระผมจะขอลงจนถึงตอนที่ 13 ภายในรวดเดียวเลยะครับ
ตอนที่ 5:ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง
ผลจากสงครามในคราวนั้น นอกจากจะทำให้เตมูจินกลับมาเป็นข่านของเผ่าตัวเองทั้งปวงโดยชอบธรรมแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เตมูจินจะจัดระเบียบสังคมเผ่าอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียทีแล้วล่ะครับ
เพราะจากประสบการณ์ชีวิตอันยากแค้นบนทุ่งหญ้าทำให้เตมูจินรู้ซึ้งถึงปัญหาของสังคมมองโกลได้เป็นอย่างดี เขาจึงทำการปฏิรูปสังคมเผ่าของตนเสียใหม่ โดยเน้นการคัดเลือกบุคคลที่ความสามารถมากกว่าสายเลือดและวงศ์ตระ:Xล แต่กระนั้นก็ปรับระบบการปกครองด้วยการแบ่งเป็นกรมกองอย่างชัดเจนโดยใช้หลักสิบเป็นพื้นฐานสำคัญครับ
สำหรับระบบหลักสิบของเตมูจินนั้นก็คือ รวมผู้ชาย ๑๐ คนจากทุกสาขาอาชีพและชาติตระ:Xลเข้าเป็น ๑ หมู่เรียกว่า "อาร์บาน" แล้วในกลุ่มจะต้องเลือกผู้นำของตนขึ้นมา ๑ คน - โดยให้คำนึงถึงความอาวุโสหรือความสามารถเป็นสำคัญ - โดยนักรบใน ๑ อาร์บานนี้จะต้องตั้งกระโจมอยู่ในแนวเดียวกัน และทุกคนจะต้องดูแลเอาใจใส่กันและกันดังญาติพี่น้อง ห้ามเกี่ยงว่ามันไม่ใช้น้อง:Xหรือญาติฉัน - ทุกคนคือ "ครอบครัวเดียวกัน" ครับ
จากนั้น ๑๐ อาร์บานก็รวมเป็น ๑ "ซากัน" และให้โหวตเลือกผู้กองขึ้นมา ๑ คน และจากนั้นก็ให้รวม ๑๐ ซากันเข้าเป็น ๑ มินแกนหรือ ๑ กองพันและให้โหวตเลือกผู้นำขึ้นมาเป็นผู้พัน ๑ คน (อีกแล้ว) และให้รวม ๑๐ มินแกนเข้าเป็น ๑ ทูเมน แต่ในกรณีผู้บัญชาการกองพลนั้น เตมูจินจะเป็นคนคัดเลือกด้วยตัวเองครับ ซึ่งมีบันทึกว่าใน ณ เวลานั้นเขามีกำลังพลพร้อมรบในสังกัดแล้ว ๙๕ มินแกนหรือกำลังพล ๙๕,๐๐๐ นายหรือขาดน้อยกว่านี้อีกนิดหน่อย โดยเราอาจจะนับได้ว่าเขาเป็นขุนพลผู้ทรงอำนาจแห่งทุ่งหญ้ามองโกลแล้วจริงๆล่ะครับ
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าในบรรดาผู้ชายทุกคนที่เป็นทหารนั้นก็ย่อมจะมีอาชีพส่วนตนอยู่ก่อนแล้ว เช่นเป็นคนเลี้ยงสัตว์ ช่างเหล็ก ช่างฟอกหนัง ฯลฯ เตมูจินก็ยังได้ปรับระบบให้บรรดาวิชาชีพเหล่านี้รวมตัวกันเป็นกองงานต่างหาก คือเป็นกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ กลุ่มช่างเหล็ก กลุ่มช่างเครื่องหนัง - ว่างั้น
พูดง่ายๆ ชายชาวมองโกลทุกคนมีศักดิ์เป็นพลทหารในกองทัพของเผ่าตามระบบทัพ แต่ก็ยังเป็น "สมาชิก" ในแต่ละกลุ่มอาชีพที่ตนสังกัดอยู่ด้วยนั่นเองครับ
ส่วนในด้านการสงครามนั้น จากเดิมที่กองทัพมักจะเข้าโจมตีเพียงเล็กน้อยแล้วเปิดฉากปล้นสะดม แต่เตมูจินปรับให้กองทัพเปิดฉากโจมตีกองทัพศัตรูจนกว่าจะแตกพ่ายแน่นอนแล้ว จากนั้นก็จะกลับมาเปิดฉากปล้นสะดมได้ โดยห้ามทำร้ายผู้ที่ยอมจำนนแล้วโดยเด็ดขาด พร้อมกับวางกฏไว้ว่าทรัพย์สินที่ปล้นได้นั้นจะต้องถูกนำมาวางไว้เป็นกองกลางแล้วเบิกจ่ายให้นักรบทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
แต่ในกรณีที่มีทหารตายในสนามรบ กรมกองใดที่สูญเสียไพร่พลไปในการรบนั้นจะต้องแจ้งแก่กองคลังเพื่อที่จะได้ทำการเบิกจ่ายทรัพย์สมบัติที่ปล้นมาได้ไปมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การทหารแห่งทุ่งหญ้าเอเชียกลางเลยทีเดียว
เพราะเหตุนี้ล่ะครับ นอกจากเตมูจินจะมีกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแล้ว หากแต่ยังได้รับความรักและความภักดีจนผู้คนในเผ่าอย่างสูงสุดอีกด้วยล่ะครับ เพราะนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีผู้นำที่เข้าใจหัวอกราษฎรอย่างแท้จริงเสียที
ครั้นเมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยแล้ว เตมูจินก็ทดลองขุมกำลังใหม่ของพวกตนด้วยการยกทัพไปปล้นสะดมเผ่าตาตาร์เสียหน่อย ซึ่งปรากฏว่าด้วยระบบกองทัพแบบใหม่ของเขานั้น นอกจากจะสามารถปล้นสะดมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว หากแต่ยังสูญเสียกำลังน้อยลงกว่าที่เคยเป็นมาอีกด้วย จนทำให้ชื่อเสียงของเตมูจินลือลั่นไปทั่วทุ่งหญ้ามองโกลเลยทีเดียว
เพราะเหตุนี้ ฝ่ายราชสำนักต้าจินแห่งแผ่นดินจงหยวนที่เริ่มจะเอือมระอาเผ่าตาตาร์เต็มทนแล้ว ก็คิดว่าคงถึงเวลาเขี่ยไอ้พวกตาตาร์แล้วล่ะครับ
ดังที่ผมได้อธิบายไปในตอนก่อนๆแล้วว่าราชสำนักต้าจินนั้นปกครองชนเผ่าแห่งทุ่งหญ้าด้วยการ "เสี้ยม" ให้แต่ละเผ่าแตกคอกัน โดยจะยกชนเผ่าที่พอจะมีกำลังแข็งกล้ามาเป็น "นอมินีแห่งทุ่งหญ้า" แต่ถ้าทำตัวไม่น่ารักเมื่อไหร่ก็หันไปหนุนอีกเผ่าขึ้นมาแทนที่ก็เท่านั้นเองครับ โดยชนเผ่าที่เข้าตากรรมการมากที่สุดในเวลาก่อนหน้านั้นก็คือพวกตาตาร์นี่ล่ะครับ
เนื่องจากว่าพวกตาตาร์มีถิ่นฐานแถบตอนล่างของทุ่งหญ้ามองโกล หรือกล่าวคืออยู่ใกล้กับพวกต้าจินมากที่สุดนั่นล่ะครับ ราชสำนักจินจึงใช้พวกตาตาร์เป็นนอมินีในการควบคุมและจัดการชนเผ่าบนทุ่งหญ้า ซึ่งนอกจากจะมีหน้าที่กำจัดโจรทะเลทรายและคุ้มกันเส้นทางการค้าทางตะวันออกแล้ว พวกตาตาร์ก็เหมือนกับเผ่าเคอเรอิตที่วางตัวเป็น "พ่อค้าคนกลาง" แห่งทุ่งหญ้าด้วยเหมือนกัน จึงทำให้เผ่าตาตาร์เป็นมหาอำนาจแห่งทุ่งหญ้าตะวันออกที่สะสมความมั่งคั่งจากการค้ากับแผ่นดินจงหยวนและเกาหลีสืบมาหลายศตวรรษทีเดียว
ทว่า หลังจากที่พวกตาตาร์รับใช้ราชสำนักจินจะสะสมความมั่งคั่งมาได้สักพักแล้ว พวกก็เริ่มจะได้อกได้ใจจนเกินเหตุไปแล้วล่ะครับ คือเริ่มเปลี่ยนท่าทีจากเด็กดีกลายเป็นคนอวดดีเสียแล้ว โดยเริ่มจากเรียกร้องบรรณาการตอบแทนให้มากขึ้น แต่เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ใส่เกียร์ว่างไม่ยอมปราบโจรทะเลทราย แล้วเผลอๆก็กลายมาเป็นโจรเสียเองซะงั้่น!
งานนี้ฝ่ายต้าจินก็ยัวะจัดสิครับ เพราะอุตส่าห์หนุนตูดมันมาเป็นใหญ่ พอได้คืบแล้วจะเอาศอกแบบนี้แล้ว - งานนี้มันต้องตบเกรียน!
ดังนั้น ราชวงศ์จินจึงเปลี่ยนขั้วไปด้วยการส่งราชทูตไปพบกับโตกริลข่านพร้อมพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็น "หวางข่าน" (อ๋องข่าน) ที่แปลว่า "กษัตริย์ข่าน" นั่นล่ะครับ ส่วนเตมูจินคนกล้านี้ก็ได้รับการโปรดเกล้าฯให้เป็น "จ๋าอูที่ฮูหลี่" อันเป็นตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งเผ่าหนี่เจินมาแต่เดิมนั่นเองล่ะครับ โดยราชสำนักต้าจินได้ให้สิทธิ์ในการค้าบนเส้นทางตะวันตกจรดตะวันออก พร้อมกับออกงบประมาณและอาวุธในการทำสงครามให้เสร็จสรรพเลยล่ะครับ
งานนี้ก็สมใจเตมูจินแล้วน่ะสิครับ เพราะนอกจากจะปราบศัตรูเจ้าเก่ารายแรกไปได้หมาดๆแล้ว งานนี้พ่อยังได้รับการสนับสนุนทั้งงบประมาณและยุทธภัณฑ์มาฟรีๆเพื่อกำจัดไอ้โจรโฉดที่เคยสังหารบิดาของตนมาก่อนได้อีกด้วย - งานนี้ก็แหล่ม!
Credit:Penedge