บทนำ
จุดแสงสีเขียวยังคงส่องสว่างราวกับกลุ่มดาวที่เรียงตัวกัน
คิริกายะ ซูกุฮะยื่นนิ้วมือข้างขวาออกไปเพื่อสัมผัสกับจุดทั้งสามนั้น...
สัญญาณไฟ LED นี้ได้แสดงให้เห็นถึงสถานะการทำงานของระบบ Full Drive ของเครื่อง VR ที่รู้จักกันในนามว่า <<Nerve Gear>> โดยไฟสัญญาณจากด้านขวาได้บ่งบอกถึงสถานะของตัวรับไฟ การเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์ค และการเชื่อมต่อกับสมอง ซึ่งเมื่อไหร่ที่ตัวสุดท้ายกลายเป็นสีแดงนั่นหมายถึงว่าสมองของผู้ใช้จะต้องถูกทำลายตามไปด้วย
ผู้ใช้ของอุปกรณ์ชิ้นนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงเจลขนาดใหญ่ตรงกลางห้องสีขวาล้วนในโรงพยาบาล ตัวเขานอนหลับอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด... ไม่สิ... นั่นออกจะไม่ถูกสักเท่าไหร่ เพราะที่จริงแล้วดวงจิตของเขายังคงต่อสู้ทั้งวันทั้งคืนในอีกมิติหนึ่งที่ห่างออกไป คอยเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสระเหมือนๆกับผู้เล่นอื่นๆอีกหลายพันคนที่ยังติดอยู่ในนั่น
“พี่...”
ซุกุฮะเรียกพี่ชายที่กำลังนอนหลับอย่างสงบของเธอ...คาซุโตะ
“นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้วสินะ...ถึงตอนนั้นหนูจะขึ้นม.ปลายแล้วรู้มั้ย...ถ้าพี่ไม่รีบตื่นเข้าล่ะก็มีหวังหนูได้แซงหน้าพี่ไปแล้วจริงๆนะ...”
เธอเลื่อนนิ้วออกจากสัญญาณ LED โดยลูบไล้ผ่านแก้มของพี่ชายเธอ...การตกอยู่ในสภาวะโคม่าเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อของเขาเริ่มฝ่อ รอยซูบผอมทำให้เขาดูเหมือนผู้หญิงมากขึ้นยิ่งกว่าตอนที่เป็นปกติเสียด้วยซ้ำ แม้แต่แม่ของเขาก็ยังล้อว่าเขาเป็น <<เจ้าหญิงนิททรา>>ประจำบ้าน
ไม่ใช่เพียงแค้หน้าเท่านั้นที่ซูบลง...ร่างกายทุกส่วนของเขานั้นทั้งซูบผอมและอ่อนแอ สภาพของเขานั้นดูไม่ได้เลยเมื่อเทียบกับซูกุฮะที่ฝึกในโรงฝึกมาตั้งแต่ยังเล็กอยู่ น้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์ต่ำอย่างเห็นได้ชัดจนเธอเริ่มกลัวว่าถ้าเกิดเขาผอมลงจนแทบจะไม่เหลืออะไรเลยล่ะ?และความคิดนี้ก็ทำให้เธอกังวลเป็นอย่างมาก
แต่ถึงยังไงซูกุฮะก็พยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมาในโรงพยาบาลนี้เพราะตั่งแต่เมื่อปีที่แล้ว ในตอนนั้นเธอยังจำได้เลยว่ามีเจ้าหน้าที่จาก <<กลุ่มรับมือสถานการณ์ SAO>> ของกระทรวงภายในและการสื่อสารได้เข้ามาอธิบายสถานการณ์ให้เธอและครอบครัวฟัง...
เจ้าหน้าที่คนนั้นปล่อยให้ผมปรกหน้าผากจนยาวมาถึงแว่นดำและสวมชุดอย่างเป็นทางการ ซึ่งเขาได้เล่าว่า <<Level>> ของพี่ชายเธอนั้นอยู่ในกลุ่มต้นๆซึ่งมีเพียงไม่กี่คนในเกม และยังคงสู้อยู่ในกลุ่มแนวหน้าซึ่งมีจำนวนอยู่เพียงน้อยนิด
นั่นบ่งบอกว่าพี่ชายของเธอกำลังสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ดังนั้นซุกุฮะจึงไม่ยอมร้องไห้ที่นี่... เธอทำเพียงแค่จับมือเขาไว้และเอาใจช่วย
“สู้เขานะ... สู้เขานะพี่ชาย”
ในขณะที่มือขวาอันผอมแห้งของคาสุโตะถูกกุมไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของเธอนั้นเอง...เธอก็อธิฐานอย่างจริงจังเงียบๆจนมีเสียงดังขึ้นมาจากทางข้างหลัง
“อ่าว... มาด้วยเหรอซูกุฮะ”
เธอหันหลังกลับด้วยความตกใจ...
“โธ่... คุณแม่”
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือแม่ของเธอ...มิโดริ...เพราะว่าประตูของโรงพยาบาลนี้ใช้ระบบมอเตอร์ซึ่งทำให้เสียงเปิดปิดประตูเงียบสนิทจึงทำให้ซูกุฮะไม่ได้ยินเสียงตอนที่แม่ของเธอเดินเข้ามา
หลังจากที่มิโดริจัดดอกคอสโม่ลงในแจกันข้างเตียงแล้วก็หย่อนตัวลงไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆซุกุฮะ ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะพึ่งกลับมาจากที่ทำงานในเสื้อเชิ้ตที่ทำจาดฝ้าย กางเกงยีนเข้ารูป และเสื้อครึ่งตัวที่ทำจากหนังทำให้ดูไม่ค่อยเป็นทางการนัก
เธอแต่งหน้าเพียงบางๆและมัดผมอย่างง่ายๆไว้ข้างหลังทำให้ดูไม่เหมือนคนที่กำลังเข้าวัยสี่สิบในปีหน้าเลยสักนิด ทั้งๆที่เธอเป็นถึงหัวหน้าบรรณาธิการนิตยสารคอมพิวเตอร์แท้ๆ แต่คนๆนี้ก็ยังไม่ใส่ใจที่จะทำตัวให้เข้ากับวัย ดังนั้นซูกุฮะจึงมองว่าเธอเป็นพี่สาวมากกว่าแม่อีกด้วยซ้ำ
“:Xาอย่างนี้ แต่ไม่ใช่ว่ายังทำต้นฉบับไม่เสร็จเหรอค่ะ?”
ซูกุฮะถามแต่มิโดริเพียงแค่หัวเราะ
“แม่แอบโดดออกมาเยี่ยมยังไงล่ะ ถึงจะมาบ่อยๆไม่ได้ก็เถอะแต่อย่างน้อยๆก็ขอวันนี้สักวันเถอะนะ”
“จริงสิ... วันนี้มัน...วันเกิดของพี่แล้วสินะ?”
ทั้งสองเงียบไปพักใหญ่แล้วเอาแต่มองคาสุโตะที่นอนอยู่บนเตียง ผ้าม่านพลิ้วลมในขณะที่แสงอาทิตย์ยามเย็นฉาบไล่ไปทั่วห้อง กลิ่นของดอกคอสโม่อ่อนๆกระจายอยู่ในอากาศ
“คาสุโตะอายุได้สิบหกปีแล้วล่ะสิเนี่ย?”
มิโดริพึมพำแล้วถอนหายใจ...
“จนถึงตอนนี้...แม่ยังจำได้เลยว่าตอนนั้นกำลังดูหนังอยู่กับมิเนะทากะซังในห้องนั่งเล่นก่อนที่คาซุโตะจะเข้ามาจากข้างหลังแล้วพูดว่า‘ช่วยบอกเรื่องพ่อแม่ของผมที’”
ซูกุฮะมองริมฝีปากที่มีเสน่ห์ของมิโดริซึ่งย่นลงเล็กน้อย รอยยิ้มข่มขื่นเล็กๆปรากฏอยู่บนริมฝีปากนั้น
“ตอนนั้นแม่ตกใจมากเพราะคาซุโตะพึ่งจะสิบขวบ ทั้งๆที่จนกว่าซูกุฮะจะเข้าม.ปลาย... เราตั้งใจจะให้มันเป็นความลับไปอีกเจ็ดปีแท้ๆ แต่เขาก็ยังไปเจอข้อมูลที่โดนลบของเขาใน Juki net เข้า"
ตอนที่ซูกุฮะฟังเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเธอก็ตกใจ...จากนั้นจึงหัวเราะเบาๆอย่างขมขื่นเหมือนกับแม่ของเธอ
“ให้ตายสิ... สมกับเป็นพี่จริงๆเลยสินะ?”
“เราตกใจมากจนไม่ทันแกล้งปกปิดหรือรู้สึกไม่ดี นั้นดูเหมือนจะเป็นแผนของคาสุโตะจนหลังจากนั้นมิเนะทากะซังพูดออกมาว่า ‘โดนเล่นแล้วไงล่ะ’ แล้วก็‘น่าอายจริงๆ’”
“ฮ่าๆๆ” ทั้งสองคนหัวเราะสั้นๆก่อนจะหันไปที่คาซูโตะผู้หลับใหลโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
พี่ชายคนนี่... คิริกายะ คาซุโตะ ที่อยู่ด้วยกันกับเธอมาตลอดเวลาตั่งแต่ยังจำความได้ หรือแท้จริงแล้วต้องเรียกว่า <<ลูกพี่ลูกน้อง>>
คิริกายะ มิเนะทากะ กับ มิโดริ... สามีภรรยาคู่นี้มีลูกสาวเพียงคนเดียวคือซูกุฮะ ในขณะที่คาซุโตะเป็นลูกของพี่สาวมิโดริ หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือลูกชายของป้าของซูกุฮะ ป้าของเธอกับสามีต้องทิ้งลูกชายที่อายุไม่ถึงปีไว้เบื้องหลังอย่างไม่มีทางเลือกเพราะอุบัติเหตุ อาการบาดเจ็บนั้นสาหัสมากจนพวกเขาทนไม่ไหวและทิ้งให้มิโดริดูแลคาซุโตะแทน
ความจริงของเรื่องนี้ได้ถูกเล่าให้ซูกุฮะฟังในฤดูหนาวของเมื่อสองปีที่แล้ว ซึ่งช่วงนั้นคาซุโตะยังคงติดอยู่ในเกมเสมือนจริงที่ชื่อ <<Sword Art Online>> ส่วนซูกุฮะที่ยังคงซ็อกจากเหตุการณ์นั้นตกอยู่ในสภาวะสับสนและเข้าไปหามิโดริ เธอถามแม่ว่าทำไมไม่ยอมบอกก่อนหน้านี้และทำไมเธอถึงเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ จากนั้นก็ระบายความสับสนนั้นที่แม่ของเธอ
สองปีผ่านไปหลังจากวันนั้น...จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกแปลกแยกอยู่ลึกๆ เป็นเพียงคนเดียวที่ไท่รู้ความจริงทั้งหมด แต่ถึงยังไงเธอก็พอที่จะเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่เธอ
แผนการของทั้งสองในตอนแรกคือรอให้ซูกุฮะเข้าม.ปลายก่อน แต่เพราะเหตุการณ์ไม่อำนวนทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจบอกเธอไปในขณะที่คาซุโตะยังมีชีวิต นี่เป็นการตัดสินใจที่ขมขื่นมากสำหรับพ่อแม่ของเธอเพราะการตายของผู้เล่นในเดือนแรกนั้นสูงมากถึงสองพันคน เพราะอย่างนี้พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องเพื่อสำหรับการตายของคาซุโตะด้วย เพราะอย่างน้อยๆพวกเขาก็จะได้ไม่ต้องกลับมาเสียใจถ้าซูกุฮะ <<ไม่รู้ความจริง>>
ส่วนซูกุฮะที่ออัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลายได้เข้ามาเยี่ยมคาซุโตะหลายต่อหลายครั้ง และพยายามคิดอย่างจริงจังว่าพี่ชายไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของเธอ และเธอต้องเสียอะไรไปให้กับความจริงในข้อนี้
และในที่สุดเธอก็ได้คำตอบว่าเธอไม่ได้เสียอะไรไปเลย...
ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปทั้งนั้น...ไม่มีอะไรต้องมาเจ็ดปวด... ทั้งก่อนหน้านั้น... หลังจากนั้น...เธอเพียงแค่หวังว่าคาซุโตะจะยังคงแข็งแรงดีอยู่เสมอ
หลังจากที่เวลาผ่านไปถึงสองปี คำขอของเธอกลับเป็นจริงเพียงครึ่งเดียว
“นี่... แม่ค่ะ”
ในขณะที่มองหน้าคาสุโตะอยู่ ซูกุฮะก็พูดออกมาเบาๆ
“อะไรเหรอ?”
“พี่เขาน่ะ... ตั้งแต่ตอนอยู่ม.ต้นแล้ว เขาเอาแต่เล่นเกมในเน็ตใช่มั้ย... แม่คิดว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?”
คำถามนั้นหมายถึงว่าการที่เขาไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของครอบครัวคิริกายะ และนั่นทำให้มิโดริรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“ไม่เกี่ยวกันหรอกจ๊ะ...เพราะว่าตั่งแต่ตานี่อายุหกขวบก็เริ่มทำเครื่องจักรเป็นของตัวเองจากชิ้นส่วนขยะในห้องทำงานแม่ คงต้องบอกว่าสายเลือดคนบ้าคอมของแม่คงไปติดต่อตานี่เข้า... ทางจิตน่ะนะ”
รอยยิ้มนุ่มนวลได้ปริออก...ซูกุฮะสะกิดแขนแม่เธอด้วยข้อศอก
“จะว่าไปแล้วแม่เองก็บ้าเกมเหมือนกันในตอนเด็กๆ...หนูได้ยินมาจากคุณยาย”
“ใช่แล้วล่ะ... แม่เองก็ชอบเล่นเกมในเน็ตมาตั่งแต่ชั้นประถม ในกรณีของคาซุโตะน่ะถือว่าจิ๊บๆ”
ทั้งสองได้หัวเราะอย่างบริสุทธิ์ใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...มิโดริหันบนเตียงด้วยสายตารักใคร่
“แต่ถึงแต่จะเล่นเกมอะไรก็ตาม แม่ไม่เคยเป็นผู้เล่นชั้นแนวหน้าสักทีเพราะขาดความตั้งใจกับความพยายามนี่แหละ สายเลือดส่วนนี้ไม่ได้ถ่ายทอดไปให้ลูกด้วย ดังนั้นลูกถึงสามารถอดทนฝึกเคนโด้มาตลอดแปดปี ส่วนคาสุโตะก็เอาตัวรอดมาถึงทุกวันนี้ และในอีกไม่ช้าเขาก็จะต้องกลับมา”
“ผลุบ” มิโดริวางมือลงบนหัวลูกสาวแล้วลุกขึ้น
“แม่จะไปก่อนแล้วนะ...แล้วอย่ากลับดึกนักล่ะ”
“ค่า... เข้าใจแล้ว”
ซูกุฮะพยักหน้าแล้วมิโดริก็หันไปมองคาซุโตะอีกครั้งและพูดว่า“สุขสันต์วันเกิด” จากนั้นก็ขยิบตาให้อีกหลายทีก่อนจะหันตัวเดินออกไปจากห้อง
ซูกุฮะจัดปลายกระโปรงให้เรียบร้อย...สูดลมหายใจเข้าลึกๆ... แล้วหันไปมองไฟสัญญาณ LEDของเครื่องมือที่ปกคลุมหัวพี่ชายเธออีกรอบ
แสงสีเขียวของช่องการเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตและสมองยังคงกระพริบอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนี้...ที่ไหนสักแห่งบนเน็ตเวิร์ค... ที่นั่นมีเซิพเวอร์ของ SAO และสติสัมปชัญญะของคาซุโตะอยู่โดยเชื่อมต่อผ่านNerve Gear ซึ่งมีกระแสสัญญาณจำนวนมากกำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ไม่ว่าพี่ชายของเธอจะอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ไม่ว่าเขาอาจจะกำลังเดินอยู่ในดันเจี้ยนมืดๆ หรืออาจจะกำลังพิจารนาร้านค้ามือสองที่ไหนสักแห่ง หรือบางทีอาจจะเผชิญหน้าอยู่กับมอนเตอร์ที่น่ากลัวและหันดาบเข้าสู้
เธอค่อยๆเอื้อมมือทั้งคู้เข้าไปกุมมือผอมๆของเขาอีกครั้ง
ประสาทสัมผัสของคาซุโตะถูกกันเอาไว้ด้วยNerve Gear ตั่งแต่ช่วงก้านสมองขึ้นไป แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมองดูผิวหนังที่เธอสัมผัสไว้ เธอก็เชื่อว่าการเอาใจช่วยของเธอต้องส่งไปถึงแน่ๆ
นั่นเพราะเธอสัมผัสได้... ว่าดวงจิตของพี่ชายคนนี้...หรือลูกพี่ลูกน้องคนนี้กำลังลุกโชนอยู่ เขามีความมุ่งมั่นที่เข้มแข็งและจะต้องเอาชีวิตรอดกลับมาสู่โลกที่แท้จริงได้อย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่งของผ้าม่าน...แสงสีทองของยามอัสดงได้กลายเป็นสีแสด... จากนั้นก็เริ่มเป็นสีม่วง และถึงแม้ว่าโรงพยาบาลจะตกอยู่ในแสงสลั่ว ซูกุฮะยังคงอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน คอยฟังเสียงหายใจของพี่ชายที่ยังเป็นจังหวะ
ข้อความเร่งด่วน... โรงพยาบาลได้รายงานมาว่าสติของคาซุโตะกลับมาอีกครั้งในเดือนถัดไป ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2024
ปล.ผมยังไม่ได้อ่าน นะ ไม่รู้ว่ามันป่าว