| 
       บทที่ 3 
       
      เอาล่ะ... 
      หลังจากที่ผมปล่อยให้ภาพนั้นติดอยู่ในหัวผมมาเกือบทั้งวันแล้ว 
      ...ในช่วงหัวค่ำ 
      ผมเดินเรื่อยเปื่อยไปรอบๆเมืองเล็กๆแห่งนี้ในช่วงที่ใกล้จะเป็นเวลาดึกสงัด...
      เพราะหลังช่วงบ่ายเป็นต้นไปผมจะไม่ขี่จักรยาน 
      ...ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะเดินเรื่อยเปื่อยแบบนี้แต่ผมมีสาเหตุแน่นอนที่จะไม่ขี่จักรยาน 
      ที่บ้านของผมมีจักรยาน 2 คัน 
      ...คันแรกคือจักรยานแม่บ้านที่ผมใช้ขี่ไปโรงเรียนส่วนอีกครันคือจักรยานเมาเท่นไบค์ที่ผมชอบมาก 
      โดยปกติผมจะเอาเมาเท่นไบค์มาขี่ได้ตามอารมณ์
      เพียงแต่ตอนนี้...ไม่สิ"คืนนี้"ผมยังไม่อยากจะขี่มันนัก 
      ก็นะ...ถ้าจู่ๆมีใครตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วพบว่าจักรยานที่มีแม่กุญแจคล้องใว้หลายๆอันเกิดหายไปอย่างไร้ร่องรอยมันก็เท่ากับป่าวประกาศให้รู้ว่าผมแอบหนีออกไปตอนกลางคืนน่ะสิ... 
      เอาล่ะ...ขอหยุดการพรรณาถึงอดีตใว้แค่นี้... 
      ตอนนี้เราจะเข้ามาสู่สภาวการณ์ในปัจจุบัน... 
      ผมแตกต่างจากน้องสาวทั้งสองคนของผม... 
      ผมไม่ถูกจำกัดไม่ให้ออกนอกบ้านตอนกลางคืนดังนั้นผมจะไปใหนมาใหนมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับผมมากนัก
      (แต่ก็นะ...น้องสาวทั้งคู่ของผมก็ไม่เคยจะทำตามกฏที่ว่านี่ซักที) 
      แต่เวลานี้ผมไม่อยากจะให้ครอบครัวผมรู้ว่าผมออกมาข้างนอกมากนัก... 
      ทำไมน่ะรึ...เหตุผลง่ายๆ... 
      ผมกำลังจะไปซื้อหนังสือโป๊น่ะสิ... 
      "................................." 
      เอ่อ...เดี๋ยวนะ... 
      อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น เรื่องทั้งหมดมันอธิบายได้ 
      เพราะว่าผมไม่สามารถลืมภาพกางเกงในของฮาเนคาว่าในวันนี้ได้น่ะสิ!!! 
      ....ชิบ....แล้วผมจะขุดหลุมฝังตัวเองทำไมล่ะเนี่ย 
      แต่มันก็เป็นความจริง... 
      ผมพูดได้อย่างเต็มปากไปเลยว่าผมคงไม่สามารถลืมมันไปได้ตราบจนวันตายเลยทีเดียว... 
      บอกตามตรง...ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสมองของผมมันจะจำอะไรได้กระจ่างชัดขนาดนี้... 
      นับจากวินาทีที่ฮาเนคาว่าเดินหายลับไป
      ภาพกางเกงในของเธอก็ทิ่มปั๊กเข้ามาในกบาลของผมแบบจังๆชนิดที่ล้างไม่ออก
      ตอนแรกผมคิดว่าผมน่าจะค่อยๆลืมมันไปได้อย่างช้าๆ... 
      แต่ดูเหมือนผมจะคิดง่ายไป 10 ชั่วโมงผ่านไปแล้วผมยังคงจำได้อย่างเด่นชัด.... 
      ถ้าตอนนั้นมีใครซักคนมาสับตัวกับผม
      หมอนั่นจะรู้สึกยังใงที่เห็นกางเกงในของฮาเนคาว่านะ 
      บัดซบเอ๊ย 
      แม้ว่าพวกเราจะคุยกันหลายเรื่องหลังจากนั้นแต่สิ่งที่สมองซีกซ้ายของผมจำได้แม่นยำที่สุดคือกางเกงใน!!! 
      และแม้กระทั่งตอนนี้ที่ผมเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่....อย่างเดียวที่ผมยังคงจำได้อยู่ก็คือกางเกงในของยัยนั่น!!! 
      ...ยัยนั่นน่ะเป็นคนนิสัยดี... 
      ฮาเนคาว่าน่ะเป็นคนที่เพียบพร้อมมาก... 
      เพราะแบบนั้นไอ้ความรู้สึกผิดที่ไม่ต้องการนี่มันก็เลยทิ่มปรี๊ดขึ้นกลางอก.... 
      หัวใจผมมันเรียกร้องให้รับผิดชอบ... 
      ฮาเนคาว่า...เธอน่ะเป็นคนดี...แล้วกับฮาเนคาว่าที่แสนดีคนนั้น...ผมดันเกิดความรู้สึกที่แสนลามกนี่กับเธอ 
      แล้วจะให้แก้ปัญหานี้ยังใงเล่า? 
      ถ้าเห็นกางเกงในของใครซักคนมันก็ต้องเอาของที่เหมือนๆกันเข้าไปสู้ด้วยใช่มั๊ย?...เอาล่ะทีนี้เมื่อกางเกงในที่คุณเห็นเป็นของสาวน้อยน่ารักระดับสูงของโรงเรียนเอกชนนาโอเอ็ตสึที่กำลังตามกระแสด้วยการใส่กระโปรงสั้นฉับพลันทันใดดันเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดทำให้เห็นกางเกงในของเจ้าหล่อนทุกซอกทุกมุมล่ะ? 
      ว่ากันตามตรง...ผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนตอน ม.ต้น... 
      ไม่สิ...มองย้อนไปตอนประถมเรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยมีเหมือนกัน 
      ...มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลย 
      ผมจะพูดยังใงดีล่ะ
      ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของการ์ตูนตาหวานยุค 80 นิดๆแล้วล่ะ.... 
      ใครจะไปคิดล่ะว่าคนอย่างฮาเนคาว่า
      สึบาสะจะเป็นคนปักธงลงบนตัวผมได้... 
      :-)เอ๊ย(คำต้นฉบับมัน...จนใจแปลให้สุภาพครับ) 
      นี่มันอาชญากรรมชัดๆ 
      ผมค่อนข้างมั่นใจนะว่าสาวๆทั้งหลายที่เคยเผลอเปิดหวอให้ผู้ชายดูน่ะไม่ได้คิดมากรึจะเข้าใจความรู้สึกตอนนี้หรอก 
      แต่กับผมมันเป็นความรู้สึกที่สาหัสสากรรจ์มากๆเลย 
      อ่า...ถ้าจะคิดให้ดีตั้งแต่ที่ผมโดนปักธงมาแล้วเนี่ย...คนอื่นคงมองว่ามันก็เป็นแค่ผลกระทบเล็กๆเองเท่านั้น 
      จะเรียกว่าเป็นอีเวนท์การพบเจอยังไม่ได้เลย 
      ยิ่งถ้าพูดถึงฝั่งฮาเนคาว่าเองป่านนี้เธอคงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ 
      จะว่ากันตรงๆตอนนี้ก็คือผมไม่อยากจะรู้สึกผิด.....ไม่สิ....แค่ไม่อยากนึกถึงมันเท่านั้นเอง... 
      อย่างที่รู้ๆกัน ผมมันก็แค่มนุษย์เดินดิน 
      ตอนที่ผมกินข้าวอยู่ผมเองก็เผลอนึกถึงเรื่องนี้เหมือนกัน...แน่นอน
      มันเส็งเคร็งสุดๆ 
      ในระยะเวลาสั้นๆของชีวิตผม
      ถ้าจะให้ผมแบกรับความผิดแบบนี้ผมเองก็ค่อนข้างกลัวเหมือนกัน 
      หวาดกลัวที่จะแบกรับมันต่อหน้าคำว่า... "เพื่อน" 
      นั่นคือหนึ่งในสาเหตุที่ผมค่อนข้างเกลียดมัน... เกลียดในความไม่ชัดเจนของมนุษย์ 
      ผมคงปล่อยวางไม่ได้ถ้ายังมัวแต่คิดถึงเรื่องนี้ 
      แล้วก็เพราะแบบนี้แหละ
      หลังจากที่ทิวทัศน์ข้างนอกมืดลงผมถึงต้องแอบย่องออกจากบ้านมาแบบนี้ใง 
      เป้าหมายของผมในตอนนี้มีเพียงการไปร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเล็กๆนี้เพื่อซื้อหนังสือโป๊เท่านั้น... 
      และผลสำเร็จของมิชชั่นนี้ก็คือหนังสือรวมภาพกราเวียสองเล่มระหว่างกลับบ้าน 
      แน่นอนว่าผมซื้อหนังสืออย่างอื่นปนมากับหนังสือโป๊ด้วยเช่นกันเพื่อตบตาคนขายที่สักแต่ว่าขายล่ะนะ 
      แล้วก็...อย่ามาเลียนแบบวิธีนี้ของผมเพื่อซื้อหนังสือโป๊แค่สองเล่มล่ะ
      มันไม่คุ้มหรอก 
       
      ถ้าฮาเนคาว่าเป็นหัวหน้าห้องเหนือหัวหน้าห้อง 
      ผมก็คงเป็นชายเหนือชาย(มุกนี้ขำไม่ออกแฮะ) 
      หลังจากตรวจสอบอย่าถี่ถ้วนว่าไม่มีคนรู้จักอยู่ในร้านอย่างแน่นอน 
      ก็ได้เวลาทำตามแผนการ...ซื้อหนังสือโป๊
      จากนั้นก็ค่อยไปจัดการโอเวอร์ไรท์(เขียนทับ)ลงไปในสมองของผม 
      ผมค่อนข้างแน่ใจว่าฮาเนคาว่าไม่ได้คิดถึงวิธีนี้แน่ๆในตอนที่เธอรั้งตัวผมใว้
      แต่ผมตัดสินใจที่จะใช้วิธีนี้เพื่อฮาเนคาว่าเอง
      เพราะวิธีอื่นดูท่าจะไร้ผลไปแล้ว (จะให้พูดลงลึกก็คงประมาณว่า
      ฮาเนคาว่าไม่ได้คิดเลยว่าจะใช้วิธีนี้กับผม เพราะผมตั้งใจทำด้วยตัวของผมเอง)  
      ความหื่นย่อมต้องถูกเขียนทับด้วยความหื่น
      นี่ล่ะคือหนทางที่ดีที่สุด... 
      ดังนั้นถ้าลืมมันไม่ได้
      ก็หาอะไรที่หื่นกว่ามาทับมันซะก็สิ้นเรื่อง 
      วิธีนี้คงพอจะทำให้ผมลืมๆไปบ้างล่ะน่า 
      แน่นอนว่าการเห็นภาพแบบจะๆกับจ้องเอาจากรูปมันต่างกันอย่างใหญ่หลวง...แต่ผมก็จะกลบความต่างนั้นด้วยจำนวน 
      และเพื่อจะกลบความต่างนั้น
      ผมลงทุนซื้อหนังสือโป๊สองเล่มที่เต็มไปด้วยกางเกงในของสาวๆม.ปลาย 
      ...แล้วก็อาจจะเป็นเพราะผมเคยซื้อหนังสือหื่นไปตอนต้นเดือนมีนาแล้วตอนนี้ผมเลยรู้สึกปวดใจกับค่าใช้จ่ายชอบกล...แต่มันก็ไม่ได้มากมายขนาดจะทำให้ผมเครียดจนเป็นแผลในกระเพาะหรอก 
      ทำไมน่ะรึ...เพราะมันชวนปวดหัวแทนนี่สิ 
      แต่มันไม่มีทางเลือก 
      ผมยอมให้ตัวเองมีความรู้สึกแบบนี้กับฮาเนคาว่าไม่ได้ 
      ความรู้สึกผิดสามารถฆ่าคนได้ 
      เหมือนกับที่ความเบื่อสามารถฆ่าคนได้...ผู้คนก็สามารถตายได้เพราะความรู้สึกผิดเช่นกัน 
      อา...........อา... 
      เงินพวกนี้จะซื้อของกินได้กี่อย่างกันนะ? 
      "แต่ว่า......เพื่อน" 
      ในระหว่างที่ผมถือถุงหนังสือโป๊อยู่ในมือข้างหนึ่ง...ผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยมือที่ว่างอยู่ก่อนจะเช็ครายชื่อในสมุดโทรศัพท์แล้วพึมพัม 
      "......มันไม่เหมือนตัวผมที่อยากเป็นซักนิด" 
      ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มตระหนัก 
      ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าผมจะพูดคำพูดนั้นออกไปได้ 
      ตั้งแต่เมื่อใหร่กันนะที่ผมกลายเป็นคนแบบนี้ 
      ตอนอยู่ม.ต้น
      ผมเองก็เหมือนคนปกติที่ยังต้องการการพูดคุยกับคนอื่น 
      ยิ่งตอนอยู่ชั้นประถมยิ่งไม่ต้องพูดถึง... 
      ...ถ้าจะว่ากันจริงๆ คงหลังจากที่ผมกลายเป็นนักเรียน
      ม.ปลาย...สินะ 
      ผมกลายเป็นคนแบบนี้หลังจากนั้นงั้นสิ? 
       
      คำอธิบายที่ดีที่สุดตอนนี้คงประมาณว่า... 
       
      หลังจากที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง
      ผมเลือกที่จะสอบเข้าโรงเรียน ม.ปลายระดับสูง...แล้วเจือกสอบติดอีกต่างหาก 
      แต่หลังจากที่คว้าโอกาสนั้นใว้ได้....ผู้คนรอบข้างกลับไม่มีใครเป็นอย่างผม 
      มันเป็นความล้มเหลว 
      ...ไม่สิ....มันไม่น่าใช่แบบนั้น 
      ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงยังมีโอกาสอีกเยอะแยะที่จะเริ่มต้นใหม่... 
      รึต่อให้คะแนนผมมันห่วยแตกเกินเยียวยาจริงๆก็ไม่น่าจะใช่สาเหตุที่ทำให้ผมหลุดกระแส...
      กลับกันเรื่องพวกนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้ผมพูดคุยกับคนอื่นๆมากขึ้นด้วยซ้ำ 
      ...ผมไม่ได้ถูกกีดกันจากผู้คน...กลับกันผมต่างหากที่ปฏิเสธผู้คน 
      "อืม" 
      บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแฮะ 
      ถึงจะบอกว่าไม่ต้องการเพื่อน....แต่มันก็เป็นแค่คำที่พูดเอาเองของคนที่ไม่มีเพื่อนซักคนเท่านั้น 
      ราวกับเป็นการป้องกันตัวเอง 
      เพื่อน 
      ...สิ่งที่ไม่มีจะทำยังใงมันก็ไม่มีทางที่จะมีหรอก 
      คนที่ไม่ต้องการเพื่อนกับคนที่ไม่มีเพื่อนมันก็ไม่ต่างกัน.... 
      แต่จริงๆแล้วคนอย่างผมก็ไม่ได้มีคนเดียวหรอกยังมีคนอื่นๆอีก...เพียงแต่ว่าไม่มากเท่านั้นเอง 
      คนอื่นๆอย่างพวกปีหนึ่งรึปีสองเองก็มีพวกไม่ค่อยชอบที่จะพูดกับคนอื่นๆเหมือนกัน 
      ต่อให้พวกนั้นอยู่ในที่คนพลุกพล่านขนาดใหนก็เถอะ 
      แต่ว่านะ 
      "ถึงบอกว่าไม่อยากจะมีเพื่อนก็เถอะ
      แต่ผมก็อยากจะมีแฟนกับเขาซักคนเหมือนกัน.....แบบนี้คงไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนลามกหรอกนะ?" 
      .....ลักลั่นย้อนแย้งดีแท้ 
      ให้ตายสิน่า....ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากางเกงในแบบนั้นจะทำให้ผมต้องมาละลายทรัพย์แบบนี้ได้ 
      ทั้งๆที่จะพูดไปมันก็แค่เศษผ้าชิ้นนึงแท้ๆ 
      ยิ่งกว่านั้น....
      ทำไมพวกผู้หญิงถึงใส่ไอ้ของลามกพรรค์นี้ด้วยตัวเองทั้งๆที่บอกว่าคนที่ดูมันลามกเล่า...ไม่ใช่ว่าพวกเธอเองหรอกเรอะที่ลามกน่ะ.... 
      อยู่ดีๆไอ้ความคิดมุมกลับนี่ก็โผล่งเข้ามาในหัวผมซะงั้น... 
      จะพูดไปแล้วถ้าคุณอยากได้มันซักตัวคุณก็ซื้อมันได้ทุกที่นี่นะ 
      ....อ่า...ไม่สิ... 
      ถ้าอยู่ดีๆเดินเข้าไปซื้อมันจะผิดกฏหมายรึเปล่าเนี่ย 
      ...แต่ถึงไม่ผิดมันก็คงเฉียดๆละมัง 
      จริงๆเล๊ย...ผมน่าจะเป็นพวกพืชผักไปซะก็ดี 
      ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ 
      ไม่ก็เป็นพวกก้อนดินก้อนหินรึแท่งเหล็กก็ได้.... 
      คนเราเองมันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว 
      "หืม...ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย" 
      ตอนแรกสุดนั้นผมสาวเท้ายาวๆจนเกือบจะเป็นการวิ่งเพื่อไปที่ร้านหนังสือก่อนที่มันจะปิด 
      แต่ในตอนขากลับผมค่อนข้างใช้เวลานานพอดูในการเดินทอดน่องเรื่อยเปื่อย...
      จนเวลาผ่านไป...จากวันเก่าตอนนี้เข้าสู่วันใหม่แล้ว 
      ตอนนี้เป็นวันที่ 26 มีนาคม 
      ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป...วันหยุดฤดูใบไม้ผลิได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว 
      ผมยัดโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าตัวเองก่อนเร่งฝีเท้าอีกนิดเพื่อกลับบ้าน... 
      ร้านหนังสือนี่ไม่ถือว่าใกลเท่าไหร่ 
      ถ้าจะเทียบระยะทางกันระยะห่างจากร้านหนังสือถึงบ้านกับระยะห่างจากบ้านไปโรงเรียนก็ไม่ห่างกันมาก 
      จะใช้จักรยานรึจะเดินไปเรียนซะยังใงก็ถึงเหมือนๆกัน 
      ต่างกันก็แค่เวลา.... 
      แต่นั่นแหละที่มันสำคัญมากๆ 
      บ้านผมน่ะไม่มีกฏว่าให้กลับบ้านตามเวลาก็จริง....แต่ผมไม่อยากจะกลับบ้านให้มันช้ามากเหมือนกัน 
      เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าพวกน้องสาวของผมอาจจะแอบดอดเข้าไปในห้องโดยที่ผมไม่อนุญาตก็ได้ 
      ถ้าไม่เพราะพวกน้องๆของผมป่านนี้ผมคงเอาจักยานมาแล้ว
      แล้วก็คงไม่ต้องมาเดินคิดอะไรแบบนี้แน่ๆ... 
      ว่าไปแล้วสำหรับยัยแสบสองคนนั้นแล้วจะมีเรื่องให้คิดแบบนี้รีเปล่าล่ะนั่น 
      ...อ่าฮะ...จะว่าไปก็พึ่งจะคิดได้
      ผมเองก็เคยเห็นกางเกงในของน้องสาวผมเหมือนกันนี่นา 
      เพราะตอนที่พวกนั้นออกมาจากห้องอาบน้ำก็จะใส่แค่ชั้นในเท่านั้นเอง 
      แต่...เรื่องนั้นมันนอกประเด็น ช่างมันละกัน 
      ผมไม่รู้ว่าผมจะคิดอะไรไร้สาระแบบนี้ไปทำไม 
      ในตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว 
      มันคงจะดูงี่เง่ามากเลยถ้าหากว่าผมโดนรถชนตอนนี้ 
      จริงๆแล้วผมไม่คิดว่าจะเจอพวกอุบัติเหตุหรอกนะ
      แต่ในระหว่างทางกลับบ้านที่ยังมีหนังสือโป๊อยู่ในครอบครองนี่ผมคิดว่าผมน่าจะระวังตัวใว้หน่อยดีกว่า 
      เกิดจับผลัดจับผลูเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ
      ถึงตอนนั้นของที่อยู่กับตัวผมต้องโดนตรวจสอบแน่ๆ... 
      "รวมดาวสาว ม.ปลาย : สรวงสวรรค์กางเกงใน" 
      ...เชื่อเหอะว่าถ้าเกิดว่าฮาเนคาว่ารู้เข้าเธอคงไม่คิดกับผมในทางที่ดีแน่ๆ 
      ไม่นะ... 
      นี่เป็นหนทางที่จะปกป้องภาพลักษณ์ของเธอในใจผม.....ผมไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว 
      ....อึก....แล้วก็เพราะเจ้านี่ผมในตอนนี้เลยรู้สึกเหมือนอยู่กลางเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสวรรค์กับนรกเลย 
      จริงอยู่ที่ว่าถ้ามันมืดมากๆมันก็อันตราย
      แต่ดีที่แถวนี้ออกจะบ้านนอกแล้วรถก็มีไม่เยอะเท่าไหร่ ถ้าคอยสังเกตไฟหน้ารถดีๆมันก็ไม่มีปัญหาอะไร 
      ในตอนที่ผมนึกแบบนั้นขึ้นมาอยู่ๆผมก็เริ่มรู้สึกว่ารอบๆตัวมันมืดลง 
      เร็วเท่าความคิดผมแหงนหน้าขึ้นมองด้านบนแล้วก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด 
      แสงจากไฟถนนหายไปนี่เอง 
      ไฟกิ่งตามถนนในรัศมีห้าเมตรรอบๆตัวผมไม่มีแสง.....อ่า....ยังดีที่ไม่ใช่ทุกต้น 
      หนึ่งในนั้นมีอยู่ต้นนึงที่ยังสว่างอยู่ 
      ว่าแต่พวกไฟกิ่งมันเสียรึใงนะ? 
      แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกไฟถนนนี่จะเสียพร้อมกันในคราวเดียวแบบนี้.... 
      ไฟดับรึใงกัน...แต่ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมถึงยังมีไฟอีกต้นนึงที่ยังติดอยู่ล่ะ? 
      ผมครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้.... 
      แต่ก็นะ ถึงผมจะคิดแบบนั้นก็เถอะมันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกมากนัก....ผมยังคงพาขาทั้งสองของผมก็ยังก้าวเดินต่อไป 
      ถึงจะไม่ต้องรีบกลับบ้านก็จริงแต่ในตอนนี้ผมน่าจะรีบๆกลับบ้านไปฉีกถุงพลาสติกออกแล้วทำตามความตั้งใจแต่แรกมากกว่าไม่ใช่เรอะ 
      ใช่แล้ว...ในตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรจะสำคัญไปมากกว่านี้อีกแล้ว 
      "เจ้าน่ะ!" 
      เพราะงั้น... 
      "เฮ้....เจ้าน่ะ เจ้าคนผู้นั้น" 
      เพราะงั้น...อย่าพึ่งมาเรียกผมตอนนี้สิ...ช่างเหอะ
      อย่าไปสนใจเธอเลย....หืม..."เจ้า"งั้นเรอะ? 
      ไอ้วิธีพูดแนวโบราณนี่มันอะไรฟะ.... 
      ผมไม่สามารถที่จะเมินเสียงนั้นได้อีก 
      ผมมองไปทางต้นเสียง....ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างดึงดูดไป....ราวกับเวลาถูกหยุด 
      ภายใต้แสงไฟโดดเดี่ยว 
      ท่ามกลางแสงไฟทั้งมวลบนเส้นทางที่ก้าวเดิน......
      "เธอ" อยู่ที่นั่น 
      "...เรา... เจ้าจะช่วยเราได้หรือไม่?" 
      เรือนผมสีทองที่ไม่เข้ากับบ้านนอกแบบนี้ 
      บนวงหน้าของเธอ.....ปรากฏสายตาเย็นชา 
      ชุดที่เธอสวมใส่....ที่มีภาพลักษณ์สูงส่งเกินกว่าที่จะอยู่ในที่แบบนี้ 
      ไม่สิ...เพราะชุดมันอยู่บนร่างกายของเธอต่างหากมันจึงดูสง่า.... 
      ชุดนั้น....มันงดงามเกินจะพูดออกมาได้...แต่ละชิ้นที่ถักทอขึ้นมาล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อผ้าชั้นสูง... 
      แต่ตอนนี้..... พวกมันดูไม่เหลือความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว... 
      ขาดวิ่นราวถูกฉีกกระชาก 
      หมองหม่นและเปียกรื้น 
      ราวกับเป็นเพียงเศษผ้าสกปรกเท่านั้น 
      บางทีผ้าขี้ริ้วเศษๆอาจจะดูดีกว่าด้วยซ้ำ....มันดูแย่จนผมต้องเบือนหน้าหนี 
      "ได้ยินรึไม่...ช่วยเราที" 
      『เธอ』จับจ้องมาที่ผม... 
      สายตาที่เฉียบคมและเย็นชานั้นราวกับจะทะลวงเข้ามาในร่างของผม....แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในสถานการณ์แบบนี้ผมกลับไม่รู้สึกกลัว 
      ทำไม『เธอ』 ถึงอยู่ที่นี่ด้วยสภาพเหนื่อยล้าขนาดนี้ 
      พิงหลังเข้ากับไฟถนน... 
      นั่งลงบนพื้นผิวยางมะตอย 
      ไม่สิ......จะเรียกว่านั่งลงกับพื้นคงไม่ได้ 
      มันราวกับว่าเธอติดอยู่บนพื้น 
      『เธอ』 ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยนอกจากจ้องมองมาที่ผม 
      ....เปล่าเลย... 
      ต่อให้เหนื่อยแค่ใหนแค่การพยุงตัวเข้ากับเสาไฟบนถนนก็ไม่น่าจะยากนัก... 
      แต่『เธอ』ไม่สามารถทำแบบนั้นได้...นอกจากการมองมาที่ผม『เธอ』คงทำอะไรไม่ได้อีก 
      เพราะมือที่จะเกาะเกี่ยวนั้น.....ไม่มี 
      แขนขวาจนถึงข้อศอก 
      แขนซ้ายจนถึงหัวใหล่ 
      มันถูกตัดออกไป... 
      "...............อุ!!!!!" 
      ไม่เพียงเท่านั้น 
      ท่อนล่างของเธอก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน 
      ขาขวาจากปลายเท้าถึงหัวเข่า 
      ขาซ้ายจากปลายเท้าถึงโคนขา 
      ทั้งคู่ถูกตัดสะบั้น 
      ...เดี๋ยวสิ...มีแค่เท้าขวาเท่านั้นที่รอยตัดชัดเจน......พื้นผิวที่โดนตัดเรียบจนน่าใจหาย... 
      ส่วนแขนขวาแขนซ้ายและขาซ้ายราวกับถูกสับนับครั้งไม่ถ้วน 
      หรืออีกในความหมายหนึ่ง『เธอ』ในตอนนี้ได้สูญเสียระยางค์ทั้งสี่ไปแล้ว 
      เพราะอยู่ในสภาพแบบนี้....เพราะเป็นแบบนี้เธอจึงไปที่ใหนไม่ได้นอกจากอยู่ใต้แสงไฟ... 
      แบบนี้มันห่างใกลจากคำว่าเหนื่อยเกินไปแล้ว... 
      มันเรียกได้ว่าใกล้จะตายแล้วซะด้วยซ้ำ 
      "โอะ....เฮ้....คุณใหวรึเปล่าครับ?" 
      หัวใจของผมตอนนี้เต้นรัวราวกับนาฬิกาปลุก....พูดได้เลยว่ามันเป็นแบบนั้น 
      ถึงจะรู้ว่าเป็นแค่การเปรียบเทียบก็เถอะ...แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ 
      หัวใจผมมันเต้นราวกับจะระเบิด 
      ราวกับมันจะหลุดออกมาจากอก 
      ราวกับจะบอกว่าอันตรายกำลังคืบคลานมา 
      เหมือนนาฬิกาปลุกที่ไม่ยอมดับ 
      "....ใช่แล้ว...ต้อง...ต้องเรียกรถพยาบาล!!!" 
      แขนขาถูกตัดไปแบบนี้ปริมาณเลือดที่เสียไปย่อมไม่ใช่น้อยๆแน่... 
      ผมควรจะคิดแบบนั้นแต่ในเวลานี้ผมกลับมัวแต่คิดถึงโทรศัพท์มือถือที่ผมพึ่งยัดลงกระเป๋าไป.... 
      มือของผมสั่นระรัว...แค่กดเบอร์ให้ถูกยังแทบไม่ได้ 
      ...แล้วเบอร์ที่เรียกรถพยาบาลมันเบอร์อะไรล่ะวะเนี่ย 
      117? 
      115? 
      ชิบหองเอ๊ย!!!! ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้เม็มเบอร์ลงในสมุดโทรศัพท์ซะก็ดีหรอก 
      "...รถพยาบาลรึ...ของแบบนั้นเราไม่ต้องการหรอก" 
      『เธอ』 
      ทั้งๆที่อยู่ในสภาพที่แขนขาถูกตัดขาด...สติของเธอกลับยังไม่หลุดลอย 
      และยังคงใว้ซึ่งเจตน์จำนงค์อันแรงกล้า....เจตน์จำนงค์ที่ผูดกับผมด้วยคำพูดที่ว่า..... 
      "ดังที่กล่าวไป.....มอบเลือดของเจ้าให้กับเรา" 
      ".............." 
      มือที่กดอยู่บนโทรศัพท์ของผมหยุดกึก... 
      จู่ๆผมก็นึกถึงเรื่องที่ฮาเนคาว่าพูดใว้ตอนกลางวันได้.... 
      ข่าวลือในหมู่พวกผู้หญิง 
      อะไรกันนะ? 
      เธอว่ายังใงบ้างนะ? 
      ยามราตรี... 
      อย่าได้ออกไปข้างนอกตามลำพัง................. 
      "....เรือนผมสีทอง" 
      ผมสีทอง 
      ผมสีทองจะ........ 
      ภายใต้แสงไฟ.....ผมสีทองจะทอประกายลานตา 
      .....และ.... 
      ไม่มีเงา 
      ภายในรัศมีนี้ไฟทุกดวงดับทั้งหมด..มีเพียงแค่ดวงที่『เธอ』อยู่ข้างใต้เท่านั้น...ดูราวกับ『เธอ』กำลังอาบแสงไฟอยู่เลยทีเดียว 
      เรือนผมสีทองของเธอส่องประกายภายใต้ไฟนี้...ช่างระยิบระยับ...แต่ทว่า 
      『เธอ』ไม่มี"เงา" 
      ไม่ใช่ว่าผมมองไม่เห็นเงา.... 
      แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าเงานั้นน่ะ...มันไม่มี 
      "นามของเราคือ..." 
      จู่ๆ『เธอ』ก็พูดขึ้นมา 
      "นามของเราคือคิสช็อท - อาเซโรร่าโอริออน -
      ฮาร์ทอันเดอร์เบลด.......แวมไพร์เลือดเย็นผู้หลงใหลในโลหิตและคมดาบ" 
      ชุดที่เปรอะเปื้อน 
      แขนขาทั้งสี่ที่ถูกสะบั้น 
      ไม่จำเป็นต้องรักษา 
      ยามเมื่อเธอเผยอริมฝีปาก.....คุณจะมองเห็นเขี้ยวคู่หนึ่ง... 
      เขี้ยว...........ที่แหลมคม 
       |