| 
       จู่ๆผมก็ได้สติกลับคืนมา... 
      ว่ากันตามจริงผมรู้สึกเหมือนเกิดใหม่มากกว่า 
      ...ไม่สิ...ต้องบอกว่าตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งจะตรง
      ที่สุด 
      "เฮ้อ!....แค่ฝันไปหรอกงั้นเรอะ" 
      ...ก็อยากจะพูดอะไรเทือกนั้นอยู่หรอกนะ 
      แต่นี่มันไม่ใช่ความฝันนี่สิ............ถ้าเป็นความฝันจริงๆสถานที่ที่ผม
      ควรจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ควรจะเป็นที่นอนในห้องของผม 
      แต่ที่นี่ไม่ใช่ห้องของผม 
      มันเป็นสถานที่ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ 
      อีกทั้งเหล่าน้องสาวที่คอยมากระทืบปลุกผมทุกเช้าก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย 
      "..........." 
      เอ่อ.... 
      ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพึ่งตื่นจากฝัน...เหมือนกับว่าผมพึ่งตื่นจากการ
      หลับแล้วหลับอีกยังใงยังงั้น 
      แล้ว....ที่นี่...ที่ใหน? 
      อาคารร้างเรอะ? 
      ผมเข้าใจว่าตอนนี้ผมอยู่ในสิ่งก่อสร้างแน่นอน...
      หน้าต่างรอบๆถูกปิดด้วยแผ่นกระดานตอกตะปู...หลอดไฟบนเพดานทุกหลอดเสียทั้ง
      หมด... 
      อีกอย่างหนึ่งที่ผมรับรู้ด้วยตัวเองตอนนี้... 
      ผมกำลังนอนอยู่บนพื้น... 
      พื้นที่นี่ถูกปูด้วยเสื่อน้ำมัน 
      รอยแตกลายงามีให้เห็นอยู่นับไม่ถ้วน 
      ผมผงกหัวขึ้นมาเพื่อที่จะดูสภาพรอบๆตัวตอนนี้...........ไอ้ที่แขวนอยู่บนกำแพงนั่นมันอะไรล่ะนั่น? 
      กระดานดำ? 
      แล้วก็....โต๊ะ? 
      เก้าอี้? 
      ....นี่มันห้องเรียนรึใง? 
      แล้วก็......ถึงจะบอกว่าห้องเรียนก็เถอะ.....แต่นี่ไม่ใช่ที่โรงเรียนเอกชนนาโอเอ็ตสึแน่ๆ....ผมพูดได้เต็มปากเลย 
      ถึงงั้นก็เถอะ............ที่แบบนี้มันให้ความรู้สึกอย่างอื่นไม่ได้นอกจากห้องเรียนนี่นา 
      ...ถึงคนพูดมันจะเป็นนักเรียนที่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าใหร่ก็เถอะนะ 
      และแม้ว่ามันจะไม่ใช่โรงเรียนแต่มันก็น่าจะเป็นอะไรซักอย่างที่มีความคล้ายกันมาก...จนทำให้ผมสามารถเข้าใจและตัดสินได้ว่าที่นี่คือโรงเรียนหรืออะไร
      ทำนองนั้น 
      แต่ถ้าเกิดไม่ใช่โรงเรียน...แต่ทำไมที่นี่ถึงมีกระดานดำอีกทั้งยังมีโต๊ะกับเก้าอี้เยอะขนาดนี้กันล่ะเนี่ย 
      ...อาเระ... 
      นี่มันบรรยากาศของโรงเรียนกวดวิชาชัดๆ 
      ที่นี่คงเป็นโรงเรียนกวดวิชาสินะ 
      ...แต่ก็อย่างที่พูดไป...ไม่ว่าจะมองไปทางใหน
      นี่ก็คงเป็นแค่โรงเรียนกวดวิชาที่ปิดตัวไปแล้ว 
      ทั้งหน้าต่างทั้งหลอดไฟ...ดูยังใงก็โรงเรียนกวดวิชาร้าง 
      คงจะเพราะมันมืดมากละมังผมเลยมองว่ามันเป็นแบบนั้นด้วย.............
      หืม....มืดมาก? 
      เฮ้ย...? 
      ก็แล้วทำไม..........ในห้องที่หน้าต่างทุกบานถูกปิดอย่างแน่นหนาจนไม่มีแสงลอดผ่านมาได้ซักแอะแบบนี้....ทำไมผมถึงมองเห็นล่ะ? 
      ผมรู้ว่ามันมืดมากๆ 
      บอกได้เลยว่าไม่มีแสงอะไรเล็ดลอดผ่านมาได้เลย 
      ตามปรกติในสถานการณ์แบบนี้แค่มองมือตัวเองก็คงแทบไม่เห็นแล้วด้วยซ้ำ....แต่
      ...ผมมองเห็น 
      แถมยังมองเห็นแบบชัดแจ๋วด้วย 
      ...ไม่จริงน่า....นี่มันเรื่องอะไรกัน? 
      อาจจะเป็นเพราะว่าผมพึ่งลืมตาขึ้นมาละมังความรู้สึกตอนนี้มันก็เลยยังเบลอๆ
      อยู่... 
      เอาล่ะ...เอาเป็นแบบนั้นละกันเพราะงั้นตอนนี้ผมควรที่จะลุกขึ้น........... 
      "....โอ๊ย" 
      เหมือนกับว่าผมกัดโดนอะไรซักอย่างในปากผม... 
      หืม....? 
      แล้วทำไมฟันเขี้ยวของผมมันยาวๆชอบกลล่ะเนี่ย? 
      ผมตั้งใจจะสอดนิ้วเข้าไปในปากเพื่อตรวจดูฟันของผม.... 
      ซึ่งหมายความว่าถ้าผมจะเอานิ้วเข้าไปในปากผมก็ต้องขยับแขนตามด้วย....ตอนนั้นเองที่ผมพึ่งจะรู้สึกตัว.... 
      บางอย่างที่กำลังนอนหลับทับแขนของผมจนทำให้ขยับแขนไม่ได้....นั่นก็คือเด็กผู้หญิง.... 
      "..............." 
      เอ๋.... 
      เด็กผู้หญิง? 
      "....เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย!?" 
      เด็กผู้หญิงตัวเป็นๆด้วย 
      อายุของเธอน่าจะราวๆสิบขวบ....มั๊ง? 
      เด็กผู้หญิงผมสีทองในชุดที่ดูเข้ากับตัวเธอดี............แล้วก็มีผิวที่ขาวละมุนราวกับโปร่งแสง.... 
      หายใจเบาๆดัง ชูว.........ชูว........... 
      กำลังหลับอยู่แฮะ.... 
      แถมดูท่าจะหลับยาวด้วยซะงั้น 
      "............" 
      แต่ตอนนี้ต่อให้รู้สถานการณ์ทั้งหมดแล้วก็ยังไม่เข้าใจอีกอยู่ดี 
      ทำไมผมถึงอยู่ที่นี่...แล้วที่นี่ที่ใหน....แล้วยัยเด็กหัวทองนี่เป็นใครผมไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้ซักนิด...แต่อย่างหนึ่งที่ผมรู้ว่าควรทำในตอนนี้ก็
      คือ... 
      ปลุกยัยเด็กนี่ขึ้นมาก่อน 
      กับยัยเด็กที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนในสถานการณ์ที่ชวนผิดกฏหมายแบบนี้ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น! 
      "อะ...เฮ้....นี่...ตื่นสิ" 
      ผมเลือกที่จะจับร่างของยัยเด็กผมทองคนนี้ในส่วนที่ไม่น่าจะผิดกฏหมาย(อย่างแขนเป็นต้น)แล้วเริ่มเขย่าตัวเธอ 
      "งุ.....เงียมมมมม" 
      ตอนนั้นเองที่เด็กผมทองคนนี้พูดออกมา... 
      "ขออีกห้า.......นา....ที...." 
      เด็กสาวผมทองพูดมาแบบนั้น 
      จากนั้นเธอก็หลับไปอีกรอบนึง.................... 
      "อะ....ตื่นเซ่...บอกว่าให้ตื่นใง!!!!" 
      ตอนนี้ผมไม่สนหรอกว่าเธอจะว่ายังใง....ผมยังคงเขย่าตัวเธอต่อไป 
      ".....งุ....อีก....แป๊ป.....นึง...." 
      "คิดจะนอนไปถึงใหนฟะหล่อนน่ะ?" 
      "........สี่...พาน...โหก...ร้อย....ล้าน....ปี.................แง่ม...." 
      "นั่นมันนานพอจะสร้างโลกใหม่ได้เลยนะว้อยนั่น!!!" 
      ผมแหกปากด่าไปแบบนั้นก่อนจะหุบลงเพราะนึกถึงบางเรื่องได้... 
      แล้ว...เวลาตอนนี้ล่ะ 
      เวลาตอนนี้คือ...................... 4.30 น. 
      ไม่สิ...ถ้าเป็นนาฬิกาแบบนั้นผมจะไม่รู้เลยว่านี่มันช่วงเช้ารึว่าช่วงบ่ายกันแน่ 
      โทรศัพท์....ใช่แล้วโทรศัพท์...เอาล่ะเจอละ 
      เวลาที่หน้าจอตอนนี้คือ 16.36... 
      ส่วนวันที่ก็... 28 มีนาคม !? 
      ผมจำได้ค่อนข้างจะแน่นอนเลยว่าครั้งสุดท้ายที่ผมดูโทรศัพท์มือถือกับเวลามันพึ่งจะเปลี่ยนเป็นวันที่
      26 มีนาเองนี่ 
      ซึ่งนั่นก็หมายความว่า...ผ่านไปสองวันแล้วงั้นเรอะ? 
      "......ไม่จริงน่า" 
      ถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน...แล้วมันเป็นความจริงซักกี่เปอร์เซนต์กันล่ะ? 
      นี่คงยังไม่ใช่เวลาที่จะปลุกยัยเด็กหัวทองนี่หรอก...ผมค่อยๆดึงแขนตัวเองออกจากหัวของเธออย่างเบาๆ 
      ขั้นแรกคงต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าที่นี่คือที่ใหน.... 
      ผมเดินไปที่ประตูห้อง(ที่น่าจะเป็นห้องเรียน)โดยพยายามไม่ทำเสียงดัง.......ประตูไม่ได้ล็อค...ด้านหนึ่งของมันเปิดอยู่แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีกับดักอะไรอยู่บนประตูด้วย 
      เป็นไปได้รึเปล่าว่าผมกำลังถูกขังอยู่ในที่ลึกลับเนี่ย(....ก็รู้นะว่ามันฟังดูงี่เง่า...แต่มันน่ากลัวจริงๆนี่) 
      ก็นะ...ก่อนที่จะไปพูดถึงเด็กสาวน่ารักผมทองที่ลักพาตัวผู้ชายอย่างผมมาโดย
      ไม่มีอะไรให้เธอแน่นอนแล้ว ก่อนอื่น... 
      หลังจากก้าวพ้นประตูมาก็จะมองเห็นช่องบันได 
      มันเขียนใว้ที่ผนังว่า [2F] 
      ชั้นสองสินะ? 
      ที่บันไดนั้นมีทั้งทางขึ้นและทางลง... 
      ผมคิดนิดหน่อยว่าผมควรจะขึ้นหรือลงดี....ก็นะ...ตามปรกติมันก็ต้องลงไปอยู่แล้ว 
      ถ้าไม่ทำแบบนี้จะออกไปจากตึกนี่ได้ยังใงกันล่ะ 
      ผมเห็นว่ามีลิฟท์อยู่ระหว่างบันไดด้วยเหมือนกันแต่ถึงไม่ต้องลองดูผมก็
      รู้....ลิฟท์มันเจ๊งไปแล้วแหงๆ 
      ผมก้าวเท้าลงบันไดไป 
      "...เอ....โตะ...
      บันทึกสมุดโทรศัพท์ในโทรศัพท์ยังมีเบอร์โทรกับอีเมลของฮาเนคาว่าอยู่...นั่นหมายความว่าการได้พูดคุยกับฮาเนคาว่าตอนพิธีปัจฉิมนั่นเป็นเรื่องจริง....แล้วความทรงจำที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องจริงด้วยเหมือนกัน...แจ่มมาก" 
      ....เพราะงั้นกางเกงในที่ผมเห็นก็ไม่ใช่ความฝัน... 
      ถึงผมจะรู้สึกเหมือนฝันไปก็เถอะ 
      "เงินในกระเป๋าเงินร่อยหรอ
      แล้วก็ใบเสร็จที่อยู่ในนี้.....หมายความว่าเรื่องที่ไปซื้อหนังสือโป๊มาก็เป็นเรื่องจริงด้วยสินะ.." 
      ผมพยายามที่จะไม่ใส่ใจกับมันก่อนจะพูดต่อ... 
      "แต่....ไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเนี่ย.........ดูยังใงก็ไม่ใช่ความจริงซักนิดนี่หว่า!!!!" 
      ....ผมฝันร้ายรึใง? 
      รึผมเข้าใจอะไรผิดไป? 
      บางที...............อาจจะมีผู้หญิงโดนรถชน....แล้วผมเกิดไปเห็นเข้า...เลย
      หน้ามืดเป็นลมไป? 
      เหอ.... 
      มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังใงเล่า....แต่ก็นะ
      ผมพึ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรกด้วยสิ 
      แล้ว...ระหว่างที่ผมไม่ได้สติ ก็มีใครบางคนพาผมมาที่นี่.... 
      ไม่น่าเป็นไปได้...ตามหลักแล้วถ้าเจอหมดสติแล้วจะช่วยจริงๆก็น่าจะเรียกรถพยาบาลมาไม่ใช่เรอะ 
      แต่เวลาที่โชว์บนหน้าจอมือถือของผมตอนนี้ไม่ผิดแน่นอน 
      เฮ้อ.........ไม่ได้กลับบ้านมาสองวัน...ไม่สิตามความรู้สึกคงต้องบอกว่าสามวันแล้วสินะ 
      นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมออกมาค้างข้างนอกโดยไม่บอกกล่าวกับที่บ้าน
      แถมระยะเวลาสามวันนี่มันเกือบจะแหกกฏที่บ้านผมวางใว้ให้ด้วยสิ 
      ถ้าเกิดว่าคนที่ทำเรื่องนี้เป็นน้องสาวทั้งสองของผมตอนกลับมาเธออาจจะดูสมกับเป็นผู้หญิงขึ้นมาบ้างก็ได้...แต่ยังใงซะตอนนี้ผมก็คงต้องกลับไปบอกที่บ้านก่อน 
      ต้องกลับไปตอนนี้เลย.... 
      ตามปกติในเวลาแบบนั้นผมมักจะคิดเรื่อยเปื่อยลอยชาย..... 
      แต่ไม่ใช่ตอนนี้...ขณะที่ผมกำลังเดินออกจากอาคารนี่...ไปในทางที่อากาศปลอดโปร่ง  
      ผมกระโดดข้ามเศษปูนใกล้ๆเท้า เดินหลบเศษเหล็ก เศษแก้ว
      แผ่นไม้แล้วก็กระป๋องที่ผมไม่รู้ว่าฉลากของมันอ่านว่าอะไร(แล้วทำไมผมถึงมองในความมืดได้ชัดขนาดนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน)
      นอกตัวอาคารนี้ปรากฏทิวทัศน์ของหญ้าที่ขึ้นรกเป็นช่วงๆจากนั้นผมก็ก้าวออกนอกตัวตึก................ตอนนั้นเอง... 
      ร่างกาย....... 
      ร่างกายของผม............ราวกับโดนแผดเผา 
      น่าจะรู้....ผมน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ.... 
      ตะวันยามเย็นที่เห็นอยู่ทุกวัน............ราวกับมืดลง 
      ทุกอย่างสายเกินการ.........ร่างกายของผมกำลังใหม้ 
      "อว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!" 
      ผมกรีดร้องราวกับเสียสติ 
      มันเจ็บปวดเกินกว่าจะบอกได้ 
      เส้นผม , ผิวหนัง , เนื้อใน , กระดูก , ทุกๆอย่าง.............ถูกแผดเผา 
      มันกำลังใหม้ 
      .....ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ....มันลุกลาม 
      "อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!" 
      แวมไพร์... 
      อ่อนแอต่อแสงแดดสินะ? 
      ราตรีคือศาสตราของแวมไพร์.....แต่มันไม่อาจทำลายดวงตะวัน 
      นั่นคือเหตุผล.....ที่ไร้ซึ่งเงา 
      แต่ตอนนี้ผมควรจะทำยังใงกับสภาพที่เกิดขึ้นกับผมดี -------- 
      "เขลายิ่งนัก!" 
      เสียงนั้นดังก้องมาจากในตัวอาคารในระหว่างที่ผมกำลังพยายามกลิ้งตัวลงกับพื้นเพื่อดับไฟโดยการใช้ความรู้เท่าที่พอจะมีอยู่บ้าง
      (ถ้าจำไม่ผิดผมเคยอ่านมาจากในหนังสือเล่มใหนสักเล่มว่าถ้าโดนไฟคลอกจะต้องทำแบบนี้)  
      ผมมองไปยังต้นเสียงนั้น... 
      ในขณะที่ผมกำลังใหม้...ความชื้นในร่างของผมหายไปอย่างมาก
      และด้วยสภาพแบบนี้เมื่อมองไปทางต้นเสียง...............ที่อยู่ต่อหน้าผมคงจะเป็นเด็กสาวผมทองขี้เซาคนนั้น 
      เด็กสาวคนนั้นมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่งดงาม.... 
      "เข้ามาข้างในนี้ เร็วๆเข้า!" 
      เธอร้องบอกแบบนั้น 
      แต่ถึงจะบอกแบบนั้นก็เถอะ....แต่เพราะความเจ็บมันมากเกินไปจนผมไม่สามารถเคลื่อนใหวได้ตามใจนึกร่างกายผมมันไม่ยอมรับคำสั่งอะไรอีกแล้ว 
      .......เมื่อเห็นผมเป็นแบบนี้....เด็กสาวราวกับตัดสินใจทันที
      เธอพุ่งตัวออกมานอกอาคาร 
      ทันทีที่พ้นตัวอาคาร ตอนนั้นเอง 
      เช่นเดียวกับผม........ร่างของเด็กสาวผู้มีผมสีทองก็ถูกแผดเผา 
      แต่ดูเหมือนเธอจะไม่แยแสเลยที่มันเป็นแบบนั้น
      เธอวิ่งมาที่ผมจากนั้นก็จับตัวผมที่กำลังจะกลายเป็นซาก....แล้วลากทันที 
      ไฟเริ่มขยายตัวลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ 
      เช่นเดียวกับความเร็วที่เธอลากผมด้วยเช่นกัน 
      ผมสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเธอ.... 
      พลังอันมหาศาลในร่างกายที่ดูราวกับเด็กๆ 
      เรียวแขนที่ผอมบางแต่เปี่ยมด้วยกำลังที่เหลือล้น........แต่ไม่มากพอที่จะอุ้มผมไป(ที่จริงคงได้แค่แบกล่ะนะ) 
      ทำได้เพียงแค่ลาก 
      ลากไปทั้งๆที่กำลังใหม้อยู่.... 
      ราวกับว่าแม้กำลังจะถูกไฟเผาอยู่มันก็ไม่ส่งผลอะไรใดๆกับเธอเลย...........แต่หลังจากที่เด็กสาวลากผมที่กำลังลุกเป็นไฟเข้าไปในตัวอาคารที่แสงแดดส่องไปไม่ถึงซึ่งมันก็กินเวลาชั่วระยะหนึ่งเหมือนกัน 
      เรื่องที่น่าแปลกใจอีกเรื่องก็เกิดขึ้นกับผม... 
      ร่างกายของผม.... 
      แล้วก็ร่างกายของเด็กสาวผมทองที่เคยถูกหุ้มด้วยเปลวไฟ ทันทีที่เข้ามาข้างในนี้เปลวไฟกลับอันตรธานไปจนหมด....ราวกับเวทย์มนต์ยังใงยังงั้น.... 
      ไม่ใช่แค่นั้น..........แม้แต่รอยแผลไฟใหม้ก็ไม่มี 
      อีกทั้งเสื้อผ้าเองก็ไม่มีซักที่ที่ดูเหมือนโดนเผา 
      อย่างกับว่ากำลังใส่ชุดพรางตัวอยู่ทำนองนั้นเลย 
      เด็กสาวผมทองในชุดวันพีชบางเบาเองก็อยู่ในสภาพเดียวกันกับผม.... 
      "เอ๋...เอ๋....เอ๋!!!!!!!!!!!" 
      "ให้ตายสิ" 
      ท่ามกลางดวงตาที่กำลังฟ้าฟาง....เด็กสาวเริ่มกล่าวคำพูด 
      "เจ้านึกบ้าอะไรจึงออกไปเดินท่ามกลางดวงตะวันเช่นนั้น......เราเพียงแค่นอนหลับไปชั่วครู่แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้
      เจ้าอยากจะตายมากนักหรือไร? หากว่าเป็นแวมไพร์ปรกติเจ้าคงจะสลายไปก่อนที่จะรู้สึกตัวแล้วด้วยซ้ำ!" 
      "เอ๋" 
      "คราวหลังอย่าแม้แต่จะออกไปข้างนอกหากว่าดวงตะวันยังส่องแสงอยู่
      แม้เจ้าจะดูเหมือนเป็นอมตะแต่เจ้าก็ยังจะถูกมันผลาญเผา เจ้าจะคืนชีพ ถูกเผา
      คืนชีพ ถูกเผา เป็นล้านๆรอบ ตราบจนกว่าพลังในการคืนชีพของเจ้าจะหมดลงหรือดวงตะวันจะลับตาเจ้าจักต้องพบกับนรกเช่นนั้นไปเรื่อยๆ
      เพราะเจ้าในตอนนี้คือผู้มีพลังแห่งแวมไพร์แล้ว......" 
      "เอ๋ --------------------!!!!!" 
      แวมไพร์!? 
      เอ่อ...เดี๋ยวสิ....นี่ไม่ใช่ความฝันรึการเข้าใจผิดใช่มั๊ย? 
      "เอ่อ....อ่าโน....แล้ว....คุณ....คุณคือ?" 
      เรือนผมสีทอง...ชุดขาวบางเบา 
      และดวงตาที่แสนจะเย็นชา.... 
      ไม่ใช่...อายุต่างกันมากเกินไป.........................เธอที่กำลังจะตายคนนั้นที่ผมเห็น
      แม้จะกะคะเนอายุไม่ตรงมากซักเท่าไหร่แต่ไม่ว่าจะดูยังใงเธอก็น่าจะอายุยี่สิบเจ็ดปีเป็นอย่างน้อย... 
      ทั้งหมดมันห่างจากเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบคนนี้มากเกินไป 
      ยิ่งไปกว่านั้น...อวัยวะ 
      แขนขวา , แขนซ้าย , ขาขวา , ขาซ้าย...เด็กสาวผมทองคนนี้มีครบถ้วน 
      ยัยเด็กสิบขวบคนนี้มีอวัยวะพวกนี้เหมือนปรกติ 
      เทียบกับเธอที่แขนขาถูกสะบั้น......................มันต่างกันโดยสิ้นเชิง... 
      แต่... 
      มันมีความคล้ายกันอยู่มาก 
      ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็ตอนที่คุณมองไปในปากของเธอเวลาเธอพูดคุณจะมองเห็นเขี้ยวเล็กๆที่ขาวสะอาด.........แล้วก็ยังมี....... 
      "อา....แฮ่ม..." 
      เธอพยักหน้าเล็กน้อย... 
      จากนั้นด้วยความมั่นใจอะไรซักอย่าง
      เด็กสาวเชิดอก(ที่ไม่ค่อยจะมี)ขึ้นแล้วกล่าวว่า.... 
      "นี่เราเอง...คิสช็อท - อาเซโรร่าโอไรออน -
      ฮาร์ทอันเดอร์เบลด อ้อ...เจ้าจะเรียกเราว่าฮาร์ทอันเดอร์เบลดก็ได้" 
      จากนั้นเธอก็พูดเรื่องที่ชวนอึ้งต่อมาอีกเรื่องหน้าตาเฉย 
      "ชั่วระยะเวลาสี่ร้อยปีเราเคยสร้างผู้รับใช้เพียงสองตนเท่านั้น....หืม?...หากจะวัดกันที่พลังในการคืนชีพของเจ้านับว่าเจ้าลืมตาตื่นขึ้นมาได้อย่างงดงาม
      และดูไปแล้วเราก็ไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าจะบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน
      ที่จริงตอนแรกเราก็ค่อนข้างเป็นห่วงเล็กน้อยที่เจ้าไม่ยอมลืมตาขึ้นมาสักทีล่ะนะ" 
      "ผะ.....ผู้รับใช้เรอะ?" 
      "ใช่แล้ว เจ้า....อืม จะว่าไปเราก็กำลังนึกได้
      เรายังไม่รู้ชื่อของเจ้าเลย...อืม แต่ก็นะ
      ชื่อของเจ้าที่เคยใช้มาตราบจนบัดนี้มันคงไม่มีความหมายอะไรสำหรับเจ้าอีกแล้ว
      ใช่ใหมล่ะ ผู้รับใช้แห่งเรา" 
      เธอหัวเราะน้อยๆ 
      แต่เป็นการหัวเราะที่แฝงใว้ซึ่งความชั่วร้าย... 
      "ยินดีต้อนรับ.........สู่โลกายามราตรี 
       |