@111018

นิยาย SAO Ver.3 Ch.2

starsatan View 870
บทที่2

พระจันทร์ขนาดใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้าที่ไร้เมฆหมอกเงาของผืนป่าข้างล่างนั้นกลายเป็นสีฟ้าอมเขียวเมื่อกระทบกับแสงจันทร์


ช่วงกลางคืนของAlfheim นั้นสั้นมากแต่ยังพอที่จะมีเวลาก่อนรุ่งสาง โดยปกติแล้วฉันจะไม่ชอบไปแถวป่าทึบเวลากลางคืนแต่ในทางเดียวกันมันก็ช่วยให้สามารถหนีได้ง่ายขึ้น


ไลฟาช่อนตัวอยู่ในเงาของต้นไม้ขนาดยักษ์และมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวในเวลานี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่ากลัวอยู่บนฟ้าเธอลดเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะพูดกับคู่หูที่อยู่ใกล้ๆ“พอปีกของนายฟื้นตัวเมื่อไหร่ให้รีบไปได้เลย เพราะฉะนั้นเตรียมตัวไว้ให้ดี”


“อ่า...แต่ผมยังเวียนหัวอยู่เลย...”


คู่หูเธอตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ


“นายยังเมาอากาศอยู่อีกเหรอ?ไม่อายบ้างหรือไงนะ? จนป่านนี้นายน่าจะชินได้แล้วสักที”


“ถึงเธอจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...อะไรที่มันน่ากลัวก็ยังน่ากลัวอยู่ดี...”


ไลฟาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด...


ที่ขดตัวอยู่ข้างต้นไม้คือผู้เล่นวัยรุ่นที่ชื่อเร็คคอน ซึ่งเป็นเพื่อนกับไลฟาในชีวิตจริง พวกเขาเริ่มเล่นเกม ALO หรือ Alfheim ONLINE ด้วยกันหรือก็คือพวกเขาเล่นเกมนี้มาได้เกือบปีแล้ว แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานขนาดไหนเร็คคอนก็ยังคงเมาอากาศทุกครั้งที่บิน ซึ่งในเกม ALO ทักษะการสู้กลางนั้นคือทุกสิ่งทุกอย่างแต่หลังจากที่ได้ต่อสู้เพียงสองสามครั้งก็ทำให้เขาหมดแรงซะแล้วดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยที่จะพึ่งพาได้นัก


ถึงเร็คคอนจะเป็นแบบนี้แต่เธอก็ไม่ได้เกียจเขาหรือที่จริงจะต้องบอกว่าเธอไม่สามารถทิ้ง “น้องชาย” คนนี้เอาไว้ได้รูปร่างของเขานั้นเป็นเด็กร่างกายบอบบางที่มีผมสีทอง หูยาวๆที่ชี้ตั้งและสีหน้าที่เหมือนกับกำลังจะร้องไห้ซึ่งรูปร่างนี้เป็นรูปร่างที่สุ่มขึ้นมาแต่กลับดูคล้ายตัวจริงของเขามากเลยทีเดียวครั้งแรกที่เธอเห็นเขาในเกมเธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้


สำหรับเร็คคอนแล้วไลฟาเองก็ดูคล้ายกับตัวจริงมากเลยเช่นกันสำหรับซิลฟ์แล้วเธอมีรูปร่างดีมากเลย คิ้วเรียวได้รูป ดวงตาคู่สวยและร่างกายที่ใหญ่เล็ดน้อยสำหรับคนที่เล่นเป็นเผ่านี้


ในตอนแรกเธออยากได้ตัวละครที่ให้ความรู้สึก<<สง่างาม>>และตัวละครนี้ไม่เพียงจะตรงกับความต้องการของเธอแล้วแต่ยังแถมน่ารักอีกด้วยส่วนคนอื่นๆไม่โชคดีนักและต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้หน้าตาตามที่ต้องการเมื่อเทียบกันแล้วไลฟาไม่มีอะไรให้บ่นได้เลย


ถึงจะจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไปแล้วก็ตามค่าความสามารถของตัวละครก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม แต่เร็คคอนกลับต้องฝึกสายตาอยู่นานจนกว่าจะชินเขาบอกว่าสมดุลของสายตาไม่ค่อยดีนัก


ไลฟาคว้าชุดเกราะของเร็คคอนเข้าที่ข้างหลังแล้วดึงขึ้นมาปีกโปร่งใส่ทั้งสี่กำลังเรืองแสงออกมาซึ่งหมายความว่าเขาสามารถบินได้อีกครั้ง


“เอาล่ะ...นายบินได้แล้ว คราวนี้ให้รีบออกจากป่าไปซะ”


“เอ๋...แต่ผมว่าเราจะต้องถูกเจอเข้าแน่ๆ เราน่าจะพักกันอีกสักพัก”


“อ่อนหัด! มีซาลาแมนเดอร์แค่คนเดียวเท่านั้นที่เก่งจริงๆถ้าเราระวังสักหน่อยก็ไม่โดนเห็นเข้าหรอกอีกอย่างคือพวกเราไม่อยู่ในสภาพที่จะสู้กลางอากาศได้แม้สักครั้งเดียวเพราะงั้นใจกล้าหน่อยแล้วรีบบินเร็วเข้า!”


“โอส...”


เร็คคอนตอบกลับเสียงอ่อนในขณะที่ชูมือซ้ายขึ้นมาจอยโปรงใสสำหรับควบคุมการบินปรากฏที่มือของเขาที่ปลายด้านหน้ามีลูกบอลปรากฏขึ้นมาซึ่งนี่คือที่ควบคุมการบินของ ALO เมื่อเร็คคอนดึงจอยเข้ามาหาตัวเองปีกทั้งก็เปล่งแสงแล้วยึดออกมา


หลังจากที่เห็นอย่างนั้นเองไลฟาก็ยึดปีกของตัวเองออกมาด้วยเธอขยับปีกของตัวเองสองสามทีโดยไม่ใช้จอยควบคุม นี่เป็นทักษะขั้นสูงที่เรียกว่า <<การบินโดยเจตนา>> ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานว่าเธอเป็นนักรบชั้นนำของ ALO


“เอาล่ะรีบออกไปจากที่นี่กัน!!” ไลฟากระซิบ


พอปีดถูกยึดออกมาจนสุดแล้วเธอก็ถีบพื้นออกเพื่อส่งตัวเองขึ้นบินไปสู่ดวงจันทร์วิสัยทัศน์ของเธอขยายออกจนสามารถมองเห็น ALfheimได้ทั้งหมดและให้ความรู้สึกเป็นอิสระไม่มีที่สิ้นสุด


“อ่า...”


พอได้บินขึ้นสูงไลฟาก็ครางออกมาอย่างพอใจเพราะสิ่งที่รู้สึกนั้นไม่อาจจะหาอะไรมาทดแทนได้เธอ:X่ร้องขึ้นมาด้วยความยินดีในตั่งแต่สมัยโบราณมนุษย์ก็ปรารถนาที่จะบินได้อย่างนกและในที่สุดความปรารถนานี้ก็เป็นจริงในโลกแฟนตาซี


การจำกัดระยะเวลาในการบินของระบบเป็นสิ่งเดียวที่บั่นทอนประสบการณ์อันนี้ถ้าเพียงแค่สามารถที่จะบินได้มากเท่าที่ใจต้องการได้แล้วล่ะก็ไม่ว่าจะเอาอะไรไปแลกก็คุ้มค่า


เดิมทีนี่เป็นความต้องการของผู้เล่นในเกม ALfheim  ที่จะไปถึงยอดของ <<ยิกดราซิล>> ก่อนเผ่าอื่นแล้วไปถึงเมืองบนฟ้าในตำนานผู้ที่ทำได้จะสามารถเกิดใหม่เพื่อที่จะการเป็นแฟรี่ที่แท้จริงหรือ <<เอลฟ์>> และสามารถปลดขีดจำกัดในการบินเพื่อที่จะกลายเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้าที่แท้จริง


ไลฟาไม่ได้ต้องการไอเท็มหรือเพิ่มค่าพลังให้ตัวละครเหตุผลที่เธอต่อสู้ในโลกนี้มีเพียงแค่อย่างเดียว


เธอตั่งใจที่จะไปถึงดวงจันทร์สีทองด้วยปีกโปร่งใสของเธอทิ้งประกายแสงไว้ข้างหลังราวกับดาวตกที่วาดลวดลายอยู่บนท้องนภา


“ไล...ไลฟาจังงงง รอผมก่อนนนน...”


เสียงจางๆจากข้างล่างเรียกร้องความสนใจของเธอเธอหยุดและมองลงไปเห็นเร็คคอนที่ถือจอยบังคับและพยายามไล่ตามเธอความเร็วสูงสุดในการบินนั้นจะต่ำลงไปถ้าใช้ระบบช่วย และถ้าเธอเอาจริงแล้วล่ะก็...เร็คคอนไม่มีทางตามทันเลยด้วยซ้ำ


“เร็วหน่อยสิ! เอาให้เต็มที่ไปเลย!”


ไลฟาเหยียดปีกออกและชะลอเพื่อคอยเร็คคอนเมื่อเธอหนหน้ามองไปรอบๆก็ได้พบกับทะเลต้นไม้ที่ไร้ที่สิ้นสุดไกลออกไปเป็นยิกดราซิลที่ทะยานขึ้นสู้ท้องฟ้าอันมืดมิด จากจุดนี้ไปก็พอที่จะบอกตำแหน่งของถิ่นฐานเผ่าซิลฟ์ได้


พอเร็คคอนบินมาเกือบจะสูงเท่ากับเธอแล้วไลฟาก็บินต่อโดยพยายามใช้ความเร็วเท่าๆกับเขา


เร็คคอนที่บินอยู่ข้างๆเธอแสดงสีหน้าลังเลแล้วพูดว่า“ความสูงเนี่ย...ออกจะสูงไปหน่อยหรือเปล่า?”


“นายไม่รู้สึกว่าที่สูงๆให้ความรู้สึกดีบ้างเหรอ?ถ้ารู้สึกเมื่อยปีกก็แค่ร่อนไปเฉยๆก็ได้นี่”


“พอได้บินเมื่อไหร่นิสัยเธอก็เปลี่ยนไปทันที...”


“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?”


“ป...เปล่า”


เร็คคอนรีบหุบปากแล้วบินไปที่ตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นถิ่นฐานของเผ่าซิลฟ์


ช่วงเช้าวันนี้ไลฟาตั่งกลุ่มไปกับผู้เล่นเก่งๆอีกสี่คนเพื่อที่จะเข้าดันเจี้ยนทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือในเขตที่เป็นกลางในการสำรวจครั้งนั้นพวกเธอสามารถล่ามอนเตอร์และหาไอเท็มไดอย่างเต็มที่โดยไม่เจอคนจากเผ่าอื่นอีกทั้งผมพลอยได้ยังงดงามมากไม่ว่าจะเป็นเงินหรือไอเท็มก็ตามแต่ตอนขากลับดันไปเจอผู้เล่นเผ่าซาลาแมนเดอร์แปดคนเข้าโจมตี


มันมีการต่อสู้ในระหว่าเผ่าในALO อยู่เรื่อยๆเป็นประจำอยู่แล้วแต่การที่ได้เจอกับกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่มาดักปล้นคนอื่นนั้นไม่ค่อยที่จะปกติการโจมตีในวันนี้เองก็แปลกมากเพราะเป็นวันทำงานในช่วงบ่ายของโลกแห่งความเป็นจริงพวกเธอไม่คิดว่าจะโดนโจมตีมาก่อน... ไม่ใช่กลุ่มขนาดใหญ่อย่างนี้ซึ่งต้องถือว่าเธอประมาทเกินไป


ในขณะที่หนีอยู่พวกเธอต้องเผชิญกับการต่อสู้กลางอากาศถึงสองรอบหรือที่เรียกว่า<<AIR RAIDs>> ซึ่งทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องเสียผู้เล่นไปฝ่ายละสามคนในตอนนี้ฝั่งเธอเหลือแต่ไลฟาและเร็คคอนเท่านั้นด้วยสาเหตุที่ฟิลซ์มีความเร็วสูงกว่าซาลาแมนเดอร์ทำให้พวกเธอไม่โดนจับตัวและมุ่งหน้าไปที่ถิ่นฐานได้อย่างราบลื่นทว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้เร็คคอนเกิดเมาอากาศและอ่อนล้าดังนั้นพวกเธอจึงยังไปไม่ถึงถิ่นฐานและต้องรอให้เร็คคอนหายดีซะก่อนในตอนนี้ไลฟาได้ลืมความตึกเครียดที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงและหันไปข้างหลัง...


ประกายแสงสีส้มพุ่งเข้ามาจากใต้เงาของต้นไม้สีเขียวขนาดใหญ่


“เร็คคอน! หลบเร็วเข้า!”ไลฟาร้องแล้วโยกตัวไปทางซ้าย จากบนพื้นดินมีไฟสามสายพุ่งขึ้นมาจากช่องว่างระหว่างใบของต้นไม้


โชคดีที่พวกเธอบินอยู่สูงกว่าลำแสงไฟได้ทิ้งร่องรอยไว้ห่างจากพวกเธอไม่มากนักก่อนจะจางหายไปในความมืด


พวกเธอไม่มีเวลามาคำนวณว่าไฟนั้นใกล้ขนาดไหนเวทมนตร์โจมตีเมื่อครู่ที่ปล่อยขึ้นมาจากทะเลต้นไม้ได้เรียกร้องความสนใจจากผู้ไล่ล่าคนอื่นเงาสีแดงคล้ำได้ไล่ตามเข้ามา


“บ้าจริง...ตื้อเป็นบ้า!”


ไลฟาบ่นแล้วมองไปที่ตะวันตกเฉียงเหนือเธอยังไม่เห็นหอคอยแห่งสายลมที่เป็นใจกลางของดินแดนซิลฟ์เลย


“ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว! เตรียมตัวสู้ซะ!!”ไลฟาร้องก็จะชักดาบยาวออกมาจากข้างเอว


“หวา...อย่าพึ่ง!”


เร็คคอนร้องแล้วหยิบมีดออกมาตั้งท่า


“ศัตรูมีทั้งหมดห้าคนถึงจะเอาชนะไม่ได้แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก! ถ้าผมพยายามหยุดพวกนั้นอย่างเต็มที่ก็น่าจะเอาพวกนั่นลงได้สักหนึ่งคน”


“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ”


“บางทีผมก็อยากให้เธอเห็นด้านดีๆบ้างน่ะ”


เร็คคอนขยับไหล่เล็กน้อยไลฟาทำหน้าเคร่งแล้วตั้งท่าพร้อมดิ่งลง เธอเกร็งตัวก่อนจะพุ่งลงไปหาพวกซาลาแมนเดอร์ที่ตั้งแถวเป็นรูปตัวV ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า


ใบบรรดาผู้เล่นที่เคยสู้รบในALO นั้นสำหรับผู้เล่นที่มีทั้งประสบการณ์และอุปกรณ์ครบครันอย่างไลฟาเคยพ่ายแพ้อยู่สองกรณี...หนึ่งคือการต่อสู้กับคนที่จำนวนมากกว่า และอีกหนึ่งรูปขบวนในการต่อสู้แบบใหม่ๆของซาลาแมนเดอร์เพราะถึงแม้พวกนั้นจะไม่ได้เคลื่อนไหวได้ดีนักแต่ได้ใช้เกราะหนักและหอกเพื่อใช้ประโยชน์จากน้ำหนักที่มากกว่าและการโจมตีที่ทรงพลังดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับคมหอกที่กระหน่ำแทงเข้ามาราวกับดาวตกอันบ้าคลั่งถึงแม้ว่าซิลฟ์จะน้ำหนักเบาแล้วรวดเร็วกว่าแต่ก็เสียเปรียบในการต่อสู่ที่ยืดเยื้อ


แต่วันนี้ไลฟาเจอรูปแบบนี้มาแล้วสองครั้งดังนั้นเธอเริ่มจับหลักในรูปแบบการโจมตีของพวกนั้นได้พอสมควรในสถานการณ์จนมุมนี้เองที่ทำให้เธอกล้าขึ้นยิ่งกว่าเดิมและพุ่งเข้าไปหาพวกนั้นอย่างไม่เกรงกลัวเพียงไม่นานระยะห่างของเธอกับพวกนั้นก็ลดลงไปแต่เธอเพ่งสมาธิไปที่หอกที่พร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ


การพุ่งเข้าโจมตีของซิลฟ์สาวได้ก่อให้เกิดเสียงเสียดสีแหล่มสูงเมื่อปะระเข้ากับโลหะในมือของซาลาแมนเดอร์การประทะในครั้งนี้ทำให้อากาศสั่นไหวด้วยแรงเสียดสี


ไลฟากัดฟันแล้วขยับหัวเล็กน้อยเธอไม่สนใจความร้อนจากหอกที่เฉียดเข้าที่แก้มของเธอ แต่พุ่งเข้าไปเรื่อยๆโจมตีหมวกเหล็กสีเลือดด้วยดาบของเธอ


“ย้ากกกก!!”


การแทงเข้าเสียบเป้าหมาย


“อ้ากกกก!!”


การโจมตีที่ไม่คาดฝันทำให้ดวงตาของคู้ต่อสู้เบิกโพลงอย่างเสียขวัญแสงไฟสีเหลืองอมเขียวระเบิดออกมาในฐานะSpecial effect การโจมตีที่รุนแรงนั้นทำให้เกราะหนักของอีกฝ่ายสั่นไหวขึ้นมา


คู่ต่อสู้ดิ่งลงไปเบื้องล่างเพราะไม่อาจทนแรงโจมตีได้เมื่อปะทะเข้ากับพื้นอย่างแรงก็ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมเพราะน้ำหนักของเกราะผมคือพลังชีวิตลดลงไปถึง 30% ถึงไม่ใช่การเสียหายที่รุนแรงแต่เพราะการโจมตีที่ศีรษะเมื่อครู่ทำให้เขาไม่สามารถกลับเข้ามาในแถวได้อีกไลฟารีบเปลี่ยนเป้าหมายด้วยความคาดหวัง


นั่นล่ะ!!


เพราะการรบของอีกฝ่ายต้องอาศัยรูปกระบวนที่เน้นไปในทางการโจมตีดังนั้นพวกเขาจึงมีจุดอ่อนเมื่อต้องจักลุ่มใหม่ในขณะที่พวกซาลาแมนเดอร์คนอื่นไม่มั่นใจว่าจะรับมือยังไง เธอรีบฝืนบินไปทางซ้าย


การกระทำเช่นนี้ทำให้เธอต้องครางอย่างเจ็บปวดการฝืนท่าเคลื่อนไหวทำให้เกิดการเสียดสีมากเกินไป เธอต้องอดทนกับความเจ็บเพื่อที่จะสามารถหมุนตัวได้อย่างรวดเร็วเธอเร่งกระพือปีกขวาในขณะที่หยุดปียซ้ายไว้จนหันมาเจอกับคู่ต่อสู้คนต่อไปในทันที


เป้าหมายยังไม่อาจรับรู้ความตั้งใจของเธอได้ดังนั้นจึงไม่มีหวังที่จะรับมือกับการเคลื่อนไหวของเธอได้ทันไลฟาที่หมุนตัวเรียบร้อยรีบฟันดาบออกไป


ศัตรูด้านซ้ายถูกซัดออกไปซึ่งช่วยก่อกวนรูปกระบวนมากขึ้น


...ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเราน่าจะทำได้!


ในจำนวนคนทั้งห้าของฝ่ายศัตรูมีแต่คนหัวหน้าเท่านั้นที่สามารถ “บินโดยเจตนา” ได้นอกนั้นต้องอาศัยตัวควบคุมสำหรับบินทั้งนั้น และในเมื่อไลฟาสามารถ “บินโดยเจตนา”ได้ ความเร็วของเธอจึงเหนือกว่าพวกนั้นมาก


ในตอนนี้เธอเริ่มมองหาเร็คคอนที่กำลังสู้กับซาลาแมนเดอร์ฝั่งขวาถึงเขาอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่แต่ที่จริงแล้วเป็นนักสู้ที่ผ่านศึกมาไม่น้อยการใช้มีดต่อสู้ในระยะสั้นของเขานั้นเป็นสิ่งที่ถือว่าคู่ควรกับการจดจำ


ไลฟาที่ถือดาบยาวไว้ในมือเริ่มกลับไปสนใจกับคู่ต่อสู้ด้านขวาของตนและใช้ท่าแทงสร้างความเสียหายต่อเธอคิดว่าตอนนี่อาจจะพอมีหวังแล้วก็ได้ แต่มีสิ่งเดียวที่กวนใจคือเวทมนตร์เมื่อครู่นี้เพราะนั่นหมายความว่าในบรรดาทั้งห้าต้องมีสักคนที่เป็นจอมเวท หรือไม่ก็ซาลาแมนเดอร์ที่สวมเกราะเหล็กพวกนี้จะมีความสามารถทางเวทมนตร์หรือก็คือจอมดาบเวทมนตร์ต่อให้ระดับทักษะเวทมนตร์ของพวกนี้อาจจะต่ำก็ตามแต่พลังการทำลายล้างนั้นค่อนข้างน่ากลัวโดยปกติแล้วพวกจอมเวทจะจะอยู่ริมด้านซ้ายหรือขวาของกลุ่มเมื่อความคิดเช่นนี้เองไลฟาจึงเชื่อว่าคนที่เธอควรจำกัดคือคนที่กำลังสู้กับเร็คคอนอยู่แต่ในระยะนี้เขาไม่น่าจะมีสมาธิร่ายมนตร์ได้ และถ้าพวกเธอสามารถเอาชนะอีกสองคนได้ก็จะมีโอกาสรอดภายในระยะเวลาห้านาที


“ย้ากกกก!!”


ไลฟาสามารถใช้ท่าโจมตีอันแสนภูมิใจได้อีกครั้งซึ่งโดนไหลของเป้าหมายอย่างสวยงามพลังชีวิตของอีกฝ่ายที่กลายเป็นสีแดงได้ลดลงไปอีก


“หนอย!!”


คู้ต่อสู้ของเธอร้องแล้วร่างของเขาก็ถูกหุ้มด้วยเปลวไฟสีแดงเลือดหลังจากที่เสียงของเปลวไฟดับลง... ร่างของเขาก็กลายเป็นขี้เถ้าที่ถูกพัดไปตามสายลมสิ่งที่เหลืออยู่คือเปลวไฟสีแดงลูกเล็กๆที่เรียกว่า <<เปลวไฟที่ยังเหลือ>> ถ้าไฟนี้ดับลงเมื่อไหร่ก็หมดโอกาสใช้เวทมนตร์หรือไอเท็มชุบชีวิต ภายในหนึ่งนาทีหลังจากนี้เขาจะกลับไปเกิดใหม่ที่เมืองของเผ่าตัวเอง


ไลฟาไล่ความคิดของตัวเองออกไปแล้วเพ่งสมาธิไปที่ศัตรูอีกคนพวกสามคนที่เหลือมีการเคลื่อนไหวที่ไม่เฉียบคมนักพวกเขาใช้หอกได้ไม่คล่องแคล่วพอและยังเชื่องช้าในการต่อสู้ระยะใกล้เมื่อไลฟาเห็นการโจมตีที่อ่อนหัดพวกนั้นก็รู้สึกว่าความพยายามที่ผ่านมาไม่มีค่าเอาซะเลยในเมื่อเธอสามารถเดาได้หมดความสนใจของเธอจึงตกไปอยู่ที่เร็คคอนที่พลังชีวิตลดไปบ้างแต่ยังไม่ถึงกับต้องใช้เวทมนตร์รักษาในตอนนี้จากความเสียเปรียบที่ต้องถูกห้ารุมสองก็มีโอกาสชนะอย่างเห็นได้ชัดดังนั้นไลฟาจึงยกดาบขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง


แต่ไม่ทันไรร่างของเร็คคอนก็ถูกหุ้มไว้ด้วยเปลวเพลิง


“โอ้ยยยย!”


เร็คคอนร้องอย่างน่าสงสารอยู่กับที่


“ตาโง่!อย่าหยุดอยู่กับที่นะ!”


คำพูดนี้ไปไม่ถึงหูของเร็คคอนเพราะเขาถูกแทงด้วยหอกของซาลาแมนเดอร์ที่กำลังจะตายเสียก่อน


“ขอโทษษษษ”


หลังจากที่กล่าวคำสุดท้ายออกมาร่างของเขา:Xถูกหุ้มไว้ด้วยพายุสีเขียวปรากฏการณ์นี้เรียกว่า <<เปลวเพลิงสุดท้าย>>ซึ่งจะปรากฏเมื่อตายไปแล้วเท่านั้นร่างของเขาหายสาบสูญไปในขณะที่ซาลาแมนเดอร์คนเมื่อครู่กลายเป็นเปลวไฟที่ยังเหลือ


ไลฟารู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นเปลวไฟที่ยังเหลือของฝ่ายเดียวกันถึงมันจะหายไปทันทีที่เขาถูกชุดชีวิตก็ตาม เธอต้องกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแค้นใจในเมื่อเธอไม่สามารถทำอย่างนั่นได้และเพื่อที่จะหลบเปลวไฟที่พุ่งขึ้นมา เธอต้องรีบหมุนตัวไปด้านข้างอย่างสุดชีวิต


...บ้าจริง...จอมเวทก็คือคนๆนั้นมาตั่งแต่ต้น!


ถ้าเธอรู้แต่แรกคงจะรีบตามลงไปแล้วฆ่าเขาซะแต่ตอนนี้ได้สายไปแล้วและเธอก็กำลังเสียเปรียบอยู่


แต่เธอไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายถึงจะเสียเปรียบเป็นอย่างมากแต่เธอก็ยังมองหาทางเอาชนะอยู่เสมอความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่ได้มาจากช่วงเวลาหลายต่อหลายปีตั่งแต่เธอถือตัวว่าเป็นนักดาบ


เนื่องจากมีไฟที่ยิงขึ้นมาคุ้มกันโดยซาลาแมนเดอร์บนพื้นดินสองคนที่เหลือก็รีบประจำที่แล้วแทงหอกใส่ด้วยความรวดเร็ว


“มาเลย!!” เธอร้องแล้วยกดาบขึ้นอย่างท้าทาย


* * *


“อัก!!”


หลังจากที่ต้องร่วงลงมาอย่างไร้ที่สิ้สุดพร้อมกับการกรีดร้องที่ไม่น่าดูในที่สุดผมก็มาถึงสถานที่ๆไม่รู้จักที่หนึ่ง ด้วยสาเหตุที่ผมไม่ได้ตั้งตัวก็เลยได้เอาใบหน้าลงจอดแทนที่จะเป็นเท้าผมต้องอยู่ในท่านั้นอีกสักพักโดยมีใบหน้าฝังดินก่อนจะค่อยๆตั้งหลักได้


การร่วงหล่นหยุดลงไปแล้วและทำให้หัวใจของผมได้พักในที่สุดผมนอนอยู่กับพื้นดินแล้วหันไปรอบๆ


ตอนนี้ผมอยู่ในป่าลึกยามค่ำคืนของที่ไหนสักแห่ง


ป่านี้ประกอบขึ้นมาจากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่น่าจะมีอายุมากกว่าร้อยปีแต่ละต้นยึดสูงขึ้นท้องฟ้าไปสุดลูกหูลูกตาแต่เพราะกิ่งก้านเยอะมากทำให้ผมมองขึ้นไปไม่ได้ไกลนักพระจันทร์เต็มดวงปล่อยแสงสีทองบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว


รอบๆตัวผมมีทั้งเสียงของแมลงและนกไกลออกไปมีเสียงของสัตว์ป่า กลิ่นของพืชไม้ทำให้คันจมูก สายลมอ่อนๆพัดรอบตัวและในที่สุดความระมัดระวังก็ทำงานเมื่อผมได้สติอีกครั้งหนึ่ง โลกนี้ดูสมจริงยิ่งกว่าโลกที่แท้จริง...ผมรู้สึกอย่างนั้นทั้งๆที่นี่เป็นเพียงโลกมายา


ผมสงสัยตอนที่เอจิลเล่าว่า <<ALO>> เทียบได้กับ <<SAO>>ในด้านของความละเอียดของวัตถุและโครงสร้าง แต่ดูเหมือนว่าที่เขาพูดจะถูกต้องมากเลยทีเดียวถึงแม้ว่าเกมนี้จะมีเวลาในการพัฒนาน้อยกว่าก็ตามแต่ข้อมูลมหาศาลกลับวิ่งผ่านเส้นประสาทของผมมากกว่าตอนที่เล่น SAO อีกด้วยซ้ำ


“ใน... ในที่สุดเราก็กลับมา...”


ผมปิดตาลงเพราะตั่งแต่เอาชนะโลกนั้นได้ผมก็ยอมแพ้ที่จะกลับเข้ามาในโลกเสมือนจริงอีกแต่ในที่สุดผมก็ได้มาอยู่ที่นี่อีกครั้ง อ้า... ผมนี่มันไม่รู้จักเข็ดเลยสินะ?พอความคิดนี้ผ่านเข้ามาในหัว ผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา


แต่โลกนี้ออกจะแต่ต่างไปซักหน่อยไม่ว่าจะเป็นทั้งชื่อหรือการที่ต่อให้พลังชีวิตของผมกลายเป็นศูนย์ก็ไม่ได้ทำให้ผมตายจริงๆผมสามารถเข้าออกตอนไหนก็ได้ แล้วความคิดนี้ก็ทำให้ผมนึกอะไรออก


ถาพแตกๆกับการย้ายตำแหน่งเมื่อครู่นั้นคืออะไรกันแน่?ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? จากตอนที่แนะนำเกมเบื้องต้น ผมน่าจะไปอยู่ในเมืองของสปริกแกนถึงจะถูก


“เฮ่... ไม่จริงน่า... อย่าบอกนะ...”


ผมหน้าถอดสีแล้วยกมือขวาขึ้นมาอย่างสั่นเทาหลังจากที่เอานิ้วกลางกับนิ้วชี้มาบรรจบกันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นผมก็เหงื่อตกแล้วลองอีกสองถึงสามรอบจนนึกถึงคู่มือขึ้นมาได้ในนั้นบอกว่าระบบการบินและหน้าต่างเมนูต้องใช้มือซ้ายเรียกขึ้นมา


คราวนี้ผมใช้มือซ้ายแล้วทำอย่างเดิมในรอบนี้เสียงเอฟเฟคดังขึ้นเมื่อผมขยับนิ้วจากนั้นหน้าต่างโปรงใสก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า การออกแบบนั้นเกือบจะเป็นแบบเดียวกับ SAO ปุ่มเมนูจำนวนมากเรียงกันในแนวขวาง


“นั่นไง... อยู่นี่เอง”


ที่ด้านล่างของเมนูมีปุ่ม <<LOG OUT>> กระพริบอยู่ ผมลองกดดูแล้วก็มีคำเตือนเพื่อยืนยันว่าจะออกจริงหรือไม่พร้อมกับปุ่ม <<Yes>> กับ <<No>>


ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกใช้มือข้างหนึ่งยันตัวขึ้นมาจากพื้นเพื่อนั่งตรง


ผมมองไปรอบๆอีกครั้งซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในใจกลางป่าลึกรอบตัวมีแต่ต้นไม้ที่สูงเหยียดฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุดจนบดบังแม้แต่ดวงดาว ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตกลงมาที่นี่แต่ยังไงก็ตามผมน่าจะลองตรวจสอบแผนที่ซะก่อนดังนั้นผมจึงเรียกเมนูขึ้นมาอีกทีแล้วใช้นิ้วเลื่อนไปมา...พอผมได้เห็นหน้าจอเมนูอันหนึ่งก็ได้ชะงัก


“เอ้ยยยย!?”


ผมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ร้องออกมาได้


ด้านบนหน้าจอมีชื่อเล่นของผม: คิริโตะ และเผ่า: สปริกแกนด้านล่างแสดงค่าพลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ซึ่งมีอยู่ 400 และ 80ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นตามปรกติ


แต่สิ่งที่ผมแปลกใจคือค่าสกิลในช่องต่อมาเนื่องจากผมไม่ได้เลือกอะไรลงไปจึงต้องวางเปล่าเป็นธรรมดา แต่ปรากฏว่ามีสกิลอย่างน้อยแปดอย่างอยู่บนนั้นซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสกิลพื้นฐานของสปิแกนก็เป็นได้ แต่ก็ยังถือว่ามากเกินไปอยู่ดีดังนั้นผมก็เลยเตะรายชื่อสกิลเพื่อดูรายละเอียดอย่างไม่เชื่อสายตา


สกิลในหน้าต่างมี <<ดาบมือเดียว>>, <<ต่อสู้มือเปล่า>>, แล้วก็ <<ท่าปัดดาบ>> ในหมวดหมู่สกิลต่อสู้ แล้วก็ยังมีสกิลสนันสนุนเป็นสกิล<<ตกปลา>> อีกทั้งค่าความชำนานยังสูงเกินไปซึ่งมีมากกว่า900 แถมบางอันยังสูงถึง 1000 และมีคำบ่งบอกว่า<<MASTERY>> โดยทั่วไปแล้วสกิลต้องใช้เวลานานมากในการทำให้เต็มดังนั้นการที่เริ่มมาแล้วมีสกิลสมบูรณ์แบบอย่างนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้


ไม่ว่าจะมองยังไงก็น่าจะเป็ยBUGของระบบแล้วนั่นก็จะช่วยอธิบายว่าทำไมผมถึงลอยมาที่นี่ บางทีระบบอาจจะไม่ค่อยเสถียรนัก


“เกมนี้จะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย?จะขอความช่วยเหลือจาก GM ได้หรือเปล่านะ?”


ผมลองมองช่องสกิลอีกครั้งจากนั้นก็ถูกจู่โจมอย่างแรงด้วยเดจาวู (ความรู้สึกที่เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน)ผมลองมองค่าความชำนานอีกครั้งเพราะมันคุ้นตามาก ดาบมือเดียว: 1000, ต่อสู้มือเปล่า: 991, ตกปลา: 643


ความรู้สึกนี้จู่โจมผมราวกับกระแสไฟฟ้าในที่สุดผมก็เชื่อมโยงได้และหายใจอย่างยากเย็น


ผมเคยเห็นพวกนี้มาแล้ว... พวกนี้เป็นสกิลที่ผมฝึกฝนมาตลอดสองปีผ่านมาในSAO แต่สกิล <<ดาบคู่>> นั้นไม่มีอยู่ด้วยเรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะสกิล <<ดาบคู่>> ไม่มีอยู่ใน ALO แต่สกิลของ <<นักดาบทมิฬ>> คิริโตะที่ทำลายปราสาทลอยฟ้าไอคราดล้วนอยู่ตรงหน้า


ผมสับสนจนพูดไม่ถูกนี่ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างที่สุด ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ SAO กับ ALO เป็นเกมคนละเกมผู้ดูแลระบบเป็นคนละคนกันและเป็นบริษัทที่ต่างกัน ถ้าข้อมูลสามารถมาถึงที่นี่ได้ก็หมายความว่าที่นี่คือ...


“SAO?” ผมรำพึงออกมาแล้วเข่าทรุดลงไป


ผมได้ส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดบ้าๆพวกนี้ทิ้งจากนั้นหันไปที่หน้าต่างสกิลอีกรอบ


ผมยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ยังต้องการที่จะได้ข้อมูลเพิ่มดังนั้นผมก็เลยเปิดเมนูขึ้นมาอีก แล้วคราวนี้ผมลองเปิดไปที่ช่องไอเท็ม


“เฮ้ยยยย! อะไรเนี่ย!?”


คราวนี้ผมไม่เข้าใจจริงๆหน้าต่างตรงหน้าเป็นรายชื่อที่มีแต่ตัวอักษรและตัวเลขเรียงกันมั่วไปหมด


แต่ดูเหมือนของพวกนี้เป็นของๆผมในไอคราดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ดูเหมือนว่าข้อมูลในเซฟของคิริโตะจะย้ายมายังโลกนี้ด้วย


“เดี๋ยวก่อนสิ... ถ้าอย่างนั้น”


ผมนึกถึงความเป็นไปได้


ถ้าไอเท็มจากไอคราดมาอยู่ที่นี่...ถ้าอย่างนั้นแล้ว <<สิ่งนั้น>> ก็น่าจะมาอยู่ด้วยเช่นกัน ผมรีบสัมผัสหน้าต่างแล้วเลื่อนเมนูลงมาด้วยปลายนิ้ว


“ขอร้องล่ะ... ขอให้อยู่ทีเถอะ”


ผมเลื่อนลงไปเรื่อยๆดยไม่สนใจขยะอย่างอื่นหัวใจเริ่มเต้นแรงราวกับระฆังที่ดังก้องไปทั่วร่าง


“!”


นิ้วของผมหยุดลงในทันทีที่ปลายนิ้วมีบรรทัดตัวอักษรเหมือนของอย่างอื่นที่เปล่งแสงสีเขียวชวนอบอุ่นเขียนว่า<<MHCP001>>


ผมเกือบลืมที่จะหายใจ...เตะที่ชื่อนั้นด้วยนิ้วอันสั่นเทา หลังจากที่กดเลือกแล้วสีของบรรทัดนั้นก็เปลี่ยนไปผมเลื่อนนิ้วไปกดคำว่า “ใช้ไอเท็ม”


แสงสีขาวเปล่งประกายออกมาจากใจกลางของหน้าต่างมันตรงเข้ามาทางผมแล้วกลายเป็นคริสตัลไร้สีที่เป็นทรงหยดน้ำตา


ผมกำหินล้ำค่าเอาไว้จนแน่นยกขึ้นมาเพื่อสัมผัสความอบอุ่นของมันเมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้แล้วผมก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา


พระผู้เป็นเจ้า... ผมขอเถอะ...ผมภาวนาอย่างหมดหัวใจและเตะที่คริสตัลกอที แสงสีขาวบริสุทธ์ระเบิดออกมาจากคริสตัลในมือ


“อ่า!?”


เสียงตกตะลึงหลุดออกมาจากปากผมอย่างไม่ได้ตั้งใจผมคุกเข่าแล้ววางคริสตัลลงบนพื้นก่อนจะถอยออกมาสองถึงสามก้าว คริสตัลลอยขึ้นมาเหนือพื้นไม่กี่เมตรก่อนจะหยุดลงแสงที่เปล่งออกมาสว่างขึ้นจนแสงจันทร์ยังซีดลง แม้แต่ต้นไม้รอบๆก็ยังกลายเป็นสีขาวซีด


ผมกระพรับตากับภาพตรงหน้าจากใจกลางของแสงสว่างได้ปรากฏเงาขึ้นมาที่ก่อตัวเป็นรูปร่างและสีสันอื่นๆ ผมตรงยาวสีดำกระจายไปทั่วทุกทิศชุดสีขาวราวหิมะและร่างบอบบาง ตาหลับอยู่และมือกอดอยู่ที่หน้าอกรูปร่างของเด็กหญิงที่งดงามปรากฏขึ้นมา ราวกับรูปร่างของแสงสว่างที่ค่อยๆลอยลงพื้นดิน


แสงสว่างหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับตอนที่ออกมาเด็กผู้หญิงลอยอยู่กลางอากาศและค่อยๆลืมตาที่มีขนตางอนยาวขึ้นมาอย่างช้าๆ ดวงตาของเธอดูลึกราวกับท้องฟ้ายาวค่ำคืนที่ค่อยๆหันมาหาผม


ผมไม่สามารถขยับ พูด หรือกระพริบตาได้


เด็กผู้หญิงมองมาที่ผม...ริมฝีปากสีเชอรี่ค่อยๆเปิดขึ้นมาคำพูดไม่อาจจะใช้บรรยายความสวยงามของรอยยิ้มราวกับนางฟ้านั้นได้ผมรวมความกล้าแล้วพูดออกไป “นี่ฉันเองนะ... ยุย... เธอเข้าใจที่ฉันพูดมั้ย?”


ผมทบทวนที่ตัวเองพูดไปท่าทีและรูปร่างของผมนั้นไม่เหมือนกับที่โลกนั้นเลยแม้แต่น้อย


แต่ความกังวลนั้นกลับไร้ความหมายเด็กผู้หญิงคนนี้... ยุย... ขยับริมฝีปากแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราวกับระฆังเงินที่ชวนให้คิดถึง“เราเจอกันอีกแล้วนะค่ะ... ป๊ะป๋า”


น้ำใสๆเอ่อขึ้นมาในดวงตาของเธอแล้วกระโดดเข้ามาที่อ้อมกอดผม


“ป๊ะป๋า... ป๊ะป๋า!” เธอเรียกผมครั้งแล้วครั้งเล่า มือเรียวเล็กโอบรอบคอของผมไว้แล้วซบหน้าลงมาที่ผมผมได้แต่กอดร่างเล็กๆนั้นโดยไม่อาจห้ามเสียงสะอื้นน้อยๆของตัวเองได้


ยุย อาสุนะแล้วก็ผมได้อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นเวลาสั้นๆเพียงสามวัน ก่อนที่เธอจะหายไปแต่ถึงจะเป็นเวลาเพียงสามวัน นั่นก็เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะหาอะไรมาทดแทนได้ความทรงจำนั้นฝังลึกลงไปจนไม่มีวันจางหายไป ในวันเวลาอันยากลำบากในไอคราดความสุขเล็กๆไม่กี่วันนี้ทำให้พวกเรามีความสุขกันมาก


ความรู้สึกที่หวานชื่นและชวนคิดถึงได้โอบล้อมตัวผมไว้ในขณะที่กอดยุยไว้อยู่ปาฏิหาริย์ได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าผมแล้ว ดังนั้นผมต้องได้เจอกับอาสุนะแน่ๆแล้วพวกเราก็จะกลับไปยังวันคืนอันแสนสุขนั้นอีกครั้งนี่เป้นครั้งแรกที่ผมเชื่อตั่งแต่วันที่กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง


ผมมองไปรอบๆก่อนจะพบกับตอไม้ของต้นไม้ที่พึ่งล้มไปได้ไม่นานและนั่งตรงนั้น


“เอาล่ะ... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


ผมห้ามไม่ให้ตัวเองพูดถึงอาสุนะแล้วถามยุยที่กำลังนั่งตักผม


ใบหน้าของเธอยังซบอกผมอยู่เธอมองขึ้นมาด้วยสีหน้ามีความสุขแบบสุดๆ


“...?”


“ที่ฉันพูดคือ... นี่ไม่ใช่ SAO สินะ?”


ยุยเล่าให้ผมฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่ผมเห็นเธอครั้งสุดท้าย...ตอนนั้นเธอเกือบจะถูกลบแต่กลับโดนบีบอัดเป็นข้อมูลในส่วนของสภาพแวดล้อมหลังจากที่เอาชนะเกมได้แล้วปราสาทลอยฟ้าก็หายไป เมื่อผมเข้ามาใน ALfheim ผมก็ไม่รู้ว่าข้อมูลเก่ามาที่นี่ได้ยังไงแต่ความเป็นจริงที่อาสุนะยังไม่ตื่นนั้นไม่ได้ถูกเล่าออกมาด้วย


“รอสักครู่หนึ่งนะค่ะ”


ยุยหลับตาราวกับกำลังฟังเสียงที่อยู่ห่างไกลออกไป


“นี่มัน...”


เธอลืมตาแล้วมองมาที่ผม


“ดูเหมือนว่าโลกใบนี้จะถูกสร้างขึ้นมาโดยอาศัยข้อมูลที่คัดลอกมาจากเซิฟเวอร์ของ<<Sword Art Online>>”


“ข้อมูลคัดลอก?”


“ใช่ค่ะ ทั้งโครงสร้างและกราฟิกมาจากโปรแกรมที่มีรากฐานเดียวกันการที่หนูสร้ามสร้างร่างนี้ออกมาได้ก็เป็นเครื่องยืนยันเป็นอย่างดีแต่ระบบควบคุมเป็บแบบเก่าแล้วรายละเอียดก็ต่างกันออกไป


“นั่นมัน...”


ผมจมลงไปในห้วงของความคิด


ALfheim Online ถึงวางขายเมื่อสิบสองเดือนหลังจากเหตุการณ์SAO บริษัท Argus ถึงกับล้มละลายแล้ว RECTOก็ซื้อเทคโนโลยีของ Argus มาใช้ในการสร้างเกม VRMMOถ้าพวกนั้นสามารถเอาโครงสร้างหลักมาใช้กับเกมใหม่ค่าการพัฒนาเกมก็จะลดลงไปเป็นอย่างมากถ้าเป้นอย่างนั้นความเม่นยำของการประมวนผลก็ไม่น่าตกใจสักเท่าไหร่ ในเมื่อเป็นการพัฒนามาจากของเดิม


หรือก็คือ ALO ทำงานได้โดยอาศัยระบบของ SAO ผมสามารถที่จะเข้าใจในจุดนี้ได้แต่ว่า...


“แล้วทำไมข้อมูลของผมถึงโผล่มาที่นี่ล่ะ?”


“ป๊ะป๋า... ขอหนูดูข้อมูลของป๊ะป๋าหน่อยนะค่ะ”


ยุยหลับตาอีกครั้ง


“ไม่ต้องสงสัยเลย... นี่เป็นข้อมูลตัวละครของป๊ะป๋าในSAO ทั้งสองเกมนี้ไม่เพียงใช้ระบบบันทึกข้อมูลแบบเดียวกันแต่ระบบสกิลและค่าความชำนานก็ยังเป็นแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงสามารถถ่ายทอดให้กันได้แต่ค่าพลังชีวิตกับเวทมนตร์ใช้คนละระบบกันจึงไม่สามารถถ่ายทอดมาได้ ส่วนข้อไอเท็มทั้งหมดนั้นเสียหายจนหมดและถ้าป๊ะป๋ายังเก็บไว้กับตัว ระบบอาจจะตรวจพบได้ดังนั้นหนู่ว่าป๊ะป๋าน่าจะทิ้งไปค่ะ”


“อย่างนั่นเหรอ... งั้นก็ได้”


ผมกดที่ช่องไอเท็มแล้วเลือกหยิบไอเท็มแบบจำนวนมากพวกนี้เป้นไอเท็มที่มีความทรงจำแฝงไว้อยู่ แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเสียดาย อย่าว่าแต่ผมไม่รู้ด้วยว่าอันไหนเป็นอันไหนดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องเอามาใช้เลย


หลังจากที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ผมก็ลบไอเท็มที่เสียหายทั้งหมด สิ่งที่เหลือก็มีแค่อุปกรณ์เบื้องต้น


“คงไม่มีปัญหากับระดับสกิลของฉันนะ?”


“จากมุมมองของระบบคงจะไม่เป็นอะไรถ้าเทียบเวลาเล่นกับระดับสกิลอาจจะดูแปลกๆแต่ถ้าจีเอ็มไม่มาตรวจสอบด้วยตัวเองก็ไม่มีปัญหาค่ะ”


“อย่างงั้นเหรอ? หึ...ผมเปลี่ยนจากบีตเตอร์เป็นชีทเตอร์ (คนเล่นโกง) โดยสมบูรณ์”


แค่ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งของตัวละครแล้วท้องฟ้ายังเป็นขีดจำกัดผมต้องไปให้ถึงบนยอดของยิกดราซิลและช่วยอาสุนะออกมา และผมเองก้ไม่ได้มาเล่นสนุกด้วยดังนั้นผมจึงไม่มีอารมณ์ที่จะมาเล่นจริงๆจังๆกับเกมนี้


เมื่อดูดีๆแล้วผมสามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งขแงทั้งสองโลกไม่เหมือนกันสักทีเดียวค่าความเร็วและค่าความแข็งแกร่งใน SAOไม่มีอยู่ในโลกนี้ด้วย ไม่ต้องพูดถึง HP กับ MPที่เพิ่มมาเพียงนิดเดียวอีกทั้งถึงสกิลของอาวุธจะเต็มแต่สิ่งที่ได้มาก็มีแค่ติดตั้งอาวุธได้มากขึ้นพลังโจมตีนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และในเกมนี้ก็ไม่มี Sword Skills


อีกความหมายหนึ่งก็คือที่โลกนี้ได้ใช้ความสามารถในการเคลื่อนไหวของผู้เล่นล้วนๆใน SAO ถึงจะโดนโจมตีด้วยคู่ต่อสู้เลเวลต่ำนั้นก็ไม่เป็นอะไรแต่ที่นี่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้น


สิ่งลึกลับอีกอย่างคือ <<เวทมนตร์>>ที่ไม่มีอยู่ใน SAO ตอนนี้มีเพียง <<เวทลวงตา>> ที่ปรากฏในช่องเวทมนตร์ดังนั่นนี่อาจจะเป็นเวทมนตร์พื้นฐานของเผ่าสปริกแกน ผมไม่เคยใช้และไม่เคยถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์มาก่อนดังนั้นผมถึงได้ไม่เข้าใจนัก


ผมปิดหน้าต่างแล้วหันไปหายุยที่ยังกอดผมอยู่ดวงตาของเธอหรี่ลงราวกับแมวแล้วถามขึ้นมา “จะแล้วไปแล้วยุยควรจะเป็นอะไรดีในโลกนี้?”


ถึงผมจะสามารถจับต้องเธอได้แต่ที่จริงแล้วเธอไม่ใช่คนความผิดปกติในระบบดูแลของ SAO ได้ทำให้เธอกำเนิดขึ้นมาเธอมีปัญญาประดิษฐ์หรือที่เรียกว่า <<AI>>


ในตอนนี้... ปี 2025 สถาบันวิจัยหลายแห่งได้ตีพิมพ์บทความมาหลายชิ้นรวมถึงฉบับที่ชื่อ <<ปัญญาประดิษฐ์... ก้าวเข้าสู่ปัญญาอันไร้ที่สิ้นสุด>>บทความฉบับนี้ได้กล่าวถึงว่าถ้าหาก <<การกระทำสมเหตุสมผล>>ยังดำเนินการอยู่ กำแพงที่กั้นระหว่างปัญญาเทียมและปัญญาแท้จริงจะคลุมเครือมากขึ้นและนั่นนำไปสู่การสร้างสติปัญญาขั้นสูง


บางทียุยอาจจะอยู่ในพวกนั้นเป็นเอไอแท้จริงตัวแรก แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับผมเพราะผมรักเธอเหมือนลูกสาว และเธอก็มองผมเป็นพ่อซึ่งนี่ก็เพียงพอแล้ว


“อ่า...ดูเหมือนจะมีตัวละครที่เป็นโปรแกรมไว้คอยให้ความช่วยเหลือผู้เล่นใน ALheim Online พวกนั้นเรียกว่า <<NavigationPixies>> ท่าทางหนู่จะอยู่ในหมวดหมู่ของพวกนั้น


พอพูดจบเธอก็ทำใบหน้าจริงจังครู่หนึ่งจากนั้นร่างกายก็ลอยขึ้นแล้วหายไป


“ยุย!?”


ผมร้องเรียกอย่างตื่นตระหนกพอลุกขึ้นถึงรู้สึกว่ามีอะไรเกาะเข่าอยู่


มันมีขนาดสิบเซนติเมตรและแขนขาเรียวบางสวมชุดกระโปรงสั้นสีชมพูที่เหมือนจะทำมาจากดอกไม้พร้อมกับปีกโปร่งใสคู่หนึ่ง เรียกได้อีกอย่างว่าพิกซี่ในใบหน้าน่ารักและผมยาวสีดำถึงจะดูต่างไปแต่เธอเป็นยุยไม่ผิดแน่


“นี่คือรูปร่างของ <<พิกซี่>> ค่ะ”


ยุยลุกขึ้นจากเข่าของผมโดยเอามือวางไว้ที่เอวแล้วเริ่มขยับปีก


“โอ้...”


ผมร้องแล้วจิ้มแก้มเธอด้วยนิ้วมือ


“จั๊กกะจี้นะ!”


ยุยหัวเราะแล้วบินหนีนิ้วมือผมพร้อมกับเสียงกระพือปีกจากนั้นก็หันมานั่งที่บ่าของผม”


“แล้ว... เธอมีอำนานควบคุมเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า?”


“ไม่ค่ะ...”ยุยตอบด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจนัก


“ในตอนนี้หนูทำได้แค่เข้าตรวจสอบแผนที่ในระยะกว้างตรวจสอบสถานะของผู้เล่นที่เจอกัน แต่ไม่สามารถเข้าถึงโปรแกรมควบคุมระบบได้”


“อ่า... อย่างนี้นี่เอง... คือว่านะ...”


สีหน้าของผมเปลี่ยนไปแล้วเปลี่ยนหัวข้อมาที่ประเด็นหลัก


“อาสุนะ...ดูเหมือนแม่ของเธอจะอยู่ที่นี่”


“โอ๋... หม่าม้า!?”


หลังจากนั้นผมก็กำลังจะเล่าเรื่องของซูโกะ โนบุยูกิ ให้เธอฟังแต่เกิดลังเลเพราะยุยเคยเกือบล้มป่วยเพราะอารมณ์ด้านลบของมนุษย์ในSAO ผมไม่ต้องการให้เธอต้องมาแปดเปื้อนกับความชั่วร้ายของมนุษย์


“...หลังจากที่ปิดเซิฟเวอร์ของ SAO ไปแล้ว อาสุนะยังไม่ตื่นขึ้นมาฉันได้ข้อมูลมาว่าในโลกนี้มีคนที่คล้ายกับอาสุนะอยู่บางทีอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนเธอฉันอาจจะแค่ยึดเส้นฟางไว้เป็นความหวังก็ได้”


“อ้า... ทำไมถึงเป็นอย่างนี้นะ...หนูขอโทษค่ะป๊ะป๋า ปรกติแล้วหนูสามารถตรวจสอบข้อมูลของผู้เล่นได้แต่ถ้าไม่สามารถเข้าไปที่ระบบได้ซะก่อน หนูก็ทำอย่างนั่นไม่ได้”


“ไม่ต้องโทษตัวเองไปหรอกแถมฉันยังรู้ว่าเธอน่าจะอยู่ที่ไหนด้วย ยิกดราซิล... ดูเหมือนอาสุนะจะอยู่ที่นั่นเธอพอที่จะรู้มั้ย?”


“อ่า... อันนี้หนูรู้ค่ะ เอ่อ... โดยคร่าวๆแล้วมันอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือแต่ไกลมากเลยถ้าให้เทียบกับระยะทางจริงแล้วน่าจะอยู่ที่ห้าสิบกิโลเมตร”


“ว้าว... ไกลจริงๆ...ยาวกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของไอคราดตั้งห้าเท่า แล้วจะว่าไปทำไมฉันถึงส่งมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”


ยุยก้มหัวลงเมื่อได้ยินคำถามผม


“หนูคิดว่าข้อมูลของป๊ะป๋าคงจะเสียหายหรือทำให้ระบบสับสนกับผู้เล่นอีกคนดังนั้นก็เลยถูกส่งมาที่นี่ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาค่ะ”


“ถ้าจะตกก็น่าจะตกใกล้ๆกับยิกดราซิลไม่ได้หรือไงนะอืม... ถ้าอย่างนั้น ฉันได้ยินมาว่าฉันบินได้นี่น่า?”


ผมยืนขึ้นแล้วเอียงหัวข้ามบ่า


“โอ๊ะ... ดูสิ มีปีกจริงๆด้วย”


ที่หลังผมมีปีกสีโปร่งใสฟ้าเทางอกออกมาสี่อันมันดูเหมือนปีกแมลงซะมากกว่า แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำให้มันขยับยังไง


“จะบินได้ไงล่ะ?”


“ดูเหมือนว่าจะมีตัวช่วยควบคุมอยู่ลองยืนมือซ้ายออกมาเหมือนกำลังจะจับอะไรอยู่สิค่ะ”


ผมลองทำตามของสาวน้อยบนบ่าไม่นานก็มีของที่เหมือนกับจอยควบคุมบนมือผม


ดึงเข้าหาตึวเพื่อบินขึ้นดึงออกไปเพื่อลดระดับ ซ้ายกับขวาเพื่อเลี้ยว กดปุ่มเพื่อเร่งและปล่อยเพื่อชะลอ


“อืม...”


ผมดึงจอยเข้ามาหาตัวเองแล้วปีกข้างหลังก็ยึดยาวขึ้นและเปล่งแสงผมดึงเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นไปอีก


“โอ้”


ทันใดนั้นร่างของผมก็ลอยผมค่อยๆบินขึ้นราวๆเมตรเดียวก่อนจะคลายไหล่ให้ผ่อนคลายลงจากนั้นก็กดปุ่มเร่งเพื่อที่จะบินไปข้างหน้า


ผมลองเลี้ยงและทิ้งตัวลง ผมเริ่มชินในเวลาไม่นานดูเหมือนว่าจะง่ายกว่าเกมที่ขับเครื่องบินที่ผมเคยเล่นด้วยซ้ำ


“ฉันว่าฉันพอที่จะเข้าใจแล้วล่ะแต่ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ว่าเมืองที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน?”


“ทางตะวันตกจากที่นี่มีเมืองชื่อ <<ซิลเวน>> น่าจะเป็นเมืองที่ใกล้ที่สุดอ่า...”


ยุยมองขึ้นฟ้า


“อะไรเหรอ?”


“มีผู้เล่นใกล้เข้ามา...ดูเหมือนจะเป็นคนๆเดียวที่ถูกไล่มาโดยคนอื่นอีกสามคน”


“โอ้... การต่อสู้สินะ ไปดูกันสักหน่อยเถอะ”


“ป๊ะป๋านี่ง่ายๆเหมือนเดิมเลย”


ในระหว่าที่ผมคุยกับเธอก็เปิดเมนูเรียกเอาดาบสำหรับตอนเริ่มต้นเกมออกมาผมลองดึงออกจากปลอกแล้วหวดไปมาสองสามครั้ง


“ว้าว... ดาบแย่จังแล้วก้เบาเกินไปด้วย”


ผมเก็บดาบเข้าปลอกแล้วแล้วเรียกที่ควบคุมการบิน


“ฉันให้เธอนำทางนะยุย”


“รับทราบค่ะ!”


เธอตอบกลับด้วยเสียงคล้ายกระดิ่งจากนั้นก็บินิกจากไหล่ผมซึ่งผมตามไปถึงบนอากาศ


จบ.เครดิส by argon