ประวัติของวงและสมาชิกในวงLINKIN PARKครับ
ลินคินพาร์ก (Linkin Park) ศิลปินจากอะ:Xราฮิลลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ศิลปินแนว "นูเมทัล" (Nu-Metal) ด้วยบทเพลงน่าสนใจ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของดนตรี เมทัล ฮิปฮอป อีเลคโทรนิค อินดัสเตรียล และยังคงมีกลิ่นไอของ ฮิปฮอป ความเป็น ป็อป อยู่ด้วย
ประวัติของวง
ไมค์ ชิโนดะ ได้ชมคอนเสิร์ตของวง แอนแทร็กซ์ (Anthrax) และ พับลิก อีเนมี่ (Public Enemy) ในช่วง พ.ศ. 2532 - 2533 และการแสดงในช่วงที่แฟนเพลงเรียกร้องให้ขึ้นเวทีอีกครั้ง หรือช่วงอังกอร์ของคอนเสิร์ตในครั้งนั้น ทั้ง 2 วง ลุกขึ้นมาแสดงดนตรีร่วมกันในบทเพลง บริงก์ ดา น้อยซ์ (Bring Da Noise) ซึ่งเป็นการจุดประกายให้ ไมค์ อยากทำงานเพลงในทิศทางนั้น
ลินคินพาร์ก จึงเริ่มต้นจาก ไมค์ ชิโนดะ หนุ่มน้อยผู้คลั่งไคล้ในวัฒนธรรมดนตรีฮิปฮอป กับ แบรด เดลสัน (Brad Delson) มือกีตาร์สมัครเล่น ทั้ง 2 หนุ่มเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เกรด 7 (ประมาณ 13 ปี ) โดยในช่วงแรก ไมค์ รับหน้าที่ทำบีทให้วงฮิปฮอป หลังจากนั้นจึงได้พบกับ ร็อบ บอร์ดอน (Rob Bourdon) มือกลอง ณ โรงเรียนใกล้ๆ ในแถบซาน เฟอร์นานโด แวลลีย์ (San Fernando Valley) ส่วน โจ ฮาห์น (Joseph Hahn) DJ ผู้รู้จักกับ ไมค์ ขณะศึกษาที่ อาร์ต เซ็นเตอร์ คอลเลจ (Art Center College) ใน พาซาดีนา (Pasadena Art school) ตามมาเป็นหนึ่งในสมาชิก และร่วมตั้งวงดนตรีชื่อ ซีโร่ (Xero) ใน พ.ศ. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดการแสดงเล็กๆ สร้างความครื้นเครงและมันส์อย่างสุดๆ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน
เมื่อ ซีโร่ มีโอกาสได้ไปแสดงดนตรีที่ วิสกี้ อะโกโก้ (Whisky A Go-Go ) คลับดังของแอลเอ และด้วยฝีมือการแสดงอันโดดเด่น จึงเป็นที่ถูกใจ เจฟฟ์ บลู (Jeff Blue) แห่ง ซอมบ้า มิวสิก พับลิชชิ่ง (Zomba Music Publishing) และได้เซ็นสัญญาในที่สุด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญและผลักดันให้ ซีโร่ มีโอกาสในวงการดนตรีมากขึ้น เนื่องจาก เจฟฟ์ มีส่วนผลักดันให้ผลงานเพลงตัวอย่างของ ซีโร่ เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการเพลงมากขึ้น
ต่อมา ซีโร่ ได้เซ็นสัญญากับ วอร์เนอร์บราเธอร์ส (Warner Brothers) อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากนั้นไม่นาน เจฟฟ์ ย้ายตามไปทำงานร่วมกันโดยดำรงตำแหน่ง เอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ (Executive Producer) ด้วย ขณะนั้น ซีโร่ ต้องการสมาชิกเพิ่มในตำแหน่ง นักร้องนำ เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington: second vocal) หนุ่มจากอริโซน่าจึงเข้ามาเป็นสมาชิกคนต่อไปในฐานะนักร้องนำ โดย เชสเตอร์ ได้รับเทปตัวอย่างที่ ซีโร่ ทำขึ้นจากสตูดิโอเล็กๆ ในห้องนอนของไมค์
นอกจากนี้ทั้ง เชสเตอร์ และ ไมค์ รู้จักกันผ่านทางสำนักทนาย ไมเนียท เฟลพส์ แอนด์ เฟลพส์ (Miniet Phelps and Phelps) ที่ทั้งคู่ใช้บริการ เชสเตอร์สนใจที่จะร่วมงานกับ ซีโร่ มาก จนถึงกับแอบหนีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 23 ปีของตนไปอย่างหน้าตาเฉย เพื่อรีบไปบันทึกเสียงร้องของตนลงเทปตัวอย่างกลางดึก จากนั้นได้โทรศัพท์เปิดเทปตัวอย่างให้กับทางวงฟัง ซึ่งทุกคนชอบมาก จึงรับ เชสเตอร์ เป็นสมาชิกใหม่ทันที
จากนั้นสมาชิก ซีโร่ ทั้งหมดตกลงใจเปลี่ยนชื่อวงเป็น ไฮบริด ธีโอรี่ (Hybrid Theory) แต่บังเอิญไปซ้ำกับชื่อวงดนตรีของศิลปินกลุ่มอื่น จนในที่สุดจำต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ลินคินพาร์ก (Linkin Park) ซึ่งเป็นชื่อที่แผลงตัวสะกดมาจาก ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) ซึ่งมีที่มาที่ไปจากการมองการณ์ไกลไปถึงการสร้างเว็บไซต์ประจำวง เนื่องจากมีการจดทะเบียนซื้อขายชื่อโดเมน ลินคอล์นพาร์ค.คอม (lincolnpark.com) ไปเรียบร้อย ก่อนที่ทางวงจะไปขึ้นทะเบียนวงดนตรีของพวกตน และหากยังคงต้องการใช้ชื่อนั้น ก็ต้องเตรียมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน
นอกจากนี้ในสหรัฐอเมริกามีสวนสาธารณะชื่อ ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) อยู่หลายแห่ง ดังนั้นหากไปเปิดการแสดงดนตรีที่ใดก็ตาม จะกลายเป็นเหมือนกับวงดนตรีท้องถิ่นทั่วไป ที่สำคัญคือทุกคนชอบชื่อ ลินคอล์น พาร์ค และยังเป็นสถานที่ที่ เชสเตอร์ ขับรถผ่านภายหลังจากซ้อมดนตรีเสร็จเป็นประจำ ลินคอล์น พาร์ค เป็นสถานที่แห่งหนึ่งของชนชั้นกลาง และ คนจรจัดของเมืองซานต้า โมนิก้า (Santa Monica)
ต่อมา ลินคินพาร์ก ได้ร่วมงานกับ โปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่าง ดอน กิลมอร์ (Don Gilmore) ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพิร์ล แจม (Pearl Jam ) , เอเพ็กซ์ ธีโอรี่ (Apex Theory) , ชูการ์ เรย์ (Sugar Ray)
Hybrid Theory (2000?2002)
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ออกผลงานชุดแรกของ ลินคินพาร์ก จะใช้ชื่ออะไรไปไม่ได้นอกจากชื่อที่ยังคาใจทุกคนอยู่ นั่นก็คือ "ไฮบริด ธีโอรี่" [Hybrid Theory] ทุกคนยอมรับว่าคือ วลีที่สรุปจุดมุ่งหมายของวงได้ดีที่สุด และต้องมีการใสวงเล็บเพิ่มลงไปด้วย
"ไฮบริด ธีโอรี่" ของวงดนตรีหน้าใหม่วงนี้ ประกอบไปด้วยบทเพลงเยี่ยมยอดมากมาย ที่สามารถทะยานเข้าสู่ ท็อป 20 ของบิลบอร์ด (Billboard Top 20) ได้สัปดาห์แรก บทเพลง วัน สเต็ป โคลสเซอร์ (One Step Closer) โดนใจนักจัดรายการวิทยุทั่วโลกไปเต็มๆ รวมทั้ง ครอวลิ่งก์ (Crawling) และ อิน ดิ เอ็นด์ (In the End)
ลินคินพาร์ก ได้รับรางวัล The favor of MTV's pop-oriented TRL crowd และภายในปี 2544 ออกแสดงทัวร์คอนเสิร์ตทั้งสิ้น 324 คอนเสิร์ต รวมไปถึง การแสดงในเทศกาลดนตรี แฟมิลี่ แวลูส์ (Family Values) อ็อซเฟสท์ (Ozzfest) และ โปรเจกต์ รีโวลูชั่น (Projekt Revolution) ถูกเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลแกรมมี่ 3 รางวัล ในสาขาผลงานเพลงร็อกยอดเยี่ยม (Best Rock Album) ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Artist) และ การแสดงดนตรีฮาร์ดร็อกยอดเยี่ยม (Best Hard Rock Performance) และคว้า รางวัลสาขาการแสดงดนตรีฮาร์ดร็อกยอดเยี่ยม (Best Hard Rock Performance) ประจำปี 2544 อีกทั้งยังสร้าง สถิติยอดจำหน่ายสูงสุดแห่งปี 2543 ต่อมา พ.ศ. 254 5 "ไฮบริด ธีโอรี่" ทำสถิติยอดจำหน่ายแพล็ทตินั่มกว่า 8 ล้านแผ่น และ สร้างยอดจำหน่ายสูงสุดอันดับ 5 ประจำปี 2545 อีกด้วย
Meteora (2002?2004)
อัลบั้มนี้ใช้เวลานานถึง 18 เดือน ในการเขียนและบันทึกผลงานเต็มชุดที่ 2 ที่ประสบความสำเร็จภายใต้ชื่อ "เมทีโอร่า" (Meteora)
อัลบั้ม Meteora ขายได้ 800,000 copies ใน 1 อาทิตย์. ในอัลบั้ม ประกอบด้วย ซิงเกิล "Somewhere I Belong", "Breaking the Habit", "Faint", and "Numb" เมื่อใกล้ขายได้ 3 ล้าน copies ลินคินพาร์กจึงจัด "Project Revolution" หรือเทศกาลดนตรีของ ลินคินพาร์ก
Side projects (2004?2006)
หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ อัลบั้ม "Hybrid Theory" และ "Meteora" เชสเตอร์ได้ร่วมงานกับวงอื่น เช่น "Dead by Sunrise" ส่วนไมค์ได้ร่วมงานกับ Depeche Mode. ในปี 2004 วงลินคินพาร์ก ทำอัลบั้ม "Collision Course" ที่นำเพลงจากอัลบั้มเก่า ร่วมกับ "Jay-Z"
Minutes to Midnight (2006?2008)
ในปี 2006 ลินคินพาร์กได้กลับเข้าสตูดิโออีกครั้ง และเปลี่ยนแนวเพลง
อัลบั้ม "Minutes to Midnight" ออกวางขาย วันที่ 15 พฤษภาคม 2007 ชื่ออัลบั้มนั้นได้แนวคิดมาจากนาฬิกาโลกาวินาศซึ่งมาจากนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิคาโก หลังจากสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะสิ้นสุดลง อัลบั้มชุดนี้เป็นร่วมกันโปรดิวซ์ระหว่างโปรดิวเซอร์ที่ดังที่สุดแห่งยุค และเจ้าของรางวัล Producer of The Year คนล่าสุดจากเวทีแกรมมี่อย่าง ริค รูบิน และ ไมค์ ชิโนดะ เอ็มซีและมันสมองของลินคินพาร์ก
A Thousand Suns (2008?ปัจจุบัน)
วันที่ 18 พฤษภาคม 2009 ออกซิงเกิลใหม่ ในชื่อ "New Divide" เพลงประกอบหนัง "Transformers: Revenge of the Fallen".
วันที่ 19 มการคม 2010 วงลินคินพาร์ก ออกซิงเกิลใหม่ ในชื่อ "Not Alone" เพื่อองค์กร "Music For Relief" ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวใน เฮติ. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2010 ลินคินพาร์กออกมิวสิควิดีโอของเพลง "Not Alone" ที่หน้าแรกของเว็บ ลินคินพาร์ก
วงลินคินพาร์ก ออกเกม "8-Bit Rebellion" ในวันที่ 26 เมษายน 2010 สำหรับ iPod , iPhone และ iPad. ภายในเกมประกอบด้วย เพลง "Blackbirds" จะถูกปลดล็อคเมื่อผู้เล่น เล่นเกมจบ
วันที่ 6 มิถุนายน 2010 ลินคินพาร์กเปิดเผยว่าอัลบั้มใหม่ใกล้เสร็จแล้ว. มีการกำหนดการจัดคอนเสิร์ต ครั้งแรกของปี 2010 ที่เยอรมัน
วันที่ 8 กรกฎาคม 2010 วงลินคินพาร์ก ประกาศกำหนดวันออก อัลบั้ม "A Thousand Suns" อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 กันยายน 2010. นอกจากนั้น วงลินคินพาร์ก ประกาศชื่อเพลง และ กำหนดวันออกซิงเกิลแรก ในวันที่ 2 สิงหาคม 2010 เพลง "The Catalyst"
ประวัติของสมาชิกวง
ชื่อจริง : Chester Charles Bennington
เกิด : 20 มีนาคม 1976
บ้านเกิด Phoenix,Arizona ประเทศอเมริกา
ตำแหน่ง : นักร้อง
ด้านดนตรี : นักร้อง / กีต้าร์ / คีย์บอร์ด
แรงบันดาลใจ : Depeche Mode และ Stone Temple Pilots
ประวัติชีวิต
1.มีความสนใจทางด้านดนตรีตั้งแต่เด็กๆ
2.พ่อแม่แยกทางกันในช่วงปลายปี 1980
3.เคยโดนทารุณกรรมทางเพศสมัยวัยรุ่น
4.เคยติดยาเสพติด โคเคน และ methamphetamine แต่ในที่สุดเขาก็เลิกเสพยาพวกนี้จนได้
5.เคยทำงานที่ Burger King ก่อนมาเป็นนักร้องมืออาชีพ
ชื่อจริง : Mike Kenji Shinoda
เกิด : 11 กุมภาพันธ์ 1977
เชื้อสาย : ญี่ปุ่น-อเมริกัน
บ้านเกิด : Agoura Hills, California ประเทศ อเมริกา
อาชีพ : นักดนตรี / แร็พเปอร์ (คนร้อง Rap) / ด้านการบันทึกเสียง / กราฟฟิกดีไซเนอร์
ด้านดนตรี : นักร้อง / Rap / คีย์บอร์ด / กีต้าร์
ประวัติส่วนตัว
1.สนใจดนตรีในช่วงมัธยม
2.เริ่มเล่นเครื่องดนตรีหลากชนิดโดยสนใจ เปียโนที่สุด แถมยังเรียนเปียโนเป็นเรื่องเป็นราวด้วย โดยเรียนด้าน คลาสสิคเปียโน รวมทั้งเทคนนิคต่างๆในการเล่นคลาสสิคเปียโน
3.ก่อนจะหันมาสนใจด้าน Jazz และ Hiphop แล้วก็หันมาสนใจเล่นกีต้าร์บ้าง
4.หลังจบม.ปลาย Shinoda ศึกษาต่อที่ Art Center College of Design เพื่อเรียนด้านกราฟฟิกดีไซน์โดยเฉพาะ
5.ได้พบ DJ ผู้มีนามว่า Joseph Hahn ที่ Art Center College of Design นั่นแหละ
6.เรียนจบก็ทำงานด้านกราฟฟิกดีไซเนอร์ ควบคู่ไปกับการทำวง
7.เป็นคนออกแบบโลโก้ต่างๆของวง Linkin Park คู่กับ Hahn
ชื่อจริง : Robert Gregory Bourdon
เกิด : 20 มกราคม 1979
อาชีพ : นักดนตรี
ด้านดนตรี : กลอง / เปียโน
บ้านเกิด : Calabasas, California ประเทศอเมริกา
ประวัติก่อนเข้าวงการ
1.เกิดและโตในครอบครัวชาวยิว
2.เติบโตมาพร้อมกับวง Incubas
3.เริ่มสนใจเล่นกลองหลังดูคอนเสิร์ตของ Aerosmith
4.แม่ของ Rob เป็นแฟนของ Joey Kramer มือกลองวง Aerosmith
Brad Delson (มือกีต้าร์)
ชื่อจริง : Bradford Phillip Delson
ฉายา : Big Bad Brad , BBB
เกิด : 1 ธันวาคม 1977
บ้านเกิด : แคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา
อาชีพปัจจุบัน : นักดนตรี / A&R Person
ด้านดนตรี : กีต้าร์ / เบส / คีย์บอร์ด
ก่อนเข้าวงการ
1.รู้จักและสนิทกับ Mike Shinoda ตั้งแต่มัธยมต้น
2.เรียนต่อที่ ULCA ด้วยทุนผู้ที่ทำงานช่วยเหลือด้านราชการ
3.จบปริญญาตรีด้านนิเทศน์ สาขาธุรกืจ/โฆษณา ประชาสัมพันธ์
4.ยกเลิกการเรียนต่อด้านกฏหมายเพื่อทุ่มเทกับวง Linkin Park
5.ก่อนมาเล่นกลองให้ Linkin Park แบรดเล่นทรัมเป็ตมาก่อน
6.ชอบใส่หูฟังอันใหญ่ๆในคอนเสิร์ต จนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนดู
7.ชอบทำอะไรแปลกแหวกแนวชาวบ้านเขา ช่วงที่เรียนอยู่เคยย้อมผมหลากสี ปัจจุบันนี้ก็มาไว้ทรงแอฟโฟร
ชื่อจริง : David Michael Farrell
ฉายา : Phoenix (ฟินิกซ์)
เกิด : 8 กุมภาพันธ์ 1977
บ้านเกิด : Plymouth, Massachusetts แต่ย้ายไปแคลิฟอร์เนีย
อาชีพ : นักดนตรี / ด้านการบันทึกเสียง
เครื่องดนตรี : เบส / กีต้าร์ไฟฟ้า / เชลโล่ / ไวโอลิน
ก่อนเข้าวงการ
1.ย้ายไปแคลิฟอร์เนียตอนอายุ 5 ขวบ
2.จบมหาลัยจาก University of California, Los Angeles
3.เคยเป็นสมาชิกวงแนว Christian Punk/Ska ชื่อวง Tasty Snax
4.ช่วงอยุ่มหาลัยซ้อมดนตรีกับ Brad Delson ในห้องที่หอพักเสมอ
5.แรงบันดาลใจคือแม่ และ พี่ชาย
Joe Hahn
ชื่อจริง : Joseph Hahn
ฉายา : Mr.Hahn / Chairman Hahn
เกิด : 15 มีนาคม 1977
บ้านเกิด : แคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา
อาชีพ : นักดนตรี / จิตรกร / ผู้กำกับ
ด้านดนตรี : Turntable / คีย์บอร์ด
เกร็ดเล็กน้อย
1.เข้าร่วมวง Linkin Park หลังพบกับ Mike Shinoda ในโรงเรียนศิลปะ
2.เป็นผู้กำกับ MV ของวงซะส่วนมาก ยกเว้น Faint,One Step Closer,Faint และ Crawling
3. ผู้คนเริ่มติดปากเรียกเขาว่า Mr.Hahn จากเพลง Cure For The Itch
4.เป็นคนRemix เพลง With You ในอัลบั้ม Reanimation โดยได้เปลี่ยนชื่อเพลงเป็น Wth>You
ขอบคุณข้อมูลจาก Wikipedia และ คุณ -Prince- จาก siamzone
ลินคินพาร์ก (Linkin Park) ศิลปินจากอะ:Xราฮิลลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ศิลปินแนว "นูเมทัล" (Nu-Metal) ด้วยบทเพลงน่าสนใจ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของดนตรี เมทัล ฮิปฮอป อีเลคโทรนิค อินดัสเตรียล และยังคงมีกลิ่นไอของ ฮิปฮอป ความเป็น ป็อป อยู่ด้วย
ประวัติของวง
ไมค์ ชิโนดะ ได้ชมคอนเสิร์ตของวง แอนแทร็กซ์ (Anthrax) และ พับลิก อีเนมี่ (Public Enemy) ในช่วง พ.ศ. 2532 - 2533 และการแสดงในช่วงที่แฟนเพลงเรียกร้องให้ขึ้นเวทีอีกครั้ง หรือช่วงอังกอร์ของคอนเสิร์ตในครั้งนั้น ทั้ง 2 วง ลุกขึ้นมาแสดงดนตรีร่วมกันในบทเพลง บริงก์ ดา น้อยซ์ (Bring Da Noise) ซึ่งเป็นการจุดประกายให้ ไมค์ อยากทำงานเพลงในทิศทางนั้น
ลินคินพาร์ก จึงเริ่มต้นจาก ไมค์ ชิโนดะ หนุ่มน้อยผู้คลั่งไคล้ในวัฒนธรรมดนตรีฮิปฮอป กับ แบรด เดลสัน (Brad Delson) มือกีตาร์สมัครเล่น ทั้ง 2 หนุ่มเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เกรด 7 (ประมาณ 13 ปี ) โดยในช่วงแรก ไมค์ รับหน้าที่ทำบีทให้วงฮิปฮอป หลังจากนั้นจึงได้พบกับ ร็อบ บอร์ดอน (Rob Bourdon) มือกลอง ณ โรงเรียนใกล้ๆ ในแถบซาน เฟอร์นานโด แวลลีย์ (San Fernando Valley) ส่วน โจ ฮาห์น (Joseph Hahn) DJ ผู้รู้จักกับ ไมค์ ขณะศึกษาที่ อาร์ต เซ็นเตอร์ คอลเลจ (Art Center College) ใน พาซาดีนา (Pasadena Art school) ตามมาเป็นหนึ่งในสมาชิก และร่วมตั้งวงดนตรีชื่อ ซีโร่ (Xero) ใน พ.ศ. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดการแสดงเล็กๆ สร้างความครื้นเครงและมันส์อย่างสุดๆ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน
เมื่อ ซีโร่ มีโอกาสได้ไปแสดงดนตรีที่ วิสกี้ อะโกโก้ (Whisky A Go-Go ) คลับดังของแอลเอ และด้วยฝีมือการแสดงอันโดดเด่น จึงเป็นที่ถูกใจ เจฟฟ์ บลู (Jeff Blue) แห่ง ซอมบ้า มิวสิก พับลิชชิ่ง (Zomba Music Publishing) และได้เซ็นสัญญาในที่สุด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญและผลักดันให้ ซีโร่ มีโอกาสในวงการดนตรีมากขึ้น เนื่องจาก เจฟฟ์ มีส่วนผลักดันให้ผลงานเพลงตัวอย่างของ ซีโร่ เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการเพลงมากขึ้น
ต่อมา ซีโร่ ได้เซ็นสัญญากับ วอร์เนอร์บราเธอร์ส (Warner Brothers) อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากนั้นไม่นาน เจฟฟ์ ย้ายตามไปทำงานร่วมกันโดยดำรงตำแหน่ง เอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ (Executive Producer) ด้วย ขณะนั้น ซีโร่ ต้องการสมาชิกเพิ่มในตำแหน่ง นักร้องนำ เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington: second vocal) หนุ่มจากอริโซน่าจึงเข้ามาเป็นสมาชิกคนต่อไปในฐานะนักร้องนำ โดย เชสเตอร์ ได้รับเทปตัวอย่างที่ ซีโร่ ทำขึ้นจากสตูดิโอเล็กๆ ในห้องนอนของไมค์
นอกจากนี้ทั้ง เชสเตอร์ และ ไมค์ รู้จักกันผ่านทางสำนักทนาย ไมเนียท เฟลพส์ แอนด์ เฟลพส์ (Miniet Phelps and Phelps) ที่ทั้งคู่ใช้บริการ เชสเตอร์สนใจที่จะร่วมงานกับ ซีโร่ มาก จนถึงกับแอบหนีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 23 ปีของตนไปอย่างหน้าตาเฉย เพื่อรีบไปบันทึกเสียงร้องของตนลงเทปตัวอย่างกลางดึก จากนั้นได้โทรศัพท์เปิดเทปตัวอย่างให้กับทางวงฟัง ซึ่งทุกคนชอบมาก จึงรับ เชสเตอร์ เป็นสมาชิกใหม่ทันที
จากนั้นสมาชิก ซีโร่ ทั้งหมดตกลงใจเปลี่ยนชื่อวงเป็น ไฮบริด ธีโอรี่ (Hybrid Theory) แต่บังเอิญไปซ้ำกับชื่อวงดนตรีของศิลปินกลุ่มอื่น จนในที่สุดจำต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ลินคินพาร์ก (Linkin Park) ซึ่งเป็นชื่อที่แผลงตัวสะกดมาจาก ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) ซึ่งมีที่มาที่ไปจากการมองการณ์ไกลไปถึงการสร้างเว็บไซต์ประจำวง เนื่องจากมีการจดทะเบียนซื้อขายชื่อโดเมน ลินคอล์นพาร์ค.คอม (lincolnpark.com) ไปเรียบร้อย ก่อนที่ทางวงจะไปขึ้นทะเบียนวงดนตรีของพวกตน และหากยังคงต้องการใช้ชื่อนั้น ก็ต้องเตรียมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน
นอกจากนี้ในสหรัฐอเมริกามีสวนสาธารณะชื่อ ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) อยู่หลายแห่ง ดังนั้นหากไปเปิดการแสดงดนตรีที่ใดก็ตาม จะกลายเป็นเหมือนกับวงดนตรีท้องถิ่นทั่วไป ที่สำคัญคือทุกคนชอบชื่อ ลินคอล์น พาร์ค และยังเป็นสถานที่ที่ เชสเตอร์ ขับรถผ่านภายหลังจากซ้อมดนตรีเสร็จเป็นประจำ ลินคอล์น พาร์ค เป็นสถานที่แห่งหนึ่งของชนชั้นกลาง และ คนจรจัดของเมืองซานต้า โมนิก้า (Santa Monica)
ต่อมา ลินคินพาร์ก ได้ร่วมงานกับ โปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่าง ดอน กิลมอร์ (Don Gilmore) ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพิร์ล แจม (Pearl Jam ) , เอเพ็กซ์ ธีโอรี่ (Apex Theory) , ชูการ์ เรย์ (Sugar Ray)
Hybrid Theory (2000?2002)
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ออกผลงานชุดแรกของ ลินคินพาร์ก จะใช้ชื่ออะไรไปไม่ได้นอกจากชื่อที่ยังคาใจทุกคนอยู่ นั่นก็คือ "ไฮบริด ธีโอรี่" [Hybrid Theory] ทุกคนยอมรับว่าคือ วลีที่สรุปจุดมุ่งหมายของวงได้ดีที่สุด และต้องมีการใสวงเล็บเพิ่มลงไปด้วย
"ไฮบริด ธีโอรี่" ของวงดนตรีหน้าใหม่วงนี้ ประกอบไปด้วยบทเพลงเยี่ยมยอดมากมาย ที่สามารถทะยานเข้าสู่ ท็อป 20 ของบิลบอร์ด (Billboard Top 20) ได้สัปดาห์แรก บทเพลง วัน สเต็ป โคลสเซอร์ (One Step Closer) โดนใจนักจัดรายการวิทยุทั่วโลกไปเต็มๆ รวมทั้ง ครอวลิ่งก์ (Crawling) และ อิน ดิ เอ็นด์ (In the End)
ลินคินพาร์ก ได้รับรางวัล The favor of MTV's pop-oriented TRL crowd และภายในปี 2544 ออกแสดงทัวร์คอนเสิร์ตทั้งสิ้น 324 คอนเสิร์ต รวมไปถึง การแสดงในเทศกาลดนตรี แฟมิลี่ แวลูส์ (Family Values) อ็อซเฟสท์ (Ozzfest) และ โปรเจกต์ รีโวลูชั่น (Projekt Revolution) ถูกเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลแกรมมี่ 3 รางวัล ในสาขาผลงานเพลงร็อกยอดเยี่ยม (Best Rock Album) ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Artist) และ การแสดงดนตรีฮาร์ดร็อกยอดเยี่ยม (Best Hard Rock Performance) และคว้า รางวัลสาขาการแสดงดนตรีฮาร์ดร็อกยอดเยี่ยม (Best Hard Rock Performance) ประจำปี 2544 อีกทั้งยังสร้าง สถิติยอดจำหน่ายสูงสุดแห่งปี 2543 ต่อมา พ.ศ. 254 5 "ไฮบริด ธีโอรี่" ทำสถิติยอดจำหน่ายแพล็ทตินั่มกว่า 8 ล้านแผ่น และ สร้างยอดจำหน่ายสูงสุดอันดับ 5 ประจำปี 2545 อีกด้วย
Meteora (2002?2004)
อัลบั้มนี้ใช้เวลานานถึง 18 เดือน ในการเขียนและบันทึกผลงานเต็มชุดที่ 2 ที่ประสบความสำเร็จภายใต้ชื่อ "เมทีโอร่า" (Meteora)
อัลบั้ม Meteora ขายได้ 800,000 copies ใน 1 อาทิตย์. ในอัลบั้ม ประกอบด้วย ซิงเกิล "Somewhere I Belong", "Breaking the Habit", "Faint", and "Numb" เมื่อใกล้ขายได้ 3 ล้าน copies ลินคินพาร์กจึงจัด "Project Revolution" หรือเทศกาลดนตรีของ ลินคินพาร์ก
Side projects (2004?2006)
หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ อัลบั้ม "Hybrid Theory" และ "Meteora" เชสเตอร์ได้ร่วมงานกับวงอื่น เช่น "Dead by Sunrise" ส่วนไมค์ได้ร่วมงานกับ Depeche Mode. ในปี 2004 วงลินคินพาร์ก ทำอัลบั้ม "Collision Course" ที่นำเพลงจากอัลบั้มเก่า ร่วมกับ "Jay-Z"
Minutes to Midnight (2006?2008)
ในปี 2006 ลินคินพาร์กได้กลับเข้าสตูดิโออีกครั้ง และเปลี่ยนแนวเพลง
อัลบั้ม "Minutes to Midnight" ออกวางขาย วันที่ 15 พฤษภาคม 2007 ชื่ออัลบั้มนั้นได้แนวคิดมาจากนาฬิกาโลกาวินาศซึ่งมาจากนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิคาโก หลังจากสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะสิ้นสุดลง อัลบั้มชุดนี้เป็นร่วมกันโปรดิวซ์ระหว่างโปรดิวเซอร์ที่ดังที่สุดแห่งยุค และเจ้าของรางวัล Producer of The Year คนล่าสุดจากเวทีแกรมมี่อย่าง ริค รูบิน และ ไมค์ ชิโนดะ เอ็มซีและมันสมองของลินคินพาร์ก
A Thousand Suns (2008?ปัจจุบัน)
วันที่ 18 พฤษภาคม 2009 ออกซิงเกิลใหม่ ในชื่อ "New Divide" เพลงประกอบหนัง "Transformers: Revenge of the Fallen".
วันที่ 19 มการคม 2010 วงลินคินพาร์ก ออกซิงเกิลใหม่ ในชื่อ "Not Alone" เพื่อองค์กร "Music For Relief" ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวใน เฮติ. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2010 ลินคินพาร์กออกมิวสิควิดีโอของเพลง "Not Alone" ที่หน้าแรกของเว็บ ลินคินพาร์ก
วงลินคินพาร์ก ออกเกม "8-Bit Rebellion" ในวันที่ 26 เมษายน 2010 สำหรับ iPod , iPhone และ iPad. ภายในเกมประกอบด้วย เพลง "Blackbirds" จะถูกปลดล็อคเมื่อผู้เล่น เล่นเกมจบ
วันที่ 6 มิถุนายน 2010 ลินคินพาร์กเปิดเผยว่าอัลบั้มใหม่ใกล้เสร็จแล้ว. มีการกำหนดการจัดคอนเสิร์ต ครั้งแรกของปี 2010 ที่เยอรมัน
วันที่ 8 กรกฎาคม 2010 วงลินคินพาร์ก ประกาศกำหนดวันออก อัลบั้ม "A Thousand Suns" อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 กันยายน 2010. นอกจากนั้น วงลินคินพาร์ก ประกาศชื่อเพลง และ กำหนดวันออกซิงเกิลแรก ในวันที่ 2 สิงหาคม 2010 เพลง "The Catalyst"
ประวัติของสมาชิกวง
Chester Bennington
ชื่อจริง : Chester Charles Bennington
เกิด : 20 มีนาคม 1976
บ้านเกิด Phoenix,Arizona ประเทศอเมริกา
ตำแหน่ง : นักร้อง
ด้านดนตรี : นักร้อง / กีต้าร์ / คีย์บอร์ด
แรงบันดาลใจ : Depeche Mode และ Stone Temple Pilots
ประวัติชีวิต
1.มีความสนใจทางด้านดนตรีตั้งแต่เด็กๆ
2.พ่อแม่แยกทางกันในช่วงปลายปี 1980
3.เคยโดนทารุณกรรมทางเพศสมัยวัยรุ่น
4.เคยติดยาเสพติด โคเคน และ methamphetamine แต่ในที่สุดเขาก็เลิกเสพยาพวกนี้จนได้
5.เคยทำงานที่ Burger King ก่อนมาเป็นนักร้องมืออาชีพ
Mike Shinoda
ชื่อจริง : Mike Kenji Shinoda
เกิด : 11 กุมภาพันธ์ 1977
เชื้อสาย : ญี่ปุ่น-อเมริกัน
บ้านเกิด : Agoura Hills, California ประเทศ อเมริกา
อาชีพ : นักดนตรี / แร็พเปอร์ (คนร้อง Rap) / ด้านการบันทึกเสียง / กราฟฟิกดีไซเนอร์
ด้านดนตรี : นักร้อง / Rap / คีย์บอร์ด / กีต้าร์
ประวัติส่วนตัว
1.สนใจดนตรีในช่วงมัธยม
2.เริ่มเล่นเครื่องดนตรีหลากชนิดโดยสนใจ เปียโนที่สุด แถมยังเรียนเปียโนเป็นเรื่องเป็นราวด้วย โดยเรียนด้าน คลาสสิคเปียโน รวมทั้งเทคนนิคต่างๆในการเล่นคลาสสิคเปียโน
3.ก่อนจะหันมาสนใจด้าน Jazz และ Hiphop แล้วก็หันมาสนใจเล่นกีต้าร์บ้าง
4.หลังจบม.ปลาย Shinoda ศึกษาต่อที่ Art Center College of Design เพื่อเรียนด้านกราฟฟิกดีไซน์โดยเฉพาะ
5.ได้พบ DJ ผู้มีนามว่า Joseph Hahn ที่ Art Center College of Design นั่นแหละ
6.เรียนจบก็ทำงานด้านกราฟฟิกดีไซเนอร์ ควบคู่ไปกับการทำวง
7.เป็นคนออกแบบโลโก้ต่างๆของวง Linkin Park คู่กับ Hahn
Rob Bourdon (มือกลอง)
ชื่อจริง : Robert Gregory Bourdon
เกิด : 20 มกราคม 1979
อาชีพ : นักดนตรี
ด้านดนตรี : กลอง / เปียโน
บ้านเกิด : Calabasas, California ประเทศอเมริกา
ประวัติก่อนเข้าวงการ
1.เกิดและโตในครอบครัวชาวยิว
2.เติบโตมาพร้อมกับวง Incubas
3.เริ่มสนใจเล่นกลองหลังดูคอนเสิร์ตของ Aerosmith
4.แม่ของ Rob เป็นแฟนของ Joey Kramer มือกลองวง Aerosmith
Brad Delson (มือกีต้าร์)
ชื่อจริง : Bradford Phillip Delson
ฉายา : Big Bad Brad , BBB
เกิด : 1 ธันวาคม 1977
บ้านเกิด : แคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา
อาชีพปัจจุบัน : นักดนตรี / A&R Person
ด้านดนตรี : กีต้าร์ / เบส / คีย์บอร์ด
ก่อนเข้าวงการ
1.รู้จักและสนิทกับ Mike Shinoda ตั้งแต่มัธยมต้น
2.เรียนต่อที่ ULCA ด้วยทุนผู้ที่ทำงานช่วยเหลือด้านราชการ
3.จบปริญญาตรีด้านนิเทศน์ สาขาธุรกืจ/โฆษณา ประชาสัมพันธ์
4.ยกเลิกการเรียนต่อด้านกฏหมายเพื่อทุ่มเทกับวง Linkin Park
5.ก่อนมาเล่นกลองให้ Linkin Park แบรดเล่นทรัมเป็ตมาก่อน
6.ชอบใส่หูฟังอันใหญ่ๆในคอนเสิร์ต จนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนดู
7.ชอบทำอะไรแปลกแหวกแนวชาวบ้านเขา ช่วงที่เรียนอยู่เคยย้อมผมหลากสี ปัจจุบันนี้ก็มาไว้ทรงแอฟโฟร
Dave Farrell (มือเบส)
ชื่อจริง : David Michael Farrell
ฉายา : Phoenix (ฟินิกซ์)
เกิด : 8 กุมภาพันธ์ 1977
บ้านเกิด : Plymouth, Massachusetts แต่ย้ายไปแคลิฟอร์เนีย
อาชีพ : นักดนตรี / ด้านการบันทึกเสียง
เครื่องดนตรี : เบส / กีต้าร์ไฟฟ้า / เชลโล่ / ไวโอลิน
ก่อนเข้าวงการ
1.ย้ายไปแคลิฟอร์เนียตอนอายุ 5 ขวบ
2.จบมหาลัยจาก University of California, Los Angeles
3.เคยเป็นสมาชิกวงแนว Christian Punk/Ska ชื่อวง Tasty Snax
4.ช่วงอยุ่มหาลัยซ้อมดนตรีกับ Brad Delson ในห้องที่หอพักเสมอ
5.แรงบันดาลใจคือแม่ และ พี่ชาย
Joe Hahn
ชื่อจริง : Joseph Hahn
ฉายา : Mr.Hahn / Chairman Hahn
เกิด : 15 มีนาคม 1977
บ้านเกิด : แคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา
อาชีพ : นักดนตรี / จิตรกร / ผู้กำกับ
ด้านดนตรี : Turntable / คีย์บอร์ด
เกร็ดเล็กน้อย
1.เข้าร่วมวง Linkin Park หลังพบกับ Mike Shinoda ในโรงเรียนศิลปะ
2.เป็นผู้กำกับ MV ของวงซะส่วนมาก ยกเว้น Faint,One Step Closer,Faint และ Crawling
3. ผู้คนเริ่มติดปากเรียกเขาว่า Mr.Hahn จากเพลง Cure For The Itch
4.เป็นคนRemix เพลง With You ในอัลบั้ม Reanimation โดยได้เปลี่ยนชื่อเพลงเป็น Wth>You
In The End
Somewhere I Belong
Waiting for the End เพลงใหม่จากอัลบั้มล่าสุด A Thousand Suns
ขอบคุณข้อมูลจาก Wikipedia และ คุณ -Prince- จาก siamzone
ประวัติของวงและสมาชิกในวงLINKIN PARK ครับ
[IMG]