แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย fighterser เมื่อ 2011-11-11 19:41
เปิดซิง:ด่านตรวจแอลกอฮอล์
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเรื่องที่ผมกำลังจะเล่านี้ “เป็นเรื่องจริงประมาณ 85%” ส่วนที่ไม่จริงก็คือผมแต่งเติมพวกมุขเข้าไปอีกนิดหน่อย แต่หลักๆแล้วเรื่องนี้เป็น ”เรื่องจริง” ทั้งสิ้นครับ!!! เรื่องมันเริ่มมาจากเมื่อคืนครับ…ผมไปดื่มกับเพื่อนและรุ่นพี่มานิดหน่อยครับ (จริงๆก็ไม่หน่อยอ่ะนะ อยู่กันจนร้านปิด) แล้วทีนี้ระหว่างทางที่ผมขี่รถกำลังจะตามไปกินข้าวกับเพื่อนที่ตลาดช้างเผือก [เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดที่เชียงใหม่นะครับ] ผมต้องเลี้ยวไปทางสามแยกช้างเผือกก่อน…ผลก็คืองานเข้าเลยครับ!
ผมเจอด่านตรวจครับ! โดยมีตำรวจสองนายรอดักเป็นกับดักสองชั้น!!! ดังนั้นจึงอย่าคิดว่าจะหลบหนีพี่แกพ้น เพราะคุณตำหนวดแกมีเสต็ปขาเทพมากเลยครับ สุดท้ายก็ต้องเลี้ยวเข้าด่านไป…ผมก็ทำหน้านิ่งๆไปครับ เพราะถ้าจะตรวจพวกเอกสารอะไรผมมีครบหมดอยู่แล้ว หมวกผมก็ใส่ ก็ขอแค่อย่างเดียว…อย่าตรวจแอลกอฮอล์ก็แล้วกัน! …พี่แกก็เดินย่างสามขุมเข้ามาถามผมเลยครับ ผมนิ่งมาก อารมณ์เหมือนคนพึ่งไปกินก๋วยเตี๋ยวมา (ฮา)
ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้!!! …ดังนั้นคุณตำรวจแกก็เลยขอตรวจบัตรตามพิธีครับ จะไม่ให้ก็กะไรอยู่ เดี๋ยวจะโดนข้อหาเพิ่มอีกสองเด้งสามเด้ง ของงี้อย่าไปลีลาหัวหมอมากครับ หลายคนแนะนำผมว่าอย่าไปยื่นบัตรให้ตำรวจ (หลังจากเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว) ก็ในเมื่อเจ้าหน้าที่เค้าขอตรวจ ให้ผมไปหัวหมอใส่เค้า บอกไม่พก ไม่มี ไม่ให้ เกิดผมโดนข้อหาหมั่นไส้จากเจ้าพนักงาน คนที่แนะนำจะมาร่วมด้วยช่วยซวยร่วมกับผมมั้ยคร้าบบ (ฮา) …ผมก็เลยยื่นบัตรให้ตามประสงค์ ผลคือ…
เรียบร้อยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ!!! (รู้งี้กูหัวหมอก็ดี!)
ผมก็เลยต้องเข้าไปนั่งรอเป่าแอลกอฮอล์ในป้อมตำรวจครับ (ตอนแรกเค้าก็ตรวจกันริมถนนนั่่นแหละครับ แต่บังเอิญฝนมันตกตอนผมมาพอดี เลยต้องย้ายเข้าตรวจกันในป้อมครับ) เข้ามาแล้วก็เจอบรรยากาศกดดันมาก เพราะโดนกันหลายคน หลักๆที่ผมเห็น(และจำได้) มีสองคนครับ คนหนึ่งสักเต็มแขนเลย ทำหน้านิ่งมาก ไม่ออกอาการวิตกใดๆเลย (ผมขอเรียกพี่แกว่า “พี่สัก” แล้วกัน)
ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิง…ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นคนมีสตางค์ เพราะว่าเธอขับรถเก๋งมา เจ๊แกก็โทรหาพ่อบอกว่าจะขอใช้เส้นให้หลุดด่านท่าเดียว …ผมก็ฟังผ่านๆ ไม่สนใจอะไร เพราะถึงยังไงคนไร้เส้นอย่างผม ก็ต้องทำตามกฏหมายบ้านเมืองกันต่อไปล่ะครับ (ฮา)
และแล้วพวกเราก็ทยอยโดนต้อนเข้ามาในห้องครับ…
เหมือนวัวที่โดนต้อนเข้าโรงเชือด
โดยบนโต๊ะจะมีบัตรของพวกเราทุกคนอยู่คนละใบสองใบ (ใครไม่มีบัตรนี่เจอจัดหนักครับ นั่นคือโดนยึดกุญแจรถ!) ผมก็เว้ย…จะโดนเชือดแล้ววว คุณตำรวจในห้องที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมีสองนายครับ นายนึงเป็นหมวกหัวปิงปอง ส่วนอีกนายเป็นหมวกหัวเกี๊ยวซ่า (ผมไม่รู้ว่าทรงหมวกตำรวจเค้าเรียกว่าอะไรจริงๆแฮะ) …คุณตำรวจหัวเกี๊ยวซ่าแกก็เริ่มเรียกให้คนเข้าไปตรวจครับ
เล่นเรียกหา “ความสมัครใจ” กันแบบนี้…แล้วใครมันจะกล้าไปคร้าบบ!?
ดังนั้นคุณตำรวจแกก็เลยสุ่มเลยครับ ผมก็ทำหน้าเหมือนเด็กโง่ๆ เหมือนเวลาคุณครูไล่ถามคำถามให้นักเรียนตอบในชั้นเรียนนั่นแหละครับ คือ หลบหน้าหลบตา ทำหน้าโง่ๆเข้าไว้…ผลคือพี่สักโดนครับ! (ฮา) พี่สักแกก็เดินมั่นเข้าไปเล้ย เดินอาดๆเข้าไปตรวจคนแรก (แล้วทำไมตอนเขาถามหาอาสาสมัครเอ็งไม่ออกไปฟะ!!) ซึ่งก็ดูท่าพี่สักแกจะชินกับด่านแบบนี้บ่อย คือแกนิ่งมาก …แถมลีลาลูกเล่นแกก็แพรวพราวซะด้วยครับ …ไม่เชื่อดู!!
โอ้โห หลบทุกท่า ขัดขืนกันทุกทาง อย่างอารยะและสร้างสรรค์ (ฮา)…แต่คุณตำรวจปิงปองนี่มือหนักมาก แกจับหัวแบบในภาพเลยครับ คือบังคับให้เป่าให้ได้ จับล็อคกับสายเป่าเลย (โหดฉิบ!) ผมที่นั่งดูข้างหลังก็ตกใจครับ (อย่าลืมว่าผมพึ่งเคยเจอด่านตรวจแอลกอฮอล์ครั้งแรก) ด่านตรวจยาเสพติดกับตรวจอาวุธที่ผมเคยเจอ …ยังไม่มือหนักขนาดนี้เลยครับ (ฮา) …พี่สักแกก็อารยะขัดขืนเต็มที่… ผลก็คือ…
เรียบร้อยโรงเรียนสัก…เพราะตามกฏหมายแอลกอฮอล์ห้ามเกิน 50 mg% ครับ…พี่สักซัดไป 133 mg% ….คุณตำรวจยังมีปลอบใจอีก ”เดี๋ยวพี่จะให้โอกาสเป่าอีกที! ตอนนี้น้องไปบ้วนปากล้างหน้าก่อนป่ะ เผื่อมันจะลดลง” โห ใจบุญสุนทานมากกก ว่าแต่แค่บ้วนปากล้างหน้า ค่าแอลกอฮอล์มันจะหายไป 83% เลยรึคร้าบคุณตำรวจจจจ!! ….และแล้วหลังพี่สักออกไป ก็ถึงตาผมเข้าโรงเชือด เอ้ย! เข้าไปตรวจครับ ส่วนตัวแล้วผมว่าถึงตัวเองจะไม่เมายังไง ก็เกิน 50mg% แน่นอน…สรุป ตายครับ เตรียมตัวขึ้นศาลได้เลยไอ้ภูเอ้ย!!!
….แต่
….แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น
“ห้ะ…อะไรครับอะไร” ผมก็เดินไปมุงกับคุณตำรวจด้วย (ยังมีหน้ากล้าอีกเนอะ!!) ผลคือเครื่องเป่าแอลกอฮอล์มีปัญหาครับ!! …แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ตัวเป่าไม่มีปัญหา แต่ตัวปรินท์ค่ามีปัญหาครับ!!! คือไอ้เจ้าเครืองเนี่ย มันจะมีสองส่วนครับ คือส่วนเป่ากับส่วนปรินท์ ส่วนเป่าก็คือให้เราเป่าไปมันจะวัดค่า ส่วนอีกตัวคือส่วนปรินท์ ตัวนี้มันจะปรินท์ค่าออกมาครับ เพราะต้องเอาไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการส่งฟ้องคดีด้วยครับ ว่าแอลกอฮอล์เราเกินหรือไม่ประการใด…ทีนี้หลังจากพี่สักเป่าไป เครื่องมันดันปรินท์แต่กระดาษเปล่าๆออกมาครับ
(Good Job พี่สัก! )
ด้วยความเสือก…ก็เลยชะโงกไปดู (ในระยะที่ไม่มีพิรุธจนเกินไป – ฮา) ก็พบว่านายตำรวจทั้งสองกำลังแงะแกะเครื่องกันอย่างเมามัน แต่ผมเห็นปัญหาแล้วครับ นั่นคือ “สายหมึกหลุดจากตัวล็อค” นั่นเอง คือระบบการพิมพ์ของมันเป็นหัวพิมพ์แบบ Dot Matrix ขนาดเล็กครับ (แบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องแคชเชียร์หรือเครื่องคิดเงินตามร้านค้านั่นแหละ) ทีนี้พอสายหมึกหลุดจากตัวล็อต เส้นมันก็พันกันอีรุงตุงนังไปหมด วิธีแก้ก็แค่ดึงให้มันเข้าล็อค แล้วหมุนสลักย้อนกลับไปให้สายหมึกมันตึงก็ใช้ได้แล้ว!!
อย่าลืมว่าผมเรียนจบอิเล็กทรอนิกส์และเคยเรียนเทคนิคคอมพิวเตอร์มาด้วย…และในเมื่อเห็นคุณตำรวจเจอปัญหาแบบนี้ ด้วยจรรยาบรรณทางวิชาชีพที่ดีของผมก็คือ…
นั่งเฉยๆครับ…
ก็แหงสิ! เรื่องอะไรผมจะไปช่วยซ่อมอาวุธที่มันจะหวนกลับมาฆ่าตัวผมเองด้วยล่ะ!! (ฮา)
คุณตำรวจสองนายก็เครียดเลยครับ ทั้งคู่ช่วยกันก็แล้ว ยิ่งช่วยยิ่งไปกันใหญ่ครับ เห็นแล้วผมเกือบเผลอใจอ่อนไปช่วยซ่อมหลายครั้ง แต่ผมต้องตั้งสติไว้ครับ! งานนี้อย่าปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำได้ (5555)
คุณตำรวจแกก็บ่นๆเรื่องยอดครับ ผมได้ยินชัดๆเลยคือ ”วันนี้ถ้ายอดไม่ถึง ปิดด่านไม่ได้” โอ้โห ไม่รู้ยอดที่ว่านี่พี่แกจะเอากันกี่คน แต่ที่แน่ๆเหมือนขายประกันชีวิตเลย (ฮา) ถ้ายอดไม่ถึงนี่โดนนายด่าตายแน่นอน! เห็นแล้วผมก็น้ำตาไหล(ในใจ)เลยนะครับ!
คือผมสงสารคุณตำรวจมาก ฝนก็ตก อยากกลับบ้านไปหาลูกเมียก็ไม่ได้กลับ แถมถ้าทำยอดไม่ได้ก็จะโดนนายด่าอีก เงินเดือนก็น้อยนิดกระจิดริด…คือชีวิตข้าราชการตำรวจนี่เศร้ามาก ผมซึ้งมากเลยครับ
….ผมเลยนั่งรอเฉยๆ ทำหน้าโง่ๆ ไปอีกประมาณ 10 นาทีเต็ม
ผลคือตำรวจที่ป้อมต้อง ว. ไปที่ศูนย์บัญชาการครับ ว่าด่านนี้ ”พลาด” เพราะ “เหตุขัดข้องทางเทคนิค” …ศูนย์ ว. กลับมาว่า ถ้างั้นก็ปิดด่านไปก่อน…ผมนั่งในห้องนั่นได้ยินหมดแหละครับ ห้องก็แคบ ว.ดังชัดขนาดนั้น และแล้วเรื่องก็จบครับ ผมกลับบ้านอย่างปลอดภัยไม่ต้องขึ้นศาลในวันรุ่งขึ้น
ขากลับผมแวะไปหาเพื่อนที่ตลาดช้างเผือกก่อน ก่อนขี่กลับบ้าน ซึ่งเส้นทางกลับจากตลาดไปบ้าน มันก็ผ่านด่านเดิมนี่แหละครับ (แต่อยู่คนละเลนถนนกัน) ปรากฏว่าด่านเปิดอีกรอบแล้วครับ!!! (สงสัยถ้าไม่ซ่อมเสร็จ ก็ส่งเครื่องใหม่มาให้แล้วกระมัง) เรื่องนี้ทำให้ผมตระหนักเลยนะว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน …และที่สำคัญ คราวหน้าถ้าดื่มมาผมจะระมัดระวังเป็นพิเศษเลยล่ะ เพราะที่เชียงใหม่ไม่มี Taxi วิ่งตลอดคืนแบบกรุงเทพนะครับ [มีแต่มีน้อยมากกก ส่วนมากวิ่งแถวสนามบิน] ถ้าคิดจะดื่มหรือสังสรรค์เข้าสังคมอะไรกัน ก็มีสองทางคือ ดื่มไม่ให้เมา (ทำไงฟะ?) กับอีกทางคือหาคนไม่ดื่มมาขับให้ (ไอ้นี่ก็ยากพอกัน!)
เพราะถ้าเจอด่าน…นั่นก็หมายถึงจบเห่เอวังครับ เพราะงั้นถ้าไม่เลิกเหล้า คนเชียงใหม่เราก็ต้องลุ้นกันเองอ่ะน่อ ว่าจะโดนจับโดนปรับคุมประพฤติหรือไม่? (ฮา)
รักษาสุขภาพ(ตับ)
เมาไม่ขับกัน ด้วยนะครับ!!
Creadit : พี่ภู่ - [http://phuphuphuphuphu.com]
เปิดซิง:ด่านตรวจแอลกอฮอล์