และแล้วในที่สุดผมก็จำเป็นต้องพาแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ติดสอยห้อยตามมาด้วยตามระเบียบ มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะนะ ผมเองที่เป็นต้นเหตุให้บ้าน(ปราสาท)ของเธอพัง บริวารหายเกลี้ยง แล้วดูจากนิสัยแบ๊วๆ ของเธอแล้ว เธอคงออกหากินเองไม่เป็น... อนาถแท้...
หลังจากตื่นมาตอนเที่ยงแม่แวมไพร์แบ๊วแตกก็คลอเคลียผมตลอด แง๊วๆ จะขออีกรอบ ดีที่ผมเบรคไว้ก่อนไม่งั้นไม่ต้องเป็นอันทำไรละทีนี้ เบรคยัยนี่ได้ไม่ทันหายเหนื่อยก็ต้องไปง้ออีกคน จะใครซะอีกแม่แดมพีร์สาวน้องมายด์ของเรานั่นเอง หลังจากตื่นมาตอนเช้าเห็นสภาพเราก็เกิดอาการงอนตุ๊บป่อง เฮ้อ.. ชีวิต.. ถึงกระนั้นก็ยังดีที่ยังง้อได้บ้าง เพราะมายด์เองก็เป็นคนมีเหตุผล พอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังก็เข้าใจ แล้วบอกว่าถ้าให้แวมไพร์ดูดเลือดก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เป็นอันว่าผมโง่เองที่ให้แม่สาวแวมไพร์แบ๊วแตกดูดเลือด(หรือไม่โง่หว่า กำไรชีวิตโดยแท้เลยนะนั่น)
พอคุยกันได้รู้เรื่องหมดผมก็ถามแวมไพร์สาวว่า..
"ว่าแต่เธอชื่ออะไร" ก็นะ สัมพันธุ์ลึกซึ้งเพิ่งจะถามชื่อ เหมือนตอนแองจี้ไม่มีผิด อ้อ แม่สาววิหกสายฟ้าด้วย นั่นยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ ผมนี่เป็นคนยังไงกันเนี้ย...
"เค้าหรอ.. เค้าชื่อ..พาเมล่า แต่แม่เค้าเรียกเค้าว่า แพลม แล้วตัวล่ะ" เสียงแวมไพร์สาวตอบ
ผมก็บอกชื่อผมไปแล้วถามเธอกลับ
"ผมชื่อบาย อแบนดอน เรียกบายเนี่ยแหละ แล้วแพลมจะไปกับผมไหม"
"ชื่อแปลกจัง... แต่ช่างเถอะ ยังไงเค้าก็ไม่ให้ตัวทิ้งเค้าหรอก"
"ไม่ทิ้งกันหรอกน่า อ้อ แล้วนี่มายด์สนิทกันไว้นะ"
"ม่ายยอาวว เค้าไม่ชอบแดมพีร์ ไม่อยากสนิทด้วยหรอก เชอะ" แพลมว่าพร้อมสบัดหน้าอย่างเชิดๆ
ยัยนี่...ไม่ทิ้งลายพวกหัวดื้อจริงๆ
"เน่ๆ เธอเองที่ทำเค้าสลบหน่ะ แล้วถ้าไม่สนิทกันไว้ก็ไม่ต้องไปด้วยกัน เข้าใจไหม" ผมยื่นคำขาดไปเลย
แพลมสบัดหน้ากลับมาหาผม จ้องผมตาลุกวาว สักพักเริ่มมีน้ำตาคลอ
ยัยนี่เล่นไม้นี้อีกระ ครานี้อย่าหวัง
"อย่าร้องนะ รอบนี้ผมไม่ใจอ่อนแล้ว ถ้าไม่ฟังกันก็ไปกันไม่ได้ ผมพูดจริง"
ถึงจะพูดแบบนั้น ผมก็ใจอ่อนนิดๆ อยู่ดี แต่ต้องข่มใจไว้ไม่งั้นเดี๋ยวได้เหลิงกันพอดี เสียนิสัยหมด แค่นี้ก็ไม่ต่างจากเลี้ยงเด็กอยู่แล้ว
"ฮึก อื้อออออ สนิทกันก็ด้าย"
"ว๊ายย" ตุบ
ว่าแล้วแพลมก็หลับตาปี๋พุ่งเข้ากอดมายด์จนล้มไปทั้งคู่ แพลมหลับตาปี๋นอนนิ่งอยู่ซักพัก เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ลืมตาโพลง ทำหน้างงๆ แล้วยันตัวขึ้น คิ้วขมวดกันเป็นโบว์
"โฮ่ยๆ ทำอะไรแบบนั้นล่ะแพลม" ผมก็บ่นเธอซักหน่อย แล้วเห็นเธอนิ่งอยู่ก็สงสัยเลยถาม
"แล้วนั่นเป็นอะไรไป เจ็บตรงไหนกันหรือป่าว" ผมถามเผื่อไปถึงมายด์
"เอ๋...... " ฟุดฟิดๆ "เอ แปลกจัง ไมถึงไม่รู้สึกล้าๆ ตอนอยู่ใกล้เธอแล้วล่ะ ไม่มีกลิ่นกระเทียมเหม็นๆ ด้วย"
"เอ๋ จริงหรอคะคุณแพลม" มายด์ถามด้วยอาการแปลกใจไม่แพ้กัน
แพลมพยักหน้างึกๆ
"อื้ออ ไม่เหม็นจริงๆ นะ แต่กลิ่นของตัวหอมจังเลย " แพลมว่าแล้วก็พุ่งกลับไปซุกอกมายด์ใหม่อีกรอบ คราวนี้เอาหน้าถูไปมาด้วย
"ว้ายย อย่าค่ะคุณแพลม มันจั๊กกะจี้ คิกๆ" มายด์ตกใจที่แพลมพุ่งเข้ามาซุกไซ้เธอ ตัวเธอเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรแพลมออกจะเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ เพราะนิสัยขี้อ้อนของแพลม
"หมายความว่าไง" ผมเริ่มตามไม่ทัน มะกี้ยังจะกัดกันอยู่รอมร่อ ตอนนี้สนิทกันซะงั้น งงวุ้ยย
"คืออย่างนี้ค่ะพี่บาย " มายด์เริ่มอธิบายแทน เพราะแพลมไม่คิดจะคุยกับใครเอาแต่ไซร้เธอท่าเดียว
"โดยปกติถึงแม้แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ จะไม่มีผลกระทบรุนแรงกับพลังและกลิ่นกายของแดมพีร์ แต่ก็มีผลทำให้อ่อนล้านิดๆ แล้วก็เหม็นกลิ่นกระเทียม ก็ทำให้แวมไพร์เลือดแท้ไม่ชอบเข้าใกล้แดมพีร์อยู่ดี พูดง่ายๆ ยังไงก็เป็นศัตรูค่ะ ถึงไม่อยากก็ตาม แต่ตอนนี้ดูถ้าคุณแพลมจะไม่ได้รับผลกระทบนี้แล้ว.. มายด์เองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม" มายด์อธิบายให้ผมเข้าใจ
แล้วผมก็เก็ตทันที ทำไมตอนแรกแพลมถึงได้ดื้อกับผมนัก ผมรู้สึกผิดในทันที ผมไม่น่าไปบังคับเธออย่างนั้นเลย น่าจะฟังเธอก่อน... แย่จริงตัวผม
ผมก็เดินไปลูบหัวแพลมที่ตอนนี้ยังซุกไซ้มายด์ไม่เลิก
"ขอโทษนะแพลม ที่ผมดุโดยไม่ฟังคุณก่อน" แพลมที่เริ่มเคลิ้มกับการที่ผมลูบหัวอย่างอ่อนโยน พอตั้งสติได้ก็เงยหน้าแดงๆ ขึ้นมองผม
"อื้ออ ไม่เป็นไรหรอก ก็เค้ารักตัวนี่หน่า ยังไงเค้าก็ต้องฟังตัวอยู่ดีอ่ะ" เธอว่าแง้วๆ พูดเสร็จก็หันกลับไปซุกอกมายด์ต่อด้วยความเขิน
ผมยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แล้วลืมเรื่องที่สงสัยกันทันที หันไปมองทางมายด์ที่ตอนนี้ลูบหัวให้แพลมอย่างอ่อนโยน
"น้องมายด์ครับ"
"คะ" เธอหันมามอง
"พี่ขอบคุณนะครับที่อธิบายให้ฟัง" ผมยิ้มให้เธออย่างจริงใจ
"มะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" เธอเขินหน้าแดง
"ว่าแต่..."
"คะ พี่บาย"
"มายด์ อยากร่วมทางไปกับพี่ไหม พี่ยังไม่มีเป้าหมายอะไรชัด กะว่าจะท่องโลกกว้าง ให้ทั่วในโลกนี้ มายด์อยากไปกับพี่ไหมครับ" ผมถามเธอจริงจัง ตัวผมเองรู้สึกผูกพันธ์กับเธอแล้ว ไม่อยากให้จากกันไป จริงๆ ผมก็อยากมีน้องสาวจริงๆ สักคนเหมือนกัน มายด์เป็นน้องสาวในอุดมคติของผมเลย(Writer:หื่นๆ อย่างเอ็งคงจะคิดไม่ซื่อกะน้องสาวล่ะเซ่) (บาย:ยุ่งน่า เรื่องของผมเฟ้ยย)
เธอมองผมด้วยแววตาคาดหวังแกมเว้าวอน โฮ่ยๆ อย่าทำตาแบบนั้น เด๋วก็ปล่ำซะหรอก
แล้วบอกผมว่า
"ถ้าพี่บายไม่รังเกียจมายด์ที่เป็นแดมพีร์ล่ะก็ มายด์ก็อยากผจญภัยกับพี่บายค่ะ" เธอตอบผมพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆ น่ารักมาให้
"น้องสาวน่ารักอย่างน้องมายด์ใครจะเกลียดลงล่ะครับ" ผมตอบ
ไม่รู้ทำไมมายด์หน้าหมองไปทันที มีน้ำตาซึมนิดหน่อย
ผมเห็นท่าไม่ดี แพลมก็หันมาขู่ผมฟ่อทันที
"บายบ้า อย่ามารังแกมายด์ของเค้านะ" แพลมกอดมายด์แน่น
ผมคิดไรไม่ออก เลยตัดสินใจครั้งสำคัญ เชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง
คว้าตัวมายด์เข้ามาแล้ว....
จุ๊บบบ
อื้ออ
สักพักผมถอนริบฝีปากออก ถึงจะเสียดาย แต่แล้วพูดว่า
"ถ้าจะเป็นน้องสาวแบบนี้ มายด์พอจะรับได้ไหมครับ" เอาฟร่ะ ผมเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าเธอตบหน้าหรือร้องไห้ ผมจะไม่รั้งเธอไว้ ถึงไม่อยากแต่ผมก็จะปล่อยเธอไป แต่ถ้า... ถ้ามันเป็นไปได้ ผมก็จะสมหวัง แทบจะสวอนเลิฟทันที
มายด์มองผมอย่างตื่นตะลึงทั้งที่ปากยังบวมเจ่อ... สักพักน้ำตาไหลย้อย...
เฮือกกก ผ..ผมนิ่งไปเลยทีนี้ ซวยล่ะสิ หาเรื่องใส่ตัวแล้วไหมนั่น
ผมว่าเราลืมประเด็นแรกกันไปแล้ว... ทำไมแพลมถึงไม่แพ้แสงอาทิตย์และกระเทียมโดยสิ้นเชิงแบบนั้น
....................................
"ค่ะ มายด์รับได้ ยินดีรับด้วย" เธอตอบยิ้มทั้งน้ำตาหน้าแดงแปร๊ด
"ฮะ อะ..เอ่อ.. ครับ" ผมตอบรับเสียงดัง ดึงเธอมาหอมที่หน้าผาก มายด์ก้มหน้าอมยิ้ม ผมเองก็ยิ้มกว้าง โล่งไปตูข้า นึกว่าจะอกหักซะแล้ว(ถึงจะมีเยอะ แต่ผมก็รักทุกคนนะคร้าบบ)
"เง้อออ ขี้โกงอ้า เค้าจะเอาแบบมายด์อ้าา เค้าจะเอาๆๆ อ้าา"
เฮ้อ... ปวดตับ
.................................................................
แล้วผมก็พาแม่แวมไพร์ตัวยุ่งซ้อนหน้าแบล็กเบรียด แล้วให้แดมพีร์น้องสาวนอกไส้ซ้อนท้าย เหตุที่ผมเรียงลำดับแบบนี้หนึ่งคือมายด์เคยนั่งแบล็กเบรียดมาแล้วน่าจะเคยชินดี สอง ข้อนี้สำมะคัญนักแล ก็จะอะไรซะอีก พอจะให้แพลมซ้อนท้าย คุณเธอเห็นผมเป็นของหวานจ้องจะดูดคอผมถ้าเดียว ผมก็เลยต้องเรียงลำดับการนั่งอย่างที่ว่าไว้
ตอนแรกแม่แวมไพร์ก็วุ่นวายเหมือนกันตอนเห็นแบล็กเบรียดครั้งแรก กว่าจะได้เดินทาง ก็เล่นเอาเกือบเย็น ผมก็เลยต้องรีบบึ่ง ปลดไฮด์สปีดเจ็ททอร์โบ เพื่อเร่งให้ถึงหมู่บ้านเดิมที่จากมา และเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทั้งสองท่าน ผมจึงเปิดระบบครอบแก้วพอลิเมอร์ที่มีพันธะเส้นใยคล้ายกับเพชร ซึ่งกระสูนไรเฟินฆ่าช้างก็ไม่อาจทำให้เกราะแก้วของผมเป็นรอย พูดง่ายๆก็คือ กระจกกระสูนไม่ระคายนั่นเอง
วี๊ดดดดดดดดด ซูมมมมมมมมมมม
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด(เสียงสองสาว)
อู้ยยยย (อันนี้เสียงผมเอง ไม่ได้เจ็บหรืออะไรหรอกนะ)
"กอดเบาๆหน่อยก็ได้ครับ มายด์"
"ม่ายยด้ายยย ยินนนน"
"หน่มน้มมมมมโดนหลังพี่แล้ววว"
"อารายยยน้าาาา"
"เอ่อ ช่างมันละกัน""ม่ายยินนนเลยยค่าาา" เธอแกล้งผมใช่ไหม...............................................................................
ผ่านไปไม่นาน เราก็มาถึงเขตหมู่บ้านเดิมที่จากมา ซึ่งก็ทันเวลาอย่างที่คิดไว้...
ผมให้แพลมแต่งเป็นนักเดินทางทั่วไป โดยให้มายด์ช่วยจัดการ ผลคือแพลมใส่ฮูดคลุมทั้งตัว อืมก็โอเค โชคดีที่แพลมมีลักษณะไม่ต่างจากมนุษย์มากนักจึงไม่ค่อยมีปัญหา
ผมเดินไปที่จัดรับส่งเควสก่อน เพื่อไปขึ้นเงินรางวัล จะได้ไปพักผ่อนเสียที พอไปถึงผมก็บอกเรื่องที่ผมทำภารกิจผ่านแล้วจะมารับเงิน ตอนแรกพวกนั้นไม่เชื่อ เพราะไหนจะระยะเวลาเดินทาง ไหนจะต้องปะทะกับแวมไพร์ทั้งฝูง จึงไม่แปลกที่ไม่มีใครเชื่อ ผมก็ให้แพลมเปิดผ้าคลุมให้ดู...
ซึ่งการกระทำอันโง่เขลาของผมครั้งนี้จะทำให้ผมจะทำให้ผมจดจำไปนานโขเลยทีเดียว แต่ก็อย่างที่บอกผมในตอนนี้ก็บื้อไม่มีชิ้นดี พอพวกดิออเดอร์เห็นแพลมเท่านั้นแหละ ต่างคนต่างควักมีด ดาบ หอก ประดาศาตราวุธมากมายหลายประเภท ผมเองก็มัวแต่ตะลึงงันกับบรรดาอาวุธทั้งหลายที่พร้อมใจกันควักอย่างรวดเร็ว มันมีทั้งของที่ผมเคยเห็น และไม่เคยเห็น ไม่ว่าจะเป็น ดาบติดขวานไว้ปลายดาบ กรรไกรอันใหญ่เบิ้ม โซ่ แส้ กุญแจมือ ขาดก็แต่เทียนไข..เออ ก็ไม่ถึงกับขาดนะ เหมือนมีคนจุดคบเพลิงด้วยนับเป็นเทียนไขได้ป่าวหว่า เพราะมัวสนใจอย่างอื่นอยู่นี่แหละ ทำให้แพลมและมายด์โดนทำร้ายโดยไม่ตั้งตัว จนถึงกับเลือดออก... และนั่นก็ไม่ใช่แค่ผมต้องจดจำข้อผิดพลาดของตัวเอง พวกมันเองก็เช่นกัน....
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงง
พื้นดินรอบตัวผมแตกกระจาย เศษพื้นลอยตัวขึ้น นัยต์ตาสีเขียวมรกตวาวโลดเพราะโทสะโหมกระหนั่มผิดจากสีดั้งเดิมของมันคือสีดำ ผมสีดำแต่มีประกายทองจางๆ ตามเส้นผมปลิวไสวตามแรงกระแสของพลังที่กระจายออกมาจากตัวผม พลังมหาศาลกว่าเดิมจนเทียบไม่ติด
พวกดิออเดอร์พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง แม้จะตกใจแต่ก็ไม่แตกตื่น จัดรูปขบวนทัพอย่างมั่นคง ผมเลยจัดการส่งฟ้าผ่าสีฟ้าคราม ผ่าปูพรมกราดไปรอบตัว มีการบาดเจ็บล้มตายกันมากมาย พวกที่คลั่งแค้นผมก็รวมตัว กะรุมสะกรัมผมให้ตาย แต่ทุกคน...
ผัว ตูม ผัว ตู้ม ผัว ตู้มมม
โดนผมโบกคนละที พุ่งทะลุประตูสาขาของพวกมันไปทันที พอจัดการด้านนอกจนเกลี้ยงแล้ว ผมจึงตัดสินใจเด็ดขาด เมื่อทำงานให้แล้วไม่ยอมให้ค่าจ้าง งั้นก็ขอหมดเลยละกัน การปล้นสะดมองค์กรศาสนาครั้งใหญ่จึงเริ่มด้วยปราการฉะนี้... ....
........................................................................................................
จบครับผม ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ