ก็มากันต่อแล้วนะครับกับตอนที่ 2 โทดทีที่หายไปนานเนื่องจากมีอะไรหลายๆเรื่องละนะ ไปอ่านกันเลย หนุกไม่หนุกก็บอกด้วยนะ
หลังจากที่ผมถูกวาปมาในโลกแห่งนี้โลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ชนิดแปลกๆและผู้ใช้เวทย์มนต์ในสถานะที่ทุกคนเรียกกันว่า “ผู้กล้า”แต่จะให้ถูกต้องคงต้องเรียกว่า “ผู้กล้าหญิง” จะดีกว่า เพราะอะไรนั้นหรอ ในโลกที่ผมเคยอยู่นั้นตัวผมเป็นแค่เด็กหนุ่ม ม.ปลายธรรมดาๆคนนึงที่ใกล้จะจบการศึกษาแล้วเท่านั้นแต่กลับถูกวาปมาที่โลกแห่งนึงที่ทำให้ผมกลายเป็นผู้หญิงแล้วกลายเป็นผู้กล้าของที่นี้ซะงั้นเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้คงเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเนื้อเรื่องจริงๆแล้วสินะ…..
~~3 วันหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น~~
“อึก….ที่นี้ที่ไหน” ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงในที่แห่งนึงซึ่งเหมือนจะเป็นบ้านหลังเล็กๆมีอาหารและน้ำวางอยู่ข้างๆเตียงเหมือนมีคนดูแลอยู่ยังไงอย่างงั้น
“คงต้องออกไปดูข้างนอกหน่อยดีกว่า” พอผมลุกขึ้นมาผมก็ตกใจกับสภาพของตัวเองที่กลายเป็นผู้หญิงอีกรอบเหมือนจะยังไม่ชินสักที ก็แน่ละมีคนปกติที่ไหนเขาตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองกลายเป็นผู้หญิงแล้วไม่ตกใจบ้างไหมละ
“ตื่นแล้วหรอ” มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาพร้อมกับชุดที่อยู่ในมือซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือ อลิเซีย นั้นเองซึ่งเหมือนเธอจะรู้ว่าผมจะตื่นขึ้นมาในวันนี้ยังไงอย่างงั้น
“อืม….ว่าแต่ฉันอยู่ที่ไหน” ถามอลิเซียไปตามปกติของคนที่ถูกพามาที่ไหนสักแห่ง
“เธออยู่ที่เมืองของฉันหรือก็คือ วันเดอร์แลนด์ไงละส่วนที่นี้เป็นที่พักสำหรับคนป่วยนะ”
“แล้วฉันหลับไปนานแค่ไหนเนี้ย”
“3 วันนะ เกือบจะ 4 วันด้วยซ้ำนะ”ตอบกลับไปพร้อมกับวางเสื้อผ้าไว้ที่ปลายเตียง
“3 วัน!! สลบไปนานขนาดนั้นเลยหรอเนี้ย” งงกับตัวเอง
“ก็หลุมมิติที่วาปเธอมาคงจะดูดพลังเธอไปเยอะพอสมควรและพร้อมกับร่างกายใหม่ของเธอด้วยละนะ ฉันแปลกใจกว่าอีกที่เธอนอนแค่ 3 วันก็ฟื้นตัวขนาดนี้ปกติคนที่โดนดึงพลังไปขนาดนั้น 4 เดือนยังไม่ฟื้นเลยนะ” บอกกับเคียวกะด้วยความแปลกใจนิดน้อย
“ถ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็บอกละฉันจะพาเธอไปหาคนๆนึงนะ” เดินออกจากบ้านพักคนป่วยออกไป
“เปลี่ยนเสื้อผ้างั้นหรอ” มองเสื้อผ้าตัวเองที่ขาดไปหมดเหมือนตอนวิ่งหนตอนนั้นจะทำให้เสื้อผ้าโดนอะไรกรีดขาดไปเยอะ
“ให้ฉันเปลียนเสื้อผ้าในสภาพนี้เนี้ยนะ!!!” มองสภาพตัวเองแล้วหน้าแดง
“….เอาไงดีละเนี้ย” มองหน้าอกตัวเองแล้วหน้าแดงก่อนจะมองไปตามส่วนต่างๆของร่างกายใหม่ที่เหมือนจะเปราะบางกว่าเดิมเยอะมาก
“….คัพ D เลยหรอเนี้ย!!” มองหน้าอกตัวเองแล้วลองจับดูทำให้รู้สัดส่วนพอสมควร (แปลว่าก็หื่นพอควรนะเอ็งนะ เคียวกะ)
“ไม่ใช่ๆๆๆ ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนี้ต้องรีบเปลียนเสื้อผ้าก่อน”ส่ายหน้าไปมาให้ลืมเรื่องเมื้อกี้ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วถอดเสื้อตัวเองออก
“พึ่งรู้สึกว่าการเปลียนเสื้อผ้ามันยากก็วันนี้แหละ” ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดหน้าแดงเมื้อเห็นสภาพใหม่ตัวเองตอนเปลือย
“ตะ…ต้องรีบใส่ซะแล้ว” รีบหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาใส่ ให้มันจบๆไป
~~ผ่านไป 20 นาที~~
“อลิเซีย…” โผล่หน้าออกมาจากประตูนิดหน่อยแต่ยังไม่ออกมาทั้งร่างก่อนจะถามหาอลิเซีย
“หืม…มีอะไรหรอ” ยืนอยู่หน้าประตูตั้งนานแล้ว
“ชุดเนี้ย….มันหมายความว่ายังไงกัน” เหมือนจะหน้าแดงเพราะความอาย
“ก็ถ้าเธอใส่ ออกจะเหมาะนะเพราะยังไงร่างกายเธอก็ใส่ได้แต่ชุดพวกนั้นอยู่แล้วด้วย” ยิ้มแล้วตอบเคียวกะ
กลับไป
“…” เดินออกมาจากประตูด้วยความอายก่อนจะปรากฎให้เห็นเคียวกะในชุดชาวบ้านหญิงที่เป็นกระโปรง
“ดูเหมาะกับเธอมากเลยนะเนี้ย” ตาเป็นประกายแล้วมองเคียวกะตั้งแต่เท้าถึงหน้า
“พอเถอะนะ….รีบไปหาคนที่เธอจะพาไปหาได้แล้ว…” พูดพร้อมกับความอาย
“จ้าๆ ไปกันเถอะ” บอกเคียวกะแล้วเดินนำไปยังที่แห่งนึง
ระหว่างทางเคียวกะก็มองดูเมืองไปด้วยเป็นเมืองที่สวยมากกว่าเมืองปกติหลายเท่านัก ผู้คนก็อยู่กันอย่างสงบสุขไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หมาป่า ครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกรหรือแม้แต่ผู้คนที่มีหางและหูเป็นสัตว์ก็ตาม เหมือนจะมีแค่ เคียวกะ กับ อลิเซียนี้แหละที่เป็นมนุษย์
“เอาละ ถึงแล้วละ” อลิเซียพาเคียวกะมาที่แห่งนึง เหมือนจะเป็นหอคอยสูงบางอย่าง
“ที่นี้มัน หอคอยหรอ” ถามอลิเซีย
“ใช่แล้วละ ตามเข้ามาเลย” จูงมือ เคียวกะเข้าไปในหอคอย
สิ่งที่เคียวกะเห็นถึงกับต้องอึ้งเมื้อเห็น ในหอคอยนั้นเต็มไปด้วยชั้นหนังสือที่ใหญ่เท่ากับหอคอยอยู่ข้างในนั้น ซึ่งหอคอยเหมือนจะสูงสัก 20 ชั้นได้ซึ่งในแต่ละตู้หนังสือมีหนังสืออยู่ครบถ้วนและแต่ละเล่มไม่ซ้ำกันเลยสักเล่มเดียว
“เหมือนที่นี้ จะเป็นที่อยู่ของพวกจอมเวทย์ใช่ไหมถ้าให้พูดตามที่เดาได้ตามหนังสือการ์ตูน”
“ตามฉันมา ต้องเดินขึ้นไปอีกหน่อยนะ” เหมือนจะไม่ได้ฟังเรื่องที่เคียวกะพูดก่อนจะจูงเคียวกะเดินขึ้นบันไดไปซึ่งใช้เวลาเดิน 15 นาที ถึงจะถึงจุดหมาย
“เดินขึ้นมาสูงใช่เล่นแหะ”
“นั้นไงละ คือคนที่อยากจะพบนาย” อลิเซียชี้ไปที่คนๆนึงที่ใส่ผ้าคลุมปิดหน้าตาไว้ยืนอยู่กลางห้องโถงที่ตรงกลางห้องมีหนังสือเล่มนึงอยู่บนแท่น
“เธอสินะ ผู้กล้าจากต่างโลกนะ” เดินมาหาเคียวกะ พร้อมกับพูดขึ้น
“งั้นฉันขอตัวละนะ ถ้าเสร็จธุระแล้วเดินลงมาหาฉันที่ชั้นล่างนะ” บอกกับเคียวกะก่อนจะหายไป
“เห้!! เดียวก่อนสิ” เหมือนจะเรียกไม่ทัน เลยมาสนใจกับบุคคลลึกลับต่อ
“แล้ว…คุณเป็นใครงั้นหรอ”
“ฉันคือ..คนที่จะตอบคำถามเธอทุกอย่างที่เกี่ยวกับโลกใบนี้” ถอดฮูดที่สวมอยู่ออกมาให้เห็นใบหน้าที่เหมือนคนปกติทั่วไปแต่มีเขาของปีศาจอยู่
“ตอบคำถามของผมงั้นหรอ???” ถามไปด้วยความสงสัยตามปกติ
“เธอไม่อยากรู้หรือไงว่าเธอถูกเรียกมาที่นี้ได้ยังไง แล้วที่โลกแห่งนี้คืออะไรและเธอทำไมถึงเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้มาที่นี้และทำไมร่างกายของเธอถึงเป็นอย่างนั้น” จิ้มแขนของเคียวกะ
“ทำไมจะไม่อยากรู้ละ อยากรู้มากด้วยละนะ” ตอบกลับไป
“งั้น คงต้องขอให้เธอสัญญากับพวกเราก่อน”
“สัญญาเรื่องอะไร” ถามไปด้วยความสงสัย
“เธอพร้อมหรือไม่ ที่จะกลายเป็นผู้กล้าของดินแดนมหัศจรรย์และโลกแห่งนี้พร้อมหรือไม่ที่จะปกป้องโลกแห่งนี้จากทุกอย่างที่เป็นภัยอันตราย” ถามไปด้วยหน้าตาจริงจังกว่าเมื้อกี้อย่างมาก
“..ผมต้องการที่จะกลับเป็นเหมือนเดิมและกลับไปอย่างโลกเดิมของผมผมพร้อมแล้ว” ตอบกลับไปด้วยหน้าตาจริงจัง
“ดีมาก” พูดขึ้นมาพร้อมกับหนังสือที่แท่นกลางห้องโถงเปิดขึ้นมาในหน้าหนังสือหน้านึง
“นี้คือ???” เดินไปดูหนังสือเล่มนั้นแล้วมองบุคคลปริศนา
“หนังสือสัญญาผู้กล้าถ้าเธอพร้อมที่จะเป็นผู้กล้าแล้ว จงลงนามของเธอไปในหนังสือเล่มนั้นซะ” บอกกับเคียวกะ
“ฉันเตรียมพร้อมรับกับการเป็นผู้กล้าอยู่แล้ว” เขียนชื่อตัวเองลงไปในหนังสือเล่มนั้นก่อนหนังสือเล่มนั้นจะเกิดแสงขึ้นสว่างไปทั่วห้อง
“นี้มัน!!!แสงอะไรกันเนี้ย” มองแสงที่กระจายออกมาจากหนังสือ
แสงที่กระจายออกมาจากหนังสือกลายเป็นเส้นแสงบางอย่างก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในหัวของ เคียวกะ พร้อมกันทั้งหมด
“อ้าก!!!! นี้มันอะไรกัน!!!” เหมือนว่ามีข้อมูลและความรู้จำนวนมหาศาลเข้ามาในหัวของ เคียวกะ เรื่อยๆ ผ่านไปสักพักแสงพวกนั้นก็หายไปจนหมด
“แฮ่กๆๆ” เหมือนจะเจ็บปวดที่หัวขนานหนักก่อนจะมีแสงบางอย่างลอยอยู่บนอากาศเหมือนเป็นดาบอะไรบางอย่าง
“นั้นคือ อาวุธ ประจำตัวของเธอในฐานะผู้กล้าเคียวกะ” บอกกับเคียวกะ
“อาวุธพวกนี้จะสร้างขึ้นมาตามแบบในจินตรานาการณ์ของผู้กล้าที่ลงชื่อไป” บอกกับเคียวกะ
“อาวุธในจินตรานาการณ์ของฉันงั้นหรอ” ยืนขึ้นมาในสภาพยังปวดหัวอยู่หน่อยๆแล้วก็จับอาวุธนั้นมาดู
เป็นดาบรูปร่างเหมือนดาบยาวแต่เป็นสีดำแดงลายน้ำเงินเหมือนมีออร่าแปลกๆออกมาจากตัวดาบตลอดเวลาแต่เหมือนคนอื่นจะสัมผัสไม่ได้เลยนอกจากตัวของเคียวกะเองตรงปลอกดาบมีเหมือนตัวล็อคอะไรบางอย่างล็อคอยู่ทำให้ไม่สามารถดึงดาบออกจากฝักได้
“คาตานะงั้นหรอ…เหมือนดาบออกแนวโบราณไปหน่อยแหะ” พูดขึ้นมา
“ดาบคาตานะ….มันคือดาบรูปแบบไหนกันหรอในตำราอาวุธยังไม่เคยเห็นมีชื่อดาบชนิดนี้อยู่เลย” ถามเคียวกะ
“หะ?? โลกนี้ไม่มีดาบแบบนี้หรอกหรอ” ถามกลับไป
“ไม่มีหรอกปกติดาบที่ได้จากหนังสือเล่มนี้มักเป็นดาบชนิดแปลกๆที่ไม่เคยมีมาก่อน”
“งั้นหรอ…” มองดาบไปมา
“ทำไมกัน…ในเมื้อฉันพึงเคยจะจับดาบซามูไรของจริงเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำแต่ในหัวกลับรู้ว่าควรใช้ยังไงและความสามารถที่ใช้ดาบได้จนไปถึงขั้นใช้ขบวนท่าอิไอ ได้” พูดด้วยความงง
“เพราะหนังสือเล่มนั้นยังไงละ” บอกกับเคียวกะ
“เพราะหนังสือหรอ???” งงกับคำถามอีกแล้ว
“หนังสือเล่มนั้นจะแปรเปลียนความทรงจำในโลกของเธอที่เกี่ยวข้องกับอาวุธให้แปลเปลียนจนกลายเป็นขบวนท่า การใช้ และวิธีใช้ที่ไม่เหมือนใคร สำหรับเธอคนเดียวเท่านั้นทีสามารถใช้ได้”
“หนังสือเล่มนี้ มีความสามารถขนาดนี้เลยหรอเนี้ย” มองหนังสือด้วยความตกใจ
“ในเมื้อ มีหนังสือที่ดีขนาดนี้ทำไมไม่ใช้กันเองละ” ถามกลับไปด้วยความสงสัย
“หนังสือเล่มนี้ ไม่สามารถใช้ได้โดยคนบนโลกนี้แต่สามารถใช้ได้กับคนที่มาจากโลกอื่นเท่านั้น”
“อย่างงี้นี้เอง” เหมือนจะเข้าใจแล้ว
“เราไปคุยกันต่อข้างล่างเถอะ” บอกกับเคียวกะก่อนจะเดินนำลงไปก่อน
“อืม…” มองดาบสักพักก่อนจะเก็บไว้ที่เอวแล้วเดินตามลงไปเพื่อถามคำถามทั้งหมดที่ต้องการ
เรื่องราวต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไงต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป
Tale Topia EP.2 ผจญภัยในแดนนิทานเหนือคำบรรยาย