แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pongnarut เมื่อ 2013-11-15 18:08
The Assassin Moral 3
"เฮ้ย!!! ไหนแกลองพูดมาอีกทีสิ!!!"
"ไม่ได้ยินรึไง? ผมก็พูดไปแล้วนี่ว่า ทหารของ ดิ ออร์เดอร์ มันขี้ขลาดยังไงล่ะ"
ณ กลางหมู่บ้านซาเกล่า ปรากฏภาพของการมีปากเสียงของร้อยโทลูน่าและชายอีกคนหนึ่ง ชายคนที่มีปากเสียงกับลูน่าใส่ชุดเกราะสีเงินบริสุทธิ์ บวกด้วยผ้าคลุมหลังที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเขาเอง การใส่เกราะลักษณะนี้ก็คงเหมือนอัศวินหรือเจ้าชายขี่ม้าขาวจากประเทศใดประเทศหนึ่ง ถ้าเกิดว่าไม่นับหน้าน่ะนะ เพราะใบหน้าของชายคนนี้มีลักษณ์หน้าโหดๆคล้ายๆกับนักเลงข้างถนน ด้านหลังของชายคนนี้มีคนที่สวมชุดเกราะคล้ายๆกับกับตัวเขาเองแต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือเกราะ อาจจะเป็นเพราะเขาคิดว่าตนเองเป็นหัวหน้าของทหารอัศวินพวกนี้ละมั้ง
ทางด้านหลังของลูน่า มีไอริสที่มีรอยแดงที่แก้มสวมกอดคิวคิวอยู่ ชาวบ้านของหมู่บ้านนี้ก็มองพวกลูน่าอยู่ห่างๆอาจเพราะว่ากลัวโดนประหารชีวิตเลยไม่กล้ามายุ่งละมั้ง
"เจ้าเด็กน้อย พอดีว่าข้าเป็นเป็นคนใจกว้างและเป็นคนใจบุญ ถ้ายอมคุกเข่าแล้วขอโทษข้าแต่โดยดีละก็ข้าจะละเว้นชีวิตเจ้าแล้วจะลืมเรื่องที่เจ้าพูดไปก็ได้นะ"
ชายหน้าโหดกล่าวด้วยท่าทางที่หยิ่งยโสคิดว่าตนเองถือไพ่บนมือเหนือกว่าตลอดเวลา
หึ ก็แค่พวกอวดละว้า ถ้าไม่มีทหารด้านหลังคงไม่กล้าทำหรอกมั้ง
"ลูน่า ไม่จำเป็นต้องโกรธแทนชั้นก็ได้ ยังไงชั้นก็ต้องไป-"
"คิวคิว!!"
คิวคิวพูดออกมาด้วยใบหน้าที่หมดเเรงเหมือนกับยอมรับกับอนาคตที่ตัวเองไม่ต้องการข้างหน้า เพราะแบบนี้จึงโดนไอริสขึ้นเสียงเรียกสติคิวคิว คิวคิวซึ่งดูเหมือนว่าจะได้สติก็กอดไอริสกลับด้วยใบหน้าที่มีหยดน้ำตา
ทางด้านลูน่าที่เห็นดังนั้น จึง-
"โทษทีนะลุง แต่ว่า พอเห็นผู้มีพระคุณทั้งสองกำลังเศร้าอยู่แบบนั้นเลยทำให้ไม่อยากคุกเข่าอะนะ ถ้าเป็นไปได้ผมขอคืนคำพูดละกัน ไอ้แก่หัวงูโรคจิตเอ๋ย พอดีว่าผมเป็นใจกว้างและใจบุญ ถ้ายอมคุกเข่าขอโทษคิวคิวกับไอริสละก็ผมจะละเว้นการใช้ประสุนปืนเจาะกบาลแกแล้วลืมเรื่องที่แกทำไปก็ได้นะ"
ลูน่าสวนกลับคำพูดด้วยท่าทางที่แรงขึ้นไปอีก แล้วยังโชว์นิ้วกลางขึ้นมาใส่นายทหารหน้าโหด ทันทีที่ทำแบบนั้นก็เกิดเสียงหัวเราะเยาะใส่นายทหารหน้าโหดเข้า สร้างความอับอายให้แกนายทหารหน้าโหดเป็นอย่างมากทำให้ นายทหารหน้าโหดมีใบหน้าที่แดงก่ำเพราะอดทนต่อความอายและฉายแววโกรธออกมาใส่ลูน่าด้วย
"เพราะแบบนี้ยังไงล่ะ!!! ข้าถึงได้เกลียดไอ้เด็กอวดดีเหลือของ!!"
ลูน่าที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้น
"บังเอิญจังเลยนะ เพราะผมก็เกลียดไอ้เฒ่าโรคจิตวิตถารที่ยังโสดซิงอยู่เหมือนกัน"
เกิดเสียงหัวเราะคิกคิก มาทางด้านหลังของลูน่า คนที่หัวเราะอย่างน่ารักคือคิวคิวและไอริสนั่นเอง ชาวบ้านที่มองเหตุการณ์รอบๆก็พากันกลั้นหัวเราะแม้กระทั่งลูกน้องนายทหารของนายทหารหน้าโหดก็กลั้นหัวเราะด้วย
"หนอยแก~!!! ทุกนายชักดาบฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ซะ!!!"
นายทหารหน้าโหดของดิ ออร์เดอร์ฉายเเววโกรธจัดออกมาพร้อมด้วยสั่งคำสั่งแก่ลูกหน่วยของตนเองจากนั้นจึงชักดาบออกมาบัญชาการ ทางด้านไอริสและคิวคิวเห็นดังนั้นจึงตะโกนบอกลูน่าจากทางด้านหลังให้รีบหนีไป แต่ลูน่าทำหูทวนลมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
"เพราะแบบนี้ยังไงล่ะถึงได้เรียกว่าพวกขี้ขลาดน่ะ"
ลูน่าบ่นออกมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย พร้อมชักปืน Beretta M93r Semi Auto ที่บริเวณเอวออกมาหันปลายปากประบอกปืนไปทางพวกดิ ออร์เดอร์
..........
เมื่อสามสิบกว่านาทีที่ผ่านมา
ลูน่าซึ่งกำลังตรวจสอบเเละเช็คของที่อยู่ในกระเป๋าการทหารของเขาในตอนที่เขาโดนวัตถุระเบิดปริศนาก่อนที่จะหลุดมิติหรืออะไรซักอย่างจึงมาสลบอยู่อีกโลกหนึ่ง ทางด้านคิวคิวกับไอริสซึ่งดูอาการจนแน่ใจแล้วก็ออกไปนอกห้องตามคำขอของลูน่า
ถ้าตรวจอุปกรณ์การทหารต่อหน้าผู้หญิงนี้มันก็รู้สึกแปลกชอบกลยังไงอยู่
"เอ่ ของในกระเป๋าบวกกับของที่มันกระจายตามแรงระเบิดตามเรามะก็มี เอ่มีปืนกลเบา M4-S-System กระบอกหนึ่งงั้นเหรออืมก็ยังดีอะ ส่วนพวกเเม็กกาซีนกับกระสุน 7.62 X 51 m.m ก็พอมีอยู่ให้ใช้ได้ถึง7แม็กสินะ อ่ามีอาหารยามฉุกเฉินติดมาด้วย ผมเอามาใส่กระเป๋าตอนไหนกันนะ เอ่มีกระสุน .50 BMG ของปืนสไนเปอร์ Barrett M82a1 อยู่ด้วยเเฮะ ก็พอใช้ได้ถึง 4-5แม็กสินะค่อยอุ่นใจขึ้นหน่อย กล้องส่องทางไกลกับระเบิดแสง 7ลูก อ๊ะ แล้วก็ปืนพก Beretta m93r semi auto 2กระบอกสินะ พวกกระสุน 9mm ก็พอมีอยู่เยอะเหมือนกันเฮะพวกอุปกรณ์ในการต่อสู้ตอนกลางคืนก็มีพอประมาณละมั้ง เอาละเท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วมั้ง"
"ลูน่า ถ้าเสร็จธุระแล้วให้ลงมาชั้นล่างนะ"
เสียงที่เรียกลูน่าคือเสียงของไอริส เธออาจจะนึกสงสัยว่าทำไมลูน่าถึงบ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียวเธอจึงลองส่งเสียงทักทายออกมาจากอีกฟากของประตู
"ครับ"
ลูน่าส่งเสียงตอบรับออกไป จากนั้นจึงนำเข็มขัดของซองใส่ปืนพก Beretta พันไว้ที่เอวก่อนที่จะสวมเสื้อโค้ดหนังสีดำทับเอาไว้ ขณะที่พันอยู่ลูน่าก็เกิดรู้สึกปวดแผลจนหน้านิ้วแต่ก็อดทนไว้ เมื่อพันเสร็จแล้วลูน่าจึงนำแม็กกาซีนของปืนBeretta 4-5แม็กซีนใส่ในกระเป๋าหนังบริเวณซองเก็บปืนใกล้ๆกัน แล้วจึงเดินออกไปทางนอกห้อง
เมื่อเปิดประตูออกมาก็ไม่พอกับไอริสหรือคิวคิวรออยู่ที่ชั้นล่างเลย ลูน่าจึงเดินลงบันไดจากชั้นสองลงมาเพื่อที่จะออกมามองหาข้างนอกหรือยืนรอ
ทันทีที่ออกมาข้างนอกแล้วลูน่าก็พบกับคนกลุ่มหนึ่ง ที่สวมใส่ชุดเกราะสีเงินบริสุทธ์เหมือนกันเกือบหมดทุกคน แต่มีคนๆหนึ่งที่ใส่ชุดเกราะในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปโดยมีผ้าคลุมสีแดงอยู่ด้านหลัง ชายคนนี้เหมือนกำลังจีบหรือคุยอะไรกับผู้หญิงสองคน แต่เพราะเหตุใดก็ไม่รู้ถึงต้องจับแขนด้วย ตอนแรกลูน่าคิดว่าจะไมสนใจแต่ว่าผู้หญิงสองคนนี้คือคนที่ลูน่าพึ่งจะคุ้นเคย นั่นก็คือไอริสกับคิวคิวนั่นเอง คนที่โดนจับแขนและกำลังพยายามสบัดมือที่จับออกคือคิวคิวส่วนทางไอริสก็พูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายที่จับแขนปล่อยแต่อย่างใด แต่ทันใดนั้น
เพี้ยะ!!!!
เกิดเ้สียงๆหนึ่งขึ้นมานั่นก็คือเสียงที่ไอริสโดนชายที่จับแขนคิวคิวอยู่ตบเข้าที่ใบหน้า ลูน่าที่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปจับแขนของชายที่จับแขนของคิวคิวไว้
"เอ่อ คือว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วกรุณาปล่อยมือที่คุณจับอยู่ออกจากเธอคนนี้ได้ไหม"
ชายที่ถูกพูดแบบนั้นหันหน้ามามองลูน่าทำให้เห็นใบหน้าของชายคนนี้อย่างชัดเจน
เหวอ หน้าอย่างกะนักเลงโหดอะ
"เจ้าหนู แกต่างหากละที่ต้องปล่อยแขนข้า ข้าแค่ต้องการจะให้ผู้หญิงคนนี้มาทำงานกับข้าก็เท่านั้น"
"เหวอ~...นี่ต้องการหรือบังคับกันแน่คุณชายหน้าโหด"
"ว่าใครหน้าโหดกัน ข้าตะเวนไปสู้ศึกมาโมโนะมาหลายศึกแล้วนะเว้ยไอ้หนู เจ้าไม่รู้รึไงว่าข้าคือใครกันหะ!!!"
ลูน่ายกนิ้วอุดหูเพราะเสียงตะหวาดของชายหน้าโหด
"ในเมื่อคุณไม่บอกผมแล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงกันละผมไม่ใช่เอสเปอร์นะ"
"หึ ข้าคือ-"
"ขอโทษนะ ผมไม่อยากรู้ชื่อคุณอะ"
ทันทีที่พูดแบบนี้ออกไป ชายหน้าโหดก็หน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย ก็แหงละโดนหักหน้าซะขนาดนี้ใครบ้างที่จะไม่อาย
ลูน่าเอ่ยเรื่องที่ต้องการจะฟังมากกว่าชื่อของชายหน้าโหด
"ที่ผมอยากรู้คือคุณจะพาคิวคิวไปทำงานงั้นเรอะ แต่ผมดูมุมไหนก็เหมือนการบังคับซะมากกว่านะ"
"ไอ้หนูแกดูผิดแล้วเธอน่ะอยากไปทำงานกับข้าซะมากกว่าแต่ว่าเพื่อนของเธอไม่อยากให้ไปแล้วมัวแต่รั้งไว้ข้าเลยตบเธอไปยังไงละ"
หน้าตัวเมียชัดๆ
"เรื่องจริงงั้นเหรอคิวคิว"
ลูน่าหันไปถามคิวคิว คิวคิวพยายามที่จะพูดอะไรออกมาแต่ว่าหยุดกลางคัน จังหวะนั้นเองลูน่าได้เห็นมือจับที่บั้นท้ายของคิวคิวอยู่ เลยจ้องไปทางชายหน้าโหดด้วยความสงสัย แต่ไม่สามารถว่่าอะไรได้เพราะแม้พูดไปชายคนนี้ก็คงใช้อำนาจทหารหาว่ากล่าวหากัน คิวคิวซึ่งเป็นแบบนั้นได้แต่ตัวสั่นเทาก่อนที่จะพยักหน้าหนึ่งครั้ง
"เห็นไหมล่ะเจ้าหนู เธอคนนี้อยากไปทำงานกับชั้นมาเป็นอัศวินหญิงภายใต้สัง-"
"คุณโกหก คุณจะพาคิวคิวไปเป็นโสเภณีประจำกองไม่ใช่งั้นรึ"
"เรื่องจริงงั้นเหรอคิวคิว"
"ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นกล่าวหาข้า-"
"ช่วยหุบปากไปก่อนนะครับผมถามคิวคิวอยู่"
ชายหน้าโหดโดนแย้งว่ายังงั้นมาจึงกัดฟันพร้อมกำหมัดแน่น ทางด้านคิวคิวซึ่งเธอก้มหน้าก้มตามานานเลยไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่ก็เห็นหยาดน้ำตาไหลรินลงมา
"ใช่"
คิวคิวตอบมาด้วยเสียงแผวเบา ชายหน้าโหดได้ยินดังนั้นจึงผลักคิวคิวเต็มแรง ลูน่าซึ่งอยู่ข้างหน้ารับแรงกระเเทกของคิวคิวไว้ทันก่อนจะพยุงเธอส่งให้แก่ไอริสที่อยู่ทางด้านหลัง
"กล่าวหากันชัดๆ!!! กล้ากล่าวหาข้าผู้เป็นถึงอัศวินเชียวเรอะ อย่างเจ้าน่ะต้อง-"
"ขี้ขลาดชัดๆ"
"ว่าไงนะ"
"ก็บอกไปแล้วไงว่า ขี้ขลาดชัดๆไอ้พวกทหารดิ ออร์เดอร์"
ลูน่าพูดกลับไปด้วยเสียงสูงอย่างชัดเจน
..........
ปัจจุบัน
ตอนนี้พวกทหารของชายหน้าโหดพร้อมที่จะชักดาบออกมาฆ่าลูน่าที่อยู่ทางด้านหน้าได้แน่ แต่ทางด้านลูน่านั้นถือปืน Beretta สองกระบอกอยู่แล้วทำให้ทหารยังไม่กล้าเข้ามา อาจเพราะไม่เคยเห็นอาวุธแบบนี้มาก่อนเลยไม่กล้าบุกมาฆ่าก็เป็นได้ บริเวณรอบๆชาวบ้านก็เริ่มหลบภัยเข้าไปในบ้านของตัวเอง คิวคิวกับไอริสก็กอดกันและกันอยู่ทางด้านหลัง
ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนออกมาจากทางด้านหลังกของชายหน้าโหด
ทันทีที่พวกทหารของชายหน้าโหดได้ยินเสียงนี้ก็ตกใจพากันรีบร้อนเก็บดาบกันหมดแม้แต่ชายหน้าโหดเองด้วย
ผู้หญิงที่เดินมาเธอชวมชุดเกราะคล้ายๆชายหน้าโหดแต่ต่างกันตรงชุดของเธอมีสัญลักษณ์แปลกๆอยู่ตรงเกราะหน้าออกด้วย เธอมีใบหน้าที่เกรงขาม ราวกับไม่เกรงกลัวใคร ผมยาวสีแดงเพลิงของของพัดไปตามสายลมสายตาที่คมกริบราวกับสัตว์ป่าที่ล่าเหยื่อจดจ้องมาทางลูน่าด้วยตาสีแดงเพลิงก่อนหันไปถามทหารของตัวเองว่า
"นี่พวกนายทำอะไรอยู่ ชั้นบอกให้พวกนายมาเตือนภัยพวกชาวบ้านว่าจะมีมาโมโนะบุกมาไม่ใช่เรอะ"
ชายหน้าโหดที่ถูกถามอยู่ก้มหน้าราวกับข่มความกลัว หญิงสาวอัศวินผู้ผมสีเเดงเพลิงถอดหายใจก่อนครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะหันมาทางลูน่า
"ชั้นดูเหตุการณ์มานานแล้วนายนี่กล้าดีนี่ ขอทราบชื่อหน่อยได้ไหม"
สายตาของเธอจดจ้องมาทางลูน่า
"ก่อนที่จะถามชื่อคนอื่นน่ะ ควรจะบอกชื่อตัวเองมาก่อนนะ"
"เฮ่ยแก"
ชายหน้าโหดทำท่าจะต่อว่าเเละเตรียมชักดาบ กลับถูกเสียงหัวเราะของหญิงสาวผมสีแดงเพลิงกลบไป พวกทหารต่างพากันมองด้วยท่าทางที่ตกตะลึงแล้วประหลาดใจ
"ฮ่ะฮ่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าพูดกับชั้นแบบนี้นะนี่ งั้นก็ได้ ข้าชื่อ สการ์เล็ต เฟรย์ไซน์ รา ดิออร์เดอร์"
"รา ดิออร์เดอร์?"
"ใช่แล้ว ชั้นคือคนของอัศวินชั้นสูงดิออร์เดอร์ยังไงล่ะ"
เธอ---สการ์เล็ตยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
The Assassin Moral 3
To Be Continued
555 ในที่สุดก็เขียนตอนที่สามจบจนได้ อาจจะห่วยไปนิดนึงละมั้ง สนุกหรือไม่สนุกก็ช่วยบอกกันหน่อยเน้อจะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นอีก ไปละ
The Assassin Moral 3