วันที่ 7 เดือน ฟามาโก ปีโรเวเรียสที่ 15
พวกเราเดินทางมาถึงถ้ำแห่งนี้ในเวลาเช้า น่าแปลกมากที่ผมลุกขึ้นมาไหวทันทีที่เมือคืนโดนไปหนักขนาดนั้นและผมก็รู้สึกว่าผมแปลกๆ ไปด้วย แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยก็ทำให้การเดินทางของพวกเราเร็วขึ้นละนะ ถ้ำแห่งนี้มีสภาพเหมือนเหมืองขุดแร่อย่างที่พวกชาวบ้านว่าเอาไว้ไม่มีผิดเพียงแต่ว่าถูกทิ้งร้างมานานเท่านั้นเอง วูฟเฟร่าบอกว่าเธอได้ยินเสียงร้องของพวกมนุษย์ค้างคาวอยู่แถวๆ บริเวณหน้าถ้ำแห่งนี้ด้วย ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่หรอกเพราะถ้ำนี้ถูกซ่อนอยู่ในป่าที่แดดส่องถึงน้อยมาก ไม่แปลกเลยที่มนุษย์ค้างคาวจะมาอยู่อาศัยในที่แบบนี้ได้ ดาโกน่าบอกว่าเธอจะพ่นไฟเผาไล่พวกมนุษย์ค้างคาวให้ แต่ผมห้ามเอาไว้ก็เพราะผมมีวิธีที่ดีกว่านี้ นั้นคือใช้แสงไล่ ทันทีพวกเราเข้าไปถึงผมก็ใช้มนต์ระเบิดแสงที่สร้างแสงจ้าได้ชั่วขณะหนึ่ง เวทมนต์นี้ผมฝึกเอาไว้ใส่:Xแสงให้ตาพร่าแล้วรีบหนีออกมา ทันทีผม:Xแสงใส่พวกมนุษย์ค้างคาวก็ตกใจหล่นแอ๊กลงมาทันที มนุษย์ค้างคาวเป็นหญิงสาวผมสีม่วงยาวปิดบังบริเวณดวงตาของเธอทำให้ผมมองไม่เห็นสีตาของเธอเธอมีแขนเป็นปีกของค้างคาวสีม่วง กับตาแบบค้างคาวสีเดียวกัน เธอมีหูขนาดใหญ่ และสวมชุดเกาะอกทำจากเข็มขัดหนังหลายเส้นมามัดเอาไว้และกระโปรงจากเศษผ้าที่หามาได้ พวกดูจะกลัวแสงมากเหมือนที่เขียนเอาไว้มีผิดถึงขนาดขยับตัวไม่ได้เลย จนดาโกน่ากับวูฟเฟร่าต้องคำรามออกพวกเธอถึงจะบินหนีไป ผมค่อยลดแสงในมือลงจนกลับมาดับลง ความจริงแสงนั้นมันจ้ากว่าที่ผมใช้ทุกทีจนผมเองยังตกใจ เทียร์บอกว่าพลังวิญญาณของมันมีมากขึ้นพลังเวทมนต์ของผมเลยสูงขึ้นตามไปด้วยทำเอาผมงงไม่น้อย ดาโกน่าหยิบคบเพลิงที่แขวนอยู่บริเวณมาพ่นไฟให้ติดแล้วยืนให้ผมเพื่อใช้นำทางแทน ก่อนที่พวกเราจะเดินทางกันต่อ ถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างซับซ้อนราวกับเขาวงกตก็มิปรานทำให้ผมหวั่นใจว่าจะเจอกับมิโนทอร์เอามากๆ ถ้าหากริสก็บอกผมว่ามิโนทอร์อยู่ที่เขาวงกตทางตะวันตกไม่ได้มาอยู่ที่นี้หรอก ทำให้ผมเบาใจขึ้นมาบ้าง พวกเราใช้วิธีเดินแบบเอามือแตะกำแพงด้านหนึ่งตลอด แน่นอนว่าวิธีนี้ทำให้การเดินทางไปได้อย่างช้าๆ และก็เสี่ยงที่จะเจอกับมอนสเตอร์มาก แต่วิธีนี้ทำให้พวกเราไม่หลงทางและถึงผมจะเจอมอนสเตอร์ ก็คิดว่าสามารถรับมือได้อย่างสบายๆ ยิ่งลึกลงไปเท่าไหร่ถ้ำแห่งนี้ก็มืดลงและชื้นมากขึ้นทำนั้น มีบ้างครั้งที่ผมโดนมนุษย์ค้างคาวทิ้งตัวลงมาทับและพยายามจะลอกคราบผม แต่ก็ถูกวูฟเฟร่าไล่ไปได้ บ้างครั้งผมก็ใช้เวท:Xแสงใส่ใล่พวกเธอไปเหมือนกัน บ้างครั้งผมก็เจอกับมนุษย์หนูยักษ์กว่าหลายสิบคน และเดวิลบั้กกว่าร้อยคนโจมตีเหมือนกัน เดวิลบั้กเป็นหญิงสาวครึ่งแมลงสาบผมสั้นสีน้ำตาล พวกเราต่อสู้กันกันอย่างลำบากเพราะจำนวนที่มากมายของพวกเธอ กว่าจะไล่ไปได้ก็ทำให้พวกเราเสียเวลาพดูเลยทีเดียว (และผมก็เสียเสื้อไปอีกหนึ่งตัว ต้องซื้อใหม่อีกแล้ว ) หลังจากที่พวกเราเดินมาถึงได้ไม่นานก็มาถึง พวกเราก็พบ:Xบสมบัติน่าสงสัย:Xบหนึ่ง ก็เลยตั้งอยู่กลางทางเดินแบบนี้จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงกันละ วูฟเฟร่าบอกว่าได้กลิ่นมอนสเตอร์อยู่ในนี้ทำให้ผมหยิบกุญแจที่ได้จากชาวประมงขึ้นมาแล้วค่อยๆ เดินเข้าใกล้:Xบใบนั้นอย่างระมัดระวังเพราะถ้าเป็นมิมิคละก็ ก็มีสิทธิที่เธอจะโดดออกมาร่ายเวทมนต์ใส่ผม พอได้จังหวะผมก็พุ่งไปไขกุญแจทันทีจังหวะเดียวกับที่ฝ่า:Xบถูกเปิดทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนที่บ้างอย่างเด้งออกจาก:Xบกระแทกเพดานถ้ำแล้วตกแอ็กลงมาพอส่องไฟดูก็เป็นมิมิคจริงๆ มิมิคเป็นเด็กสาววัยน่าจะราวๆ 14 ปีได้ เธอมีผมสีเขียวผูกริบบินสีแดงเป็นโบว์บนหัวแล้วใช้ริบบินแต่ละสายปิดปิดร่างกายแทนเสือผ้า เธอมีผิวขาว ดวงตาสีเทาของเธอกำลังหมุนไปมาด้วยความมึนเพราะหัวเธอกระแทกเพดานเต็มๆ พวกเราปล่อยให้เธอนอนอยู่แบบนั้น แล้วเดินทางกันต่อจนมาถึงห้องโถงแห่งหนึ่ง ภายในห้องนั้นมีแท่นหินที่ว่ากระดิ่งสีขาวใส่เอาไว้ นั้นต้องไปเครื่องราวที่ว่าอยู่แน่นอน พวกเรานั้นมันกลับไปหากัปตันเรือทำให้แกตกใจมาก ก่อนที่แกจะบอกให้พวกเรากลับไปพักผ่อนเพื่อนี้เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้แกจะออกเรือให้ตามสัญญา ในที่สุดพวกเราก็จะได้เดินทางไปที่เกาะทางตะวันออกซักที ขอให้การเดินทางเป็นไปได้อย่างราบรื่นทีเถอะ
พวกเราเดินทางมาถึงถ้ำแห่งนี้ในเวลาเช้า น่าแปลกมากที่ผมลุกขึ้นมาไหวทันทีที่เมือคืนโดนไปหนักขนาดนั้นและผมก็รู้สึกว่าผมแปลกๆ ไปด้วย แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยก็ทำให้การเดินทางของพวกเราเร็วขึ้นละนะ ถ้ำแห่งนี้มีสภาพเหมือนเหมืองขุดแร่อย่างที่พวกชาวบ้านว่าเอาไว้ไม่มีผิดเพียงแต่ว่าถูกทิ้งร้างมานานเท่านั้นเอง วูฟเฟร่าบอกว่าเธอได้ยินเสียงร้องของพวกมนุษย์ค้างคาวอยู่แถวๆ บริเวณหน้าถ้ำแห่งนี้ด้วย ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่หรอกเพราะถ้ำนี้ถูกซ่อนอยู่ในป่าที่แดดส่องถึงน้อยมาก ไม่แปลกเลยที่มนุษย์ค้างคาวจะมาอยู่อาศัยในที่แบบนี้ได้ ดาโกน่าบอกว่าเธอจะพ่นไฟเผาไล่พวกมนุษย์ค้างคาวให้ แต่ผมห้ามเอาไว้ก็เพราะผมมีวิธีที่ดีกว่านี้ นั้นคือใช้แสงไล่ ทันทีพวกเราเข้าไปถึงผมก็ใช้มนต์ระเบิดแสงที่สร้างแสงจ้าได้ชั่วขณะหนึ่ง เวทมนต์นี้ผมฝึกเอาไว้ใส่:Xแสงให้ตาพร่าแล้วรีบหนีออกมา ทันทีผม:Xแสงใส่พวกมนุษย์ค้างคาวก็ตกใจหล่นแอ๊กลงมาทันที มนุษย์ค้างคาวเป็นหญิงสาวผมสีม่วงยาวปิดบังบริเวณดวงตาของเธอทำให้ผมมองไม่เห็นสีตาของเธอเธอมีแขนเป็นปีกของค้างคาวสีม่วง กับตาแบบค้างคาวสีเดียวกัน เธอมีหูขนาดใหญ่ และสวมชุดเกาะอกทำจากเข็มขัดหนังหลายเส้นมามัดเอาไว้และกระโปรงจากเศษผ้าที่หามาได้ พวกดูจะกลัวแสงมากเหมือนที่เขียนเอาไว้มีผิดถึงขนาดขยับตัวไม่ได้เลย จนดาโกน่ากับวูฟเฟร่าต้องคำรามออกพวกเธอถึงจะบินหนีไป ผมค่อยลดแสงในมือลงจนกลับมาดับลง ความจริงแสงนั้นมันจ้ากว่าที่ผมใช้ทุกทีจนผมเองยังตกใจ เทียร์บอกว่าพลังวิญญาณของมันมีมากขึ้นพลังเวทมนต์ของผมเลยสูงขึ้นตามไปด้วยทำเอาผมงงไม่น้อย ดาโกน่าหยิบคบเพลิงที่แขวนอยู่บริเวณมาพ่นไฟให้ติดแล้วยืนให้ผมเพื่อใช้นำทางแทน ก่อนที่พวกเราจะเดินทางกันต่อ ถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างซับซ้อนราวกับเขาวงกตก็มิปรานทำให้ผมหวั่นใจว่าจะเจอกับมิโนทอร์เอามากๆ ถ้าหากริสก็บอกผมว่ามิโนทอร์อยู่ที่เขาวงกตทางตะวันตกไม่ได้มาอยู่ที่นี้หรอก ทำให้ผมเบาใจขึ้นมาบ้าง พวกเราใช้วิธีเดินแบบเอามือแตะกำแพงด้านหนึ่งตลอด แน่นอนว่าวิธีนี้ทำให้การเดินทางไปได้อย่างช้าๆ และก็เสี่ยงที่จะเจอกับมอนสเตอร์มาก แต่วิธีนี้ทำให้พวกเราไม่หลงทางและถึงผมจะเจอมอนสเตอร์ ก็คิดว่าสามารถรับมือได้อย่างสบายๆ ยิ่งลึกลงไปเท่าไหร่ถ้ำแห่งนี้ก็มืดลงและชื้นมากขึ้นทำนั้น มีบ้างครั้งที่ผมโดนมนุษย์ค้างคาวทิ้งตัวลงมาทับและพยายามจะลอกคราบผม แต่ก็ถูกวูฟเฟร่าไล่ไปได้ บ้างครั้งผมก็ใช้เวท:Xแสงใส่ใล่พวกเธอไปเหมือนกัน บ้างครั้งผมก็เจอกับมนุษย์หนูยักษ์กว่าหลายสิบคน และเดวิลบั้กกว่าร้อยคนโจมตีเหมือนกัน เดวิลบั้กเป็นหญิงสาวครึ่งแมลงสาบผมสั้นสีน้ำตาล พวกเราต่อสู้กันกันอย่างลำบากเพราะจำนวนที่มากมายของพวกเธอ กว่าจะไล่ไปได้ก็ทำให้พวกเราเสียเวลาพดูเลยทีเดียว (และผมก็เสียเสื้อไปอีกหนึ่งตัว ต้องซื้อใหม่อีกแล้ว ) หลังจากที่พวกเราเดินมาถึงได้ไม่นานก็มาถึง พวกเราก็พบ:Xบสมบัติน่าสงสัย:Xบหนึ่ง ก็เลยตั้งอยู่กลางทางเดินแบบนี้จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงกันละ วูฟเฟร่าบอกว่าได้กลิ่นมอนสเตอร์อยู่ในนี้ทำให้ผมหยิบกุญแจที่ได้จากชาวประมงขึ้นมาแล้วค่อยๆ เดินเข้าใกล้:Xบใบนั้นอย่างระมัดระวังเพราะถ้าเป็นมิมิคละก็ ก็มีสิทธิที่เธอจะโดดออกมาร่ายเวทมนต์ใส่ผม พอได้จังหวะผมก็พุ่งไปไขกุญแจทันทีจังหวะเดียวกับที่ฝ่า:Xบถูกเปิดทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนที่บ้างอย่างเด้งออกจาก:Xบกระแทกเพดานถ้ำแล้วตกแอ็กลงมาพอส่องไฟดูก็เป็นมิมิคจริงๆ มิมิคเป็นเด็กสาววัยน่าจะราวๆ 14 ปีได้ เธอมีผมสีเขียวผูกริบบินสีแดงเป็นโบว์บนหัวแล้วใช้ริบบินแต่ละสายปิดปิดร่างกายแทนเสือผ้า เธอมีผิวขาว ดวงตาสีเทาของเธอกำลังหมุนไปมาด้วยความมึนเพราะหัวเธอกระแทกเพดานเต็มๆ พวกเราปล่อยให้เธอนอนอยู่แบบนั้น แล้วเดินทางกันต่อจนมาถึงห้องโถงแห่งหนึ่ง ภายในห้องนั้นมีแท่นหินที่ว่ากระดิ่งสีขาวใส่เอาไว้ นั้นต้องไปเครื่องราวที่ว่าอยู่แน่นอน พวกเรานั้นมันกลับไปหากัปตันเรือทำให้แกตกใจมาก ก่อนที่แกจะบอกให้พวกเรากลับไปพักผ่อนเพื่อนี้เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้แกจะออกเรือให้ตามสัญญา ในที่สุดพวกเราก็จะได้เดินทางไปที่เกาะทางตะวันออกซักที ขอให้การเดินทางเป็นไปได้อย่างราบรื่นทีเถอะ
(Fic. MGE)บันทึกการเดินทางของจิ้งจอกขาว 23