วันที่ 14 เดือน ฟามาโก ปีโรเวเรียสที่ 15
2 วันที่พวกเราออกเดินทางข้ามที่ราบมาก็มาถึงป่าในที่สุด ที่ราบแห่งนี้พวกเราได้พบกับฮาร์ปี้กำลังบินเล่นอยู่กลางท้องฟ้า เธอเป็นหญิงสาวผมสีแดง ดวงตาสีทอง ในชุดเกราะอดสีเทา กางเกงขาสั้นสีเขียว เธอมีแขนเป็นปีกนกขนสีน้ำตาล ขาช่วงล่างเป็นขาของนกสีน้ำตาล เธอมองดูพวกผมก่อนจะหัวเราะคิดออกมาเบาๆ แล้วบินจากไป นอกจากนั้นพวกเราก็ได้เจอฮาร์ปี้ดำโจมตีด้วย ฮาร์ปี้ดำมีลักษณะคล้ายฮาร์ปี้เพียงแต่เธอมีผมสีดำ ดวงตาสีแดง รวมเกาะอกและกระโปรงสีดำ เธอมีแขนเป็นปีกของนกขนสีดำและขาช่วงล่างเป็นข้าของนกสีดำเช่นกัน เมือพวกเราไล่ฮาร์ปี้ดำคนนั้นฮาร์ปี้ดำคนอื่นๆ ก็มารุมโจมตีพวกเรากว่าพวกเราจะไล่ไปได้ก็ได้รับบาดเจ็บกันไปคนละนิดคนละหน่อย ริสบอกว่าพวกฮาร์ปี้และฮาร์ปี้ดำอาศัยอยู่ในภูเขาแห่งนี้ด้วย พวกเราอาจจะได้พบพวกเธออีก ในตอนกลางคืนพวกริสก็ร้องเพลงให้ผมฟังคนละเพลง ผมยอมรับเลยว่าทั้งห้าคนร้องเพลงได้เพราะมากๆ โดยเฉพาะ วารูน่าร้องเพลงได้เพราะจริงๆ สมกับที่เป็นเงือก เทียร์เองก็ไม่น้อยหน้าเลย ริส วูฟเฟร่า และดาโกน่า ร้องผิดไปเยอะพอสมควร พวกเธอเหมือนจะอายเหมือนกันที่ร้องผิดๆ ถูกๆ แต่ผมว่าถ้าพวกเธอฝึกร้องซักหน่อยรับร้องว่าต้องร้องเพราะได้ไม่แพ้วารูน่าหรอก เพราะเสียงของพวกเธอเพราะออกจะตายไป หลังจากที่พวกเรามาถึงชายป่า ริสก็บอกว่าป่าแห่งนี้เป็นที่อาศัยเอลฟ์อาศัยอยู่ด้วย เอลฟ์ เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์ เพียงแต่พวกเธอมีหูที่แหลมและมีความสามารถด้านเวทมนต์สูงกว่ามนุษย์อย่างผม ไม่ซิจะเรียกว่าผมเป็นมนุษย์เต็มตัวตอนนี้ก็คงไม่ได้แล้วละมั้ง หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางเข้าป่าไป ในป่าแห่งนี้แม้จะมีต้นไม้ปกคลุมอยู่ทั่วแต่ก็มีแสงแดดส่องถึง และไอของแมกไม้ทำให้พวกเราแทบจะไม่เหนื่อยเลยตอนที่เราเดินทาง นอกจากนั้นในป่าแห่งนี้ก็มีแฟรี่อาศัยอยู่ด้วย แฟรี่หรือภูติที่อาศัยอยู่ในป่า พวกเธอมีลักษณะเหมือนเด็กและมีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือของผม พวกเธอสวมชุดที่ทำจากใบไม้และดอกไม้และมีปีกเป็นแมลงสวยมาก พวกเธอ มองดูพวกเราพร้อมกับหัวเราะคิกๆ ออกมา บางคนก็บินมาเล่นกับผมมาเกาะผมทำให้ผมอดขำกับความไรเดียงสาของพวกเธอไม่ได้ เทียร์บอกว่าแฟรี่มาบินรอบผมตัวผมต่างรับผลกระทบจากเวทมนต์ของซัคคัวบิสกับเกือบหมดทุกคนให้ผมระวังตัวเอาไว้ด้วย แน่นอนว่าเรืองนี้ผมเองก็รู้ดีและระวังไม่ให้พวกเธอหาโอกาสโจมตีผมหรือทำ “ วงกลมแฟรี่ ” ได้ ในระหว่างที่พวกเรากำลังชมความงดงามของป่าอยู่ก็มีลูกศรพุ่งมาทางผม ทำให้ผมต้องรีบหลบ พวกริสตกใจมากที่ถูกลอบทำร้ายพอหันไปมองก็เห็นเอวฟ์สาวคนนึงกำลังถูกธนูแล้วขึ้นลูกศรเล็งมาทางผมอีกรอบ เธอมีผิวสีขาว ผมสีเขียวใบไม้ยาวถึงสะโพกดวงตาสีเขียวมรกต เธออยู่ในชุดกระโปงสีเขียว สะพายมืดสั้นด้ามจับสีน้ำตาลเอาไว้เอวและสะพายกระบอกเก็บธนูเอาไว้ที่หลัง สวมถุงมือสีเขียวถือคันธนูที่ทำจากไม้สีน้ำตาลก่อนที่เธอจะยิงลูกธนูใส่ผมอีกครั้ง ทำให้ผมต้องหลบอีกรอบ ส่วนพวกแฟรี่ตกใจหนีไปจนหมด เอลฟ์สาวคนนั้นไล่ให้พวกเราออกจากป่านี้ไปซะ แถมยังหาว่าเราเป็นพวกเดียวนักล่ามอนสเตอร์สี่คนที่เราจัดการไปอีก ผมพยายามอธิบายว่าเข้าใจผิด แต่เธอไม่ฟังแถมระดมยิงธนูใส่ผมอีกทำให้วารูน่าต้องพุ่งมาร่ายคาถาป้องกันผมเอาไว้ ส่วนริส ดาโกน่า และวูฟเฟร่าก็พุ่งเข้าใส่เอวฟ์สาวคนนั้นทันที เอวฟ์คนนั้นก็เก่งไม่ใช่เล่นสามารถหลบการโจมตีของพวกวูฟเฟร่าได้หมดแล้วยังสามารถยิงธนูสวนมาจนพวกวูฟเฟร่าหลบแทบไม่ทันที แต่เธอคนเดียวเหรอจะสู้พวกผมทั้ง 6 คนได้สุดท้ายก็โดนพวกเราเอาชนะได้สำเร็จ แน่นอนว่าผมถูกเธอด่ายับเลย ถึงขนาดว่าวูฟเฟร่ากับดาโกน่าถามเลยว่าฆ่าได้ไหม แน่นอนว่าผมต้องรีบห้ามเอาไว้เสียก่อนเพราะที่เอลฟ์โจมตีผมก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ผมพยายามปรับความเข้าใจกับเธออยู่นานกว่าจะรู้เรื่องกัน เธอก็ขอโทษผมแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะเอวฟ์ปกติก็เป็นพวกทรนงอยู่แล้วเลยไม่แปลกอะไรฮะๆ แต่ว่าน่าแปลกที่ผมเห็นเธออยู่คนเดียว เอลฟ์สาวคนนั้นก็บอกด้วยสายตาเศร้าลงบอกว่าเธอกลายเป็นซัคคิวบัสเพราะพลังของซัคคิวบัสไปแล้ว ทำให้ผมตกใจพร้อมขอโทษที่ถามเธอออกไปแบบนี้ เอลฟ์ที่กลายเป็นซัคคิวบัสจะโดนขับออกจากหมู่บ้าน ผมไม่น่าถามแบบนั้นเลย แม้แต่ตอนที่เขียนบันทึกอยู่ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกผิดไม่หาย เอลฟ์สาวคนนั้นก็บอกกับผมว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ เธอโดนขับไล่จนมาอยู่คนเดียวมาเดือนกว่าจนชินแล้ว แต่แววตาของเธอมันกลับดูแล้วน่าเศร้าจริงๆ ในตอนนั้นผมอยากช่วยเธอให้หายเศร้าแต่ก็นึกวิธีไม่ออกเลย พวกริสในตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าผมจะขอโทษเธอทำไมแต่เทียร์ได้เล่าถึงกฎของพวกเอวฟ์ให้ฟังพวกเธอก็เศร้าลงไปเช่นกัน ผมเลยคิดจะชวนเธอให้ไปด้วยกัน แน่นอนว่าเอลฟ์สาวคนนั้นดูจะตกใจเหมือนกันที่ผมชวน ทำให้ผมบอกไปว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับเธอเพราะผมไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว แน่นอนว่าเธอปฏิเสธเพราะไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับมนุษย์อย่างผมอยู่แล้ว แต่ผมก็เอ่ยเกลี่ยกล่อมอยู่นานจนเอลฟ์เหมือนจะตัดรำคาญบอกว่าจะทำอะไรก็ทำ พวกเราเลยได้เธอเป็นเพื่อนรวมเดินทางอีกคน ในคืนนี้พวกเราพักในป่าแห่งนี้เนืองจากพวกเราเสียเวลาตอนที่สู้กับฟลอร่า (ชื่อของเอวฟ์สาวคนนั้น เธอเป็นคนบอกเอง) พวกถึงเธอหลังจากที่พวกเราได้รู้จักกันทำให้ผมรู้ว่าฟลอร่าเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ถึงเธอจะเหมือนไม่ชอบผม แต่เธอก็เป็นคนใจดีมากคนนึงเลย จะว่าไปผมเห็นเธอมองมาทำผมหลายครั้งเหมือนกัน ทำไมกันนะ ผมคงต้องจบบันทึกของวันนี้แค่นี้ก่อนดูเหมือนว่าข้างนอกเต็นจะมีเรื่องบ้างอย่างซะแล้ว
2 วันที่พวกเราออกเดินทางข้ามที่ราบมาก็มาถึงป่าในที่สุด ที่ราบแห่งนี้พวกเราได้พบกับฮาร์ปี้กำลังบินเล่นอยู่กลางท้องฟ้า เธอเป็นหญิงสาวผมสีแดง ดวงตาสีทอง ในชุดเกราะอดสีเทา กางเกงขาสั้นสีเขียว เธอมีแขนเป็นปีกนกขนสีน้ำตาล ขาช่วงล่างเป็นขาของนกสีน้ำตาล เธอมองดูพวกผมก่อนจะหัวเราะคิดออกมาเบาๆ แล้วบินจากไป นอกจากนั้นพวกเราก็ได้เจอฮาร์ปี้ดำโจมตีด้วย ฮาร์ปี้ดำมีลักษณะคล้ายฮาร์ปี้เพียงแต่เธอมีผมสีดำ ดวงตาสีแดง รวมเกาะอกและกระโปรงสีดำ เธอมีแขนเป็นปีกของนกขนสีดำและขาช่วงล่างเป็นข้าของนกสีดำเช่นกัน เมือพวกเราไล่ฮาร์ปี้ดำคนนั้นฮาร์ปี้ดำคนอื่นๆ ก็มารุมโจมตีพวกเรากว่าพวกเราจะไล่ไปได้ก็ได้รับบาดเจ็บกันไปคนละนิดคนละหน่อย ริสบอกว่าพวกฮาร์ปี้และฮาร์ปี้ดำอาศัยอยู่ในภูเขาแห่งนี้ด้วย พวกเราอาจจะได้พบพวกเธออีก ในตอนกลางคืนพวกริสก็ร้องเพลงให้ผมฟังคนละเพลง ผมยอมรับเลยว่าทั้งห้าคนร้องเพลงได้เพราะมากๆ โดยเฉพาะ วารูน่าร้องเพลงได้เพราะจริงๆ สมกับที่เป็นเงือก เทียร์เองก็ไม่น้อยหน้าเลย ริส วูฟเฟร่า และดาโกน่า ร้องผิดไปเยอะพอสมควร พวกเธอเหมือนจะอายเหมือนกันที่ร้องผิดๆ ถูกๆ แต่ผมว่าถ้าพวกเธอฝึกร้องซักหน่อยรับร้องว่าต้องร้องเพราะได้ไม่แพ้วารูน่าหรอก เพราะเสียงของพวกเธอเพราะออกจะตายไป หลังจากที่พวกเรามาถึงชายป่า ริสก็บอกว่าป่าแห่งนี้เป็นที่อาศัยเอลฟ์อาศัยอยู่ด้วย เอลฟ์ เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์ เพียงแต่พวกเธอมีหูที่แหลมและมีความสามารถด้านเวทมนต์สูงกว่ามนุษย์อย่างผม ไม่ซิจะเรียกว่าผมเป็นมนุษย์เต็มตัวตอนนี้ก็คงไม่ได้แล้วละมั้ง หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางเข้าป่าไป ในป่าแห่งนี้แม้จะมีต้นไม้ปกคลุมอยู่ทั่วแต่ก็มีแสงแดดส่องถึง และไอของแมกไม้ทำให้พวกเราแทบจะไม่เหนื่อยเลยตอนที่เราเดินทาง นอกจากนั้นในป่าแห่งนี้ก็มีแฟรี่อาศัยอยู่ด้วย แฟรี่หรือภูติที่อาศัยอยู่ในป่า พวกเธอมีลักษณะเหมือนเด็กและมีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือของผม พวกเธอสวมชุดที่ทำจากใบไม้และดอกไม้และมีปีกเป็นแมลงสวยมาก พวกเธอ มองดูพวกเราพร้อมกับหัวเราะคิกๆ ออกมา บางคนก็บินมาเล่นกับผมมาเกาะผมทำให้ผมอดขำกับความไรเดียงสาของพวกเธอไม่ได้ เทียร์บอกว่าแฟรี่มาบินรอบผมตัวผมต่างรับผลกระทบจากเวทมนต์ของซัคคัวบิสกับเกือบหมดทุกคนให้ผมระวังตัวเอาไว้ด้วย แน่นอนว่าเรืองนี้ผมเองก็รู้ดีและระวังไม่ให้พวกเธอหาโอกาสโจมตีผมหรือทำ “ วงกลมแฟรี่ ” ได้ ในระหว่างที่พวกเรากำลังชมความงดงามของป่าอยู่ก็มีลูกศรพุ่งมาทางผม ทำให้ผมต้องรีบหลบ พวกริสตกใจมากที่ถูกลอบทำร้ายพอหันไปมองก็เห็นเอวฟ์สาวคนนึงกำลังถูกธนูแล้วขึ้นลูกศรเล็งมาทางผมอีกรอบ เธอมีผิวสีขาว ผมสีเขียวใบไม้ยาวถึงสะโพกดวงตาสีเขียวมรกต เธออยู่ในชุดกระโปงสีเขียว สะพายมืดสั้นด้ามจับสีน้ำตาลเอาไว้เอวและสะพายกระบอกเก็บธนูเอาไว้ที่หลัง สวมถุงมือสีเขียวถือคันธนูที่ทำจากไม้สีน้ำตาลก่อนที่เธอจะยิงลูกธนูใส่ผมอีกครั้ง ทำให้ผมต้องหลบอีกรอบ ส่วนพวกแฟรี่ตกใจหนีไปจนหมด เอลฟ์สาวคนนั้นไล่ให้พวกเราออกจากป่านี้ไปซะ แถมยังหาว่าเราเป็นพวกเดียวนักล่ามอนสเตอร์สี่คนที่เราจัดการไปอีก ผมพยายามอธิบายว่าเข้าใจผิด แต่เธอไม่ฟังแถมระดมยิงธนูใส่ผมอีกทำให้วารูน่าต้องพุ่งมาร่ายคาถาป้องกันผมเอาไว้ ส่วนริส ดาโกน่า และวูฟเฟร่าก็พุ่งเข้าใส่เอวฟ์สาวคนนั้นทันที เอวฟ์คนนั้นก็เก่งไม่ใช่เล่นสามารถหลบการโจมตีของพวกวูฟเฟร่าได้หมดแล้วยังสามารถยิงธนูสวนมาจนพวกวูฟเฟร่าหลบแทบไม่ทันที แต่เธอคนเดียวเหรอจะสู้พวกผมทั้ง 6 คนได้สุดท้ายก็โดนพวกเราเอาชนะได้สำเร็จ แน่นอนว่าผมถูกเธอด่ายับเลย ถึงขนาดว่าวูฟเฟร่ากับดาโกน่าถามเลยว่าฆ่าได้ไหม แน่นอนว่าผมต้องรีบห้ามเอาไว้เสียก่อนเพราะที่เอลฟ์โจมตีผมก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ผมพยายามปรับความเข้าใจกับเธออยู่นานกว่าจะรู้เรื่องกัน เธอก็ขอโทษผมแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะเอวฟ์ปกติก็เป็นพวกทรนงอยู่แล้วเลยไม่แปลกอะไรฮะๆ แต่ว่าน่าแปลกที่ผมเห็นเธออยู่คนเดียว เอลฟ์สาวคนนั้นก็บอกด้วยสายตาเศร้าลงบอกว่าเธอกลายเป็นซัคคิวบัสเพราะพลังของซัคคิวบัสไปแล้ว ทำให้ผมตกใจพร้อมขอโทษที่ถามเธอออกไปแบบนี้ เอลฟ์ที่กลายเป็นซัคคิวบัสจะโดนขับออกจากหมู่บ้าน ผมไม่น่าถามแบบนั้นเลย แม้แต่ตอนที่เขียนบันทึกอยู่ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกผิดไม่หาย เอลฟ์สาวคนนั้นก็บอกกับผมว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ เธอโดนขับไล่จนมาอยู่คนเดียวมาเดือนกว่าจนชินแล้ว แต่แววตาของเธอมันกลับดูแล้วน่าเศร้าจริงๆ ในตอนนั้นผมอยากช่วยเธอให้หายเศร้าแต่ก็นึกวิธีไม่ออกเลย พวกริสในตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าผมจะขอโทษเธอทำไมแต่เทียร์ได้เล่าถึงกฎของพวกเอวฟ์ให้ฟังพวกเธอก็เศร้าลงไปเช่นกัน ผมเลยคิดจะชวนเธอให้ไปด้วยกัน แน่นอนว่าเอลฟ์สาวคนนั้นดูจะตกใจเหมือนกันที่ผมชวน ทำให้ผมบอกไปว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับเธอเพราะผมไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว แน่นอนว่าเธอปฏิเสธเพราะไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับมนุษย์อย่างผมอยู่แล้ว แต่ผมก็เอ่ยเกลี่ยกล่อมอยู่นานจนเอลฟ์เหมือนจะตัดรำคาญบอกว่าจะทำอะไรก็ทำ พวกเราเลยได้เธอเป็นเพื่อนรวมเดินทางอีกคน ในคืนนี้พวกเราพักในป่าแห่งนี้เนืองจากพวกเราเสียเวลาตอนที่สู้กับฟลอร่า (ชื่อของเอวฟ์สาวคนนั้น เธอเป็นคนบอกเอง) พวกถึงเธอหลังจากที่พวกเราได้รู้จักกันทำให้ผมรู้ว่าฟลอร่าเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ถึงเธอจะเหมือนไม่ชอบผม แต่เธอก็เป็นคนใจดีมากคนนึงเลย จะว่าไปผมเห็นเธอมองมาทำผมหลายครั้งเหมือนกัน ทำไมกันนะ ผมคงต้องจบบันทึกของวันนี้แค่นี้ก่อนดูเหมือนว่าข้างนอกเต็นจะมีเรื่องบ้างอย่างซะแล้ว
(Fic. MGE)บันทึกการเดินทางของจิ้งจอกขาว 29