มาแล้วตอนสิบสี่ หนูอนูบิสปรากฎตัวมาแล้วเย้~~
![](/e.gif)
![](https://c.2th.me/old/static/image/smiley/onion/055.gif)
![](http://vnmedia.ign.com/witchervault.ign.com/wiki/8/88/TW2_Medallion_RenderSM.png)
Chapter 14: Guardian
ผมเดินลึกเข้าไปในวิหารระหว่างทางผมได้ลวนลามมัมมี่ไปหลายตัวซึ่งมันก็สะใจดีแต่ว่าความอดทนของผมมันก็ใกล้หมดเต็มทีเหมือนกัน ช่วงหลังผมพยายามหลีกเลี่ยงการเข้าปะทะเพราะ
ขืนสู้บ่อยมันอาจจะไม่จบแค่ลูบๆคลำๆก็ได้
ผมเดินมาเจอกับร่องแปลกๆบนกำแพงผมลองสอดมือเข้าไปดูก็รู้สึกเหมือนมีน้ำมันอยู่ข้างในผมจึงใช้ปืนยิงเข้าไปเพื่อจุดไฟ พอไฟติดมันก็ลุกลามไปเป็นเส้นตามร่องและให้แสงสว่างกับทางเดินซึ่งมันดีมากเพราะถ่านของไฟฉายติดปืนมันก็ใกล้หมดแล้วเหมือนกัน
ผมเดินต่อมาเรื่อยจนเจอกับห้องโถงขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างสวยงามผมจึงเดินเข้าไปสำรวจดูรอบ
“หวัดดี!มีใครอยู่มั๊ย ฮัลโล่! เฮ้!!”ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะตะโกนทำไมแต่ว่าจู่ๆมันก็นึกอยากทำขึ้นมาผมเหลือบไปเห็นโลงศพที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องผมเดินเข้าไปสำรวจและตัดสินใจเปิดออกดู
และสิ่งที่ผมเห็นอยู่ภายในก็คือร่างของชายคนนึงหน้าตาค่อนข้างดีทีเดียวแล้วผมก็ลองจับชีพจรดูก็พบว่าเขายังมีชีวิตอยู่แต่แค่หลับไปคิดว่าน่าจะเป็นพวกผู้กล้าที่โดนมัมมี่*censor*แล้วก็เก็บเอาไว้ ผมลองปลุกเขาแต่เขาก็ไม่ตื่นคงจะโดนมนต์สะกดอยู่ผมเลิกสนใจแล้วปิดโลงไว้เหมือนเดิม
ผมหันไปเห็นประตูบานใหญ่อยู่ตรงสุดทางเดินพอผมเดินเข้าไปผมก็รู้สึกแปลกๆ
“ออกมาได้แล้ว ชั้นรู้ว่าพวกเธออยู่แถวนี้”พอผมพูดเสร็จมัมมี่สองตัวก็กระโดดลงมาจากด้านบนมาดักหน้าผมตัวนึงใส่ผ้าพันแผลสีดำส่วนอีกตัวใส่สีขาว
“เจ้านะเก่งดีนี่ ที่สามารถรู้สึกถึงพวกเราได้ด้วย”จริงๆผมไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกผมแค่พูดออกไปลอยๆแค่นั้นแหละแต่ผมกลัวพวกเธอเสียหน้าเลยไม่ได้บอก
ตั้งแต่แว๊บที่เห็นผมรู้ได้เลยมัมมี่สองตัวนี้ฉลาดกว่าตัวอื่นที่ผมเจอมาระหว่างทางคงจะเพราะเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นให้พลังพวกเธอซะเต็มที่เลยควบคุมตัวเองได้
“ชั้นทายว่าพวกเธอคงจะเป็นคนเฝ้าประตูบานนั้นสินะ”
“ใช่แล้วล่ะ เราคือแฝดผู้พิทักษ์ ไม่มีมนุษย์คนใดเคยผ่านเราไปได้”
แล้วมนุษย์ที่กำลังจะกลายเป็นอินคิวบัสนี่นับด้วยรึเปล่าผมคิดในใจ
“ถ้าชั้นจะเข้าไปชั้นก็ต้องชนะพวกเธอใช่มั๊ย ก็ได้งั้นมาเริ่มกันเลยIt Show Time ,Come on”พอผมพูดเสร็จพวกเธอก็กระโดดหายไปในเงาอย่างรวดเร็ว
ผมโดนโจมตีจากด้านหลังโดยตัวสีขาวแล้วผมก็โดนเตะลอยขึ้นไปบนอากาศจากนั้นตัวสีดำก็โหนผ้ามาถีบผมอัดกับกำแพงเล่นเอาจุกมากๆแล้วผมก็หล่นลงมานอนกองอยู่กับพื้น
ผมพยายามตั้งหลักแล้วยืนขึ้นแต่ว่าผมก็โดนโจมตีจากทุกทิศอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวแทบไม่ทันแต่สุดท้ายผมก็รับการโจมตีได้แล้วก็หลบออกมาผมตัดสินใจใช้ปืนเพราะถ้าสู้แบบนี้ต่อไปผมแพ้แน่ ผมพยายามวิ่งเข้าหามุมเพื่อบีบให้พวกเธอโจมตีจากด้านหน้าพอตัวสีดำโหนตัวเข้ามาผมก็ยิงไปที่ผ้าจนขาดแล้วเธอก็ตกลงมากองอยู่หน้าผมผมรีบพุ่งเข้าไปตะครุบเธอแล้วก็กระทำชำเราจนเธอหมดสภาพ
“อย่า! อย่านะ! อย่าทำอย่าง...งั้น..อ๊า~~” พอผมจะลุกผมโดนตัวสีขาวใช้ผ้ามัดผมไว้ครึ่งตัวแล้วเธอก็ลากผมเข้าไปผมพยายามชักมีดออกมาตัดผ้าแต่ผ้านี่มันเหนียวมากแต่ผมก็ตัดจนขาดจากนั้นก็พลิกตัวแล้วใช้มีดตัดผ้าพันแผลของตัวสีขาว แล้วก็เริ่มไซร้ไปทั่วแต่รู้สึกว่าเธอจะแค่ครางเบาๆเท่านั้น ส่วนอาการอื่นก็พอๆกับตัวสีดำ แลเวผมก็ทั้งเลียทั้งงับเบาๆจนเธอน๊อกไป
ตอนนี้ผมใกล้คลั่งเต็มที่แต่ผมก็พยายามคุมสติเอาไว้ไม่ให้ทำอะไรมากกว่านี้แล้วผมก็เดินไปที่ประตูใหญ่แล้วเปิดมันออก
พอผมเปิดได้นิดหน่อยผมก็โดนถีบเต็มๆจนกระเด็นออกมานอนอยู่ตรงกลางห้อง
แล้วสิ่งที่ออกมาต้อนรับผมแบบจุกๆก็คืออนุบิส
“เจ้ามนุษย์หน้าโง่ เจ้าบังอาจที่บุกรุกมหาวิหารแอมเชียร์เจ้าอาจจะผ่านแฝดผู้พิทักษ์ไปได้แต่เจ้าไม่มีวันที่จะผ่านข้าไปได้”เอาอีกแล้วทำไมถึงชอบพูดคำนี้กันจังเลยวะ
“ต้อนรับได้จุกดีนี่ แทบอ้วกเลย”
“ชักดาบของเจ้าออกมาแล้วมาตัดสินกัน”
“เอ่อ...คือ..ชั้นไม่มีดาบนะพอจะสู้กันด้วยมือเปล่าได้มั๊ย”
“ก็ได้ ถือว่าข้าต่อให้ก็แล้วกัน”
“งั้นก็เข้ามาเลย”พอผมพูดเสร็จเธอก็กระโดดถีบยอดอกผมเต็มๆจนผมกระเด็นถอยหลังไปอีกครั้ง ผมตั้งหลักได้แล้วพยายามที่รับการโจมตีแล้วหวังว่าจะสวนกลับแต่กลายเป็นว่าผมโดนกระทืบอยู่ฝ่ายเดียวผมโดนไล่ต้อนไปติดกำแพงแล้วก็โดนชกอัดกับกำแพงจนกำแพงร้าวไปหมดผมพยายามรวบรวมสติแล้วก็รับหมัดได้จากนั้นหมัดอีกข้างก็พุ่งมาอีกเล่นเอาผมรับเกือบไม่ทันผมจับแขนของเธอไว้แน่นและพยายามยื้อเอาไว้ แต่แรงผมใกล้จะหมดเต็มที ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกเลยบวกกับอาการหื่นทำให้ผมตัดสินใจจูบ เธอด้วยความคิดที่ว่าอย่างน้อยก็ขอจุ๊บสักทีก่อนตายละกันวะ
แต่ผลที่ตามมานั้นมันเกินคาดอนุบิสถึงกับถอยกรูดแล้วก็เริ่มหน้าแดง
“เจ้า..เจ้า..ทำอะไรเนี่ยเจ้าจูบข้าทำไม”
“ก็ตอนนั้นผมหื่น”ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกันเลยตอบไปตามความจริง
“เจ้าบ้าๆๆ เจ้านี่บังอาจมากนะ เจ้าบ้า!!!”แล้วเธอก็ขว้างข้าวของใส่ผม จากนั้นเธอก็มีอาการเหมือนสติหลุดไปแล้วก็พุ่งเข้ามาจับผมกดกับพื้นตอนนั้นผมคิดว่าผมตายแน่แต่ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันผิดคาดแบบสุดๆ
เธอเริ่มถอดเสื้อผ้าของผมแล้วก็พยายามจะปล้ำผม
“เฮ้!! เดี๋ยวนี้เธอจะทำอะไรเนี่ย”ผมพยายามพูดแต่เธอไม่มีสติเลย ผมจึงพยายามดิ้นแต่ผมไม่มีแรงที่จะดิ้นแล้ว โดนซ้อมขนาดนั้นจะยืนยังไม่ค่อยไหวเลยผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย
หลังจากที่โดน*censor*ไปสามรอบผมก็ควรจะสลบไปแล้วแต่ว่าผมกลับรู้สึกว่าตัวเองกลับมามีแรงอีกครั้งแล้วอนุบิสก็ได้สติแล้วก็เริ่มโวยวาย
“ไม่นะ!!นี่ข้าเพิ่งจะ*censor*กับเจ้างั้นเหรอ”ผมพยักหน้าตอบ
“แก...แกต้องตาย!! ข้าจะฆ่าแก!!”แลดวเธอก็ชักดาบออกมาฟันผมแต่ผมรับได้ด้วยมีดแบบเฉียดฉิวแล้วเธอก็กระหน่ำฟันมาอีก
“เดี๋ยวสิเฮ้ย!! ใจเย็นๆก่อน!! เดี๋ยว!!”
“แกตาย!! แกตาย!! แกตาย!!”เธอไม่ฟังผมเลย จากนั้นจู่ๆมีดผมก็ดันหลุดมือไปแล้วเธอก็ง้างดาบแล้วก็ฟันลงมา...
Chapter 14: END
ตอนหน้า Gray Wolf VS. Pharaoh
เพิ่งอ่านของพี่จิ้งจอก ไปถึงตอน64
แล้วก็เห็นว่าฟาโรห์ของพี่นี่เป็นคนดีจริงๆ
ผมก็เลยสร้างขึ้นมาอีกแบบเป็นฟาโรห์ที่บ้าพลังได้ใจ
พบกันตอนหน้าเน้อขอตัวไปนอนก่อนดึกแล้ว
![](https://c.2th.me/old/static/image/smiley/onion/055.gif)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DarkSlayer เมื่อ 2012-7-13 22:37
[Gray Wolf Legend] Chapter-14