มาแล้วๆตอนสิบเก้า...เอ่อ..ไม่รู้จะโม้อะไรเหมือนกันไปดูกันเถอะ
Chapter 19:Wrath of Pharaoh
เมื่อถึงโอเอซิสผมก็ได้พบว่าโอเอซิสนั้นถูกเผาจนเ:X้ยนวิหารที่ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง และร่างที่ไร้ชีวิตของเหล่ามัมมี่ผมรีบขับรถไปจอดที่หน้าประตูใหญ่แล้วก็วิ่งเข้าไปด้านใน
ที่ลานหน้าวิหารมีซากศพและชิ้นส่วนของพวกมัมมี่อยู่ทั่วแต่ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมนั่นมันเลวร้ายกว่าผมเห็นทริชกับนาซัสถูกตอกหมุดตรึงไว้กับไม้กางเขนขนาดใหญ่และมีทหารสี่คนยืนเฝ้าอยู่
ผมวิ่งเข้าไปหาพวกมันแล้วก็สร้างดาบใหญ่ขึ้นมา
“ย้าก~~~~”
“เฮ้ย!! อะไรวะ!!”พวกทหารหันมาที่ผม
จากนั้นก็กระโดดสับทหารคนนึงขาดเป็นสองซีกไอ้สามคนที่เหลือก็ตั้งท่าพร้อมรบ
ผมพุ่งเข้าประชิดมันแล้วก็เตะมันลอยขึ้นไปติดกับคานของประตูใหญ่และซัดดาบตามไปดาบใหญ่ได้ตรึงร่างมันไว้กับคานประตู แล้วทหารคนนึงก็วิ่งเข้ามาจากทางด้านหลังมันพุ่งเข้ามาแทงผมจนทะลุแต่ว่าผมได้เปลี่ยนร่างกายเป็นทราย
“แกเป็นตัวอะไร...”
“ฟาโรห์”
แล้วผมก็ดึงดาบของมันออกมาทางด้านหน้าแล้วก็ใช้ดาบนั่นแทงเข้าไปกลางกบาลมัน
แล้วไอ้ทหารคนสุดท้ายมันพยายามวิ่งหนีแต่ผมได้ทำให้ทรายตรงหน้ามันกลายเป็นทรายดูดแล้วก็ดูดมันจมหายไป
หลังจากที่เสร็จเรื่องผมก็รีบเข้าไปช่วยทริชกับนาซัสลงมาหลังจากที่ผมเอาทั้งสองคนลงมาจากกางเขนแล้วผมก็ดูอาการของทั้งสอง
ทั้งคู่มีแผลใหญ่ที่มือผมจึงใช้ทรายปิดเอาไว้เพื่อห้ามเลือดแล้วผมพยายามปลุกนาซัสเพื่อมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“นาซัส นาซัสได้ยินชั้นมั๊ย นาซัส”ในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้น”
“ท่านฟุก?...”
“ใช่นี่ผมเองเธอไม่เป็นไรนะ”
“คะข้าไม่เป็นไร”
“เกิดอะไรขึ้นทำไมที่นี่ถึงได้กลายเป็นแบบนี้”
“พวกมัน...บุกเข้ามาตอนที่ท่านออกไป...พวกมันมีมากมายเหลือเกิน...ข้าต้านมันไม่อยู่...ยกโทษให้ข้าด้วย”แล้วนาซัสก็เริ่มร้องให้ผมจึงกอดเธอเอาไว้
“ไม่เป็นไร...อย่าร้องเลยนะมันไม่ใช้ความผิดของเธอหรอก”
แต่ว่าขณะเดียวกันท้องฟ้าด้านหลังผมก็มืดลงพอหันไปดูมันไม่ใช่เพราะเมฆหรืออาทิตย์กำลังตกดินแต่เป็นลูกธนูมากมายจนสามารถบังแสงอาทิตย์ได้ผมรีบเปลี่ยนร่างกายเป็นทรายแล้วเอาตัวบังนาซัสเอาไว้พร้อมกับสร้างโล่ทรายขึ้นมาป้องกันทริช
ลูกธนูจำนวนมากปักอยู่ที่หลังแต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกตอนนี้คือความโกรธ ตอนนี้...ผมโกรธสุดขีดเลยละ
ผมวิ่งออกไปนอกวิหารแล้วก็เจอกับกองทหารประมาณสี่ร้อยคนพวกมันชูธงของดิออเดอร์ที่ผมเคยเห็นในปราสาทของกวินแต่ว่าตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วว่ามันเป็นใครสิ่งที่ผมสนคือพวกมันต้องชดใช้ ผมวิ่งตรงเข้าไปหาพวกมันแล้วก็เปิดฉากโจมตีโดยเสยปลายคางทหารคนหน้าสุดจนมันกระเด็นลอยขึ้นฟ้าไปเลย
ผมเข้าจู่โตมต่อเนื่องโดยการสร้างดาบออกมาฟันพร้อมกับควบคุมทรายให้โจมตีพวกทหารที่อยู่ห่างออกไปแล้วพวกมันก็สามัคคีกันวิ่งเข้ามาใช้หอกแทงผมจากรอบทิศ ผมเลยกระทืบพื้นเพื่อสร้างหอกทรายแทงสวนพวกมันไปจากนั้นไอ้ทหารตัวใหญ่ก็จับผมล็อกเอาไว้แต่ผมเอามือจับตัวมันแล้วก็ดูดความชื้นออกมาจากร่างมันจนหมดหลังจากผมก็ไล่ฆ่าพวกมันไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีคนไหนที่เก่งพอจะสู้ทริชหรือนาซัสได้เลยแล้วในที่สุดผมก็เห็นไอ้ตัวที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ายืนอยู่บนเนินทรายผมจึงวิ่งฝ่าพวกลูกน้องขึ้นไปหามัน
ผมคว้าคอมันเอาไว้แล้วก็ขว้างมันลงไปที่อีกฝั่งนึงของเนินทรายฝั่งมีค่ายที่พักของพวกมันอยู่แต่ว่าสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้ามันทำให้ผมช็อกสุดๆตรงหน้าผมมีแท็งก์สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ทำจากแก้วที่ใส่น้ำไว้เต็มและสิ่งที่อยู่ภายในก็คือร่างของเรเน็กกับโนร่าพวกมันได้ฆ่าทั้งคู่ด้วยวิธีการขังพวกเธอให้จมน้ำตาย
“มันสนุกดีนะ...เวลาที่ได้เห็นนังสองตัวนั้นขาดใจตายนะฮ่าๆๆ”
หัวหน้าทหารพูดขึ้นมาแต่ว่าผมไม่ได้สนใจมันเลยผมเดินตรงไปที่แท็งก์แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมานี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมร้องไห้จากนั้นผมก็เริ่มกรีดร้อง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกฮือ... ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
และนั้นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้ในตอนนั้น
ไม่นานผมตื่นขึ้นมาพบตัวเองนอนอยู่บนผืนทรายสีแดงฉานที่มีชิ้นส่วนที่เหลือของพวกทหารกระจายเกลื่อนและ มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปในอากาศ ผมลุกขึ้นมาแล้วก็ตรงไปทุบแท็งก์จนแตกจากนั้นก็นำร่างของทั้งสองคนไปฝังไว้แถวนั้น
แล้วผมก็เดินกลับมาที่วิหารระหว่างทางผมเห็นทหารคนนึงกำลังคลานอยู่บนทราย
ผมรีบเดินเข้าไปหามันแต่พอมันเห็นผมก็เริ่มกลัวจนสติแตก
“ไม่นะ!!! อย่าเข้ามา!!ข้ากลัวแล้ว!!!ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย!!”
ผมจับมันหงายหน้าแล้วก็บีบคอมันเอาไว้
“แกเป็นใคร!! ใครเป็นหัวหน้าของพวกแก!! ถ้าไม่บอกชั้นจะฆ่าแก!!”
“ไม่ๆ!! อย่า!!ข้าจะบอกแต่อย่าฆ่าข้าเลย”
“บอกมา!!”
“ได้ๆ ข้าเป็นทหารของกองร้อยที่44ในกองพันที่3 อยู่ใต้การควบคุมของนายพลกาเร็น”
“แล้วใครเป็นคนที่จัดการอนุบิสกับแมนทิส!!!”
“สองตัวนั้นท่านนายพลกาเร็นเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง”
“แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน!!! ไอ้กาเร็นอยู่!!!”
“ท่านนายพลกาเร็นมุ่งหน้าไปที่เมืองดาก้อนเพื่อขึ้นเรือไปซิปังกุข้าบอกทุกอย่างที่ข้ารู้แล้วปล่อยข้าไปเถอะ”ถึงมันจะร้องขอชีวิตแต่ผมก็ไม่สนใจแล้วก็ดูดความชื้นออกจากร่างของมันจนหมด
“ไม่! ได้โปรด! ปล่อยข้าไปเถ...”
การที่ได้ดูร่างของมันแห้งแล้วแตกเป็นผงที่มันสะใจสุดๆไปเลย
ผมวิ่งกลับมาที่วิหารแล้วก็เห็นทริสกับนาซัสยังนอนอยู่ก็นึกได้ว่าผมมัวแต่ไล่ฆ่าพวกทหารจนลืมทั้งสองไปเลยผมรีบอุ้มทั้งคู่ขึ้นรถแล้วก็เหยียบมิดคันเร่งตรงไปยังเมืองดาก้อนเพื่อพาพวกเธอไปรักษา...
Chapter 19: END
เป็นไงบ้างครับตอนนี้หนุกไม่หนุกหรือมีข้อแนะนำอะไรก็เม้นบอกกันหน่อยเน้อบาย...
เป็นไงบ้างครับตอนนี้หนุกไม่หนุกหรือมีข้อแนะนำอะไรก็เม้นบอกกันหน่อยเน้อบาย...
[Gray Wolf Legend] Chapter-19