ในที่สุดผมก็แต่งเสร็จซะที่สำหรับตอนที่22
หลังจากที่อาทิตย์ที่แล้วผมมุขตัน+ต้องเขียนบทให้กับละครโรงเรียนทำให้ไม่มีเวลาว่างได้แต่งต้องขออภัยด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆ
หลังจากที่อาทิตย์ที่แล้วผมมุขตัน+ต้องเขียนบทให้กับละครโรงเรียนทำให้ไม่มีเวลาว่างได้แต่งต้องขออภัยด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆ
เออก่อนอ่านมาฟังเพลงเปิดกันก่อน
http://www.youtube.com/watch?v=bmRpcIUonUQ
ฟังเสร็จแล้วก็มาเริ่มกันเลย
Chapter 22: Prisoner
ขณะที่ผมหลับผมฝันเห็นเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่ผมมาถึงโลกนี้ผมฝันเห็นวันที่ผมได้เจอกับ
ทริช เห็นวันที่ผมฆ่าลอร์ดกวินเห็นวันที่ผมสู้กับอารอนและเห็นวันที่เรเน็กกับโนร่าตายแล้วผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเจอตัวเองนอนอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่งผมนั่งตรวจดูตัวเองและพบว่าเสื้อของผมนั้นขาดรุ่งริ่งจนเหมือนไม่ได้ใส่ผมก็เลยถอดทิ้งและปืนผมก็ไม่อยู่แล้วคิดว่าน่าจะหล่นตอนสู้กับไอ้กาเร็นแต่ว่าแผลของผมนั้นหายสนิทไม่มีริ้วรอยหรือแผลเป็นไว้โม้ใครเลย
ผมลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลยและตรงหน้าผมก็มีป่าทึบท่าทางอันตรายตั้งอยู่ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อสำรวจเพราะยังดีกว่ารออยู่เฉยๆผมเดินลึกเข้ามาในป่าและผมก็สังเกตว่าป่านี่มันแปลกๆคือผมเดินมาตั้งนานแต่กลับไม่มีสัตว์ป่าหรือมอนสเตอร์อยู่เลย
ขณะที่เดินมาเรื่อยๆผมก็สังเกตเห็นว่าที่พื้นมีอิฐเรียงกันอยู่ผมจึงเดินเลี่ยงเพราะผมไม่อยากร่วงลงไปแบบที่เคยตอนที่อยู่แอมเชียร์แต่ว่าพอคิดเรื่องแอมเชียร์ผมก็นึกถึงเรื่องของพวกทริชขึ้นมาพวกเธอจะเป็นยังไงกันบ้างจะตามหาผมรึเปล่าก่อนออกมาผมก็ไม่ได้บอกพวกเธอด้วยสิถ้าไปจากนี่ได้ผมคงต้องร่างสุนทรพจน์ขอโทษซะแล้วละมั้ง
ผมเดินต่อมาเรื่อยๆจนพ้นเขตป่าและสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมก็คือวิหารโบราณที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมสุดๆราวกับจะพังลงมาได้ทุกเมื่อผมเดินดูรอบๆแต่ก็ไม่พบทางเข้าแต่สิ่งที่ผมพบกลับเป็นแผนหินแผนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นศิลาจารึกอะไรสักอย่างศิลานั้นสลักรูปภาพของมนุษย์กำลังทำพิธีบางอย่างอยู่และยังมีอีกหลายแผนตั้งอยู่ถัดๆไปผมก็ลองเดินดูไล่มาเรื่อยๆจนพบภาพสลักขนาดใหญ่ของมังกรที่มีพวกมนุษย์จำนวนมากกำลังคำนับอยู่ผมจ้องภาพสลักอยู่สักพักผมก็สังเกตเห็นตรงตาของมังกรมันเหมือนจะกดเข้าไปได้ผมจึงลองกดดู
ผมคิดถูกพอผมก็เข้าไปภาพสลักก็ล้มเข้าไปด้านในเปิดทางให้ผมเดินเข้าไปได้ภายในนั้นมืดมากไม่มีแสงเลยแม้แต่น้อยผมพยายามมองหาคบไฟและผมก็เจอกับ:Xบใบนึงท่าทางไม่น่าไว้ใจแต่สุดท้ายผมก็เปิดมันออกเผื่อว่าจะมีคบไฟอยู่ข้างใน
แต่สิ่งที่ผมพบกลายเป็นแมงมุมเป็นร้อยๆตัวกรูออกมาจาก:Xบแล้ว....
คือที่จริงต่อจากนี้ผมไม่ค่อยอยากเล่าสักเท่าไหร่แต่ก็ต้องเล่า
“กรี๊ด~~~~~~~~~”
หลังจากที่ผมเปิด:Xบแล้วสิ่งที่อยู่ภายในนั้นทำให้ผมกรี๊ดแตกแล้วก็วิ่งจ้ำพรวดสุดชีวิตเข้าไปในวิหารโดยที่ไม่สนใจสิ่งเร้ารอบข้างเลยต่อให้ตอนนี้ลิลิสมายั่วก็หยุดผมไม่อยู่แล้วละหลังจากที่วิ่งมาเรื่อยๆจนผมเริ่มเหนื่อยผมก็ตัดสินใจหยุดวิ่งเพราะพวกแมงมุงนั้นคงจะไม่ตามผมเข้ามาถึงในนี้หรอกแต่ว่า...ตอนนี้ผมอยู่ไหนละเนี่ย
ให้ตายอีกครั้งแล้วที่ผมหลงทางอยู่ในซากวิหารดวงผมนี้มันผูกพันอะไรกับเรื่องแบบนี้นักหนาซวยตลอดไม่ร่วงก็หลงเวรกรรมจริงๆแต่ตอนนี้บ่นไปก็ไม่ได้อะไรคงจะต้องเดินหน้าต่อสถานเดียว
เข้ายิ่งเข้าไปลึกทางก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นจนตอนนี้ผมเองก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วสิต่ว่านอกจากทางจะซับซ้อนแล้วยังมีพวกกับดักกับสัตว์มีพิษเยอะมากแต่ถ้าไม่ใช่แมงมุมละก็ผมไม่กลัวหรอกผมเดินไปเรื่อยจนเจอกับเจอกับห้องห้องนึงที่มีแสงส่องผ่านรูบนเพดานลงมาเล็กน้อยและตรงกลางห้องมีหลุมขนาดใหญ่มันไม่ใช่พื้นที่พังหลุมนั้นดูเหมือนจะถูกสร้างไว้มากกว่าเพราะว่าเท่าที่สังเกตดูทั้งมืดๆตรงขอบนั่นเรียบมากไม่มีรอยแตกอะไรเลยและฝั่งตรงข้ามก็ไม่มีทางให้ไปต่อผมจึงเดินกลับไปทางเดิม
แต่ทว่าพอผมหันหลังกลับไปก็เห็นไอ้พวกมฤตยูแปดขากำลังเดินตรงมาเป็นกองทัพตอนนี้ผมรู้สึกว่าให้ผมวิ่งไปบวกกับมังกรยังจะดีซะกว่าก็เลยตัดสินใจโดดลงหลุมแล้วก็เข้าร่างทรายกลางอากาศเพราะอย่างน้อยต่อให้ผมร่วงลงไปเละก็ยังพอจะกลับมารวมตัวกันได้แต่พอผมใกล้ถึงพื้นความเร็วก็ลดลงจนผมลงถึงพื้นได้แบบไม่มีรอยขีดข่วนเลย
พอผมลุกขึ้นผมก็เห็นประตูบานใหญ่อยู่ตรงหน้าเอ๊ะ! ทำไมเหมือนเดจาวูเลยผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆแล้วก็พยายามเปิดดูแต่ก็เปิดไม่ออกประตูนี่มันโคตรใหญ่เลยผมมองซ้ายมองขวาก็เห็นฟันเฟืองขนาดใหญ่อยู่ตรงมุมข้างประตูผมจึงเดินเข้าไปดูและพยายามขยับมันแต่ว่าผมออกแรงหมุนไปมากแต่ก็ยังไม่ขยับผมจึงเดินออกมา
ผมเดินออกมาตั้งหลักแล้ววิ่งเข้าไปกระโดดถีบแมร่งและในที่สุกมันก็หมุนจากนั้นประตูก็ค่อยๆเปิดออกผมจึงเดินเข้าไปด้านในนั้นค่อนข้างมืดแต่ก็ยังพอมีแสงอยู่นิดหน่อยพอผมเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงพูดดังมาจากด้านหน้า
“วอคอสฮิน!!!”ภาษาบ้าอะไรฟะไม่เห็นจะเข้าใจ
“เอ่อ...ว่าอะไรนะ!!”ผมทักกลับไป
“เจ้าเป็นใคร!!”
“แล้วคุณละเป็นใคร”
แล้วเจ้าของเสียงก็เดินออกมาจากเงาสิ่งที่ผมคุยด้วยคือมังกรตัวใหญ่แบบใหญ่กว่าดาโกน่าตั้งสามเท่าปากศักดิ์สิทธิ์ดีแท้นะกรูเนี่ยมังกรนั่นมีเกล็ดสีขาวและนัยน์ตาสีแดงเพลิงถูกโซ่ล่ามเอาไว้ที่ขากับที่คอและมีดาบเล่มใหญ่ปักอยู่ที่หน้าอก“ข้าคือฮานากริฟ เทพผู้ปกครองเกาะนี้”
“เอ่อ...ไม่อยากจะขัดหรอกนะแต่ว่าสภาพท่านตอนนี้ดูไม่เหมือนเทพเลย”
“สามหาว!! ข้าก็แค่ลืมเติมคำว่าเคยเท่านั้นเอง”
“ที่จริงผมเคยหาวมากสุดแค่สองครั้งติดนะ”
“เจ้านี่มัน!!”
ฮานากริฟง้างกรงเล็บจะโจมตีผมแต่ว่าถูกโซ่ตรึงเอาไว้เลยทำอะไรไม่ได้
“โว้วๆ เดี๋ยวๆผมแค่ล้อเล่นผมชื่อฟุกยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณเทพ”
“แล้วเจ้ามาที่เกาะนี้ได้ยังไง”
“คือจู่ๆผมก็ตื่นขึ้นมาที่ชายหาดแล้วเกาะนี่คือที่ไหนเหรอครับ”
“นี่คือเกาะโมนาห์แวน เคยเป็นที่อยู่ของชนเผ่ามังกรฟ้า”
ผมนั่งลงแล้วก็เริ่มถาม
“แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ในสภาพนี้ละ”
“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเจ้า”
“เอาน่า...บอกหน่อยผมแค่อยากรู้นะ”
“เจ้าอยากรู้จริงๆเหรอ”
“ครับ”
“ก็ได้ข้าจะเล่าคือเมื่อนานมาแล้ว...ประมาณเกือบๆพันปีก่อนข้าที่อายุครบสิบห้าปีกำลังจะออกเดินทางไปจากเกาะเป็นครั้งแรกเพื่อหาคู่แล้วจู่ๆพวกมันก็มาพวกมันเรียกตัวเองว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างนี้แหละพวกมันบุกเข้ามาในเมืองและเข่นฆ่าผู้คนของข้าพวกมันหาว่าชาวเผ่ามังกรฟ้านั้นบูชาเทพเจ้านอกรีดนั้นก็คือข้าแล้วพวกมันก็บุกเข้าถึงตัวข้าข้าสู้กับพวกมันอยู่นานแต่ในที่สุดพวกมันก็ชนะและได้จับข้ามาขังไว้ที่นี่”
“น่าเศร้าจังเลยนะครับ”
“ใช่...เจ้ารู้มั๊ยข้าฝันมาตลอดว่าจะได้ออกเดินทางไปทั่วโลกได้ไปเห็นสิ่งต่างๆมากมายแต่ว่าพวกมันก็ทำให้ความฝันของข้าต้องพังทลายลง”
“แล้วท่านหนีออกไปไม่ได้เหรอท่านเองก็ดูแข็งแกร่งอยู่นะ”
“ไม่ได้หรอกข้าเคยลองมาแล้วแต่ว่าดาบที่ปักอกของข้าอยู่นะมันคอยสูบพลังไปจากร่างกายข้าทำให้ข้านั้นอ่อนแอลงอย่างมากจนไม่สามารถที่จะหนีออกไปได้หรือแม้แต่ดึงดาบออกข้ายังทำไม่ได้เลย”
“แล้วท่านยังหวังอยู่รึเปล่าละ”
“หวังอะไร”
“หวังว่าจะได้หนีไปหวังว่าจะสามารถทำความฝันให้เป็นจริง”
“ความหวังพวกนั้นข้าได้ละทิ้งมันไปในช่วงห้าร้อยปีแรกที่ถูกจับอยู่แล้วละ”
“ถ้าผมปลดปล่อยท่านได้ละ”
“เจ้าทำไม่ได้หรอกต่อให้เจ้าทำได้เจ้าจะทำไปทำไม”
“คือที่จริงผมก็อยากจะพูดให้เท่ๆนะแต่ว่าจริงแล้วผมติดอยู่ที่นี่เหมือนกับท่านนั้นแหละผมก็เลยคิดว่าถ้าผมปล่อยท่านเราก็อาจจะหนีออกไปจากเกาะนี้ได้”
“เจ้านี่เป็นคนที่ตรงนะแต่ข้าว่าเจ้าทำไม่ได้หรอก”
“เรื่องนั้นไม่ลองไม่รู้”
ผมลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปจับดาบที่อกของฮานากริฟเอาไว้แต่ทันทีที่สัมผัสกับดาบผมก็รู้สึกเหมือนพลังวิญญาณของผมถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็วผมจึงรีบใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงดาบออกผมดึงอยู่นานจนตอนนี้พลังวิญญาณของผมถูกสูบไปมากสังเกตจากแขนผมเริ่มซีดทำให้ผมต้องรีบ
“ออกสิวะ!! ออกเซ้!!!”
ผมใส่แรงเข้าไปอีกและในที่สุดดาบก็หลุดจากอกของฮานากริฟพอดาบหลุดก็มีพลังวิญญาณจำนวนมากก็ระเบิดออกมาทำเอาผมกระเด็นออกไปนอกประตูเลย
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่ายังไม่ตายใช่มั๊ยข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
แล้วผมก็ได้ยินเสียงที่น่ายินดีเสียงของโซ่ตรวนกำลังถูกทำลายและฮานากริฟก็ออกมาดูผมตอนนี้ผมไม่มีแรงเลยแต่ก็ยังพอลุกไหว
“เป็นไงละ บอกแล้วไม่ลองไม่รู้”
“ก็ได้เจ้าพูดถูกเอาละตอนนี้เราออกจากที่นี่กันเถอะขึ้นหลังข้าเลย”
ผมปีนขึ้นบนหลังของฮานากริฟ
“เกาะแน่นๆข้าจะบินละนะ”
ฮานากริฟบินขึ้นจากหลุมอยากรวดเร็วแล้วก็พุ่งทะลุหลังคาออกไปข้างนอกแต่ว่าพอออกมาข้างนอกฮานากริฟก็เริ่มมีอาการแปลกๆ
“อึก..เกิดอะไรขึ้น...ทำไมร่างกายถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวแบบนี้”
ฮานากริฟร่อนลงที่หน้าวิหารผมรีบลงจากหลังแล้วก็วิ่งไปดูอาการ
“เฮ้! ท่านเป็นอะไรรึเปล่า!”
“ร้อน ร่างกายมันร้อนมาจากด้านใน อ๊า~~”
เสียงของเธอเริ่มเปลี่ยนแล้วร่างกายของฮานากริฟก็เปล่งแสงจากนั้นก็กลายร่างเป็นมังกรสาว..
Chapter 22: ENDเป็นไงกันบ้างครับสนุกดีรึเปล่าก็เม้นบอกกันหน่อยนะครับ
เป็นกำลังใจให้กับผมหน่อยเพราะช่วงนี้มุขเริ่มตันแล้ว
บาย~
[Gray Wolf Legend] Chapter-22