วันที่ 30 เดือน พรีซีเรีย ปีโรแวเรียสที่ 15
วันนี้เป็นเช้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงเมือคืนจะไม่มีคุโรอิจิที่ ลอบสังหารผมได้ก็ตาม แต่ผมก็นอนหลับไม่สนิดเท่าไหร่เลยทั้งคืน ขนาดว่า อิคิดน่าบอกว่าขอบตาผมดำมากเลยละ ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะหน้าดูที่เห็นตาผมเป็นแบบนี้ ท่านบอกผมว่าผมโชคดีมากที่พวกคุโรอิจิที่เก่งๆ ไปทำงาน “ ลอบสังหาร ” ที่อื่นหมดแล้วเลยไม่มีใครเก่งพอจะลอบสังหารผมได้ เอาเถอะ จากที่ผมได้ถามทำให้ผมรุ้ว่าสองวันที่ผมหลงป่าหลงมาไกลจากเส้นทางพอดูเลย ท่านแนะนำผมว่าให้เดินขึ้นเหนือข้ามเขาไป 2 – 3 วันก็จะถึงถนนที่จะพาไปหมุ่บ้านต่อไปได้ แต่ท่านบอกผมว่าถ้าจะไปย่านโยชิวาระบอกให้ผมเดินผ่านไปป่าด้านตะวันออกเฉียงเหนือไปจะเจอถ้ำถ้าเดินผ่านนี้ใช้เวลาหนึ่งวันก็จะถึงย่านโยชิวาระได้ แต่ที่นั้นเป็นรังของ จุโรกุโมะ และโอมุคาตะ แน่นอนว่าผมต้องเลือกที่จะเจอ จุโรกุโมะ และโอมุคาตะอยู่แล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็ยิ้มบอกกับผมว่า ผมเป็นคนที่น่าสนใจท่านบอกผมว่าถ้าจะไปก็ควรจะไปก่อนที่พระอาทิตย์จะตกเพราะช่วงเวลานี้ จุโรกุโมะ จะไม่ดุร้ายเท่าไหร่ พวกเราเลยออกเดินทางกันในตอนเช้า ก่อนไปท่านผู้ใหญ่บ้านสอนวิธีใช้ คาตานะ ที่ถูกต้องกับผมด้วย ทำให้ผมรู้ว่าดาบเล่มนี้เหมาะกับผมจริงๆ พวกเราออกจากหมุ่บ้านนินจาเดินทางไปภายในป่าไม่นานพวกเราก็ได้พบกับ จุโรกุโมะ อารัคเน่แห่งแดนซิบังกุ เป็นหญิงสาวผมสีดำยาวผูกเป็นหางม้าด้วยปิ่นปักผมสีทองดวงตาสีแดง ผิวขาว เธออยุ่ในชุดกิโมโนเปิดใหล่สีน้ำเงินลายแมงมุมสีแดงใยแมงมุมสีขาว เธอมีร่างท่อนล่างเป้นร่างกายของแมงมุมลายสีเหลืองสลับดำ พวกเธอยิ้มให้ผมอย่างมีเสน่ห์ช่วยให้หน้าหลงใหล แต่ผมว่าก็ยังเทียบไม่ได้กับรอยยิ้มของ ลิลิส กับ อิคิดน่า ละนะ พวกเธอเป็นมิตรกับพวกเรามากที่เดียวดูแล้วไม่คิดเลยว่าในตอนกลางคืนพวกเธอจะดุร้ายตามที่หนังสือบอกแบบนั้นได้ พวกเธอพยายามจะให้พวกเราพักอยู่กับพวกเธอซักคืน แต่ผมอ้างว่ากำลังรีบอยู่ไม่สามารถจะพักพูดคุยกับพวกเธอได้ พวกเธอดูจะเสียดายมาก ถึงผมจะไม่รู้ว่าเสียดายเรื่องอะไรก็เถอะนะ พวกเธอบอกผมว่าถ้าว่างๆ ก็มาหาพวกเธอบอก แน่นอนว่าผมก็บอกว่าถ้ามีโอกาศจะมาเยี่ยมพวกเธออีกครั้ง ถ้าในตอนกลางวันอะนะ พวกเราเดินมาถึงถ้ำในตอนเที่ยงของวัน ถ้ำแห่งนี้มืดและชื่นมาก จนผมต้องใช้ลูกบอลแสงขึ้นมาในมือก่อนจะเดินเข้าไป ถ้ำแห่งนี้มีเส้นทางที่คดเคี้ยวพอสมควรเลยบอกกับเวลานี้ดวงอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้วทำให้ถ้ำแห่งนี้ยิ่งมืดมากเลย ถ้าไม่ใช้เพราะแสงจากบอลแสงของผมกับไฟหางของซาลาแมนเดอร์ละก็คงแทบจะมองทางไม่เห็นเลยละ จากที่พวกเราสำรวจถ้ำแห่งนี้ทำให้ลิลิสบอกกับผมว่าถ้ำแห่งนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์แต่มีบ้างอย่างขุดขึ้น หลังจากที่เดินอยุ่ไม่นานพวกเราก็ถูกโจมตีจาก โอมุคาตะ เธอเป็นหญิงสาวผมสีม่วงยาวปกหน้าดวงตาสีดำ ในชุดกิโมโนสีดำแดง และมีช่วงร่างเป็นตะขาบขนาดใหญ่ ทันทีเธอเห็นผมเธอก็จู่โจมผมทันที ถ้ำแห่งนี้ค่อนข่งแคบทำให้พวกเราต่อสู้ได้ลำบากพอสมควรกว่าจะไล่เธอไปได้ แต่ผมก็โดนพิษของเธอเข้าที่แขนทำเอาผมแทบไม่มีแรงจะยืนเลย ยังดีที่ผมมีแรงพอจะใช้ยาที่ซื้อมาสลายพิษไปได้บ้างแต่ต้องให้ลิลิสกับซาลาแมนเดอร์ช่วยประคองผมเดิน หลังจากที่พวกเราออกจากถ้ำได้ พวกเราก็เดินที่ทุ่งหญ้าที่ไกล้ที่สุดเพื่อพักผ่อน ตอนนี้ดูเหมือนพิษจะกำเริบอีกแล้วคงต้องขอจบบันทึกของวันนี้แต่เพียงเท่านี้ละนะ
วันนี้เป็นเช้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงเมือคืนจะไม่มีคุโรอิจิที่ ลอบสังหารผมได้ก็ตาม แต่ผมก็นอนหลับไม่สนิดเท่าไหร่เลยทั้งคืน ขนาดว่า อิคิดน่าบอกว่าขอบตาผมดำมากเลยละ ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะหน้าดูที่เห็นตาผมเป็นแบบนี้ ท่านบอกผมว่าผมโชคดีมากที่พวกคุโรอิจิที่เก่งๆ ไปทำงาน “ ลอบสังหาร ” ที่อื่นหมดแล้วเลยไม่มีใครเก่งพอจะลอบสังหารผมได้ เอาเถอะ จากที่ผมได้ถามทำให้ผมรุ้ว่าสองวันที่ผมหลงป่าหลงมาไกลจากเส้นทางพอดูเลย ท่านแนะนำผมว่าให้เดินขึ้นเหนือข้ามเขาไป 2 – 3 วันก็จะถึงถนนที่จะพาไปหมุ่บ้านต่อไปได้ แต่ท่านบอกผมว่าถ้าจะไปย่านโยชิวาระบอกให้ผมเดินผ่านไปป่าด้านตะวันออกเฉียงเหนือไปจะเจอถ้ำถ้าเดินผ่านนี้ใช้เวลาหนึ่งวันก็จะถึงย่านโยชิวาระได้ แต่ที่นั้นเป็นรังของ จุโรกุโมะ และโอมุคาตะ แน่นอนว่าผมต้องเลือกที่จะเจอ จุโรกุโมะ และโอมุคาตะอยู่แล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็ยิ้มบอกกับผมว่า ผมเป็นคนที่น่าสนใจท่านบอกผมว่าถ้าจะไปก็ควรจะไปก่อนที่พระอาทิตย์จะตกเพราะช่วงเวลานี้ จุโรกุโมะ จะไม่ดุร้ายเท่าไหร่ พวกเราเลยออกเดินทางกันในตอนเช้า ก่อนไปท่านผู้ใหญ่บ้านสอนวิธีใช้ คาตานะ ที่ถูกต้องกับผมด้วย ทำให้ผมรู้ว่าดาบเล่มนี้เหมาะกับผมจริงๆ พวกเราออกจากหมุ่บ้านนินจาเดินทางไปภายในป่าไม่นานพวกเราก็ได้พบกับ จุโรกุโมะ อารัคเน่แห่งแดนซิบังกุ เป็นหญิงสาวผมสีดำยาวผูกเป็นหางม้าด้วยปิ่นปักผมสีทองดวงตาสีแดง ผิวขาว เธออยุ่ในชุดกิโมโนเปิดใหล่สีน้ำเงินลายแมงมุมสีแดงใยแมงมุมสีขาว เธอมีร่างท่อนล่างเป้นร่างกายของแมงมุมลายสีเหลืองสลับดำ พวกเธอยิ้มให้ผมอย่างมีเสน่ห์ช่วยให้หน้าหลงใหล แต่ผมว่าก็ยังเทียบไม่ได้กับรอยยิ้มของ ลิลิส กับ อิคิดน่า ละนะ พวกเธอเป็นมิตรกับพวกเรามากที่เดียวดูแล้วไม่คิดเลยว่าในตอนกลางคืนพวกเธอจะดุร้ายตามที่หนังสือบอกแบบนั้นได้ พวกเธอพยายามจะให้พวกเราพักอยู่กับพวกเธอซักคืน แต่ผมอ้างว่ากำลังรีบอยู่ไม่สามารถจะพักพูดคุยกับพวกเธอได้ พวกเธอดูจะเสียดายมาก ถึงผมจะไม่รู้ว่าเสียดายเรื่องอะไรก็เถอะนะ พวกเธอบอกผมว่าถ้าว่างๆ ก็มาหาพวกเธอบอก แน่นอนว่าผมก็บอกว่าถ้ามีโอกาศจะมาเยี่ยมพวกเธออีกครั้ง ถ้าในตอนกลางวันอะนะ พวกเราเดินมาถึงถ้ำในตอนเที่ยงของวัน ถ้ำแห่งนี้มืดและชื่นมาก จนผมต้องใช้ลูกบอลแสงขึ้นมาในมือก่อนจะเดินเข้าไป ถ้ำแห่งนี้มีเส้นทางที่คดเคี้ยวพอสมควรเลยบอกกับเวลานี้ดวงอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้วทำให้ถ้ำแห่งนี้ยิ่งมืดมากเลย ถ้าไม่ใช้เพราะแสงจากบอลแสงของผมกับไฟหางของซาลาแมนเดอร์ละก็คงแทบจะมองทางไม่เห็นเลยละ จากที่พวกเราสำรวจถ้ำแห่งนี้ทำให้ลิลิสบอกกับผมว่าถ้ำแห่งนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์แต่มีบ้างอย่างขุดขึ้น หลังจากที่เดินอยุ่ไม่นานพวกเราก็ถูกโจมตีจาก โอมุคาตะ เธอเป็นหญิงสาวผมสีม่วงยาวปกหน้าดวงตาสีดำ ในชุดกิโมโนสีดำแดง และมีช่วงร่างเป็นตะขาบขนาดใหญ่ ทันทีเธอเห็นผมเธอก็จู่โจมผมทันที ถ้ำแห่งนี้ค่อนข่งแคบทำให้พวกเราต่อสู้ได้ลำบากพอสมควรกว่าจะไล่เธอไปได้ แต่ผมก็โดนพิษของเธอเข้าที่แขนทำเอาผมแทบไม่มีแรงจะยืนเลย ยังดีที่ผมมีแรงพอจะใช้ยาที่ซื้อมาสลายพิษไปได้บ้างแต่ต้องให้ลิลิสกับซาลาแมนเดอร์ช่วยประคองผมเดิน หลังจากที่พวกเราออกจากถ้ำได้ พวกเราก็เดินที่ทุ่งหญ้าที่ไกล้ที่สุดเพื่อพักผ่อน ตอนนี้ดูเหมือนพิษจะกำเริบอีกแล้วคงต้องขอจบบันทึกของวันนี้แต่เพียงเท่านี้ละนะ
(Fic. MGE)บันทึกการเดินทางของจิ้งจอกขาว 93