ตอนที่1 ยินดีต้อนรับสู่องค์กร
ในช่วงเวลาเที่ยงของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งมันเป็นเวลาพักกลางวันหลังจากที่พวกนักเรียนตั้งหน้าตั้งตาเรียนไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ที่ปี 2-Bนี้เองที่พวกนักเรียนชายหญิงกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง
“ฮึ่ม~~” เด็กสาวผมดำในชุดนักเรียนมัธยมปลายแบบญี่ปุ่นส่งเสียงในลำคอ “บ่ายนี้มีสอบ!! คณิตศาสตร์ทุกคน รีบอ่านหนังสือเร็ว!!” เด็กสาวร้องตะโกน
“แม่หมอแห่ง2-B ประกาศแล้ว รีบๆกินข้าวแล้วอ่านหนังสือเร็วพวกเรา!!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“นี่ๆฮินะดูอนาคตให้ฉันมั่งสิ ฉันอยากรู้ว่าฉันจะสมหวังในรักรึเปล่า” เด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้นพลางเบียดเข้าหาเธอ
“รุ่นพี่อาริตะชมรมเคนโด้ใช่ไหม ได้เลย” เธอพูดพลางยิ้มซน หลังจากนั้นเธอจึงหลับตาลงและเริ่มหายใจช้าลง “ไม่ ไม่สมหวัง เขาจะจากเธอไปไกลแสนไกล และพวกเธอจะไม่ได้พบกันอีก” เธอพูดพลางหันไปมองเพื่อนของเธอ
ส่วนเด็กสาวกลับยิ้มออกมาอย่างสดใสแล้วจึงพูดขึ้น “งั้นเหรอๆ ไม่สมหวังสินะ” เธอพูดพลางสูดหายใจเข้า
“แหม เธอนี่ดูดวงแม่นเหมือนกับมองเห็นอนาคตได้เลยเนอะ” เด็กสาวอีกคนพูด
“พรสวรรค์น่า พรสวรรค์ แถมภาพที่เห็นก็ยังต้องมาตีความอีก แถมดูเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ด้วยสิ” เธอพูดพลางถอนหายใจ
“เย็นนี้ว่างไหม ใกล้ๆบ้านฉันมีร้านเค้กเปิดใหม่ละ ไปกินด้วยกันไหม” เด็กสาวพูดชวนเธอ
“ไม่ล่ะๆ เย็นนี้ฉันต้องไปช่วยงานพวกรุ่นพี่ที่คณะกรรมการนักเรียน” เธอตอบ
“งั้นเหรอ น่าเสียดายงั้นไว้พรุ่งนี้นะ” เด็กสาวตอบกลับด้วยใบหน้าที่ดูเหงาๆ
และในบ่ายวันนั้นเองวิชาคณิตศาสตร์ก็มีสอบขึ้นมาโดยไม่มีการบอกกล่าวใดๆทั้งสิ้น ซึ่งอาจารย์ทุกคนรู้ได้ทันทีว่านักเรียนพวกนี้เตรียมตัวมาพอสมควร และคนที่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเหตุการณ์แบบนี้เป็นฝีมือใคร แม่หมอแห่ง 2-B ว่าที่หมอดูชื่อดังในอนาคต อาซาฮินะ ฮินาตะ พูดกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นอาจารย์กำลังจ้องเธอเธอจึงแลบลิ้นออกมาน้อยๆ ส่วนอาจารย์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา
ความสามารถของเธอนั้นถือว่ายอดเยี่ยมอย่างที่สุด หลายครั้งที่พวกอาจารย์จะแซวเธอว่า “แนวข้อสอบอยากรู้ไปถามอาซาฮินะ” แต่ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็ เธอบอกได้แม้กระทั่งคำตอบเลยล่ะ แต่ตัวเธอก็ไม่เคยใช้ความสามารถนี้ในการโกงข้อสอบแม้แต่ครั้งเดียว ในเวลาเดียวกันเธอก็ดังมากจนเป็นที่หมายปองจากทั้งหนุ่มๆและสาวๆหลายๆคน
และในเย็นวันนั้นเองที่ห้องกรรมการนักเรียน ซึ่งเหล่าสามาชิกของกรรมการนักเรียนทั้งหมดกำลังนั่งเครียดช่วยกันเร่งทำเอกสารแจ้งการไปทัศนศึกษา แต่ถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะบอกว่าพานักเรียนไปเทียวพักผ่อนหลังสอบมากกว่า โดยสถานที่ที่จะไปนั้นคือแฟรี่ไอแลนด์เกาะสวนสนุกขนาดยักษ์ ซึ่งตอนนี้ที่นี่ถูกเรียกว่าสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยบนเกาะนั้นมีทุกอย่างครบวงจร ทั้งสวนสนุก สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร 3-4ดาว โรงภาพยนตร์ มีให้แม้กระทั่งฟิตเนส ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างเป็นของแฟรี่ไอแลนด์ทั้งสิ้น โดยการไปทัศนศึกษาครั้งนี้ไปนานถึงเจ็ดวัน อีกอย่างที่โรงเรียนจัดไปที่นี่นั้นเพราะว่าได้ลดราคาพิเศษเนื่องจากฉลองครบรอบหนึ่งปีของแฟรี่ไอแลนด์
“ฉันก็ดีใจนะที่จะได้ไป แต่ว่าอาทิตย์หน้าก็สอบแล้ว แต่ทำไมงานคณะกรรมการนักเรียนมันมีแต่เพิ่มกับเพิ่มแล้วก็เพิ่ม” ประธานนักเรียนสาวกำลังนั่งเย็บเล่มเอกสารด้วยความเร็วสูงจนแทบจะเรียกได้ว่าเธอคือมาสเตอร์แห่งการเย็บเอกสารเลยก็ว่าได้
“แฟรี่ไอแลนด์ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ พาวเวอร์ ออฟ แฟรี่ไอแลนด์!!” ฮินาตะที่ในสมองตอนนี้มีแต่คำว่าแฟรี่ไอแลนด์เองก็กำลังเย็บหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว ส่วนในหัวกำลังนึกภาพตัวเองกำลังเล่นสนุกสุดเหวี่ยงจนหยุดไม่อยู่พร้อมกับได้เจอหนุ่มรูปงามที่นั่น
“สะ สุดยอด พวกเขาสองคนมนุษย์แน่เหรอ” สมาชิกคนหนึ่งพูดพลางจัดหน้ากระดาษส่งให้ทั้งสองคน และเมื่อเธอหันไปมองรองประธานหนุ่มหน้าหน้ามนก็ต้องร้องออกมา “รองประธาน!!!”
“สาวๆในชุดว่าย ชุดว่ายน้ำ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” รองประธานหนุ่มหน้ามนเองก็ไม่แพ้กัน แต่ที่แย่กว่าคือเขากำลังน้ำลายไหลออกมาอย่างกับเขื่อนแตก
สี่ชั่วโมงต่อมา เข็มนาฬิกาบอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว และดูเหมือนว่างานเย็บเอกสารเองก็เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
“พวกรุ่นพี่กลับไปก่อนเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะล็อคประตูให้” เธอพูดพลางจัดเก็บเอกสารบนโต๊ะลงกล่องกระดาษ
“เอางั้นเหรอ” ประธานนักเรียนถามเธอด้วยความเป็นห่วง “มันมืดแล้วนะ” เธอเสริม
“ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่นี้เอง พวกรุ่นพี่กลับก่อนเลยค่ะ” เธอย้ำอีกครั้ง และดูเหมือนว่าพวกรุ่นพี่ก็ทำตามอย่างเต็มใจ
“ไม่ต้องทำทั้งหมดก็ได้นะ เอาแค่กองนั้นหมดก็กลับเลยนะ” ประธานนักเรียนสาวพูดพลางเดินออกไปจากห้อง
“กลับบ้านเลยดีกว่า” เด็กสาวพูดกับตัวเองขณะกำลังเดินอยู่ในทางเดินของอาคารที่มืดสลัว มีเพียงแสงจันทร์:Xส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างเท่านั้น
“อะ อัก อะ อะ อะ” เสียงของใครบางคนดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะเดินลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งเสียงนั้นมันดังมาจากชั้นพักของบันไดที่เชื่อมระหว่างชั้นสองและชั้นหนึ่งของอาคาร เสียงนั้นมันชวนขนลุกก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นก็อยู่เหนือความกลัว เธอค่อยๆเดินไปที่ต้นเสียงและภาพตรงหน้าคือเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนแผ่อยู่บนพื้นที่นองไปด้วยเลือด และมีชายในชุดเสื้อผ้าขาดๆกำลังซุกไซ้ใบหน้าอยู่ที่ลำคอของเขา
“ระ รุ่นพี่อาริตะ” เธอพูดขึ้นเสียงเบา แล้วจึงรีบหลบไปก่อนที่จะถูกเห็น ใบหน้าของเธอขาวซีนเหงื่อชุ่มใบหน้า “(นั้นมันอะไรน่ะ มันหมายความว่ายังไง ไม่เห็นจะเข้าใจซักนิด)” เธอคิดในใจ “แบบนี้นี่เอง!! รุ่นพี่เป็นไอ้นั้นสินะ “อุเคะ*” ใช่แล้วต้องใช่แน่ๆ!!” เธอเริ่มปฏิเสธความเป็นจริงที่เห็นอย่างสิ้นเชิง แบะเริ่มสร้างความทรงจำใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรแถวนี้เหรอ น้องสาว” เสียงกระซิบของชายคนหนึ่งดังขึ้น และเมื่อเธอหันไปทางต้นเสียง และภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มที่ปากของเขาชุ่มไปด้วยเลือด
“กรี๊ด!!” เธอส่งเสียงร้องพร้อมกับออกวิ่งสุดแรง “ฝัน นี่ต้องเป็นฝันแน่ๆ!! ตอนนี้ฉันต้องกำลังหลับอยู่ในห้องคณะกรรมการนักเรียนแน่ๆ ตื่นซะทีสิตัวฉัน ตื่นเดียวนี้!!” เธอเริ่มร้องตะโกนแบบคนขาดสติแต่ถึงอย่างนั้นขาของเธอก็ยังคงออกแรงวิ่งสุดแรง
และในขณะนั้นเองดวงตาของเธอก็สะดุดเข้ากับเงาร่างสีขาวที่พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อเธอหันตามเงาร่างนั้นไปก็กับว่าเงาร่างนั้นใช้ดาบคาตานะสองเล่มในมือฟันร่างของชายคนนั้นขาดเป็นสามท่อน ร่างที่ถูกฟันขาดออกนั้นค่อยๆไหม้อย่างรวดเร็วจนไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
“ปิดงานซะที” ชายผู้มีเรือนผมสีขาวในชุดโอเวอร์โคทสีขาวพูดกับตัวเอง
“ให้ตายเหอะ วิ่งไม่มีรอเลยนะครับ” เสียงของเด็กหนุ่มอีกคนดังขึ้น และเมื่อเธอหันตามเสียงไปก็พบกับเด็กหนุ่มที่ท่าทางอายุพอๆกับเธอในชุดเสื้อแขนกุดสีดำกับกางเกงขาสั้นและรองเท้าผ้าใบ
“พวกลื้อนี่มันจะบ้าพลังเกินไปแล้ว” ตามมาด้วยร่างของสาวจีนในชุดเสื้อสีเขียวแขนกุดมีลวดลายมังกรสีทองกับกางเกงขาสั้นสีขาว
“แรงดีไม่มีตก เรื่องความเร็วฉันไม่ขอสู้กับนาย” และยังต่อด้วยชายหนุ่มผมทองในชุดรัดรูปที่เผยให้เห็นมัดกล้ามอย่างชัดเจน
“แล้วผู้เคราะห์ร้ายล่ะ” ชายหนุ่มผมขาวถามขึ้น
“ไมยะกำลังไปดูอาการอยู่ แต่คงไม่รอด” เด็กหนุ่มพูด
“อั๊วล่ะไม่เข้าใจ ลื้อวิ่งเร็วขนาดนั้นได้ยังไง ทั้งๆที่ลื้อกับอั๊วโตมารุ่นเดียวกันแท้ๆ” เธอพูดพลางหอบหายใจ
“อะไรกันเนี่ย พวกคุณเป็นใครกัน” ฮินาตะพูดขึ้นพลางทรุดลงพื้น
“คุณชิโร่!! ผู้เคราะห์ร้ายตายแล้วค่า!!” เด็กสาวสวมแว่นในชุดกระโปรงดูน่ารักคนหนึ่งดังขึ้น
“มีผู้อยู่ในเหตุการณ์นะ ลบความจำเธอก่อนแล้วกัน” ชายหนุ่มผมขาวพูดพลางมองมายังฮินาตะ
“ถ้างั้น อั๊วจัดการเอง” สาวจีนพูดพลางหยิบเปิดหนังสือปกสีน้ำตาลเก่าๆเล่มหนึ่งออก
“คุณเหม่ยหลินคุณเคยเรียนเวทมนตร์ด้วยเหรอครับ” เด็กหนุ่มถามพลางมองเธอด้วยหางตา
“ไม่เคย แต่ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรก” เธอพูดพลางเปิดหาบทคาถาในหนังสือเล่มนั้น
“ถ้างั้นเอามานี่ฉันจัดการเอง” ชายหนุ่มในชุดรัดรูปพูดขึ้นพลางดึงหนังสือไปจากมือเธอ
“ลื้อจะทำอะไร ไอ้เจ้าคนสเปน เอาคืนมา!!” เธอพูดพลางยื่นมือไปยื้อแย่งหนังสือ
“แล้วเธอมีปัญหารึไงนังคนจีน!!” เขาตอบกลับพลางเอามือมาดันหน้าของเธอออกไป
“พวกคุณนี่ใช้ไม่ได้เลยนะครับ ผมจัดการเองส่งมา” เด็กหนุ่มพูดพลางเดินเข้าไปจะหยิบหนังสือ
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคนญี่ปุ่นถอยไป!!” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“ผมเป็นญี่ปุ่นแล้วหนักหัวใครไม่ทราบครับ พวกคุณไม่มีความรู้ทั้งคู่ผมจัดการเองดีกว่า” เด็กหนุ่มพูดพลางเข้าไปร่วมวงแย่งหนังสือ
“พวกคุณนี่จะแย่งกันทำไมคะ ก็มีคนที่มีความรู้ด้านเวทมนตร์อยู่ตรงนี้ทั้งคน” เด็กสาวสวมแว่นพูด และดูเหมือนว่าทั้งสามจะหยุดแย่งหนังสือเวทมนตร์ทันที
“ใช้เป็นด้วยเหรอ” ทั้งสามพูดขึ้น
“แน่นอนค่ะ ฉันเรียนเวทมนตร์ทุกวันอาทิตย์ วันละสามสิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมง” เธอพูดพลางทุบอกเล็กๆของเธอ
“โอ้ว~!!” ทั้งสามร้องขึ้นมาพร้อมกัน
“งั้นให้ไมยะจัดการเถอะ จะได้รีบๆกลับกันซักที เดี๋ยวฉันต้องไปฮกไกโดต่อ ให้ตายสิวันนี้วันเกิดแม่ฉันแท้ๆ” ชายหนุ่มผมขาวพูดพลางเกาหัว
และเมื่อเด็กสาวได้รับหนังสือเวทมนตร์มาแล้วเธอก็เริ่มท่องมนทันที “ปุริรินปุริริน ปุริรินโป!! ความทรงจำเอ๋ยจงหายไป!!” เธอตะโกนออกมาสุดเสียง
“เฮ้ย เดี๋ยวนะ มันแปลกๆนะครับว่าไหม” เด็กหนุ่มพูดขึ้นในขณะที่มีแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาจากหนังสือเล่มนั้น
“เธอไปเรียนเวทมนตร์มาจากใครน่ะ ไมยะ” ชายหนุ่มในชุดรัดรูปถาม
“จากการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ทุกเช้าวันอาทิตย์ค่า!!” เธอตะโกนตอบ
“เฮ้ย~!!” เสียงของทุกคนดังขึ้นก่อนที่จะถูกแสงสีขาวกลืนหายไปจนหมด
เมื่อแสงจางลงทุกคนหันมองหน้ากันไปมาและเริ่มตรวจเช็คร่างกายตัวเองต่อว่ายังอยู่ครบหรือมีอะไรผิดปกติไหม
“เมื่อกี้นี้เธอทำอะไรเหรอ ไม่สิ แล้วรุ่นพี่ที่ว่าตายแล้วหมายความว่ายังไง” เสียงของฮินาตะดังขึ้น และเมื่อทุกคนหันไปมองเธอก็พบว่าเธอนั้นแหละผิดปกติที่สุดในกลุ่ม ร่างกายของเธอมีสงสีขาวนวลออกมา
“แบบนี้มัน หรือว่า” ชายหนุ่มผมขาวพูดกับตัวเอง “ผู้มีพลังพิเศษ” เขาพูดสั้นๆกับตัวเอง “เปลี่ยนแผน ไม่ลบความจำแต่เราจะเอาเธอกลับไปด้วย” เขาพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอพลางหักนิ้วไปด้วย “ในเมื่อเวทมนตร์ใช้ไม่ได้ก็ยาสลบธรรมชาติ” เขาพูดพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย ส่วนฮินาตะที่เห็นดังนั้นแล้วจึงรีบหันหลังกลับจะวิ่งหนีแต่เธอกลับโดนลำแข้งรุ่นๆซัดเข้ากลางหน้าแทน แต่ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเหมือนกันเพราะเธอหมดสติคาลำแข้งไปเลย
“โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะเตะเข้าหน้าแบบนี้” ชายหนุ่มในชุดรัดรูปพูดพลางเหงื่อแตกชุ่มหน้า
..........................................................................................................................................................
ฮินาตะเด็กสาวผู้โชคร้ายที่ถูกเตะเข้าหน้าค่อยๆลืมตาขึ้น และพบว่าตัวเธอนั้นนอนอยู่บนโซฟาบุนวมอย่างดีสีแดงสด และเมื่อมองไปรอบๆมันมีลักษณะคล้ายพวกห้องชุดหรืออะไรซักอย่าง มีห้องหลายห้องในตัวแถมยังมีครัวพร้อมและที่ใกล้ๆครัวนั้นมีโต๊ะยาวอยู่ด้วย
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งฟังแล้วเธอท่าทางจะงัวเงียมาก และเมื่อฮินาตะหันไปทางต้นเสียงก็พบกับสาวสวยผมทองในสภาพชุดสุดล่อแหลม โดยเธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตที่ไม่ได้ติดกระดุมเผยให้เห็นชั้นในสีดำที่สวมเอาไว้ โดยเธอเดินตรงไปครัวและเริ่มเปิดเครื่องชงกาแฟขนาดกระทัดรัดและปิ้งขนมปัง
“เอ่อ คือว่า ..... ที่นี่ ..... ที่ไหนเหรอคะ” ฮินาตะถามสาวผมทอง
“บ้านของคนที่ไปช่วยเธอเมื่อคืนนี้ไงล่ะ หาว~” เธอพูดพลางหาวออกมา
“สายแล้ว~~!!” เสียงของเด็กหนุ่มที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้น และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยร่างของเด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีดำในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำหลังวิ่งหน้าตื่นออกมา “พี่เอมิเลียขอขนมปัง!!” เขาพูดพลางวิ่งผ่านครัวไป โดยสาวผมทองเองก็ยื่นขนมปังให้เขาอย่างถูกจังหวะพอดี
“คุณนางาโตะรอฉันด้วย~~~!!” และตามมาด้วยร่างของเด็กสาวสวมแว่นในชุดแบบเดียวกับเด็กหนุ่มคนก่อนหน้า
“ไมยะ ข้าวเช้า!!” สาวผมทองตะโกนเรียกเด็กสาว
“ขอบคุณค่ะ พี่เอมิเลีย!!” เธอพูดขึ้นพร้อมกับรีบคว้าขนมปังแล้วรีบวิ่งไปทันที
“เอมิเลีย อั๊วขอกาแฟหน่อย ยังเขียนรายงานไม่เสร็จเลย” เสียงของสาวจีนที่คุณหูดังขึ้นโดยเธอยังอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อคืนแต่สภาพของเธอดูย่ำแย่แบบสุดๆ ในมือของเธอถือแก้วกาแฟลายแมวน้อยส่งให้สาวผมทอง
“บอกแล้วไงล่ะว่าให้รีบๆทำตั้งแต่กลับมา เป็นไงล่ะเลยไม่ได้นอนเลย” สาวผมทองพูดติพลางรินกาแฟใส่แก้วให้เธอ
“อั๊วเข้าใจแล้ว วันหลังจะรีบปั่นตั้งแต่เพิ่งกลับมาเลย” เธอพูดพลางเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของเธออีกครั้ง
“โอ้ ตื่นไวเหมือนเคยเลยนะ” ชายหนุ่มผมทองพูดพลางเดินออกมาจากห้องนอน ซึ่งเขาอยู่ในชุดไปรเวท แต่ก็ดูสุภาพและสะอาดตา
“วันนี้มีเดทเหรอการ์เซีย” สาวผมทองถามพร้อมกับเริ่มลงมือทำอาหารเช้าทันที
“อื้ม ก็นะ” เขาพูดพลางนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
“วันนี้ตาใครไปรับใครล่ะ” สาวผมทองถามต่อ
“วันนี้ตาแคลร์มารับฉันน่ะ” เขาตอบ
“คู่รักหวานแหววสินะ” เธอพูดพลางยกจานอาหารมาที่โต๊ะ โดยในจานประกอบไปด้วยเบค่อนสามชิ้น ไข่ดาว ไส้กรอก และขนมปังหนึ่งแผ่น
“เอ่อ....” ฮินาตะที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟากำลังมองเหตุการณ์ที่ดูแล้วเหมืนกับครอบครัวแสนสุขของพวกเขาจนพูดอะไรไม่ออก “(ให้อารมณ์เหมือนคุณแม่แสนดีรึไม่ก็คุณพี่สาวที่น่านับถืออะไรแบบนั้นเลย)” ฮินาตะคิดใจพลางมองตามหลังเธอที่เดินหายเข้าไปในห้องของเด็กหนุ่ม
“ไง ตื่นแล้วเหรอ” เสียงของชายหนุ่มที่คุ้นหูอีกคนดังขึ้น ใช่มันคือเสียงของชายหนุ่มผมขาวนั้นเอง “โอ้โห!! เช้านี้อาหารก็ยังจำเจเหมือนเดิม!! เปลี่ยนเมนูอาหารเช้ามั่งเถอะแม่คุณ!!” เขาพูดพลางนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
“เอ่อ........” ฮินาตะนั่งนิ่งไม่ไหวติง เธอทั้งงงและไม่เข้าใจแถมสับสนไปหมด
“อยากกินอะไรก็บอกสิ เที่ยงนี้ฉันจะไปซื้อของจะได้ซื้อมาทำให้กิน ให้ฉันคิดเองก็คิดไม่ออกหรอกนะว่าจะกินอะไรกัน” สาวผมทองพูดพลางเดินออกมาจากห้องของเด็กหนุ่มพร้อมกับตะกร้าผ้า
“(ครอบครัวแสนสุข)” ฮินาตะมองภาพตรงหน้านี้แล้วคิดออกแค่อย่างเดียว พวกเขาอยู่รวมกันแบบครอบครัวและดูเหมือนว่าเอมิเลียจะเป็นคนที่โตที่สุดในบ้านนี้รึเปล่านะ หรือจะเป็นหนุ่มผมขาว
“อ่าว เฮ้ย จะนั่งงงไปถึงไหนมากินข้าวเช้าสิ” หนุ่มผมขาวเรียกเธอให้เข้าไปร่วมโต๊ะด้วย
“เอ่อ คือ ที่นี่ที่ไหน แล้วพาฉันมาทำไมคะ” เธอถามพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
“บ้านฉัน ที่นี่คือบ้านฉัน ถ้าขยายความอีกนิดก็ที่นี่คือสถานที่ตั้งองค์กรนักล่าปีศาจเฮลไนท์ ส่วนพามาทำไมนั้นเดี๋ยวรู้เอง” หนุ่มผมขาวตอบเสียงเรียบ ส่วนฮินาตะที่ได้ยินคำตอบได้แต่นั่งอ้าปากหวอ
และในขณะที่เธอกำลังนั่งสติใกล้หลุดลอยอยู่นั้นก็มีเสียงกีบเท้าของม้าดังขึ้นจากนอกห้อง แล้วจึงตามมาด้วยเสียงหวานของหญิงสาว “การ์เซีย ฉันมารับแล้วนะ!!”
“โอ้มาไวจัง ฉันไปล่ะ แล้วเจอกันเย็นนี้” หนุ่มผมทองพูดพลางเดินออกไปและเมื่อประตูนั้นเปิดออกภาพที่เผยสู่สายตาของฮินาตะคือ ร่างของหญิงสาวสวยในชุดกระโปรงยาว ยาวมาก แถมท่อนร่างเป็นม้า ถึงแม้ว่าครึ่งเป็นจะจัดว่าเป็นสาวงามจนยากที่ชายใดจะปฏิเสธ แต่ท่อนร่างก็ยังเป็นม้า ฮินาตะที่เห็นภาพนี้นั่งนิ่งเป็นหินไม่ขยับอีกเลยกว่าสามนาทีเธอถึงจะได้สติคืนมา
“แล้วนี่จะพาเธอไปหาพ่อใหญ่เหรอ” สาวผมทองถามชายหนุ่มซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อคืนนี้
“อืม ก็นะ ยังไงก็ต้องพาเธอไปลงทะเบียนอยู่แล้วด้วย” เขาตอบพลางเดินไปอุ้มฮินาตะพาดบ่า ซึ่งตอนนี้สมองของฮินาตะกำลังเริ่มรีบูทใหม่
..........................................................................................................................................................
“ไงครับ ชิโร่ ไม่เจอกันตั้งสองปี” เสียงแหลมๆของสิ่งมีชีวิตประหลาดดังขึ้น ซึ่งมันนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวสวยภายในห้องทำงานอันใหญ่โตของโรงเรียนสอนเหล่านักล่าปีศาจรุ่นใหม่
“สองปีอะไรล่ะครับ พ่อใหญ่ สองวันเท่านั้นล่ะ” ชิโร่หนุ่มผมขาวพูดพลางวางปล่อยฮินาตะลงพื้น ซึ่งระหว่างทางเดินมาที่นี่เธอได้พบเห็นอะไรมากมายที่เกินกว่าจินตนาการของเธอจะไปถึง ทั้งต้นไม้ที่มีใบหน้าและพูดได้ ภูติตัวน้อยเจอแม้กระทั่งนางเงือก ถึงตัวบ้านเมืองนั้นจะไม่แตกต่างจากที่ที่เธอจากมาแต่วิถีชีวิตของคนที่นี่ผิดกันโดยชิ้นเชิง
“ฮะฮะ ฮะๆๆๆๆๆ หนนี้ก็ลูกชิ้นมีหัวกับแขน” เธอพูดพลางหัวเราะออกมา
“เสียมารยาทนะครับผม” มันตอบกลับทันที “กระผมมีนามว่าไนท์แมร์ขอรับกระผม” มันแนะนำตัวเอง “ว่าแต่ชิโร่ คุณยูโกะถามหาแหนะครับ ดูเหมือนว่าเธออยากให้คุณมาช่วยงานสอนที่โรงเรียนซักระยะน่ะครับ” มันพูดกับหนุ่มผมขาว
“ไว้จะมาช่วยแล้วกัน แล้วก็ คนนี้เหมือนจะเป็นผู้มีพลังพิเศษบางอย่าง จะเอายังไงล่ะ” หนุ่มผมขาวถามมันเสียงเรียบ
“ขอรับ ในสมัครของเธอผมเตรียมเอาไว้เสร็จแล้วข้อรับ ถ้าพูดให้ถูกเรื่องของเธอผมรู้มาสักพักแล้ว แต่ไม่รู้จะทำยังไงดีถึงจะพาเธอมาที่นี่ได้ นับว่าโชคดีที่แวมไพร์ตัวนั้นไปที่นั่นนะขอรับกระผม เพราะแบบนั้นเราเลยสามารถได้ตัวเธอมา แต่ว่าตอนนี้เราคงยังให้เธอออกงานจริงๆไม่ไหวล่ะนะครับ เพราะเธอใช้ชีวิตแบบมนุษย์ ไม่เหมือนกับพวกเธอที่อยู่ร่วมกับปีศาจมาตั้งแต่ต้นแถมบางคนยังเป็นลูกครึ่งซะด้วยสิ ความรู้ที่จะควบคุมพลังของตนเองจนถึงขีดสุดก็ไม่มี ความรู้ด้านการใช้จิตทั้งสามวิถีก็ไม่มี แต่ถึงอย่างนั้นผมจะเพิ่มชื่อเธอเอาไว้ในระบบนะขอรับกระผม แล้วก็รอให้เธอเรียบจบปีการศึกษานี้ในโลกมนุษย์เสียก่อนแล้วเราค่อยรับตัวเธอเข้ามาอย่างเป็นทางการ ส่วนเรื่องเงินเดือนขอให้จ่ายตามปกตินะขอรับ” มันพูดพลางฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ดะ เดียวสิ ความเห็นของฉันมันไปอยู่ตรงไหนกัน ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ฉันเป็นคนธรรมดา แล้วก็อย่างใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาด้วย” ฮินาตะที่เริ่มได้สติเริ่มเถียงกลับทันที
“ความเห็นของคุณอยู่ตรงนั้นครับ” มันพูดพลางชี้ไปที่ถังขยะใกล้ๆกับโต๊ะทำงาน
“อะไรกันน่ะ เจ้าลูกชิ้นแกฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง ฉันบอกว่าฉันไม่เอาด้วย” เธอแย้ง
“เงินสามแสนปอนด์ต่อเดือนขอรับถ้าทำงานกับเรา” มันพูดพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย
“ตกลงค่ะ ฉันจะทำสุดความสามารถ” เธอรีบวิ่งไปคว้ามือของมันพร้อมกับทำตาเป็นประกาย
“งั้นเป็นอันตกลงนะขอรับ นับแต่นี้คุณจะมาทำงานกับเรา” มันตอบกลับ
“จะว่าไปฉันหลับไปนานแค่ไหนน่ะ” เธอถามพลางหันไปมองชิโร่
“ไม่ต้องห่วงแค่คืนเดียว” เขาตอบเสียงเรียบ
“ฉันต้องกลับแล้ว ใช่ต้องกลับแล้ว ตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะต้องเป็นห่วงฉันอยู่แน่ๆ แล้วก็ยังเรื่องสอบอีก!!” เธอเริ่มสติแตกและเริ่มพูดอะไรต่อมิอะไรซึ่งฟังไม่รู้เรื่องซักอย่างออกมา
“ไม่ต้องห่วงขอรับกระผม พวกเราได้ติดต่อไปยังครอบครัวของคุณรวมถึงทางโรงเรียนของคุณให้แล้ว” มันพูดพลางส่งยิ้มให้เธอ
“จริงๆเหรอ นายเป็นคนดีจริงๆ” เธอพูดพลางน้ำตาไหล
“ขอรับ เราติดต่อไปว่าคุณถูก CIA จับตัวไปเนื่องจากคุณเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายข้ามชาติครับ” มันเสริม
“ข้ออ้างอะไรของแก๊~~~~~!!!!”
*อุเคะ หมายถึง กลุ่มชายรักชายที่เป็นฝ่ายรับครับ
Demon Slayer ตอนที่1