อ่านกันแล้วช่วยกันคอมเมนท์ด้วยนะ ว่ามันสนุกรึไม่สนุก มีข้อสงสัยตรงไหนถามได้ครับ แล้วก็นิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีต้นแบบเป็นพิเศษมาจากไหน แต่ตัวละครหน้าตาหรือชื่ออาจจะไปซ้ำหรือเหมือนโดยมิได้ตั้งใจครับผม
ตอนที่2 ก่อนทัศนศึกษา
“นี่ฮินะจริงเหรอที่เธอถูกจับตัวไปสอบสวนเพราะเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายข้ามชาติน่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งถามคนตรงหน้าเธอด้วยความกระตือรือร้น
“ชะ ใช่ แต่เอ่อ เข้าใจผิดน่ะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ” เธอตอบพลางยิ้มแห้งๆมุมปากกระตุก
“เห็นมะบอกแล้วว่าคุณฮินาตะไม่มีทางที่จะไปมีเรื่องแบบนั้นได้” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูด
“ชะ ใช่ไหมล่ะ” เธอตอบกลับ “(ไอ้เจ้าลูกชิ้นเนื้อ ถ้าฉันกลับไปเมื่อไหร่ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้)” นับจากวันซวยของเธอที่ถูกนำตัวไปยังโลกแปลกๆแห่งนั้นก็ผ่านมากว่าสี่วันแล้ว แถมวันสอบก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆ และเธอก็ได้รู้ว่าไมยะและนางาโตะนั้นอายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีแถมเธอไปอยู่ที่นั้นไหนจะทั้งต้องมานั่งฟังชิโร่สอนอะไรที่เธอไม่เข้าใจมั่งล่ะ ช่วยเอมิเลียทำกับข้าวเก็บกวาดบ้านมั่งล่ะ ช่วยสอนการบ้านให้ไมยะกับนางาโตะมั่งล่ะ จนสุดท้ายเธอแทบไม่ได้อ่านหนังสือเตรียมสอบโค้งสุดท้ายเลย ถึงก่อนหน้านี้จะอ่านมาบ้างตลอด แต่นี่คือโค้งสุดท้ายแล้วนี่สิ
“อีกสามวัน สอบ” เธอพูดเสียงเบากับตัวเองพลางคอตก
และในเย็นวันนั้นเองซึ่งเธอก็ต้องกลับไปยังโลกแห่งนั้นอีกครั้งตามที่ตกลงเอาไว้กับเจ้าลูกชิ้นเนื้อ ไม่สิไนท์แมร์ โดยเธอต้องย้ายไปอาศัยที่บ้านของพวกชิโร่แทน ส่วนบ้านจริงๆของเธอนั้นพวกชิโร่บอกว่าจะกลับไปเป็นพักๆก็ได้ แต่เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวควรกลับไปให้น้อยที่สุด
และการที่เธอได้ไปอาศัยที่โลกนั้นมันทำให้เธอได้รู้ความรับชวนช็อคมากมายเช่น เอมิเลียไม่ได้เกิดที่โลกมนุษย์แต่อย่างใดแต่เธอเกิดที่และโตที่โลกนั้น แถมแม่ของเธอก็ไม่ใช่คนซะอีกแต่เป็นนางเงือก แถมเธอยังมีโอกาสได้พบกับพ่อและแม่ของเอมิเลียอีกด้วยซึ่งทั้งคู่ก็ยังรักกันเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามัน หรือเรื่องของแม่หนูไมยะที่ดูแล้วเรียบร้อยแถมน่ารักนั้นเป็น The M*(หมายถึงพวกมาโซฯพวกที่ชอบพูดกระทำการรุนแรงทั้งทางกายและวาจา) แบบฮาร์ดคอร์ตัวแม่ แล้วก็เรื่องที่ทำให้เธอทั้งช็อคและอยากจะบ้าตายมากที่สุดคือเจ้าลูกชิ้นเนื้อหรือไนท์แมร์นั้นเป็นพิธีกรรายการทีวีสำหรับเด็กซึ่งถ่ายทอดในคลื่นเฉพาะในโลกนั้น แถมมันยังเป็นรายการออกกำลังกายอีกด้วย ยิ่งช่วงที่เจ้าตัวพยายามจะส่ายเอวนี่ตลกสุดๆ
และแล้วช่วงเวลาแห่งการเลิกเรียนก็มาถึง โดยเหล่านักเรียนนั้นต่างก็มุ่งหน้ากลับบ้านหรือเข้าทำกิจกรรมชมรมแต่ไม่ใช่กับฮินาตะ เพราะเธอนั้นเลือกเดินไปหลังโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของอาคารเรียนเก่า
ทุกย่างก้าวของเธอนั้นทำให้เกิดเสียงไม้ลั่นชวนขนลุกดังขึ้นมานี่ถ้าหากมาตอนกลางคืนมันคงน่ากลัวสุดๆไปเลย ตัวอาคารที่ทั้งเก่าและทรุดโทรมจนถูกปิดให้เป็นพื้นที่ห้ามเข้า
เธอเดินตรงมาที่ห้องน้ำหญิงและใช้ปากกาหน้าตาชวนสยองเขียนตัวหนังสือลงบนประตูบานที่ใกล้ที่สุดทันที ซึ่งตัวหนังสือนั้นมันยึกยือจนอ่านไม่เป็นภาษาขนาดตัวเธอเองยังอ่านไม่ออก แต่เธอถูกบังคับให้ฝึกเขียนจนเขียนได้ ไม่อย่างนั้นเธอก็ต้องให้ใครซักคนมาคอยรับกลับซึ่งมันคงหน้าอายแบบสุดๆไปเลย
เธอค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำบานที่เธอเขียนตัวหนังสือประหลาดลงไป แล้วสิ่งที่อยู่อีกฝั่งนั้นก็ห้องชุดที่มีกลิ่นไอของครอบครัวแสนสุขอัดแน่นอยู่
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะนินนิน” เสียงต้อนรับของเด็กสาวผมขาวร่างเล็กในชุดนินจาดังขึ้นซึ่งดูๆแล้วคงจะเป็นเด็กประถม
“กลับมาแล้วเหรอ นินนิน” และตามมาด้วยเสียงของชิโร่ในชุดนินจาเหมือนกัน
“เล่นอะไรกันอยู่น่ะ แล้วเด็กนั้นใครเหรอ” ฮินาตะพูดพลางถอนหายใจ
“ตาบอดเรอะ ก็กำลังเล่นเป็นนินจาอยู่ยังไงล่ะ นินนิน!!” ชิโร่ตอบพร้อมกับผสานมือทั้งสองแบบนินจาโดยเด็กสาวเองก็ทำด้วย
“นี่สินะ ตัวจริงของนาย ฉันนึกว่านายจะเป็นพวกดูเท่ๆเงียบๆ หรือไม่ก็คนจริงจังมากกว่านี้ซะอีก!!!” ฮินาตะเส้นความอดทนขาดผึง
“พูดอะไรของเธอนี่ล่ะร่างที่แท้จริงของฉันและน้องสาว พวกเราคือคู่หูนินจาล่าปีศาจ นินนิน!!” ชิโร่ตอบพร้อมกับวิ่งขึ้นไปยืนโพสท่าอยู่บนโต๊ะพร้อมเด็กสาว
“ใช่แล้วล่ะนินนิน” เสียงของสาวจีนประจำบ้านอีกคนดังขึ้นพร้อมกับกระโดดออกมาจากห้องนอนในชุดไปรเวทแต่เอาผ้าพันคอสีแดงมาพันปิดหน้าเอาไว้
“แม้แต่คุณเหม่ยหลินก็บ้าไปกับหมอนั้นด้วย!!!” ฮินาตะร้องขึ้นอย่างสติแตก
“อย่าสติแตกสิ เวลาแบบนี้เธอต้องสงบสติอารมณ์ อย่าไปใส่ใจพวกบ้า” การ์เซียหนุ่มหล่อประจำบ้านอีกคนพูดพลางมองดูทีวีอย่างเบื่อหน่าย
“วันนี้ยังไงก็อดทนหน่อยนะจ๊ะฮินาตะ พอดีน้องสาวของชิโร่จะมาอยู่กับเราหนึ่งอาทิตย์น่ะ” เสียงของเอมิเลียดังมาจากภายในครัว ซึ่งคาดว่าเธอกำลังทำอาหารเย็นอยู่
“แล้วนางาโตะกับไมยะยังไม่กลับมาเหรอคะ” ฮินาตะพูดพลางเข้าไปช่วยงานในครัว
“สอบน่ะ ไมยะเพิ่งสอบเสร็จตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนนางาโตะก็นั้น” เอมิเลียพูดพลางชี้นิ้วไปที่ทีวี
และเมื่อเด็กสาวหันไปมองก็ถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง ภาพในทีวีนั้นคือนางาโตะกำลังยืนแลกหมัดอย่างดุเดือดและหน้ากลัวกับเจ้าลูกชิ้นเนื้อ “กรี๊ด!!! นั้นมันไม่ใช่สอบแล้ว นั้นมันอะไรกัน!!” เธอร้องออกมาสุดเสียง
“นั้นแหละสอบ นินนิน” ชิโร่ตอบ
“ใช่แล้วล่ะ นั้นคือสอบน่อ นินนิน” สาวจีนเสริม
“จะเอาแบบจีนหรือจะเป็นนินจาก็เอาซักอย่างสิ!!!” ฮินาตะวีนใส่สาวจีน
“อะไรเนี่ย ยัยนี่ทำตัวเป็นพวกตัวละครคอยตบมุขชาวบ้านอยู่ได้ วันหลังหัดชงมุขเองมั่งสิ เหอะ” ชิโร่พูดขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มสมเพชใส่เด็กสาว
“กรี๊ด!!” ฮินาตะร้องขึ้นพร้อมกับขว้างจานเข้าใส่ชิโร่แต่อีกฝ่ายก็สามารถหลบได้อย่างสบาย
“ไงล่ะนี่ล่ะวิชานินจา แยกเงาพันร่าง!!” ชิโร่พูดพร้อมกับวิ่งวนไปรอบๆโต๊ะกินข้าวด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อจนเกิดภาพติดตาเหมือนร่างแยก “อย่าดูถูกฉันที่มีฉายาว่าสายฟ้าสีขาวนะเฟ้ย!!” แต่แล้วร่างของเขาก็หยุดวิ่งและล้มลงในสภาพที่กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง
“อย่าวิ่งเล่นในบ้านสิ อยากเล่นไปเล่นข้างนอกซะ” เสียงเย็นชวนสยองของเอมิเลียดังขึ้น ซึ่งมันทำให้นินจาน้อยกับสาวจีนที่ดูยังสับสนในตัวเองนิดๆเลิกบ้าเล่นนินจาทันทีและนี่ก็คือความสามารถของสาวสวยผมทองประจำบ้านคนนี้ ความสามารถในการควบคุมน้ำและเปลี่ยนสภาพของน้ำนั้นเอง
“พี่เอมิเลียคะ ฉันสงสัยมากค่ะ ทำไมไม่มีใครพูดถึงการตายของรุ่นพี่อาริตะเลยล่ะคะ” ฮินาตะถาม
“เพราะทางองค์กรเปลี่ยนแปลงความทรงจำของทุกคนน่ะ ทำให้หมอนั้นไม่เคยเข้าเรียนที่นั่น แล้วก็การตายของหมอนั่นก็เปลี่ยนให้เป็นถูกรถชนแทนน่ะ” เอมิเลียอธิบายให้เธอฟัง
“มันไม่น่าเศร้าไปหน่อยเหรอคะ ที่เพื่อนๆต่างก็จำเขาไม่ได้ ไม่มีใครมาเสียใจให้แบบนี้” ฮินาตะพูดพลางตัวสั่นด้วยความเศร้าและความโกรธ
“ก็อาจจะจริงล่ะนะ” เอมิเลียพูดพลางถอนหายใจ
“ว่าแต่ ตาชิโร่มีน้องสาวด้วยเหรอคะ” ฮินาตะพูดพลางมองไปยังสองพี่น้องที่กำลังเชียร์นางาโตะในการสอบอย่างดุเดือดยิ่งกว่าพวกแฟนทีมบอลเจ้าบ้านเสียอีก
“จ๊ะ แม่ของชิโร่เขาแต่งงานกับผู้ชายคนนึงน่ะ ก็เลยเป็นลูกต่างพ่อล่ะนะ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกชิโร่ไม่เคยมีพ่อมาก่อนล่ะนะ” เอมิเลียเล่าให้เธอฟังส่วนฮินาตะแค่มองเขาอย่างเงียบๆ “ไปอ่านหนังสือสอบเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการทางนี้ให้ อาหารเย็นเสร็จแล้วจะยกไปให้ที่ห้องนะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องสองพี่น้องคู่นั้นฉันจะไม่ให้เข้าไปกวนเลยล่ะ” เอมิเลียพูดพลางชูนิ้วโป้งให้เธอ
และในคืนนั้นเองขณะที่ฮินาตะเด็กสาวผู้กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสอบโค้งสุดท้ายอยู่ในห้องนอนของเธอซึ่งแต่เดิมเป็นห้องเก็บของอยู่นั้นก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ กลิ่นของควันไฟและเมื่อเธอหันไปมองที่หน้าประตูห้องก็พบว่าควันไฟกำลังลอดผ่านช่องใต้ประตูเข้ามา
“กรี๊ด!!! ไฟไหมบ้าน!!” เธอร้องขึ้นพร้อมกับวิ่งไปเปิดประตู*(เด็กดีขณะเกิดไฟไหม้ไม่ควรเปิดประตูซี้ซั้วนะครับ หวังดีจากคนเขียน) แต่ประตูมันดันเปิดไม่ออกเสียนี่ “เปิดไม่ออก ทำไมล่ะเกิดอะไรขึ้น” เธอพูดกับตัวเอง
“วิชานินจา ม่านควันพรางตา!!” เสียงของชิโร่และร้องสาวดังขึ้นพร้อมกัน
“กรี๊ด!! อีกแล้วเรอะ!! นึกว่าเลิกเล่นกันไปแล้วซะอีก!!” ฮินาตะร้องออกมาพร้อมกับพยายามเปิดประตูทั้งๆที่เวลาแบบนี้ควรจะไปเปิดหน้าต่างให้ควันมันออกไปจากห้องแท้ๆ
“นี่ล่ะแผนโจมตีสมบูรณ์แบบ ขณะเอมิเลียอาบน้ำพวกฉันก็โจมตี เท่านี้เธอก็อ่านหนังสือสอบไม่ได้แล้ว ตกแน่ เธอสอบตกแน่!!” เสียงของชิโร่ดังขึ้น
“ตกแน่!!” เสียงของเด็กสาวเสริม
ผั่วะ!! โป๊ก!!
เสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากอีกฝั่งของบานประตู “นี่สี่ทุ่มแล้วนะ ได้เวลานอนของเด็กๆแล้วรีบๆไปนอนได้แล้ว ส่วนชิโร่นายอายุก็เยอะแล้วนะยังจะเล่นเป็นเด็กๆอีกนะ เตาถ่านน่ะเอามาจากไหนเอาไปเก็บเลย แล้วก็ดับไฟถ่านให้สนิทด้วยล่ะ ให้ตายสิอายุน่ะยี่สิบห้าแล้วนะไม่ใช่เด็กๆแล้ว” เสียงของแม่พระประจำบ้านดังขึ้น ซึ่งสำหรับฮินาตะมันเหมือนเป็นเสียงสวรรค์สำหรับเธอเลยก็ว่าได้ แถมเป็นคนที่สวยและมีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในที่แห่งนี้ แถมเธออายุเพิ่งแค่ยี่สิบสามเท่านั้น
“ขอโทษทีนะ อ่านหนังสือสอบได้แล้วล่ะจ๊ะ อีกเดี๋ยวจะเอาของว่างกับมื้อดึกมาให้นะ” เอมิเลียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยๆ แต่นั่นคงเพราะทำงานบ้านแล้วก็คอยดูไม่ให้ชิโร่พาน้องสาวซนจนมีของพังทั้งวันนั่นล่ะนะ
..........................................................................................................................................................
และแล้ววันสอบก็ผ่านไปเร็วยิ่งกว่าโกหก ฮินาตะนั่นยังสามารถทำข้อสอบได้อย่างสวยงามไม่มีที่ติ ส่วนชิโร่นั่นถึงจะพยายามแกล้งฮินาตะทุกวันแต่ก็จะถูกเอมิเลียเล่นงานทุกวันเช่นกัน
ภายในห้องนอนของฮินาตะ ซึ่งตอนนี้เธอกำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปทัศนศึกษากับทางโรงเรียนซึ่งเธอตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด
“เย้!! เรนะกลับมาแล้ว!!” เสียงของไมยะดังขึ้น ซึ่งมันเป็นน้ำเสียงที่อัดแน่นไปด้วยความดีใจ และมันเริ่มตามมาด้วยเสียงของคนอื่นๆจนเริ่มฟังไม่รู้เรื่อง และเพราะเหตุนั้นมันจึงทำให้เธออดสงสัยไม่ได้จนต้องเปิดประตูออกมาดู และภาพเบื้องหน้าของเธอคือเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีดำและในตาสีดำซึ่งตัดกับผิวกายสีขาวในชุดเดรสสีดำสนิท
“เธอคนนั้นเหรอที่ไนท์แมร์พูดถึง” เธอพูดพลางชี้มาที่ฮินาตะที่ชะโงกหน้าออกมาดูจากในห้อง
“อาซาฮินะ ฮินาตะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ!!” เธอรีบแนะนำตัว
“โอ้ เรียกฉันว่าเรนะก็พอนะ” เธอแนะนำตัวสั้นๆแบบสั้นสุดๆ “แล้วก็ฉันไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจเลือดแท้” เธอเสริม ส่วนฮินาตะยืนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินว่าเด็กสาวน่ารักตรงหน้าของเธอนั้นคือปีศาจ
“เป็นไงมั่งงานในหน่วยเขี้ยว” ชิโร่ถามเธอ
“เหนื่อยน่ะสิ นายน่ะน่าจะกลับไปอยู่หน่วยเขี้ยวนะ ขาดคนมีฝีมือไปหน่วยเราก็ขาดคนไปอีกคน คนในหน่วยยิ่งน้อยๆอยู่” เธอพูดพลางเอามือต่อยชิโร่เบาๆสองสามที
“หน่วยเขี้ยว” ฮินาตะพูดเสียงเบากับตัวเอง
“หน่วยพิเศษ ที่ทำหน้าที่ไม่ล่าและค้นหาพวกปีศาจที่มีความอันตรายสูงน่ะ พวกเขาจะปฏิบัติการเดียวเพื่อลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงานลง” การ์เซียพูดเสียงเรียบ “แล้วก็ชิโร่เคยเป็นรองหัวหน้าหน่วยเขี้ยวมาก่อน” เขาพูดเสริม
“หาว~~ เอมิเลียขอข้าวหน่อย หิวจังเลย แล้วก็ขออาบน้ำหน่อยนะ นอนด้วย นอน เตียงของฉันยังอยู่ที่เดิมใช่ไหม นอนไม่ได้นอนมาสองเดือนแล้ว ข้าวก็ไม่ได้กินมาสามเดือนแล้ว น้ำก็ไม่ได้อาบมาสี่เดือนแล้ว” เธอเริ่มบ่นพึมพำแล้วเดินหายเข้าไปในห้องของเอมิเลีย และจากที่ฟังมามันทำให้ฮินาตะมั่นใจว่าคนคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แล้วล่ะ ถ้าอดหลับอดนอนอดอาหารได้นานขนาดนั้นจริงล่ะก็นะ
..........................................................................................................................................................
“เอาผ้าเช็ดหน้าไปแล้วนะ” เสียงของเอมิเลียดังขึ้น ซึ่งตอนนี้เธอกำลังตรวจของในกระเป๋าของฮินาตะ
“เอามาแล้วค่ะ” ฮินาตะตอบพลางคอตก
“แปรงสีฟัน ยา เสื้อผ้าเปลี่ยนสำหรับหนึ่งอาทิตย์ล่ะ” เธอถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“เอามาแล้วค่ะ” ฮินาตะตอบ
“เดินทางก็ระวังตัวด้วยนะ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะ” เอมิเลียพูดพลางดึงตัวฮินาตะเข้ามากอด โดยใบหน้าของฮินาตะซบเข้ากับหน้าอกที่ใหญ่ราวกับภูเขาจนหายใจไม่ออก
“โอ๊ย~!! ยัยนั้นแค่จะไปทัศนศึกษาทำเหมือนกับว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศงั้นล่ะ แถมเธอนี่ก็อย่างกับพวกคุณแม่หวงลูกรึไม่ก็พวกพี่สาวหวงน้องยังงั้นล่ะ” ชิโร่พูดพลางหยิบขนมปังปิ้งบนโต๊ะใส่ปาก
“ช่วยไม่ได้นี่ ตอนนี้เธอก็เหมือนครอบครัวของเรานะ” เธอพูดพลางหันน้าที่ชุมไปด้วยน้ำตามาทางชิโร่ ซึ่งสภาพสาวงามตอนนี้ดูไม่ได้เอาซะเลย
“จ้าๆ ครอบครัวจ้า จะได้เวลานัดรวมตัวแล้วไม่ใช่เหรอ ไปได้แล้ว ตกเรือมาจะขำไม่ออกนะเฟ้ย” ชิโร่พูดพลางแสยะยิ้ม
“จริงด้วย งั้นไปก่อนนะคะ” เธอพูดพลางมองเอมิเลียที่ยืนโบกมือให้เธอ และเมื่อเธอเปิดประตูออกไปมันไม่ใช่ระเบียงทางเดินแต่เป็นด้านหลังโรงเรียนของเธอเอง “แล้วอีกเจอกันวันอาทิตย์ค่ะ!!” เธอพูดพลางปิดประตู
“อ้าว ลูกสาวไปซะแล้ว คุณแม่เอาไงต่อ” ชิโร่พูดพลางยิ้มซน
“มันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เอมิเลียพูดพลางถอนหายใจ
“ไมยะ!! นางาโตะ!! ตื่นมาเก็บกระเป๋าได้แล้วเราจะไปเที่ยวสวนสนุกกัน!!” เอมิเลียตะโกนเรียกเด็กทั้งสอง ส่วนชิโร่นั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาสุดเสียง
..........................................................................................................................................................
ภายในห้องโถงว่างๆแบบญี่ปุ่นที่มืดมิดไม่มีแสงใด:Xส่องเข้ามาได้ยกเว้นแสงจากเชิงเทียนนั้นมีร่างของคนห้าคนในชุดอนเมียวจิกำลังคุยกันอยู่
“เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกปีศาจมันทำอะไรแบบนั้นเอาไว้” ชายสูงวัยในชุดแบบพวกอนเมียวจิพูด
“ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้นข้าได้ส่งสองพี่น้องไซโต้ไปที่นั่นแล้วล่ะครับ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น
“พี่น้องไซโต้รึ งั้นเราคงไม่ต้องห่วงเรืองใดอีกแล้วเพราะพวกปีศาจคงจะถูกกำจัดจนไม่เหลือแม้แต่ตนเดียว” ชายวัยพลางคนอีกคนพูดพลางหัวเราะ
“มันก็ยังไม่แน่หรอกนะ ที่นั่นอาจกลายเป็นสนามรบก็ได้ เพราะข้าเชื่อว่าไม่ได้มีแค่เราเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้” ชายสูงวัยอีกคนแย้ง
..........................................................................................................................................................
ใต้นครวาติกันสถานที่ลับซึ่งเป็นเขตต้องห้าม ซึ่งมันเป็นสถานที่ตั้งของฐานที่มั่นของเหล่าเอ็กโซซิสท์ แต่พวกเขาแตกต่างจากเอ็กโซซิสท์ทั่วไปตรงที่พวกเขาฝึกร่างกายและสิ่งที่เรียกว่าจิตเพื่อใช้ทำลายล้างปีศาจเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เพื่อการขับไล่ผี
“ซิสเตอร์ชาฮา” เสียงของบาทหลวงคนหนึ่งดังขึ้น
“ค่ะ ว่ายังไงคะคุณพ่อ” ซิสเตอร์สาวพูดพลางเขียนหนังสืออย่างตั้งใจ
“คือว่านะลูก มีงานอยากให้ลูกทำหน่อย ที่ญี่ปุ่นน่ะลูก” บาทหลวงพูด
“เข้าใจแล้วค่ะคุณพ่อ ดิฉันจะปกป้องเหล่ามวลมนุษย์ผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าเอาไว้ ส่วนพวกปีศาจจะกำจัดให้สิ้นซากเองค่ะ” ตอบเธอพลางยิ้มหวานให้กับบาทหลวง
..........................................................................................................................................................
กลับมาที่บ้านพักของพวกชิโร่
“เร็วหน่อยๆ เราสายแล้วนะ” เอมิเลียพูดพลางวิ่งเข้าห้องโน้นห้องนี้ช่วยแต่ละคนเก็บของ ส่วนชิโร่นั้นก็ยังนั่งหัวเราะอยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่หนนี้มีเรนะมาผสมโรงร่วมหัวเราะ
“นี่แหละคุณแม่ของบ้านนี้” ชิโร่พูดพลางหัวเราะออกมา
“จะกี่ปีก็ไม่เปลี่ยน ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง” เรนะหัวเราะ
“ทำให้นึกถึงเมื่อสิบปีก่อนจริงๆ” ชิโร่พูดพลางมองหน้าเรนะแล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“จริงด้วยๆ นึกถึงตอนที่เราจะไปทัศนศึกษาเลย เอมิเลียแค่คนเดียวนี่ล่ะที่วิ่งวุ่นไปวุ่นมาแบบนี้เลย” เรนะหัวเราะออกมาสุดเสียง
และที่ห้องทำงานของไนท์แมร์ ไนท์แมร์กำลังนั่งอ้าปากหวออึ้งพูดไม่ออกส่วนโยโกะจิ้งจอกเก้าหางผู้งดงามตอนนี้กำลังหัวเราะงอหายอยู่
“คุณฮินาตะขอหยุดไปทัศนศึกษาผมเข้าใจนะขอรับกระผม แต่ทำไมคนในบ้านเดียวกับเธอถึงลาหยุดพร้อมกันหมด แถมยังไปสถานที่ที่ผมจะมอบงานให้พวกเขาอีก” ไนท์แมร์พูดพลางเหงื่อตก
“นี่ล่ะ โจ๊กสวรรค์!! ชีวิตกว่าสามพันปีอยู่มาจนคุ้มเจอมุขสวรรค์มาไม่รู้กี่ร้อยหนหนนี้ก็ยังฮาเหมือนเดิม” จิ้งจอกสาวพูดพลางหัวเราะ
“ที่แย่ที่สุดก็ดันมีคุณเรนะไปด้วยนี่สิครับ สงสัยจะได้วุ่นวายอีกแน่ ถ้าเอาชิโร่กับคุณเอมิเลียบวกกับคุณเรนะสงสัยจะได้หัวเราะไม่ออกหลังงานจบแน่ๆ” ไนท์แมร์พูดพลางเกาหน้า
“ติดต่อไปบอกพ่อคุณซาตานที่กำลังนั่งอนุมัติงบประมาณประจำปีด้วยล่ะ งานนี้ได้วิ่งแหกนรกขึ้นมาจริงๆแน่” จิ้งจอกสาวหัวเราะสุดเสียง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2012-10-18 13:09
Demon Slayer ตอนที่2