ยาวมาถึงตอนที่4 แต่ก็ยังไม่ยืดเยื้อเหมือนนารูโตะ โดยในตอนนี้มีคนบอกว่าเขียนออกมาดีที่สุดใน5ตอนที่เขียนออกมาในขณะนี้ (ซะงั้น) แสดงว่าผมต้องอดข้าวอดหลับอดนอนเขียนสินะถึงเขียนดี อืม เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
อย่าลืมอ่านแล้วคอมเมนท์ด้วยนะ สนุกไม่สนุก อ่านแล้วรู้สึกยังไง เพราะคอมเมนท์มันคือกำลังใจให้คนเขียนเขียนต่อไปได้ครับผม
ตอนที่4 เอลร่า
“เอลฟาร์ เธอช่วยไปปลุกพวกของฉันทั้งหมดเลยนะ เธอรู้ใช่ไหมมีใครบ้าง เล่าสถานการณ์ตอนนี้ให้พวกนั้นฟัง แล้วให้รีบเตรียมตัว” ชิโร่พูดพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว โดยตอนนี้เขาอยู่ในชุดโอเวอร์โค้ดสีขาวเสื้อเชิ้ตสีดำ
“รับทราบ” เอลฟาร์ตอบกลับพร้อมกับทำวันทยหัตถ์แล้วจึงรีบวิ่งออกไปจากห้อง โดยเริ่มจากห้องข้างๆก่อนมันคือห้องของนางาโตะนั้นเอง
และลงมาจากชั้นที่พวกชิโร่อยู่หกชั้นมีร่างของเด็กสาวสองคนในชุดวอร์มกำลังเดินอยู่ที่ทางเดินของโรงแรม โดยพวกเธอพยายามจะมาปลุกพวกอาจารย์แต่ไม่ว่าจะเคาะประตูแค่ไหนก็ไม่มีใครตอบรับ ตอนนี้พวกเธอจึงกำลังจะกลับไปที่ห้องนอน โดยทั้งสองเดินพร้อมกับกอดกันแน่นเพื่อที่จะได้ลดความกลัวและความกังวลในใจของกันและกันลงบ้างสักนิดก็ยังดี แต่ในเวลานั้นเองที่มีเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังวิ่งลงมาจากบันไดที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และตามมาด้วยร่างของชายหนุ่มผมขาวในชุดโอเวอร์โค้ดสีขาวที่กระโดดลงมาจากบันได*(การกระโดดลงจากบันไดเป็นเรื่องที่อันตรายมากนะจ๊ะอย่าทำตามล่ะ)โดยชายหนุ่มผมขาวนั้นสะพายดาบเล่มใหญ่สีดำที่มีความยาวเกือบเท่าตัวเขาที่มีส่วนสูงถึง180 เซนติเมตร
“ชิโร่!!” ฮินาตะร้องขึ้นด้วยความตกใจที่จู่ๆก็มีคนที่ไม่คาดฝันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเธอ
“ดีกำลังตามหาเลย” ชิโร่พูดขึ้นพร้อมกับวิ่งตรงมาหาเธอแต่จู่ๆเขาก็ต้องหยุดเท้าลงเมื่อเขาสังเกตเห็นเด็กสาวที่ไม่คุ้นตา “นั้นใครน่ะ” เขาถามเสียงเข้ม แววตาของเขาฉายแววน่ากลัวออกมา
“นี่เพื่อนร่วมห้องฉันเอง เธอชื่อว่ามุราคามิ เมกุมิ ไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอกนะ” ฮินาตะรีบตอบกลับทันที เพราะชั่ววินาทีนั้นเองที่เธอรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ชิโร่ไม่เหมือนเดิม ราวกับเขาพร้อมจะใช้ดาบที่สะพายเอาไว้ฟันใส่ทุกอย่างที่น่าสงสัย
“งั้นเมกุมิ ขอถามคำถามซักสองสามข้อแล้วกัน” ชิโร่พูด “พ่อหรือแม่ของเธอไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม” เขาถาม ส่วนเด็กสาวตอบกลับด้วยการส่ายหน้า “ถามอีกข้อ เธอไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม” เขาถามส่วนเด็กสาวเองก็ตอบกลับแบบเดิม “งั้นเหรอ งั้นรีบตามมา” เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“เดี๋ยวๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ” ฮินาตะถามชายหนุ่ม
“เอาเป็นตอนนี้คนที่ตื่นอยู่ได้น่ะ มีแต่ปีศาจ ลูกครึ่งปีศาจ แล้วก็พวกที่มีพังพิเศษแบบพวกเราเท่านั้นล่ะเพราะคนอย่างพวกเรานั้นจะไม่ได้รับผลจากพวกคำสาปใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นนั่นคือเครื่องยืนนยันว่าเด็กคนนั้นเป็นหนึ่งในสามอย่างที่ฉันบอกไปยังไงล่ะ” ชิโร่พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางเมกุมิ ซึ่งเธอที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นไปแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยแล้วความกลัวออกมาเท่านั้น
“ฉัน..... ไม่ใช่ ..... มนุษย์อย่างนั้นเหรอ” เมกุมิพูดเสียงเบากับตัวเอง สีหน้าแสดงความหวาดกลัวออกมา
“ท่าน .... พี่ .... เจ้า ..... ข้า!!!!” เสียงร้องตะโกนของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้น และตามมาด้วยเด็กสาวในชุดเดรสสีฟ้าแขนยาววิ่งลงมาจากบันไดตามมาด้วยเมดหน้าไร้อารมณ์
“ช่างเป็นคนที่ไร้มารยาทจริงๆค่ะคุณหนู สมแล้วที่ชายไม่แล” เมดสาวพูดเสียงเรียบ โดนสีหน้าของเธอนั้นนิ่งและไร้อารมณ์
“หุบปากไปเลยซาช่า!!” เด็กสาวตวาดใส่เมดสาว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่คนอื่นๆตามลงมา
“นี่ บอกฉันหน่อยเถอะ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ” ฮินาตะถาม เพราะเมื่อเธอเห็นทุกคนที่ตามมาอยู่ในชุดที่แปลกตาไป อย่างเหม่ยหลิน ไมยะ นางาโตะนั้นอยู่ในชุดแบบเดียวกับที่เจอกันครั้งแรก หรือเอมิเลียที่อยู่ในชุดกางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตแขนกุด หรือจะเรนะที่อยู่ในร่างพี่สาวแสนสวยแถมเธออยู่ในนชุดโอเวอร์โค้ดสีดำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันแสดงให้เห็นแล้วว่ามันจะต้องอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ
“สรุปแบบสั้นๆง่ายๆเลยนะฮ่า คนธรรมดาทั้งหมดบนเกาะนี้กำลังจะตายกันหมดฮ่า” สาวจีนเหม่ยหลินพูด
“เดี๋ยวสิ คุณเหม่ยหลินหมายความว่ายังไง” เธอถามกลับ
“เอาเป็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เลวร้าย และไม่มีเวลาอธิบายมาก” ชิโร่พูดตัดตอน “ดังนั้นเราเปลี่ยนไปลงลิฟท์กันเถอะ” พูดจบเขาก็ก้มลงหอบหายใจทันที “ให้ตายสิ สงสัยฉันจะแก่แล้วล่ะมั้ง วิ่งลงบันไดแค่นี้ก็เหนื่อยซะแล้ว” ชิโร่พูดกับตัวเอง
“ตกต่ำลงนะ นายน่ะ” เอมิเลียและเรนะพูดออกมาพร้อมกัน
“ท่านพี่ขนาดเวลาหอบยังดูร้อนแรงและเท่เลยนะ” เฮเลน่าพูดด้วยใบหน้าที่เขินอาย
“ช่างเป็นคนที่ไม่เก็บอารมณ์จริงๆ” เมดสาวพูดเสียงเรียบ
“ฮีโร่ของผมตกต่ำลงแล้วสินะ” นางาโตะเสริม
“หยุดพูดได้แล้วน่า ก็คนมันไม่ได้ออกแรงหนักๆมานาน แถมงานที่ทำมีแต่งานเบาๆนี่หว่า” ชิโร่พูดแก้ตัวพร้อมกับเดินตรงไปที่ลิฟท์ตัวที่ใกล้ที่สุด
และเมื่อทุกคนเข้ามาในลิฟท์กันหมดแล้วและกำลังมุ่งหน้าลงไปชั้นล่างสุดอยู่นั้น สายตาของฮินาตะและเมกุมิกำลังจับจ้องไปที่หญิงสาวผู้มีปีกค้างคาวบนหลัง
“แหม่ อย่าจ้องกันแบบนั้นสิคะ เขาอายนะ” หญิงสาวตอบอย่างเขินอาย
“เอลฟาร์ ช่วยเล่าสถานการณ์เสริมให้ฟังหน่อยสิ เราอยากจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูให้มากที่สุด” ชิโร่พูดขึ้น
“รับทราบ ศัตรูที่อยู่ที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาโดยดอคเตอร์พัมพ์กิ้น เขาสร้างทหารขึ้นจากร่างของมนุษย์ที่ตายแล้วน่ะเหมือนกับพวกซอมบี้ แต่พวกนี้มีความรู้สึกนึกคิด แล้วก็ถูกผนึกวิญญาณเอาไว้ในร่าง แต่ในเวลาเดียวกันพวกนั้นก็จะทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่างโดยไม่มีข้อกังขา ส่วนวิธีที่จะกำจัดนั้นก็ไม่ยากเลย แค่ฆ่าพวกนั้นซ้ำอีกรอบก็พอแล้วล่ะ” ซัคคิวบัสสาวพูดอธิบายถึงศัตรูของพวกเขาให้ฟัง “แต่ว่าที่นี่เหมือนจะมีปีศาจอีกสามสี่คนซึ่งฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกนั้นทำอะไรได้บ้างแต่เหมือนว่าจะเป็นพวกเดียวกับดอคเตอร์พัมพ์กิ้นนะ” เธอพูดเสริมแต่ในเวลานั้นเองที่เหมือนเธอจะนึกอะไรออก “ใช่แล้ว เมื่อสามเดือนก่อนดอคเตอร์พัมพ์กิ้นจับตัวผู้หญิงคนหนึ่งมาได้นี่นะ” เธอพูดพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ผู้หญิงเหรอ” ชิโร่ถามกลับด้วยความสงสัย
“อืม เธอรู้สึกจะชื่อเอลร่า สปาด้า อาจจะเป็นคนขององค์กรนายนะ เห็นว่าเธอเป็นผู้มีพลังพิเศษ ดอคเตอร์พัมพ์กิ้นเพิ่งเปลี่ยนเธอเป็นพวกซอมบี้เมื่อไม่กี่วันก่อนน่ะ มันน่ากลัวมาก ถึงเสียงร้องโหยหวนมันจะนานไม่ถึงนาทีก็เธอนะ แต่เธอรวมกับเสียงของพวกอุปกรณ์ต่างๆที่เขาใช้รวมกับเสียงกรีดร้องของเธอมันน่าสยดสยองมาก” ซัคคิวบัสสาวพูดพลางตัวสั่นน้อยๆ ส่วนฮินาตะและเมกุมินั้นหน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัว
“บ้าที่สุด!! นี่ฉันออกคำสั่งให้เธอออกไปตายอย่างนั้นเหรอ!!” เรนะตะโกนขึ้นพร้อมกับใช้มือทุบข้างฝาของลิฟท์จุดบุบ ส่วนชิโร่นั้นกลับแค่ยืนนิ่งๆไม่แสดงท่าทีอะไร แต่ถ้ายืนใกล้ๆแบบนี้กลับรู้สึกได้เลยว่าเขาน่ากลัวมากจนกลายเป็นคนละคนกับที่บ้าน ส่วนเอมิเลียที่ตอนนี้แสดงสีหน้าโกรธจัดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเหม่ยหลินนั้นยืนกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดไหซึมออกมา และเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกร่างของคนทั้งสี่ก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เธอชิโร่ที่วิ่งนำกลุ่มไปก่อนนั้นเหวี่ยงดาบที่อยู่กลางหลังออกไปและเพียงเท่านั้นประตูบ้านก็ถูกระเบิดออก และหลังจากนั้นคนทั้งสี่ก็วิ่งหายไปกับกลุ่มควันจากการระเบิดนั้นทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ” ฮินาตะพูด
“ก็เอลร่าเป็นน้องสาวของเอมิเลียน่ะ แล้วก็เป็นลูกศิษย์ของชิโร่ เป็นลูกน้องของเรนะ แล้วก็สนิทกับเหม่ยหลิน มันก็แค่นั้นแหละ” การ์เซียพูดเสียงเรียบ “แล้วก็เป็นคนรักเก่าของฉัน” เขาพูดพร้อมกับออกไปจากลิฟท์ช้าๆ ส่วนไมยะกับนางาโตะนั้นยืนอึ้งไปกับความโกรธของคนสี่คนที่ออกไปก่อนหน้านี้ และก่อนที่ลิฟท์จะปิดนั้นพวกเขาถึงได้สติว่าต้องรีบตามไป แต่เมื่อกำลังเดินตรงไปยังหน้าทางออกพวกเขาก็สัมได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างแรงพร้อมกับเสียงระเบิดที่มาพร้อมกับภาพการระเบิดอย่างรุนแรงที่กำลังมุ่งตรงสู่ใจการส่วนสนุกแห่งนี้
“พวกเธอรอที่นี่ดีกว่านะ เธอด้วยนะเฮเลน่า พวกนั้นสู้กันแบบขาดสติไปแล้ว แบบนี้ได้มีคนเจ็บแน่ เธออยู่ที่นี่ดีกว่า เธอคนเดียวที่จะช่วยรักษาพวกนั้นได้ ให้อยู่ในที่ปลอดภัยน่าจะดีที่สุด ไมยะ นางาโตะ เอลฟาร์ ตามมา” การ์เซียพูดออกคำสั่ง โดยทุกคนพยักหน้าตอบกลับ
..........................................................................................................................................................
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันออกไปได้ซักพักแล้วที่โรงแรมแห่งนี้ก็เหลือเพียงแค่ ฮินาตะ เมกุมิ เฮเลน่าและเมดสาวเท่านั้น โดยที่ขณะที่พวกเธอรออยู่ที่นี่ก็รู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนของการต่อสู้ที่ไกลออกไป ซึ่งบางครั้งอาจได้เห็นการระเบิดของเปลวเพลิงที่น่าหวาดกลัวให้เห็นเป็นระยะๆด้วย
“ทำไมเวลาแบบนี้ เรากลับทำอะไรไม่ได้เลย” ฮินาตะที่นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟารับแขกพูดกับตัวเอง
“เหมือนกับกำลังอยู่ในฝันอย่างนั้นล่ะ” เมกุมิพูด
“นี่แหละความจริง สงครามที่ยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุด” เฮเลน่าพูดพลางยืนกอดอกมองออกไปทางประตูหน้า
“ทำไมเวลาแบบนี้คุณเมดถึงยังสงบใจได้อีกนะ” เมกุมิพูดพลางมองไปยังเมดสาวที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยตั้งแต่มีเหตุการณ์นี้ขึ้น
“ก็ยัยนั่นไม่ใช่มนุษยนี่นะ แต่เป็นเพอร์เฟคท์ดอลล์” เฮเลน่าพูดเสียงเรียบ
“เพอร์เฟคท์ดอลล์” เมกุมิพูดเสียงเบา
“เพอร์เฟคท์ดอลล์เป็นชื่อที่ใช้เรียกตุ๊กตาเวทมนตร์น่ะ โดยเพอร์เฟคท์ดอลล์จะมีนิสัยเป็นของตัวเอง ซึ่งแต่ละตัวจะมีนิสัยแตกต่างกัน โดยพวกเพอร์เฟคท์ดอลล์จะมีชีวิตและรับใช้เจ้านายคนเดียวไปจนกว่าเจ้านายเดิมจะตายโดยแลกกับพลังเวทจากเจ้านายเพื่อเคลื่อนไหว และเมื่อเจ้านายตายลงเพอร์เฟคท์ดอลล์ก็จะหยุดการทำงานและกลับไปเป็นตุ๊กตาธรรมดาเหมือนเดิม แต่ในตอนที่ได้รับพลังเวทจากเจ้านายเพอร์เฟคท์ดอลล์นั้นจะเหมือนมนุษย์ทุกอย่างเลยล่ะนะ แต่จะไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย หิว หรือง่วงนอน นั้นแหละที่แตกต่าง” เฮเลน่าอธิบายให้ทั้งสองฟัง
และในระหว่างที่พวกเธอกำลังนั่งอยู่เงียบๆในโรงแรมเพื่อรอทุกคนอยู่นั้นเองก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น แสงของเหล็กหรืออะไรบางอย่างกำลังครูดไปกับพื้นซึ่งมันมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ ซึ่งมันทำให้สายตาของพวกเธอหันไปทางเดียวกัน และภาพตรงหน้าร่างของชายร่างกายกำยำสูงเกือบสามเมตร ทั่วร่างกายมีรอย:Xหลายแห่ง และเปลือกตาและริมฝีปากของมันนั้นถูกตัดออกไป โดนมันสวมไว้เพียงกางเกงขายาวขาดๆเท่านั้น ส่วนมือทั้งสองของมันนั้นข้างหนึ่งถือดาบคมเดียวเล่มยักษ์ส่วนอีกมือนั้นมีโซ่ยาวใหญ่ที่ปลายด้านหนึ่งมีตะขอติดอยู่ และเมื่อทั้งสามที่เห็นมันเข้าแล้วจึงตัดสินใจรีบวิ่งไปหลบหลังเคาน์เตอร์ต้อนรับของทางโรงแรมก่อนที่มันจะเห็นพวกเธอ
“ซาช่า ออกไปจัดการมันสิ” เฮเลน่ากระซิบกับเมดสาว
“ให้ออกไปสู้กับสิ่งมีชีวิตเหนือความคาดหมายไม่ไหวหรอกค่ะ เพราะดิฉันบอบบางกว่าที่คิด” เมดสาวตอบกลับเสียงเรียบหน้าตาย
“นี่มันเป็นฝันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ฮินาตะพูดเสียงเบากับตัวเอง ส่วนเมกุมินั้นนั่งกอดเข่าตัวสั่นด้วยความกลัว
ส่วนเสียงฝีเท้านั้นกลับมุ่งตรงมาทางพวกเธอไม่ผิดแน่ และเสียงนั้นก็หยุดลงซึ่งมันทำให้พวกเธอแทบจะหยุดหายใจพวกความตื่นเต้นและความกลัวว่ามันรู้ที่ซ่อนของพวกเธอแล้วอย่างนั้นเหรอ แต่แล้วก็มีโซ่ติดตะขอฟาดลงมาที่เคาน์เตอร์ พวกเธอใช้มืออุดปากตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงหลุดออกไป แต่แล้วเคาน์เตอร์กลับถูกตะขอดันเกี่ยวจนหลุดออกไป ทำให้พวกเธอที่นั่งพิงเคาน์เตอร์อยู่หงายหลังล้มลงไม่เป็นท่า เสียงหัวเราะแหบแห้งของมันดังขึ้น
“ไม่นะ!! ไม่นะ!! ฉันจะตายอย่างนั้นเหรอ!! ไม่เอานะ!! คุณแม่ค๊ะ~!!” เมกุมิที่เริ่มสติแตกด้วยความกลัวกรีดร้องออกมาสุดเสียง
และในตอนนั้นเองที่มีร่างของชุดเกราะอัศวินสีขาวปรากฏขึ้นมา ร่างนั้นใช้โล่สีขาวอันใหญ่กระแทกใส่มันจนกระเด็น แต่มันกลับไม่รอช้าใช้โซ่ในมือฟาดใส่ชุดเกราะสีขาวนั้น ส่วนเจ้าชุดเกราะสีขาวเพียงแค่โยกตัวเองหลบเล็กน้อยแล้วพุ่งเข้าใส่มันทันที ชุดเกราะอัศวินสีขาวเหวี่ยงดาบในมือเป็นแนวนอนหมายจะตัดร่างของมันให้ขาดครึ่ง แต่กลับถูกดาบของมันรับเอาไว้ได้ เจ้าชุดเกราะอัศวินจึงใช้ขาถีบมันจนเสียหลักและจึงใช้ดาบในมือฟันร่างของมันจนคาดครึ่งได้สำเร็จ เลือดสีแดงพวยพุ่งออกจากร่างออกมันราวกับน้ำพุย้อมชุดเกราะสีขาวจนกลายเป็นสีเลือด เจ้าชุดเกราะอัศวินหันมามองเมกุมิที่มองมาทางมัน มันเพียงโค้งให้เธอน้อยๆแล้วสลายกลายเป็นละอองแสงแล้วสลายหายไป
“อะไรน่ะ” ฮินาตะพูดออกมาเสียงเบา
“มีประโยชน์กว่าดิฉันอีกค่ะ” เมดสาวพูดเสียงเรียบหน้าตาย
“เป็นไปไม่ได้น่า” เมกุมิพูดเสียงสั่น
“อะไรเหรอเมกุมิ” ฮินาตะถามเพื่อนสาวของเธอ
“เมื่อกี้มันเป็นอัศวินในหนังสือภาพที่แม่ของฉันเคยวาดให้ฉันตอนเด็กๆก่อนที่ท่านจะเสียไปน่ะ” เมกุมิพูดเสียงสั่น “ตอนนั้นฉันนึกถึงแม่ของฉันขึ้นมา แล้วก็คิดว่าจะใครก็ได้ช่วยฉันที แล้วก็ .......” เมกุมิตอนนี้ดูแล้วเหมือนกำลังสับสนกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
“ความสามารถพิเศษหายากน่ะ ตอนนี้ทั้งองค์กรก็มีแค่สองคน ความสามารถในการสร้างสิ่งที่อยู่ในจินตนาการให้เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงยังไงล่ะ” เฮเลน่าพูดขึ้นพร้อมกับมองมายังเด็กสาวที่กำลังสับสนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“สุดยอดเลยเมกุมิ” ฮินาตะพูดพร้อมกับกระโจนเข้าใส่เพื่อนของเธอด้วยความดีใจ แต่ในวินาทีนั้นเองที่อีกครึ่งร่างของมันที่ถูกตัดขาดกระโจนเข้าใส่ทั้งสองที่กำลังกอดกันอยู่
“กรี๊ด~!!” ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน แต่ร่างของมันกับกระแทกเข้ากับแผ่นกระดาษสีขาวจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาเป็นกำแพงให้ทั้งสอง
“ด้วยความยุติธรรม!!” เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้น
“ด้วยความรัก!!” และตามมาด้วยเสียงของเด็กสาวอีกคน
“พวกเราจะขอลงทัณฑ์แกเอง!!” และเสียงของทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน “สองพี่น้องไซโต้ปรากฏกาย!!” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน และเมื่อสามสาวหันไปมองทางต้นเสียงก็พบกับเด็กสาวในชุดเสื้อแขนกุดสีดำและกระโปรงสีดำกับเด็กสาวในชุดโกธิคโลลิต้าดูน่ารักกำลังโพสท่าราวกับพวกเธอเป็นมาสไรเดอร์อะไรซักอย่าง แถมที่มันทำให้ทั้งสามนั่งอึ้งคือด้านหลังของพวกเธอมีวิทยุแบบพกพาที่กำลังเปิดเพลงในจังหวะร้อนแรงไปด้วย แบบนี้มันขาดแค่ฉากแปลงร่างชัดๆเลย
“เอาล่ะ มิโอะไปกันเลย” เด็กสาวในชุดแขนกุดพูดพร้อมกับออกวิ่งนำออกมา
“เข้าใจแล้วค่ะท่านพี่ชิโอริ!!” เธอพูดพร้อมกับออกวิ่งตามออกมา
“วิญญาณร้าย!!” เด็กสาวที่ชื่อชิโอริพูดขึ้น
“จงพินาศ!!” เด็กสาวอีกคนที่ชื่อมิโอะพูดเสริม
“ทัณฑ์สวรรค์!!” ทั้งสองตะโกนขึ้นพร้อมกับกระโดดเข้าเตะร่างของมันที่เหลือเพียงครึ่งเดียว แต่ผลที่เกิดขึ้นมันกลับไม่น่าเชื่อ ร่างของมันลุกไหม้และสลายไปอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะทุกท่าน เราขอตัว!!” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วๆ
..........................................................................................................................................................
และทางด้านของพวกชิโร่นั้นกลับมีสถานการณ์ที่เลวร้ายมากกว่าทางพวกฮินาตะ มันดูราวกับนรกบนดิน ซากศพของพวกซอมบี้ที่ถูกสร้างขึ้นมานอนแน่นิ่งเกลื่อนกลาดไปหมด รอบๆนั้นเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ร้อนแรงและบ้าคลั่ง
ร่างของชิโร่ซึ่งตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดจนเสื้อสีขาวของเขาชุ่มไปด้วยเลือดสีแดง ดาบเล่มใหญ่สีดำที่เขาสะพายมานั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือด เขาเหวี่ยงดาบผ่าร่างของเจ้าซอมบี้ตรงหน้าที่วิ่งเข้ามาหาเขาหมายจะใช้มีดในมือแทงเขา และในขณะที่ตัวดาบปักอยู่ที่พื้นก็มีร่างของซอมบี้อีกตัวเข้ามาโจมตีเขาจากด้านหลัง ชิโร่เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วและอ้อมไปด้านหลังของมันและใช้มือทั้งสองคว้าแขนของมันดึงมาด้านหลังและใช้เท้ายันไปที่หลังของมันและดึงจนสุดแรงและสิ่งที่เกิดขึ้นคือแขนทั้งสองของมันหลุดออกมาจากร่างกายทันที เลือดสดๆพุ่งออกมาจากปากแผลพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน ส่วนชิโร่นั้นก็ไม่รอช้าเขาคว้าส่วนหัวของมันและออกแรงหักคอของมันก่อนที่ร่างมันจะตกลงพื้น
“มาไม่หมดไม่สิ้น” ชิโร่พูดพร้อมกับมองไปยังตรงกลางของสวนสนุก ซึ่งพวกเขามาได้เกินครึ่งทางแล้วและตอนนี้ก็ไม่สามารถไปต่อได้เพราะกองทัพซอมบี้พวกนี้
“อั๊วจะฆ่ามันให้ได้ ไอ้เจ้าพัมพ์กิ้น!!” เหม่ยหลินพูดพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของเจ้า
ซอมบี้ที่โชคร้ายจนคอหักคามือแล้วเหวี่ยงซากร่างของมันออกไปและต่อด้วยร่างลูกไฟขึ้นมาบนอีกมือและซัดมันออกไปใส่พวกซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้า
“พี่จะไปล้างแค้นให้เธอเองไม่ต้องห่วงนะ” เอมิเลียที่ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องล้างแค้นจนหน้ามืดไปหมดนั้นกำลังเดินตรงไปด้านหน้าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องของพวกซอมบี้แม้แต่น้อย พร้อมตัวไหนเข้าใกล้เธอจะถูกหอกน้ำแข็งทิ่มแทงจนร่างพรุนไม่มีชิ้นดี
“อย่ามาขวางน่า ไอ้พวกกระจอก!!” เรนะคำรามออกมาโดยทุกตัวที่เข้าใกล้เธอจะถูกสิ่งที่มีลักษณะเหมือนผ้าผืนเล็กๆจำนวนมากที่ออกมาจากแขนเสื้อของเธอตัดร่างจนขาดกระจุย
“ไม่เคยเห็นะไรแบบนี้เลย” นางาโตะพูดระหว่างเดินทิ้งระยะห่างจากทั้งสี่
“น่ากลัวจังเลยค่ะ” ไมยะเสริม
“ไม่ต้องคิดเข้าไปร่วมกับพวกนั้นหรอกนะ เก็บแรงเอาไว้ ให้พวกเขาถล่มมันกันเองดีแล้วล่ะ” การ์เซียพูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขานั้นฉายแววโกรธแค้นไม่น้อย เพราะสำหรับเขาแล้วเอลร่าซึ่งเป็นอดีตคนรักนั้นถึงจะเลิกลากันไปแล้วแต่ทั้งสองคนก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอมา
“ว๊าว!! พวกคุณเนี่ยเล่นกันแรงจังเลยนะครับ!!” เสียงแหลมสูงของชายคนนึ่งดังขึ้นจากบนฟ้าซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พวกซอมบี้หนีไปจากที่นั่น ภาพตรงหน้าของพวกเขาคือร่างของตัวตลกที่มีร่างกายผอมแห้งคนหนึ่ง ในมือของเขาถือเคียวเล่มยักษ์ที่มีหน้าตาชวนสยองเอาไว้
“สายัณห์สวัสทุกท่าน กระผมมีนามว่าโจ๊กเกอร์ เป็นผู้ช่วยของดอคเตอร์พัมพ์กิ้น” เขาพูดแนะนำตัวเองพร้อมกับโค้งให้พวกชิโร่ โดยข้างของเขานั้นมีร่างของใคครบางคนที่ซ่อนใบหน้าและร่างกายเอาไว้ภายใต้ผ้าคลุมเก่าๆสีน้ำตาล
“แกเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยสินะ!!” เสียงเย็นของการ์เซียดังขึ้นก่อนที่ทุกคนจะเปิดปาก เขาแสดงท่าทีโกรธจัดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เหตุการณ์นั้น?” โจ๊กเกอร์ถามกลับ
“ตอนที่พวกแกจับผู้มีพลังพิเศษที่ชื่อเอลร่ามาทดลองยังไงล่ะ!!” เขาคำราม
“อ่อ เรื่องนั้นน่ะเอง!!” มันพูดพร้อมกับแสดงท่าทางเหมือนเพิ่งนึกออก “มันวิเศษมากเลยล่ะครับ ยัยนั้นกรีดร้องได้ดังสะใจมาก ตอนที่ใช้มีดผ่าท้องของยัยนั้นแล้วควักเอาเครื่องใจออกมา หรือจะตอนตัดมือตัดเท้า ยัยนั้นร้องว่า พี่ขาช่วยด้วยๆ หรือไม่ก็การ์เซียช่วยฉันด้วย แล้วยิ่งตอนเจาะกระโหลกเนี่ยสุดๆไปเลยครับเสียงกรีดร้อง แถมประโยคสุดท้ายก่อนตายเนี่ยเล่นเอาผมขำไปหลายชั่วโมงเลย เอ่อ มันว่ายังไงน้า อ่อ การ์เซียช่วยฉันด้วย ฉันรักนายนะ” มันว่างั้นล่ะครับ เจ้าตัวตลกพูดจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เอมิเลียที่ได้ยินประโยคเหล่านั้นกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งแต่ถูกชิโร่ล็อคร่างเอาไว้ เพราะถ้าบุกเข้าไปไม่ดูหน้าดูหลังอาจเสียท่าได้ แต่ไม่ต้องถึงมือเอมิเลียเลยแม้แต่น้อยเพราะจู่ๆร่างของการ์เซียก็ไปปรากฏตรงหน้าของมัน ในมือของเขามีอาวุธที่มีหน้าตาเหมือนกับบูมเมอแรงขนาดยักษ์ทำจากเหล็ก ที่ปลายทั้งสองด้านมีที่จับขนาดเหมาะมืออยู่ เขาใช้มันฟาดใส่เจ้าตัวตลกตรงหน้าแต่มันกลับใช้ด้ามเคียวรับเอาไว้ ส่วนอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าตัวตลกนั้นก็ถูกการ์เซียถีบอย่างแรงจนกระเด็นออกไป เจ้าตัวตลกใช้เคียวปัดร่างของเขากระเด็นตกลงมายังพื้น แล้วมันจึงพุ่งไปอยู่ข้างๆร่างของคนสวนผ้าคลุม
“ฮ่าๆๆๆ ความสามารถน่าสนใจมากครับ เทเลพอร์ตสินะครับ” เจ้าตัวตลกพูดพร้อมกับค่อยๆดึงผ้าคลุมของคนที่ยืนอยู่ข้างๆออก และเผยให้เห็นร่างของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองยาวถึงเอวและดวงตาสีฟ้าในชุดเสื้อเชิ้ตแขนกุดกับกางเกงขายาว ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์และดวงตาที่ดูเลื่อนลอยไร้อารมณ์ และมันเป็นเวลาที่คนห้าคนแทบหยุดหายใจ ใบหน้าที่คุ้นเคยของหญิงสาวตรงหน้า
“เอลร่า” เอมิเลียพูดเบาๆ
“คิดถึงกันอย่างนั้นเหรอครับ” เจ้าตัวตลกพูดพร้อมกับโอบร่างของเธอเอาไว้และใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อของเธอและค่อยๆประกบริมฝีปากกับเธอช้าๆ
“หยุดนะโว๊ย!!” การ์เซียตะโกนขึ้นพร้อมกับเทเลพอร์ตไปด้านหน้าของมันและใช้บูมเมอร์แรงยักษ์ฟาดใส่เจ้าตัวตลกอย่างรวดเร็วจนมันตั้งตัวไม่ทันและถูกฟาดจนตกลงมาประแทกพื้นอย่างแรง
“666 ฆ่าพวกมันซะ!!” เสียงของเจ้าตัวตลกดังขึ้น และนั้นทำให้ร่างของเอลร่าพุ่งเข้าโจมตีพวกชิโร่ทันที แต่ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้ามาถึงตัวก็ถูกฝ่ามือของเหม่ยหลินกระแทกของที่ท้องจนกระเด็นออกไป
“พวกลื้อไปซะ ไปจัดการกับเจ้าตัวการ ที่นี่อั๊วจัดการเอง” เหม่ยหลินพูดพร้อมกับเริ่มตั้งท่าแบบมวยจีน
“อย่านะเหม่ยหลิน ทำร้ายเอลร่าไม่ได้นะ นั้นน้องสาวฉันนะ” เอมิเลียพูดพร้อมกับพยายามจะเข้าไปห้าม
“ขอโทษนะ!!” ชิโร่ตะโกนขึ้นพร้อมกับใช้สันมือฟาดไปที่ต้นคอของเธออย่างแรงจนหมดสติไป “เหม่ยหลิน ฉันขอร้อง ช่วยส่งวิญญาณของเธอให้ไปอย่างสงบทีเถอะ” ชิโร่พูดพร้อมกับอุ้มร่างของเอมิเลียขึ้นพาดบ่าแล้ววิ่งตรงไปยังจุดหมายต่อทันที โดยมีเรนะที่แค่วิ่งตามไปเงียบๆไม่พูดอะไร แต่ถ้ามองดูดีๆแล้วเธอกำลังร้องไห้อยู่ไม่ผิดแน่ ส่วนพวกไมยะกับนางาโตะนั้นก็รีบวิ่งตามไปติดๆ
เอลร่าที่ค่อยๆลุกขึ้นนั้นพอเห็นว่าพวกชิโร่กำลังจะหนีไปจึงรีบพุ่งเข้าไปหมายจะโจมตีแต่กลับถูกเปลวเพลิงพุ่งเข้ามาขวางด้านหน้าเอาไว้
“คู่ต่อสู้ของลื้อคืออั๊วนะ เอลร่า อยากจะไปก็ฆ่าอั๊วซะก่อนแล้วค่อยตามไปสิ” เหม่ยหลินพูดเสียงเ:X้ยม
และทางด้านการ์เซียนั้น เขากำลังเดินย่างสามขุมเข้าไปหาเจ้าตัวตลกอย่างช้าๆ
“คุณเนี่ย น่ากลัวจริงๆเลยนะครับ” เจ้าตัวตลกพูดพลางยืนขึ้น
“ฆ่า ต้องฆ่า ฉันต้องฆ่าแกให้ได้!!” การ์เซียคำรามพร้อมกับเหวี่ยงบูมเมอแรงในมือออกไปสุดแรง
Demon Slayer ตอนที่4