วันที่ 18 เดือน 4 ปี พ.ศ. 2567
เผอิญว่าวันนี้เกิดเรื่องเรื่องขึ้นนิดหน่อยในตอนเช้าหลังตื่นนอน ผมไม่พบหัวหน้าหมู่บ้านภายในบ้านนอกจากภรรยาของแกซึ่งเธอบอกกับผมว่าหากวันนี้จะออกไปข้างนอกก็ขอให้ซ้อนตัวของมอสเอาไว้ภายในบ้านหรือทางที่ดีคือผมเองก็อย่าออกไปด้วย เพราะวันนี้มีคณะเดินทางของดิออเดอร์เข้ามาภายในหมู่บ้านซึ่งเธอนั้นพูดด้วยอาการสั่นเทาอยู่นิดๆ แน่นอนว่าผมรู้จักพวกนั้นจากข้อมูลที่ผมได้มาจากหนังสือ ดิออเดอร์ คือ ศาสนจักรที่บูชาพระเจ้า เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลต่อความคิดและวัฒนธรรมของโลกคำสอนของดิออเดอร์นั้นสอนถึงวิถีที่มนุษย์ควรเป็น ชีวิตที่เรียบง่ายและไม่หมกมุ่นในความสุขและความปรารถนานั้นนับเป็นชีวิตที่ถูกต้องตามหลักของดิออเดอร์ฉะนั้น ดิออเดอร์จึงเห็นสัตว์ประหลาดที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความสุขเป็นศัตรู เปรียบเสมือนความชั่วร้าย และสอนผู้คนเช่นที่กล่าวมาทำให้มนุษย์จำนวนมากยังคงเป็นศัตรูของมอนสเตอร์ และแน่นอนว่าหากรู้ว่ามนุษย์คนไหนมีความสัมพันธ์กับมอนสเตอร์โดยไม่ว่าจะเหตุผลใดก็จะต้องถูกกำจัดทิ้ง พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือพวกเคล้งศาสนานั้นแหละ แน่นอนผมนั้นอยากรู้อยากเห็น จึงออกไปดูโดยบอกให้มอสซ่อนตัวรออยู่ในบ้าน เมื่อออกจากบ้านก็เห็นกลุ่มคนมุงกันอยู่ที่ลานกว้างกลางหมู่บ้านก็งงว่าไม่ได้อยู่ที่บาร์เหล้าตามที่ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านบอกเหรอซึ่งพอผมเข้าไปร่วมวงก็พบกับคำตอบ นั้นเพราะคณะของดิออเดอร์นั้นได้จับกุมเหล่าคนในครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งเอาไว้ซึ่งประกอบไปด้วยพ่อและแม่กับลูกสาวที่เป็นแวร์ชิฟนั้นเองแน่นอนว่าผมรู้จักครอบครัวนี้เพราะคนที่เป็นพ่อนั้นก็คือเจ้าของฟาร์มแวร์ชิฟที่ผมไปช่วยงานเมื่อวานซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้าไม่ต้องสงสัยเลยว่าครอบครัวนี้ต้องโดยสังหารประจาน เพื่อเป็นตัวอย่างของคนที่ขัดต่อหลักคำสอนของพวกมันหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านคนอื่นๆก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้เลยแน่นอนว่าจะให้สู้ได้ยังไง ชาวบ้านธรรมดาๆกับทหารที่ถูกฝึกฝนฝีมือมาจากศาสนจักรนักเดินทางที่ผ่านหมู่บ้านนี้เองก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงด้วยเช่นกัน ฉะนั้นผมจึงต้องเสนอตัวโดยทันทีที่คมดาบของคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าคณะกำลังจะฟันคมดาบเข้าตัดคอของคนที่เป็นพ่อผมก็โผล่เข้าไปใช้มือเข้ากำดาบเอาไว้ดูเหมือนพวกมันและคนในหมู่บ้านจะตกใจมากที่มีคนเข้ามาขวางแถมยังใช้มือเปล่าๆรับคมดาบเอาไว้ด้วย ผมไม่คิดอะไรจะพูดพร่ำทำเพลงใดๆให้เสียเวลาแม้แต่นิดและก็ไม่คิดจะฟังมันบ่นอะไรด้วยผมจึงเตะเสยคางหัวหน้าของพวกมันจนปลิวลอยหายขึ้นไปบนฟ้าทันที ก่อนจะส่งพวกลูกน้องที่เหลือขึ้นไปหาพระเจ้าตามหัวหน้าของพวกมันไปขอบอกเลยว่าพวกมันอืดมากๆเพราะเอาแต่ยืนงงแต่ก็ยินดีกับพวกมันด้วยเช่นกันที่มันได้เป็นพวกแรกที่ประเดิมกำลังที่เหนือมนุษย์ของผมแม้มันจะไม่ถึงครึ่งของกำลังผมก็ตาม ชาวบ้านเองหลังจากที่เห็นเหตุการณ์ก็เงียบไปด้วยความงงก่อนจะส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างดีใจพ่อแม่ลูกเองก็ลุกขึ้นกอดกันอย่างมีความสุข ต่อด้วยชาวบ้านพากันฉลองอีกครั้งไม่รู้ว่ารวยกันมาจากไหนแต่ก็ช่างเถอะ ถือเป็นลาภปากหัวหน้าหมู่บ้านเองก็ขอบคุณผมเป็นอย่างมาก แต่แกก็สงสัยว่าผมใช่มนุษย์แน่นะผมก็ตอบว่าใช่ 100% ซึ่งดูเหมือนว่าแกจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่ จริงๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันนั้นแหละว่าผมมีกำลังมหาศาลอย่างนี้ได้ยังไงก็มันมีมาแต่เกิดนี่ พ่อกับแม่จริงๆก็ตายไปแล้วคนที่เลี้ยงผมมาจนโตก็เป็นคุณลุงกับคุณป้านั่นแหละ(แต่ก็เรียกแกทั้งสองว่าพ่อกับแม่น่ะนะ)แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เทียมทาน เพราะหากโดนลอบโจมตีแบบกรณีของมอสก็เป็นอีกเรื่องสุดท้ายในวันนี้ช่วงหลังงานเลี้ยงผมก็ไปทำงานเรียนรู้สิ่งต่างๆและรับค่าแรง(อย่างเกรงใจ)เช่นเดิมซึ่งหลังจากเสร็จกิจทุกอย่างในวันนี้แล้วผมจึงตัดสินใจว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้เลย จะจัดเตรียมกระเป๋าทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมเสร็จสรรพเอาล่ะ วันนี้คงจะพอแล้ว ผมขอไปสุขอุรา เล่น*censor*กับมอสต่อล่ะนะ จะว่าไปผมเริ่มสังเกตเห็นรอยสักแปลกๆสีม่วงที่ปรากฏขึ้นบนแขนซ้ายของมอสด้วยไม่รู้ว่าไปสักมาเมื่อตอนไหน แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะผมรู้สึกเหมือนว่าเธอจะสวยขึ้นกว่าปกติเสียด้วยสิสงสัยคืนนี้คงต้องจัด*censor*เอาแบบให้เธอคลั่งไปซะเลย ฮึๆๆๆ
(18+)บันทึกการเดินทางของนายสีชาด 04