วันที่ 23 เดือน 5 ปี พ.ศ. 2567
ในเช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาและพบว่ากำลังถูกออร์คสาวนั้นขึ้นค่อม*censor*อย่างหื่นกระหายแถมบาดแผลของเธอนั้นยังหายสนิทหมดจรดแล้วด้วย แน่นอนว่าเธอเล่นปลุกผมแบบนี้ผมจึง*censor*สู้เธอไป จนเธอนั้นหงายนิ่งหอบอย่างเปลี่ยมสุขไปเลยหลังจากนั้นผมกับสาวๆของผมจึงถามความเป็นมาว่าเธอไปนอนบาดเจ็บในป่าได้ยังไงซึ่งเธอก็บอกว่าห่างไปไม่ไกลจากจุดที่ผมตั้งเต็นท์มากนัก มีหมู่บ้านของออร์คอยู่แต่เมื่อวานนี้ในช่วงเช้าที่เหล่าออร์คนั้นยังคงหลับกันอยู่ก็ถูกมนุษย์กลุ่มหนึ่งโจมตีอย่างกะทันหันเธอไม่รู้ว่ากลุ่มที่เข้าโจมตีหมู่บ้านของเธอเป็นใคร แต่ออร์คและมนุษย์ที่อาศัยภายในหมู่บ้านทั้งหมดถูกสังหารอย่างไม่ปราณีซึ่งเมือเธอบอกลักษณะชุดเกราะและการแต่งกาย ผมรู้โดยทันทีว่าพวกมันคือดิออเดอร์ตอนนี้ผมรู้สึกจะเกลียดพวกมันจนเข้าไส้ซะแล้วสิ ติดอยู่ที่ไม่ชอบเหมาร่วมว่าพวกมันทั้งหมดเลวไม่อย่างนั้นผมคงจะเปลี่ยนแผนไปล้างบางพวกมันให้หมดเสียก่อนเป็นแน่ แต่ที่รู้แน่ๆคือหากพวกดิออเดอร์นั้นมาปรากฏใกล้ๆนี้ก็เป็นไปได้ว่าที่เมืองชายแดนที่หุบเขาซึ่งผมกำลังมุ่งหน้าไปต้องมีการเตรียมกำลังพลเพื่อทำสงครามแน่ๆและผมอาจจะได้เจอพวกระดับแม่ทัพนายกองอย่างไปต้องคิด เอาเถอะจะมีสักกี่คนผมก็จะส่งพวกมันไปหาพระเจ้าให้หมดนั้นล่ะผมจึงสัญญาว่าจะแก้แค้นให้กับเธอ เธอจึงร้องขอบคุณอย่างสุดซึ่งและโผเข้ากอดผมก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลอเคลียปลุกอารมณ์เสือ เฮอๆขนาดเพิ่งจะเสร็จกันไปหยกๆยังจะมีอารมณ์อยาก*censor*กันอีกนะคุณเธอ สมแล้วที่ในหนังสือนั้นบอกว่าเผ่าออร์คนั้นถือเป็นหนึ่งในเผ่าที่หื่นจัดแต่ผมก็ต้องปฏิเสธเธอซะก่อนเพราะยังคงต้องออกเดินทาง ซึ่งออร์คก็ฟังผมง่ายๆเพราะมองว่าผมเป็นนายของเธอแล้วและเธอก็อาสานำทางด้วยตัวเธอเองที่นี่เป็นถิ่นของเธอ เราออกเดินทางกันในช่วงเกือบเที้ยงวันและเข้าไปในเส้นทางของหุบเขาซึ่งพิงค์(ชื่อของออร์คสาวที่ผมเรียก)นั้นพาพวกเราเข้ามาถึงเมืองด้วยทางลับที่มอนสเตอร์หลายตัวใช้กันเนื่องจากทางเข้าหลักนั้นถูกพวกดิออเดอร์คุ้มกันเอาไว้ ทานุกิไม่ลืมที่จะใช้เวทย์บินเบือนลักษณ์เพื่อปลอมตัวพวกเราเพื่อที่จะให้เวลาเข้าไปในเมืองสามารถเดินไปมาได้สะดวกขึ้นเรามาโผล่ภายในส่วนของบาร์เหล้าในตัวเมืองซึ่งบาร์เหล้านั้นมีชายที่มีภรรยาเป็นมอนสเตอร์ดูแลอยู่และบาร์แห่งนี้ยังเปิดเป็นโรงแรมให้เช่าในตัวด้วยเราจึงเช่าห้องทิ้งเอาไว้และก็ให้สาวๆซ้อนตัวอยู่ข้างในเสียก่อน ส่วนผมก็ออกไปหาข่าวและสำรวจเมืองเมืองๆอยู่ภายใต้หุบเขา ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่เนินเขาสูงมีเพียงทางเข้าเมืองและสะพานข้ามชายแดนที่เป็นข้ามเหวลึกเท่านั้นที่จะสามารถเข้าออกเมืองไดโดยปกติซึ่งหากข้ามไปยังอีกฝังของสะพานนั้นก็จะนับว่าเข้าไปในเขตแดนของปีศาจทันทีเพราะมองไปบนท้องฟ้าที่ยังไม่มืดมากจนยังพอเห็นเมฆที่บดบังท้องฟ้าในฝังแดนปีศาจได้อย่างชัดเจนโดยอีกฝังจากที่ผมมองนั้นทางฝังแดนปีศาจเองก็จะเป็นเมืองขนาดเล็กที่มีปราสาทขนาดยักษ์ทรงยุโรปสูงเป็นศูนย์กลางของเมืองล้อมเอาไว้ด้วยป่าทึบสีดำม่วง ซึ่งผมสังเกตเห็นมอนสเตอร์หลายตัวบินไปมาจากระยะไกลแต่ก็มองไม่ชัดจึงไม่ทราบว่าเป็นมอนสเตอร์อะไรบ้างแต่ผมก็ยังไมใส่ใจทางฝ่ายตรงข้ามมากนักเพราะผมกะจะล้างบางพวกดิออเดอร์ในเมืองนี้ให้หมดเสียก่อนส่วนในเขตปีศาจนั้นค่อยเอาไว้ว่ากันทีหลัง ทางเมืองด้านนี้เองต้นไม้ที่อยู่ในเขตนี้ยังคงความเป็นสีเขียวอยู่ท้องฟ้ายังไม่โดนเมฆปกคลุม ที่ลานกว้างของเมืองนั้นมีการให้ปราศรัยอยู่ ซึ่งมีทหารนับพันยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบโดยผมเห็นว่าพวกนั้นจับพวกออร์คกลุ่มหนึ่งมัดเอาไว้บนเวทีปราศัยผมก็จึงรู้ได้ว่าน่าจะเป็นพวกออร์คที่หมู่บ้านของพิงค์แน่ๆ แต่การเล่าเรื่องที่ผมได้ยินนั้นเป็นไปคนละแบบกับที่พิงค์เล่าโดยสิ้นเชิงเพราะจากที่คนเป็นดิออเดอร์ที่น่าจะเป็นระดับผู้นำเล่าปลุกระดมนั้นกล่าวว่าพวกออร์คนั้นโจมตีพวกตนที่กำลังเดินทางอย่างดุร้ายแล้วป่าเถื่อนพร้อมกับสังหารพวกตนไปจำนวนมากและเมื่อจบคำพูดพวกมันก็ให้คนที่ถือปืนนกสับยิ่งปลิดชีวิตพวกออร์คทันทีพร้อมเสียงเฮของพวกทหารซึ่งมันทำให้เส้นความโกรธของผมขาดไปในทันที ตามจริงก็กะว่าจะเอาไว้จัดการในวันพรุ่งนี้อยู่หรอกแต่ผมคงจะเก็บพวกมันเอาไว้ไม่ได้แล้ว แถมโอกาสที่พวกมันจะมารวมตัวกันในที่โล่งแบบนี้คงจะหาได้ยากผมก็จึงอาระวาททำลายทั้งกองทัพพวกมันอย่างไม่ปราณีให้มันได้รับบทเรียนเหมือนกับที่มันทำกับเหล่ามอนสเตอร์ซะ ซึ่งทุกอย่างนั้นจบลงอย่างรวดเร็วไม่ถึง3 นาทีพวกระดับลูกน้องนั้นผมไม่สนมากเท่าไหร่นักว่าจะรอดหรืออยู่ แต่ระดับหัวหน้าหรือแม่ทัพนายกองนั้นผมจัดการสงพวกมันลงก้นเหวไปหมดทุกคนแทนที่จะใช้วิธีเดินที่ผมชอบทำ ส่วนพวกระดับลูกน้องคนไหนที่ยังกล้าวิ่งเข้าหาผมก็จัดการอัดมันจนล้มลงไปกองกับพื้น อย่างที่เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ผมไม่สนว่าพวกเข้าจะทนแรงหมัดของผมได้หรือไม่แต่ผมก็เพลามือที่สุดแล้วเท่าที่ผมจะทำได้ ฉะนั้น ถ้าพวกมันตายก็ไม่สนแล้วซึ่งเพียงแค่พักเดียวก็ไม่มีใครกล้าที่จะวิ่งเข้าหาผมอีกนอกจากสีหน้าที่มีแต่ความหวาดกลัวมองมายังทางผมผมจึงร้องเตือนพวกมันว่าให้พวกดิออเดอร์ทั้งหมดนั้นถอนกำลังออกจากเมืองแห่งนี้ซะหากผมยังเจอใครที่เป็นพวกมันอยู่ในเมืองหรือเมืองและหมู่บ้านรอบๆใกล้เคียงผมจะสังหารพวกมันอย่างไร้ความปราณีเหมือนกับที่มันทำกับพวกออร์คแน่นอนว่ามีหนูลองยาให้พวกมันเห็นนับเกือบร้อยแล้วพวกมันจึงถอยหนีไปหมดอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล สรุปผล ผมใช้เวลาเพียงแค่ 7 นาทีเศษเท่านั้นในการทำลายทัพของพวกมัน ผมใช้เวลาอีกตลอดนับชั่วโมงเดินสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีพวกดิออเดอร์หลงเหลืออยู่ในเมืองแน่แล้วซึ่งก็ไม่เหลือเจ้าพวกนั้นอยู่เลยจริงๆ ผมจึงกลับไปที่โรงแรม และได้ทราบว่าพวกสาวๆของผมเองนั้นได้ไปเห็นเหตุการณ์สังหารหมู่ของผมดูพวกเธอจะรู้สึกเหมือนกลัวผมนิดๆ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่กลัวนี่สิแปลกผมจึงขอเช่าห้องอีกห้องเพื่อต้องการอยู่เงียบๆคนเดียว เฮ่อดันปล่อยตัวไปตามความโกรธอีกจนได้ ดูเหมือนผมต้องปรับปรุงตัวอีกเยอะ
ในเช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาและพบว่ากำลังถูกออร์คสาวนั้นขึ้นค่อม*censor*อย่างหื่นกระหายแถมบาดแผลของเธอนั้นยังหายสนิทหมดจรดแล้วด้วย แน่นอนว่าเธอเล่นปลุกผมแบบนี้ผมจึง*censor*สู้เธอไป จนเธอนั้นหงายนิ่งหอบอย่างเปลี่ยมสุขไปเลยหลังจากนั้นผมกับสาวๆของผมจึงถามความเป็นมาว่าเธอไปนอนบาดเจ็บในป่าได้ยังไงซึ่งเธอก็บอกว่าห่างไปไม่ไกลจากจุดที่ผมตั้งเต็นท์มากนัก มีหมู่บ้านของออร์คอยู่แต่เมื่อวานนี้ในช่วงเช้าที่เหล่าออร์คนั้นยังคงหลับกันอยู่ก็ถูกมนุษย์กลุ่มหนึ่งโจมตีอย่างกะทันหันเธอไม่รู้ว่ากลุ่มที่เข้าโจมตีหมู่บ้านของเธอเป็นใคร แต่ออร์คและมนุษย์ที่อาศัยภายในหมู่บ้านทั้งหมดถูกสังหารอย่างไม่ปราณีซึ่งเมือเธอบอกลักษณะชุดเกราะและการแต่งกาย ผมรู้โดยทันทีว่าพวกมันคือดิออเดอร์ตอนนี้ผมรู้สึกจะเกลียดพวกมันจนเข้าไส้ซะแล้วสิ ติดอยู่ที่ไม่ชอบเหมาร่วมว่าพวกมันทั้งหมดเลวไม่อย่างนั้นผมคงจะเปลี่ยนแผนไปล้างบางพวกมันให้หมดเสียก่อนเป็นแน่ แต่ที่รู้แน่ๆคือหากพวกดิออเดอร์นั้นมาปรากฏใกล้ๆนี้ก็เป็นไปได้ว่าที่เมืองชายแดนที่หุบเขาซึ่งผมกำลังมุ่งหน้าไปต้องมีการเตรียมกำลังพลเพื่อทำสงครามแน่ๆและผมอาจจะได้เจอพวกระดับแม่ทัพนายกองอย่างไปต้องคิด เอาเถอะจะมีสักกี่คนผมก็จะส่งพวกมันไปหาพระเจ้าให้หมดนั้นล่ะผมจึงสัญญาว่าจะแก้แค้นให้กับเธอ เธอจึงร้องขอบคุณอย่างสุดซึ่งและโผเข้ากอดผมก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลอเคลียปลุกอารมณ์เสือ เฮอๆขนาดเพิ่งจะเสร็จกันไปหยกๆยังจะมีอารมณ์อยาก*censor*กันอีกนะคุณเธอ สมแล้วที่ในหนังสือนั้นบอกว่าเผ่าออร์คนั้นถือเป็นหนึ่งในเผ่าที่หื่นจัดแต่ผมก็ต้องปฏิเสธเธอซะก่อนเพราะยังคงต้องออกเดินทาง ซึ่งออร์คก็ฟังผมง่ายๆเพราะมองว่าผมเป็นนายของเธอแล้วและเธอก็อาสานำทางด้วยตัวเธอเองที่นี่เป็นถิ่นของเธอ เราออกเดินทางกันในช่วงเกือบเที้ยงวันและเข้าไปในเส้นทางของหุบเขาซึ่งพิงค์(ชื่อของออร์คสาวที่ผมเรียก)นั้นพาพวกเราเข้ามาถึงเมืองด้วยทางลับที่มอนสเตอร์หลายตัวใช้กันเนื่องจากทางเข้าหลักนั้นถูกพวกดิออเดอร์คุ้มกันเอาไว้ ทานุกิไม่ลืมที่จะใช้เวทย์บินเบือนลักษณ์เพื่อปลอมตัวพวกเราเพื่อที่จะให้เวลาเข้าไปในเมืองสามารถเดินไปมาได้สะดวกขึ้นเรามาโผล่ภายในส่วนของบาร์เหล้าในตัวเมืองซึ่งบาร์เหล้านั้นมีชายที่มีภรรยาเป็นมอนสเตอร์ดูแลอยู่และบาร์แห่งนี้ยังเปิดเป็นโรงแรมให้เช่าในตัวด้วยเราจึงเช่าห้องทิ้งเอาไว้และก็ให้สาวๆซ้อนตัวอยู่ข้างในเสียก่อน ส่วนผมก็ออกไปหาข่าวและสำรวจเมืองเมืองๆอยู่ภายใต้หุบเขา ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่เนินเขาสูงมีเพียงทางเข้าเมืองและสะพานข้ามชายแดนที่เป็นข้ามเหวลึกเท่านั้นที่จะสามารถเข้าออกเมืองไดโดยปกติซึ่งหากข้ามไปยังอีกฝังของสะพานนั้นก็จะนับว่าเข้าไปในเขตแดนของปีศาจทันทีเพราะมองไปบนท้องฟ้าที่ยังไม่มืดมากจนยังพอเห็นเมฆที่บดบังท้องฟ้าในฝังแดนปีศาจได้อย่างชัดเจนโดยอีกฝังจากที่ผมมองนั้นทางฝังแดนปีศาจเองก็จะเป็นเมืองขนาดเล็กที่มีปราสาทขนาดยักษ์ทรงยุโรปสูงเป็นศูนย์กลางของเมืองล้อมเอาไว้ด้วยป่าทึบสีดำม่วง ซึ่งผมสังเกตเห็นมอนสเตอร์หลายตัวบินไปมาจากระยะไกลแต่ก็มองไม่ชัดจึงไม่ทราบว่าเป็นมอนสเตอร์อะไรบ้างแต่ผมก็ยังไมใส่ใจทางฝ่ายตรงข้ามมากนักเพราะผมกะจะล้างบางพวกดิออเดอร์ในเมืองนี้ให้หมดเสียก่อนส่วนในเขตปีศาจนั้นค่อยเอาไว้ว่ากันทีหลัง ทางเมืองด้านนี้เองต้นไม้ที่อยู่ในเขตนี้ยังคงความเป็นสีเขียวอยู่ท้องฟ้ายังไม่โดนเมฆปกคลุม ที่ลานกว้างของเมืองนั้นมีการให้ปราศรัยอยู่ ซึ่งมีทหารนับพันยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบโดยผมเห็นว่าพวกนั้นจับพวกออร์คกลุ่มหนึ่งมัดเอาไว้บนเวทีปราศัยผมก็จึงรู้ได้ว่าน่าจะเป็นพวกออร์คที่หมู่บ้านของพิงค์แน่ๆ แต่การเล่าเรื่องที่ผมได้ยินนั้นเป็นไปคนละแบบกับที่พิงค์เล่าโดยสิ้นเชิงเพราะจากที่คนเป็นดิออเดอร์ที่น่าจะเป็นระดับผู้นำเล่าปลุกระดมนั้นกล่าวว่าพวกออร์คนั้นโจมตีพวกตนที่กำลังเดินทางอย่างดุร้ายแล้วป่าเถื่อนพร้อมกับสังหารพวกตนไปจำนวนมากและเมื่อจบคำพูดพวกมันก็ให้คนที่ถือปืนนกสับยิ่งปลิดชีวิตพวกออร์คทันทีพร้อมเสียงเฮของพวกทหารซึ่งมันทำให้เส้นความโกรธของผมขาดไปในทันที ตามจริงก็กะว่าจะเอาไว้จัดการในวันพรุ่งนี้อยู่หรอกแต่ผมคงจะเก็บพวกมันเอาไว้ไม่ได้แล้ว แถมโอกาสที่พวกมันจะมารวมตัวกันในที่โล่งแบบนี้คงจะหาได้ยากผมก็จึงอาระวาททำลายทั้งกองทัพพวกมันอย่างไม่ปราณีให้มันได้รับบทเรียนเหมือนกับที่มันทำกับเหล่ามอนสเตอร์ซะ ซึ่งทุกอย่างนั้นจบลงอย่างรวดเร็วไม่ถึง3 นาทีพวกระดับลูกน้องนั้นผมไม่สนมากเท่าไหร่นักว่าจะรอดหรืออยู่ แต่ระดับหัวหน้าหรือแม่ทัพนายกองนั้นผมจัดการสงพวกมันลงก้นเหวไปหมดทุกคนแทนที่จะใช้วิธีเดินที่ผมชอบทำ ส่วนพวกระดับลูกน้องคนไหนที่ยังกล้าวิ่งเข้าหาผมก็จัดการอัดมันจนล้มลงไปกองกับพื้น อย่างที่เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ผมไม่สนว่าพวกเข้าจะทนแรงหมัดของผมได้หรือไม่แต่ผมก็เพลามือที่สุดแล้วเท่าที่ผมจะทำได้ ฉะนั้น ถ้าพวกมันตายก็ไม่สนแล้วซึ่งเพียงแค่พักเดียวก็ไม่มีใครกล้าที่จะวิ่งเข้าหาผมอีกนอกจากสีหน้าที่มีแต่ความหวาดกลัวมองมายังทางผมผมจึงร้องเตือนพวกมันว่าให้พวกดิออเดอร์ทั้งหมดนั้นถอนกำลังออกจากเมืองแห่งนี้ซะหากผมยังเจอใครที่เป็นพวกมันอยู่ในเมืองหรือเมืองและหมู่บ้านรอบๆใกล้เคียงผมจะสังหารพวกมันอย่างไร้ความปราณีเหมือนกับที่มันทำกับพวกออร์คแน่นอนว่ามีหนูลองยาให้พวกมันเห็นนับเกือบร้อยแล้วพวกมันจึงถอยหนีไปหมดอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล สรุปผล ผมใช้เวลาเพียงแค่ 7 นาทีเศษเท่านั้นในการทำลายทัพของพวกมัน ผมใช้เวลาอีกตลอดนับชั่วโมงเดินสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีพวกดิออเดอร์หลงเหลืออยู่ในเมืองแน่แล้วซึ่งก็ไม่เหลือเจ้าพวกนั้นอยู่เลยจริงๆ ผมจึงกลับไปที่โรงแรม และได้ทราบว่าพวกสาวๆของผมเองนั้นได้ไปเห็นเหตุการณ์สังหารหมู่ของผมดูพวกเธอจะรู้สึกเหมือนกลัวผมนิดๆ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่กลัวนี่สิแปลกผมจึงขอเช่าห้องอีกห้องเพื่อต้องการอยู่เงียบๆคนเดียว เฮ่อดันปล่อยตัวไปตามความโกรธอีกจนได้ ดูเหมือนผมต้องปรับปรุงตัวอีกเยอะ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย panom555 เมื่อ 2013-3-18 19:57
(18+)บันทึกการเดินทางของนายสีชาด 26