วันที่ 57
เฮ่อเมื่อคืนนี้ผมยังคงต้องรับศึกเช่นเดิมเมื่อเยติสาวเธอเริ่มรุกปลุกอารมณ์ผมโดยใช่ปาก*censor*ผมซึ่งสุดท้ายผมก็อดไม่ไหว จัด*censor*เธอกลับแบบไม่ปราณีอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ไปเลยยังดีที่ผมเป็นพวกฟื้นตัวดีผิดปกติ เพราะโดยปกติผมนอนแค่ 2 ชั่วโมงก็เต็มอิ่มแล้วล่ะฉะนั้น หากนอนนอกจากนั้นก็อาจจะเหนื่อยจริงๆ หรือก็แค่แค่ความขี้เกียจสวนตัวแต่พอจบศึกจากเยติสาวไม่ทันไร ก็มีคนมาเคาะประตูห้องด้วยความรำคาญจากเพราะการเคาะอย่างต่อเนื่องแถมยังดึกอยู่ด้วยผมก็จึงต้องจำใจเดินไปเปิด อืม เสร็จครับ คนที่เคาะนั้นคือมนุษย์หนูยักษ์สาวทั้ง3 พวกเธอจัดการปิดปากลากผมเข้าห้องอย่างรวดเร็ว แน่นอนครับ พวกเธอรุม*censor*อย่างเมามันเลย ส่วนผมเหรอเห็นว่าไหนๆแล้วก็จัดไปอย่างให้เสีย พักนี้เป็นอะไรไม่รู้ ผมชักจะ เออ ครับใช่อย่างที่พวกคุณคิด ผมชักจะ‘หื่น’ขึ้นทุกวัน ยังไงก็ไม่รู้สิแถมเดี๋ยวนี้ก็ชักจะรู้สึกคิดถึงเหล่าสาวๆที่ตามล่าผมขึ้นมาอีกด้วย เอาเถอะอาจจะเป็นแค่ล่ะลึกความเก่าล่ะนะ
เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาและพบกับเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตาของผมมันอาจจะน่าแปลกใจสำหรับหลายๆคน หากว่าคุณตื่นนอนขึ้นมาส่องกระจกและพบว่าตัวเองเป็นโรคตาแดงแถมไม่ใช่ตาแดงธรรมดาเพราะส่วนที่แดงนั้นไม่ใช่ตาขาวแต่เป็นนัยน์ตาที่กลายเป็นสีแดงตอนแรกก็ลองง้างตาเอานิ้วแตะๆดู นึกว่าอาจจะโดนใครเอาคอนแท็คเลนท์มาใส่ให้ตอนหลับแต่ก็ไม่ใช่ สุดท้ายก็ต้องเก็บเอาไว้คิดที่หลัง เพราะสาวใช้มาเคาะประตูห้องเรียกให้ไปทานอาหารเช้าการทานอาหารเช้าในวันนี้เป็นการทานอาหารร่วมกันกับเหล่าองครักษ์และเหล่าเสนาฯซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาจะกล่าวคำขอบคุณผมที่ช่วยเมืองเอาไว้ ส่วนซีเวียนั้นยังคงไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วยผมถามลีล่าก็รู้ว่าซีเวียยังคงเก็บตัวเงียบเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมพูดด้วยหลังอาหารผมก็ขอลีล่าเข้าพบซีเวียซึ่งเมื่อผมเข้าพบกับซีเวียนั้นก็พยายามพูดปลอบเธอซึ่งผมนั้นก็ใช้วิธีการเล่าถึงเรื่องของผมสมัยเด็ก จะว่าไปผมเองก็ยังไม่เคยเขียนเล่าเรื่องของผมตอนเด็กเลยนี่ถือโอกาสเล่าและเป็นแรงใจให้กับคนอ่านก็แล้วกัน ผมนั้นนั้นเกิดมาในช่วงตอนปลายของสงคามโลกครั้งที่3 พ่อของผมนั้นเป็นทหารที่ถูกเกณฑ์เข้ากำลังพลป้องกันชายแดนส่วนแม่เป็นพยาบาลที่เข้าทำงานอยู่ในค่ายพักคนเจ็บ ตอนนั้นผมอายุเพียง 9 ขวบต้นๆกับน้องสาวที่อายุเพียง8 ขวบเศษเองก็อยู่ที่นั้นด้วย ค่ายพักถูกลอบโจมตีกะทันหันผู้คนถูกฆ่าอย่างผักปลาโดยไม่สนใจว่าจะเป็นคนเจ็บหรือหมอกับพยาบาลแม่พาผมกับน้องเข้าไปซ่อนไว้ในตู้นิรภัย ก่อนทุกจะสั่นสะเทือนความรู้สึกในตู้นิรภัยนั้นบอกได้ว่ามันเหมือนกับอยู่ภายในลูกบอลเหล็กที่กลิ่งไปมาสุดท้ายผมกับน้องก็ออกมาจากตู้เมื่อทุกอย่างสงบลง ทุกอย่างที่เห็นเมื่อออกมานอกจากเศษเหล็ก หินและดินแล้ว ทุกอย่างโล่งเตียนไปหมด จากแทบที่เป็นป่าไม้กลายเป็นเหมือนกับแดนทะเลทรายที่ไล่ชีวิต ผลของมันเกิดขึ้นเพราะนิวเคลียร์ต่อมาอีก 3 วัน น้องสาวก็จึงจากไปเพราะไม่อยากเป็นถาระ ที่ทั้งหิวโซ ขาดน้ำ กับทนพิษของกัมมันตภาพรังสีไม่ไหวจนผมต้องแบกเธอตลอดทั้งทางผมจึงเป็นคนเดียวรอดชีวิต บอกได้ว่าผมนั้นพยายามจะฆ่าตัวตายตั้งหลายรอบแต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สำสำเร็จ ใช่ ผมกลายเป็นตัวอะไรแล้วก็ไม่รู้ ณ ตอนนั้นไม่นานนัก ผมก็ถูกพบตัวโดยหน่วยลาดตะเวนและถูกสงเข้าสถานพยาบาลเพื่อตรวจเช็คสภาพของร่างกายน่าแปลกที่หลังการตรวจเช็คนั้นไม่พบอะไรที่ผิดแปลกไปเลย หลังจบการตรวจเช็คร่างกายผมก็จึงถูกส่งเข้าสถานสงเคราะห์ และนั้นก็คือเรื่องราวการสูญเสียของผม บอกตามตรงว่าผมเองก็มีสภาพอดอะไรตายอยากไม่นานจนวันหนึ่งนั้น ผมได้คิดขึ้นมาได้ว่า พ่อกับแม่และน้องสาวที่จากไปแล้วนั้น อยากจะให้ผมตกอยู่ในสภาพเช่นนี้งั้นหรือแล้วที่แม่นั้นอุตส่าห์เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยผมนั้นจะไม่สูญเปล่างั้นหรือน้องสาวที่สละชีวิตของเธอเพราะไม่อยากจะเป็นภาระนั้น อยากให้ผมตายตามเธอไปงั้นหรือพ่อที่เป็นทหารนั้นอยากให้ผมตกอยู่ในสภาพแบบนี้ตลอดทั้งชีวิตงั้นหรือคิดได้เช่นนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะมีชีวิตต่อไป ใช่ครับ สิ่งที่ผมสอนเธอไปนั้นคือจงมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่จากไป อย่างให้พวกเขาที่มองเราอยู่ในโลกหน้าต้องเสียใจน่าแปลกที่เธอดูจะเชื่อในสิ่งที่ผมเล่าอาจจะเป็นเพราะเธอเคยเห็นความสามารถแปลกๆของผม และผมเองก็บอกเธอไปแล้วว่าผมเป็นคนจากต่างโลกในตอนนั้น ในตอนที่ผมเล่าทุกอย่างจบคำตอบที่ผมได้รับนั้นมีเพียงแค่ซีเวียซบอกผมและร้องให้ออกมาเสียดังผมปล่อยให้เธอร้องให้เต็มที่ในตอนนั้น จนเธอพล่อยหลับไปผมก็จึงให้เธอหลับพักผ่อนในห้อง และเมื่อออกจากห้องก็รู้ว่าผมถูกลีล่าดังฟังเธอถามว่าที่ผมเล่ามานั้นจริงรึเปล่า ผมก็ตอบไปว่าที่ผมพูดไปคือความจริงส่วนจะเชื่อหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ ตลอดทั้งวันต่อจากนั้น ผมก็ทำแค่ไปนั่งอยู่บนหลังคายอดปราสาทเหมอคิดถึงเรื่องเก่าๆจนเย็นจึงหาอะไรกินก่อนจะกลับห้องพักและตัดสินใจที่จะบันทึกเรื่องราวลงในสมุดหน้านี้
(18+)บันทึกของนายใบชา 36