Chapter 8 Lost Contact (Part2)
ฮาเรสยังคงอยู่ในระหว่างการเดินทางอยู่เหมือนเดิมหลังจากที่เตรียมอาวุธเพื่อรับมือกับพวกโจร และผู้ก่อการร้ายในเวลาเดียวกันในขณะที่ทางด้านของเคออสก็กำลังใช้เวลาต่อสู้กับพวกหน่วยสังหารที่ทางองค์กรเป็นคนส่งมา
“รายงานสถานการณ์”ฮาเรสกล่าวในวิทยุสื่อสาร หลังจากมีคนส่งสัญญาณวิทยุมาหาเขา
“หัวหน้าครับสถานการณ์ตอนนี้มีพวกที่ไม่ทราบแน่ชัดกำลังบุกเข้ามาคาดว่าหน้าจะเป็นคนของที่ไหนสักแห่งน่ะครับ”ตำรวจหนุ่มวัย 25 กล่าวกับฮาเรสในระหว่างที่กำลังลำเลียงประชาชนออกไปจากพื้นที่
“งั้นเหรอ? ใช่พวกเราหรือเปล่า?”
“คงไม่ใช่นะครับแต่ตอนนี้ดูท่าจะเริ่มเลวร้ายขึ้นแล้วครับ อ้าก!”
“เฮ้..เฮ้!?ตอบฉันด้วยว่าเลวร้ายยังไง!? นายโอเคดีมั้ย?”
เสียงวิทยุขาดหายไปเหลือเพียงแค่เสียงของผู้คนที่กำลังวิ่งหนีอย่างเอาเป็นตายพร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คนที่หวาดกลัวอย่างวิตกกังวล
ความกังวลเริ่มเข้ามาในสมองฮาเรสอีกครั้งตอนนี้เหตุการณ์กลับได้ตาลปัตรไปโดยที่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้เดิมทีตึกร้างแห่งนั้นมักจะเป็นที่สุมหัวของพวกค้ายาเสพติดและคนที่หลบหนีมาอาศัยอยู่เสมอ พวกตำรวจเคยกวาดล้างหลายครั้งแต่เพราะอำนาจบวกกับอาวุธสงครามต่างๆ ทำให้การกวาดล้างในแต่ละครั้งมักจะเกิดเหตุฯวุ่นวายเป็นประจำ
“ดูเหมือนว่า…งานครั้งนี้จะไม่หมูเอาซะแล้วสินะ” มิโกะพูดกับตัวเองแล้วหันไปหาฮาเรส
“ติดต่อไปหาทุกคน…บอกให้ระวังตัวไว้ด้วย”
“ค่ะ!”
เสียงไซเรนของรถกว่า 3-4 คันวิ่งตัดผ่านสัญญาณไฟจราจรในตอนกลางคืน มุ่งหน้าไปที่บริเวณแถวๆ ตึกร้างเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่พลิกผันฮาเรสกับมิโกะรีบลงจากรถแล้วมุ่งหน้าไปยังบริเวณหลังตึกร้างซึ่งเป็นบริเวณที่จอหน์นี่กับ ฮารุกะกำลังเผชิญหน้ากับสองพี่น้องSlice & Grinder
“นั่นมันตัวบ้าอะไรว่ะนั่น!” ฮาเรสแทบไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง เมื่อได้เห็นสองพี่น้องที่อยู่ห่างจากตัวเองประมาณ 75 เมตรจากจุดที่ซุ่มอยู่หลังกำแพง
“มีวิธีจัดการมันยังไง?” มิโกะ ถามฮาเรส
“แยกทางกัน…เธอไปจัดการเจ้านั่น ส่วนฉันจะตามหาผู้ต้องสงสัยเอง”
“เจ้านั่นตัวมันใหญ่มาก…ดูเหมือนว่าฉันพอที่จะเชือดคอมันได้”
มิโกะสังเกตไปที่หนึ่งในสองพี่น้องที่มีเครื่องบดเป็นอาวุธมีรอยแผลแบบเปิดขนาดใหญ่อยู่ที่ช่องคอซึ่งหน้าจะพอที่เอาเหล็กแหลมเสียบเข้าไปได้
“แต่ว่ากว่าจะเข้าไปใกล้ได้คงใช้เวลานานอยู่”
มิโกะหลบออกมาจากกำแพงคอยเป็นตัวล่อให้กับฝ่ายศัตรูไว้โดยใช้ปืนยิงใส่ศัตรูคอยคุ้มกันฮาเรสไว้ในช่วงที่เขาพยายามเดินไปหาอาวุธที่พอจะใช้จัดการเจ้าพวกนี้ได้
“โอ้ก!!!!” กระสุนปืนขนาด.45 ของมิโกะถูกยิงเข้าไปที่หลังของกรินเดอร์ ในขณะที่ปาสิ่งก่อสร้างใส่ฮาเรสแม้ว่าจะไม่ทำให้บาดเจ็บมากนัก แต่ก็พอที่จะสร้างบาดแผลให้กับกรินเดอร์ได้บ้าง
ในขณะนั่นเอง จอหน์นี่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นคาดว่าหน้าจะเป็นตำรวจจึงเลยไม่รอช้ารีบบอกให้ฮารุกะออกไปหาความช่วยเหลือเพื่อหวังว่าพวกเขาจะรอดออกมาได้ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันที่ฮาเรสนั่นมาเจอพวกเขา
“เฮ้! นี่ผมเองครับ…คุณตำรวจ.” จอหน์นี่ยกมือขึ้นทั้งสองข้างด้วยความตกใจที่ตำรวจมาเจอ
“เกือบจะลั่นไกแล้ว..โอเค..ตอนนี้พวกนายต้องฟังฉันให้ดีๆรีบไสหัวออกไปจากที่นี้ เดี๋ยวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ”ฮาเรส กล่าวกับจอหน์นี่
“ไม่ไหวหรอก! พวกเขาแข็งแกร่งมาก…พวกคุณเอาชนะไม่ได้หรอก” ฮารุกะแย้ง
“งั้นช่วยบอกฉันทีว่า ไอ้หน้ากากแก๊สนั่นอยู่ที่ไหน?” ฮาเรสเปลี่ยนเรื่องคุย
จอหน์นี่ เงียบกริบทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของฮาเรส
แต่ดูเหมือนเขาจะมีเวลาไม่มาก สไลซ์หนึ่งในสองพี่น้องที่เป็นพี่ของกรินเดอร์ ได้ปาใบเลื่อยขนาดยักษ์ไปที่พวกเขาทำให้ทั้งสามนั่นต้องกระโดดนอนลงไปบนพื้น
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องร่วมมือกันแล้วล่ะ!”
จอหน์นี่ได้แต่พยักหน้านิ่งไม่พูดอะไร ก่อนที่จะใช้เชือกที่ติดกับมีดสั้นยิงไปที่เพดานแล้วโหนไปรอบๆ ตึก เพื่อสังเกตจุดอ่อนของศัตรู
“เคออส…ขอให้แกอยู่รอดปลอดภัยก็แล้วกัน”
แม้ว่าจอหน์นี่เองจะไม่รู้เรื่องของเคออสมากนักแต่เขาก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้เพราะถึงเขาจะเป็นผู้ก่อการร้ายในคราบของเด็กอายุ 15 หรือว่าเป็นอะไรก็ตามแต่จอหน์นี่กลับไม่มีทีท่าว่าจะกลัวหรือรังเกียจเขาเลยสักนิดซึ่งนั้นถือว่าเป็นข้อดีของเขาอย่างหนึ่ง
กลับมาในทางด้านของเคออส หลังจากที่หน่วยสังหารถูกจัดการไปหมดเหลือเพียงแค่ฟินลิทและเคออส สองคนซึ่งนอกนั้นได้กลายเป็นศพไปแล้ว
“จัดการได้อยู่หมัดเลยนะ…เคออสคุง” ฟินลิทแกล้งพูดยกยอ
“ไม่แปลกเลยว่าทำไมหัวหน้าถึงต้องจ้างนักฆ่าเก่งๆมาหลายคน เพียงเพราะเพื่อที่จะจัดการกับเด็กเพียงแค่คนเดียว ฟังดูแล้วมันแปลกๆ นะจริงมั้ย?”
เคออสไม่พูดอะไรยังคงมองไปที่ฟินลิทอย่างไม่ละสายตา
“แล้วรู้มั้ยทำไมถึงมีคนหลายคนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อที่เขาจะฆ่านายด้วยล่ะ?”
“เงิน” เคออสบอก
“ใช่ เพื่อเงินและความสุขของตัวเอง” ฟินลิทเดินไปรอบๆเหมือนกับว่าต้องการจะบอกอะไรสักอย่างกับเคออส
“ไม่ว่าใครๆในสมัยนี้ย่อมที่จะต้องการความสุขในชีวิตกันทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง? มีชื่อเสียง มีเงินทองมีอะไรที่เพียบพร้อมไปซะทุกๆ อย่าง”
“แต่ติดปัญหาอย่างหนึ่งนั้นก็คือพวกเขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไร? ในเมื่อพวกเขาไม่มีกำลังทรัพย์มากเพียงพอหรือสภาพร่างกายไม่เพียบพร้อม ลองคิดดูสิว่า ถ้าเป็นนายจะทำยังไง?”
เคออสเงียบอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า…
“ฉันคงจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น”
แม้ว่าคำตอบที่ได้จะไม่ตรงกับคำถามมากนักแต่ฟินลิทก็พอรู้ได้ว่าเคออสกำลังพูดถึงอะไร
“นั้นใช่วิถีของนายแล้วรึ?” ฟินลิท โต้แย้งขึ้นมา
“บางทีนายอาจแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้เพียงแต่เพราะนายกลับมีในสิ่งที่นายกลับไม่มี”
ฟินลิทเดินไปรอบๆ ก่อนที่จะหยิบปืนของวิลเลี่ยมขึ้นมา
“นายคิดว่านั้นใช่ในสิ่งที่แกต้องการเหรอ? หนีออกมาจากองค์กรได้อะไร? ทั้งๆที่นายสามารถออกมาได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องหนีซะด้วยซ้ำ”
“แล้วดูนายในตอนนี้สิ! ไม่ต่างอะไรจากไอ้โรคจิตข้างถนนที่ต้องหนีตำรวจหักซุกหัวซุนดูแล้วมันน่าสมเพช แล้วแกลองคิดดูดีๆ อีกครั้งหนึ่งสิ เคออส”
เคออสยังคงเงียบกริบอยู่เช่นเดิม
“โอเค สรุปว่านายจะไม่ฟังตามที่ฉันพูดงั้นตามใจ”
“เดี๋ยว!” เคออสโพล่งขึ้นก่อนที่ฟินลิทจะเดินออกไป
“ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องการให้แกบอกฉัน”
“เรื่องอะไรล่ะ?”ฟินลิท หันมาหา
“ทำไมแกถึงไม่คิดที่จะฆ่าฉันทั้งๆ ที่มีโอกาศ?” เคออสเริ่มตอบโต้
“แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบฆ่าคนที่ยังไม่พร้อมจะตาย” ฟินลิทตอบเป็นนัยๆ
ตัดกลับมาที่ด้านของจอหน์นี่ หลังจากที่ใช้เวลากว่า 30 นาทีในการจัดการกับสองพี่น้องโดยร่วมมือกับฮาเรสมิโกะ และฮารุกะ แม้ว่าฮาเรสเองจะไม่เต็มใจช่วยนักแต่เพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และพวกเขาก็ทำสำเร็จสองพี่น้องถูกเหล็กแหลมเสียบเข้าที่คอทั้งสองคน ทำให้ทั้งสองนอนจมกองเลือดไปพร้อมๆกัน แต่ที่น่าอนาถกว่าก็คงจะเป็นกรินเดอร์ ที่ถูกใบเลื่อยตัดสมองของสไลซ์เอง
“หวังว่าคงตายแล้วสินะ ใช่มั้ย?” ฮารุกะลุกขึ้นมาหลังจากที่เมื่อกี้โดนใบเลื่อยเฉียดไปที่ท้องของตนเองจึงทำให้เธอนั้นเสียเลือดเพียงเล็กน้อย
ฮาเรสและมิโกะ เริ่มถอยห่างออกมาเพื่อความแน่ใจว่าสองพี่น้องจะตายไปแล้วจริงๆ
“คงไม่น่ารอด…” มิโกะ กล่าว
“งั้นไปกันเถอะ แฮ่ก! แฮ่ก!แฮ่ก!” จอหน์นี่ พลางหายใจหอบขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนที่จะเดินไปที่บันไดทางขึ้นแต่ทว่าถูกฮาเรสห้ามเอาไว้ซะก่อน
“ไม่ต้อง…พวกเธอรีบออกไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากให้เธอต้องได้รับบาดเจ็บ” ฮาเรสพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ทำไมล่ะครับ? ก็พวกคุณ-“
ยังไม่ทันขาดคำ มิโกะก็ใช้กุญแจมือคล้องจอหน์นี่และฮารุกะเอาไว้โดยที่ทั้งสองนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว
“มิโกะ…พาพวกเขาออกไปจากที่นี่ซะ!”
ฮาเรสชิงเดินขึ้นไปบนบันไดเพื่อพบกับเคออสทันทีโดยที่ยังไม่รู้ว่าในระหว่างนั้นเองมิโกะก็ได้ใช้ยาสลบใส่พวกจอหน์นี่และฮารุกะที่ซ่อนเอาไว้ในเสื้อคลุมโดยที่ทั้งสองยังไม่ทันตั้งตัว
“ฉันขอโทษด้วยนะ”มิโกะ กล่าวกับจอหน์นี่
“นี่เธอ…” จอหน์นี่ นอนล้มลงไปพร้อมกับฮารุกะโดยที่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากพูด
“ฉันรู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนั้น จอหน์นี่.”
สำหรับมิโกะการที่เธอใส่ยาสลบกับผู้ต้องหาโดยพลการนั้นเธอถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจับตัวคนร้ายให้อยู่มัดโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงแต่เธอมักจะไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักเหตุเพราะเข็มยาสลบนั้นมีราคาแพงและอันตรายหากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง
กลับมาที่ทางด้านของเคออส ฟินลิทยังคงพยายามพูดเกลี่ยกล่อมเพื่อต้องการดึงเคออสกลับเข้ามาในองค์กรอีกครั้งแต่กลับว่าไม่สำเร็จแม้ว่าจะพยายามกี่ครั้งก็ตาม…
“แกคิดจะเซ้าซี้ฉันไปถึงเมื่อไหร่!” เคออสเริ่มสงสัยในตัวฟินลิทขึ้นมาทันใด
“เฮ้ๆ ฉันไม่ได้คิดจะเซ้าซี้แกสักหน่อยก็แค่อยากให้แกลองตัดสินใจดูเท่านั้นเอง”
ฟินลิทพยายามเรียกร้องความสนใจทางอ้อม
“แต่ฉันแค่…อยากจะลองดูเนื้อในของแกก็เท่านั้น!!”
ยังไม่ทันขาดคำฟินลิทก็เริ่มพุ่งใส่หน้าท้องเคออสทันที แต่โชคดีที่เคออสตั้งหลักได้ทันจึงเลยสวนกลับไปด้วยหมัดแบบต่อเนื่อง
“เร็วมาก…นี่น่ะเหรอ…ที่แมนทัสบอกไว้”
ฟินลิทเอนตัวหลบหมัดเคออส จากนั้นก็สวนกลับไปด้วยการผลักเคออสอย่างแรงจนเคออสนั้นต้องเสียหลักถอยออกไปเพื่อตั้งหลัก
“โว้ว~~!”
ฟินลิท เริ่มใช้พลังจิตของตัวเองหรือพลัง Telekinesis ที่สามารถยกสิ่งของขึ้นมาได้โดยปราศจากหลักทางฟิสิกส์ยกซากคอนกรีตขึ้นมาป้องกันซึ่งถือว่าเป็นพลังจิตอย่างหนึ่งที่เป็นพื้นฐานมากในองค์กร ผู้ที่ฝึกแรกๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลานานในการฝึกแต่สำหรับ S.I.C ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เสมอ
“พลังจิต?” เคออส พูดขึ้น
“ใช่” ฟินลิท ตอบกลับไปพร้อมกับขว้างซากคอนกรีตใส่เคออสทันที
“เทคโนโลยีจากB.R.A ที่ฉันเรียกมันว่า ‘การเปลี่ยนแปลงโครโมโซมในร่างกาย’ หรือถ้าจะให้เข้าใจกันง่ายๆฉันเข้ารับการทดลองเพื่อบรรจุพลังจิตไปที่ตัวของฉันทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงล่ะ!”
ฟินลิทกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างได้รับชัยชนะ เปรียบเสมือนว่าเขาถือไพ่ทั้งหมดเอาไว้แล้ว
แม้ว่าจะเรียบเรียงประโยคไม่ค่อยได้ดีนัก แต่ว่าเคออสนั้นย่อมรู้ดีว่าการทำแบบนั้นถึงแม้ว่าจะได้พลังนั้นมาก็ดี ได้จากการฝึกฝนก็ดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาอยู่ที่ว่าจะนำพลังนั้นไปใช้ในทางด้านใดเท่านั้นเอง
“งั้นเหรอ?” เคออส มองฟินลิทด้วยสายตาที่ตัวเองโดนเหยียดหยาม
“ถ้างั้นก็แสดงว่าฉันเหนือกว่าแก ใช่มั้ย?”
จู่ๆเคออสก็กล่าวขึ้นมาเป็นประโยคแรก หลังจากที่เขานั้นฟังคำพล่ามของฟินลิทจบลงแล้ว
ในขณะที่ทั้งสองกำลังประชันกันอยู่นั้นก็เป็นเวลาที่ฮาเรสนั้นวิ่งเข้ามาเจอพวกเคออสกับฟินลิทพอดี
“นี่มันอะไรกันเนี่ย…” ฮาเรส อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
“นั่น…เกรเกอร์ ฮาเรส!!?”เคออสโพล่งขึ้นจากนั้นก็วิ่งไปหาเขา เหมือนกับรู้ว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้ๆ
ฟินลิทอาศัยจังหวะนั่นเองขว้างคอนกรีตใส่พวกเขาทั้งสองทันทีก่อนที่จะเริ่มทำการกำจัดด้วยวิธีเดียวกับที่เขาเคยทำกับวิลเลี่ยมคือการตัดหลอดเลือดทั้งสองเส้นโดยใช้มีดผ่าตัดที่เป็นอาวุธของตนเอง
“รู้ชื่อฉันได้ยังไง?” ฮาเรส ลุกขึ้นมาหลังจากที่นอนหลบคอนกรีตที่พุ่งเข้ามาหาตัวเอง
“ในกระเป๋าเงินของคุณน่ะ” เคออส ตอบกลับไป
ในขณะที่ทั้งสองกำลังลุกขึ้นมาแต่แล้วทันใดนั้นเองก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาหนึ่งนัดซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากมิโกะที่แอบสะกดรอยตามฮาเรสมาตั้งแต่ต้นโดยที่เธอได้คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เธอพยายามจะฆ่าเขา
“อ้ากก!!” ฮาเรสถูกยิงเข้าไปที่หัวเข่าของตัวเองด้วยฝีมือของมิโกะด้วยกระสุน .45 ของเธอซึ่งมันก็พอที่จะทำให้ฮาเรสนั้นเป็นอัมพาตไปได้ตลอดชีวิต
“หืม?” ฟินลิท หยุดอยู่กับที่แล้วมองไปที่มิโกะซึ่งเป็นพี่สาวของตัวเอง
“หยุดอยู่ตรงนั้น…ก่อนที่ฉันจะเป่าสมองของนาย”
“ม…ม..มิโกะ…ทำไมเธอถึง”
ความสับสนเข้ามาในหัวของฮาเรสอีกครั้ง เขาแทบจะไม่เชื่อในสายตาตัวเองว่าเขานั้นกลับโดนคนที่ใกล้ชิดของตัวเองนั้นหักหลังทั้งๆ ที่เขานั้นกลับเชื่อใจเธอมาตลอด หรือว่าทั้งหมดนั้นเป็นการที่เธอนั้นจัดฉากขึ้นมาแต่นั้นก็ไม่ใช่เพราะถ้าเป็นการจัดฉาก ฮาเรสคงจะอ่านเธอออกตั้งแต่แรกแล้ว
“รู้สึกใจสลายล่ะสิ ที่โดนลูกน้องหักหลังน่ะ”
“ก..แก!!”
เมื่อได้โอกาส เคออสก็วิ่งไปที่มิโกะอย่างรวดเร็วแต่มิโกะตั้งตัวไว้ได้ทันจึงเลยยิงไปที่บริเวณไหล่ของเคออสแต่กลับว่ากระสุนที่ฉิวเฉียดไปในระหว่างที่วิ่งมาพอดีเลยทำให้เสียหลักล้มคุกเข่าลงไป
“อย่าหักโหมมากนักสิ ไม่งั้นนายจ-“
“พอได้แล้ว! ฟินลิท”
มิโกะตัดบทสนทนาแล้วเล็งปืนไปที่ฟินลิท จากนั้นก็มองด้วยสายตาที่รู้สึกเคียดแค้นเหมือนกับรู้สึกโดนบังคับให้ทำโดยที่เธอนั่นไม่เต็มใจ
“ทำไมนายถึงไม่ถอนตัวออกมาจากองค์กรนั้น บอกพี่มาสิ?!”
ฟินลิทเงียบกริบไม่พูดอะไร แล้วจากนั้นก็กลับมาเป็นบุคลิกปกติซึ่งไม่ได้ใช้พลังจิตอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
“หึๆ ก็เพราะว่าที่นั้นเขาดูแลผมมาเป็นอย่างดียังไงล่ะ!”
มิโกะรู้สึกอึ้งอยู่สักพักที่เธอได้รับคำตอบที่เธอแทบอยากจะยิงใส่น้องชายของเธอจนพรุน
“อยู่ในสังคมที่มีแต่พวกเน่าเฟะที่รอการชำระล้างผมจะอยู่ให้โง่งั้นเหรอ!”
ฟินลิทตะวาดออกมาด้วยความโกรธแค้นในอดีตที่เขานั้นสมัครเข้ารับการทดลองจึงทำให้เขานั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ทั้งๆที่หารู้ไม่ว่าเขานั้นได้เป็นส่วนหนึ่งกับองค์กรไปตั้งแต่ที่เขานั้นเข้ารับการทดลองตั้งนานแล้ว
“แต่เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าต่อให้เป็นสังคมที่เน่าฟอนเฟะสักแค่ไหนแต่เราก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนมันไปได้ตลอดไปนี่!” มิโกะ โต้แย้งขึ้นทันใด
“ฮะๆ งั้นเหรอ?”
ฟินลิทพลางหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจมากนัก
“งั้นแสดงว่าพี่เองก็ไม่ต่างอะไรจากผมสักเท่าไหร่นะ”
“หือ?” มิโกะงงอยู่สักพัก
“ไม่”
จู่ๆเคออสก็โต้แย้งขึ้นมาทันที ด้วยความรู้สึกไม่พอใจซึ่งทำให้พวกเขาทั้งสองนั้นถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ
“จริงอยู่ว่าสังคมที่เน่าเฟะ เป็นสังคมที่แกเกลียด”
เคออสกำบาดแผลที่ไหล่ แม้ว่าบาดแผลนั้นจะไม่ลึกมากจนขนาดที่ว่าเสียเลือดออกไปมากแต่ก็พอที่จะทำให้เขานั้นถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสจนขยับไปไหนได้ยากลำบาก
“แต่สำหรับฉัน ไม่ว่าสังคมพวกนั้นจะเป็นยังไงแต่ทุกอย่างมันก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ตลอดไปไม่ใช่เหรอ!!?”
เคออส กล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นพลางทอดสายตามองไปรอบๆ ที่เต็มไปด้วยศพคนตายเกลื่อนกลาดไปหมดรวมทั้งศพของวิลเลี่ยมด้วย
“หึๆ แล้วยังไงล่ะ? นายเปลี่ยนอดีตของตัวเองไม่ได้ เพราะว่าประวัติอาญชากรของนายก็ยังคงอยู่อีกอย่างนะ ถ้าคิดจะพูดเพื่อให้ฉันกลับไปกับพวกนายล่ะก็ฉันขอยอมที่จะถูกฆ่าตายเลยซะดีกว่า!”
“งั้นก็ไม่เกรงใจละนะ!”
เคออสรวบรวมแรงฮึกสุดท้าย วิ่งไปที่ฟินลิทจนไม่ทันได้สังเกตแล้วใช้มีดแทงเข้าที่ซี่โครงด้านซ้ายของฟินลิททันที
“อุ้ก!”
มีดที่ถูกแทงอย่างกะทันหันไม่แปลกที่ฟินลิทนั้นจะรู้สึกเจ็บและทรมาณในเวลาเดียวกันเคออสดันมีดเข้าไปลึกขึ้นเพื่อหวังที่จะทรมาณจนกว่าจะตายไปเรื่อยๆ
“อ้ากก!!” ฟินลิท กรีดร้องออกมา มิโกะเล็งปืนใส่เคออสทันทีโดยยังคงลังเลอยู่ว่าจะยิงรึเปล่า
“รีบเลยสิ!”
เคออสตะโกนกลับไปหา มิโกะทันที
“แต่ว่า…”
“เธอยังเป็นห่วงน้องชายของเธออยู่อีกเหรอ! ตอนนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กรS.I.C แล้วนะ!!”
“ต..ต..แต่ว่า…ฉัน” มิโกะพูดพลางกลั้นน้ำตาเอาไว้
“ม..มิโกะ..” ฮาเรส คลานมาหามิโกะเหมือนกับว่าต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง
“หึๆแกคิดเหรอว่าจะฆ่าฉันได้น่ะ! หา!”
และทันใดนั้นเองฟินลิทผลักเคออสนอนลงไปกับพื้นทันทีแล้วจากนั้นก็ต่อด้วยตัดเส้นเลือดที่คอของฮาเรสออกไปทำให้เลือดนั้นพุ่งกระฉูดออกมาต่อหน้ามิโกะทันที ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันที่มิโกะลั่นไกปืนใส่น้องชายของตัวเองไปที่หัวของเขาเอง โดยที่เธอนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว
“ไม่!!!”
การปะทะจบลงด้วยการที่ฟินลิทตายลงไปพร้อมกับความรุนแรงที่ตัวเองก่อเอาไว้มิโกะถึงกับทรุดเข่าลงทันทีแล้วหลั่งน้ำตาออกมา ต่อหน้าน้องชายแท้ๆของเธอที่ถูกฆ่าด้วยฝีมือของตัวเอง ในขณะที่เคออสเองก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับยิ้มอย่างได้รับชัยชนะที่ได้ลงมือฆ่าน้องชายของมิโกะด้วยมือของตัวเอง
“หึๆ ในที่สุดก็จบลงแล้วสินะ…”
(จบChapter 8 Lost Contact Part 2)
ฮาเรสยังคงอยู่ในระหว่างการเดินทางอยู่เหมือนเดิมหลังจากที่เตรียมอาวุธเพื่อรับมือกับพวกโจร และผู้ก่อการร้ายในเวลาเดียวกันในขณะที่ทางด้านของเคออสก็กำลังใช้เวลาต่อสู้กับพวกหน่วยสังหารที่ทางองค์กรเป็นคนส่งมา
“รายงานสถานการณ์”ฮาเรสกล่าวในวิทยุสื่อสาร หลังจากมีคนส่งสัญญาณวิทยุมาหาเขา
“หัวหน้าครับสถานการณ์ตอนนี้มีพวกที่ไม่ทราบแน่ชัดกำลังบุกเข้ามาคาดว่าหน้าจะเป็นคนของที่ไหนสักแห่งน่ะครับ”ตำรวจหนุ่มวัย 25 กล่าวกับฮาเรสในระหว่างที่กำลังลำเลียงประชาชนออกไปจากพื้นที่
“งั้นเหรอ? ใช่พวกเราหรือเปล่า?”
“คงไม่ใช่นะครับแต่ตอนนี้ดูท่าจะเริ่มเลวร้ายขึ้นแล้วครับ อ้าก!”
“เฮ้..เฮ้!?ตอบฉันด้วยว่าเลวร้ายยังไง!? นายโอเคดีมั้ย?”
เสียงวิทยุขาดหายไปเหลือเพียงแค่เสียงของผู้คนที่กำลังวิ่งหนีอย่างเอาเป็นตายพร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คนที่หวาดกลัวอย่างวิตกกังวล
ความกังวลเริ่มเข้ามาในสมองฮาเรสอีกครั้งตอนนี้เหตุการณ์กลับได้ตาลปัตรไปโดยที่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้เดิมทีตึกร้างแห่งนั้นมักจะเป็นที่สุมหัวของพวกค้ายาเสพติดและคนที่หลบหนีมาอาศัยอยู่เสมอ พวกตำรวจเคยกวาดล้างหลายครั้งแต่เพราะอำนาจบวกกับอาวุธสงครามต่างๆ ทำให้การกวาดล้างในแต่ละครั้งมักจะเกิดเหตุฯวุ่นวายเป็นประจำ
“ดูเหมือนว่า…งานครั้งนี้จะไม่หมูเอาซะแล้วสินะ” มิโกะพูดกับตัวเองแล้วหันไปหาฮาเรส
“ติดต่อไปหาทุกคน…บอกให้ระวังตัวไว้ด้วย”
“ค่ะ!”
เสียงไซเรนของรถกว่า 3-4 คันวิ่งตัดผ่านสัญญาณไฟจราจรในตอนกลางคืน มุ่งหน้าไปที่บริเวณแถวๆ ตึกร้างเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่พลิกผันฮาเรสกับมิโกะรีบลงจากรถแล้วมุ่งหน้าไปยังบริเวณหลังตึกร้างซึ่งเป็นบริเวณที่จอหน์นี่กับ ฮารุกะกำลังเผชิญหน้ากับสองพี่น้องSlice & Grinder
“นั่นมันตัวบ้าอะไรว่ะนั่น!” ฮาเรสแทบไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง เมื่อได้เห็นสองพี่น้องที่อยู่ห่างจากตัวเองประมาณ 75 เมตรจากจุดที่ซุ่มอยู่หลังกำแพง
“มีวิธีจัดการมันยังไง?” มิโกะ ถามฮาเรส
“แยกทางกัน…เธอไปจัดการเจ้านั่น ส่วนฉันจะตามหาผู้ต้องสงสัยเอง”
“เจ้านั่นตัวมันใหญ่มาก…ดูเหมือนว่าฉันพอที่จะเชือดคอมันได้”
มิโกะสังเกตไปที่หนึ่งในสองพี่น้องที่มีเครื่องบดเป็นอาวุธมีรอยแผลแบบเปิดขนาดใหญ่อยู่ที่ช่องคอซึ่งหน้าจะพอที่เอาเหล็กแหลมเสียบเข้าไปได้
“แต่ว่ากว่าจะเข้าไปใกล้ได้คงใช้เวลานานอยู่”
มิโกะหลบออกมาจากกำแพงคอยเป็นตัวล่อให้กับฝ่ายศัตรูไว้โดยใช้ปืนยิงใส่ศัตรูคอยคุ้มกันฮาเรสไว้ในช่วงที่เขาพยายามเดินไปหาอาวุธที่พอจะใช้จัดการเจ้าพวกนี้ได้
“โอ้ก!!!!” กระสุนปืนขนาด.45 ของมิโกะถูกยิงเข้าไปที่หลังของกรินเดอร์ ในขณะที่ปาสิ่งก่อสร้างใส่ฮาเรสแม้ว่าจะไม่ทำให้บาดเจ็บมากนัก แต่ก็พอที่จะสร้างบาดแผลให้กับกรินเดอร์ได้บ้าง
ในขณะนั่นเอง จอหน์นี่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นคาดว่าหน้าจะเป็นตำรวจจึงเลยไม่รอช้ารีบบอกให้ฮารุกะออกไปหาความช่วยเหลือเพื่อหวังว่าพวกเขาจะรอดออกมาได้ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันที่ฮาเรสนั่นมาเจอพวกเขา
“เฮ้! นี่ผมเองครับ…คุณตำรวจ.” จอหน์นี่ยกมือขึ้นทั้งสองข้างด้วยความตกใจที่ตำรวจมาเจอ
“เกือบจะลั่นไกแล้ว..โอเค..ตอนนี้พวกนายต้องฟังฉันให้ดีๆรีบไสหัวออกไปจากที่นี้ เดี๋ยวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ”ฮาเรส กล่าวกับจอหน์นี่
“ไม่ไหวหรอก! พวกเขาแข็งแกร่งมาก…พวกคุณเอาชนะไม่ได้หรอก” ฮารุกะแย้ง
“งั้นช่วยบอกฉันทีว่า ไอ้หน้ากากแก๊สนั่นอยู่ที่ไหน?” ฮาเรสเปลี่ยนเรื่องคุย
จอหน์นี่ เงียบกริบทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของฮาเรส
แต่ดูเหมือนเขาจะมีเวลาไม่มาก สไลซ์หนึ่งในสองพี่น้องที่เป็นพี่ของกรินเดอร์ ได้ปาใบเลื่อยขนาดยักษ์ไปที่พวกเขาทำให้ทั้งสามนั่นต้องกระโดดนอนลงไปบนพื้น
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องร่วมมือกันแล้วล่ะ!”
จอหน์นี่ได้แต่พยักหน้านิ่งไม่พูดอะไร ก่อนที่จะใช้เชือกที่ติดกับมีดสั้นยิงไปที่เพดานแล้วโหนไปรอบๆ ตึก เพื่อสังเกตจุดอ่อนของศัตรู
“เคออส…ขอให้แกอยู่รอดปลอดภัยก็แล้วกัน”
แม้ว่าจอหน์นี่เองจะไม่รู้เรื่องของเคออสมากนักแต่เขาก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้เพราะถึงเขาจะเป็นผู้ก่อการร้ายในคราบของเด็กอายุ 15 หรือว่าเป็นอะไรก็ตามแต่จอหน์นี่กลับไม่มีทีท่าว่าจะกลัวหรือรังเกียจเขาเลยสักนิดซึ่งนั้นถือว่าเป็นข้อดีของเขาอย่างหนึ่ง
กลับมาในทางด้านของเคออส หลังจากที่หน่วยสังหารถูกจัดการไปหมดเหลือเพียงแค่ฟินลิทและเคออส สองคนซึ่งนอกนั้นได้กลายเป็นศพไปแล้ว
“จัดการได้อยู่หมัดเลยนะ…เคออสคุง” ฟินลิทแกล้งพูดยกยอ
“ไม่แปลกเลยว่าทำไมหัวหน้าถึงต้องจ้างนักฆ่าเก่งๆมาหลายคน เพียงเพราะเพื่อที่จะจัดการกับเด็กเพียงแค่คนเดียว ฟังดูแล้วมันแปลกๆ นะจริงมั้ย?”
เคออสไม่พูดอะไรยังคงมองไปที่ฟินลิทอย่างไม่ละสายตา
“แล้วรู้มั้ยทำไมถึงมีคนหลายคนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อที่เขาจะฆ่านายด้วยล่ะ?”
“เงิน” เคออสบอก
“ใช่ เพื่อเงินและความสุขของตัวเอง” ฟินลิทเดินไปรอบๆเหมือนกับว่าต้องการจะบอกอะไรสักอย่างกับเคออส
“ไม่ว่าใครๆในสมัยนี้ย่อมที่จะต้องการความสุขในชีวิตกันทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง? มีชื่อเสียง มีเงินทองมีอะไรที่เพียบพร้อมไปซะทุกๆ อย่าง”
“แต่ติดปัญหาอย่างหนึ่งนั้นก็คือพวกเขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไร? ในเมื่อพวกเขาไม่มีกำลังทรัพย์มากเพียงพอหรือสภาพร่างกายไม่เพียบพร้อม ลองคิดดูสิว่า ถ้าเป็นนายจะทำยังไง?”
เคออสเงียบอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า…
“ฉันคงจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น”
แม้ว่าคำตอบที่ได้จะไม่ตรงกับคำถามมากนักแต่ฟินลิทก็พอรู้ได้ว่าเคออสกำลังพูดถึงอะไร
“นั้นใช่วิถีของนายแล้วรึ?” ฟินลิท โต้แย้งขึ้นมา
“บางทีนายอาจแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้เพียงแต่เพราะนายกลับมีในสิ่งที่นายกลับไม่มี”
ฟินลิทเดินไปรอบๆ ก่อนที่จะหยิบปืนของวิลเลี่ยมขึ้นมา
“นายคิดว่านั้นใช่ในสิ่งที่แกต้องการเหรอ? หนีออกมาจากองค์กรได้อะไร? ทั้งๆที่นายสามารถออกมาได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องหนีซะด้วยซ้ำ”
“แล้วดูนายในตอนนี้สิ! ไม่ต่างอะไรจากไอ้โรคจิตข้างถนนที่ต้องหนีตำรวจหักซุกหัวซุนดูแล้วมันน่าสมเพช แล้วแกลองคิดดูดีๆ อีกครั้งหนึ่งสิ เคออส”
เคออสยังคงเงียบกริบอยู่เช่นเดิม
“โอเค สรุปว่านายจะไม่ฟังตามที่ฉันพูดงั้นตามใจ”
“เดี๋ยว!” เคออสโพล่งขึ้นก่อนที่ฟินลิทจะเดินออกไป
“ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องการให้แกบอกฉัน”
“เรื่องอะไรล่ะ?”ฟินลิท หันมาหา
“ทำไมแกถึงไม่คิดที่จะฆ่าฉันทั้งๆ ที่มีโอกาศ?” เคออสเริ่มตอบโต้
“แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบฆ่าคนที่ยังไม่พร้อมจะตาย” ฟินลิทตอบเป็นนัยๆ
ตัดกลับมาที่ด้านของจอหน์นี่ หลังจากที่ใช้เวลากว่า 30 นาทีในการจัดการกับสองพี่น้องโดยร่วมมือกับฮาเรสมิโกะ และฮารุกะ แม้ว่าฮาเรสเองจะไม่เต็มใจช่วยนักแต่เพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และพวกเขาก็ทำสำเร็จสองพี่น้องถูกเหล็กแหลมเสียบเข้าที่คอทั้งสองคน ทำให้ทั้งสองนอนจมกองเลือดไปพร้อมๆกัน แต่ที่น่าอนาถกว่าก็คงจะเป็นกรินเดอร์ ที่ถูกใบเลื่อยตัดสมองของสไลซ์เอง
“หวังว่าคงตายแล้วสินะ ใช่มั้ย?” ฮารุกะลุกขึ้นมาหลังจากที่เมื่อกี้โดนใบเลื่อยเฉียดไปที่ท้องของตนเองจึงทำให้เธอนั้นเสียเลือดเพียงเล็กน้อย
ฮาเรสและมิโกะ เริ่มถอยห่างออกมาเพื่อความแน่ใจว่าสองพี่น้องจะตายไปแล้วจริงๆ
“คงไม่น่ารอด…” มิโกะ กล่าว
“งั้นไปกันเถอะ แฮ่ก! แฮ่ก!แฮ่ก!” จอหน์นี่ พลางหายใจหอบขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนที่จะเดินไปที่บันไดทางขึ้นแต่ทว่าถูกฮาเรสห้ามเอาไว้ซะก่อน
“ไม่ต้อง…พวกเธอรีบออกไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากให้เธอต้องได้รับบาดเจ็บ” ฮาเรสพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ทำไมล่ะครับ? ก็พวกคุณ-“
ยังไม่ทันขาดคำ มิโกะก็ใช้กุญแจมือคล้องจอหน์นี่และฮารุกะเอาไว้โดยที่ทั้งสองนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว
“มิโกะ…พาพวกเขาออกไปจากที่นี่ซะ!”
ฮาเรสชิงเดินขึ้นไปบนบันไดเพื่อพบกับเคออสทันทีโดยที่ยังไม่รู้ว่าในระหว่างนั้นเองมิโกะก็ได้ใช้ยาสลบใส่พวกจอหน์นี่และฮารุกะที่ซ่อนเอาไว้ในเสื้อคลุมโดยที่ทั้งสองยังไม่ทันตั้งตัว
“ฉันขอโทษด้วยนะ”มิโกะ กล่าวกับจอหน์นี่
“นี่เธอ…” จอหน์นี่ นอนล้มลงไปพร้อมกับฮารุกะโดยที่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากพูด
“ฉันรู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนั้น จอหน์นี่.”
สำหรับมิโกะการที่เธอใส่ยาสลบกับผู้ต้องหาโดยพลการนั้นเธอถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจับตัวคนร้ายให้อยู่มัดโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงแต่เธอมักจะไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักเหตุเพราะเข็มยาสลบนั้นมีราคาแพงและอันตรายหากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง
กลับมาที่ทางด้านของเคออส ฟินลิทยังคงพยายามพูดเกลี่ยกล่อมเพื่อต้องการดึงเคออสกลับเข้ามาในองค์กรอีกครั้งแต่กลับว่าไม่สำเร็จแม้ว่าจะพยายามกี่ครั้งก็ตาม…
“แกคิดจะเซ้าซี้ฉันไปถึงเมื่อไหร่!” เคออสเริ่มสงสัยในตัวฟินลิทขึ้นมาทันใด
“เฮ้ๆ ฉันไม่ได้คิดจะเซ้าซี้แกสักหน่อยก็แค่อยากให้แกลองตัดสินใจดูเท่านั้นเอง”
ฟินลิทพยายามเรียกร้องความสนใจทางอ้อม
“แต่ฉันแค่…อยากจะลองดูเนื้อในของแกก็เท่านั้น!!”
ยังไม่ทันขาดคำฟินลิทก็เริ่มพุ่งใส่หน้าท้องเคออสทันที แต่โชคดีที่เคออสตั้งหลักได้ทันจึงเลยสวนกลับไปด้วยหมัดแบบต่อเนื่อง
“เร็วมาก…นี่น่ะเหรอ…ที่แมนทัสบอกไว้”
ฟินลิทเอนตัวหลบหมัดเคออส จากนั้นก็สวนกลับไปด้วยการผลักเคออสอย่างแรงจนเคออสนั้นต้องเสียหลักถอยออกไปเพื่อตั้งหลัก
“โว้ว~~!”
ฟินลิท เริ่มใช้พลังจิตของตัวเองหรือพลัง Telekinesis ที่สามารถยกสิ่งของขึ้นมาได้โดยปราศจากหลักทางฟิสิกส์ยกซากคอนกรีตขึ้นมาป้องกันซึ่งถือว่าเป็นพลังจิตอย่างหนึ่งที่เป็นพื้นฐานมากในองค์กร ผู้ที่ฝึกแรกๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลานานในการฝึกแต่สำหรับ S.I.C ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เสมอ
“พลังจิต?” เคออส พูดขึ้น
“ใช่” ฟินลิท ตอบกลับไปพร้อมกับขว้างซากคอนกรีตใส่เคออสทันที
“เทคโนโลยีจากB.R.A ที่ฉันเรียกมันว่า ‘การเปลี่ยนแปลงโครโมโซมในร่างกาย’ หรือถ้าจะให้เข้าใจกันง่ายๆฉันเข้ารับการทดลองเพื่อบรรจุพลังจิตไปที่ตัวของฉันทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงล่ะ!”
ฟินลิทกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างได้รับชัยชนะ เปรียบเสมือนว่าเขาถือไพ่ทั้งหมดเอาไว้แล้ว
แม้ว่าจะเรียบเรียงประโยคไม่ค่อยได้ดีนัก แต่ว่าเคออสนั้นย่อมรู้ดีว่าการทำแบบนั้นถึงแม้ว่าจะได้พลังนั้นมาก็ดี ได้จากการฝึกฝนก็ดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาอยู่ที่ว่าจะนำพลังนั้นไปใช้ในทางด้านใดเท่านั้นเอง
“งั้นเหรอ?” เคออส มองฟินลิทด้วยสายตาที่ตัวเองโดนเหยียดหยาม
“ถ้างั้นก็แสดงว่าฉันเหนือกว่าแก ใช่มั้ย?”
จู่ๆเคออสก็กล่าวขึ้นมาเป็นประโยคแรก หลังจากที่เขานั้นฟังคำพล่ามของฟินลิทจบลงแล้ว
ในขณะที่ทั้งสองกำลังประชันกันอยู่นั้นก็เป็นเวลาที่ฮาเรสนั้นวิ่งเข้ามาเจอพวกเคออสกับฟินลิทพอดี
“นี่มันอะไรกันเนี่ย…” ฮาเรส อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
“นั่น…เกรเกอร์ ฮาเรส!!?”เคออสโพล่งขึ้นจากนั้นก็วิ่งไปหาเขา เหมือนกับรู้ว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้ๆ
ฟินลิทอาศัยจังหวะนั่นเองขว้างคอนกรีตใส่พวกเขาทั้งสองทันทีก่อนที่จะเริ่มทำการกำจัดด้วยวิธีเดียวกับที่เขาเคยทำกับวิลเลี่ยมคือการตัดหลอดเลือดทั้งสองเส้นโดยใช้มีดผ่าตัดที่เป็นอาวุธของตนเอง
“รู้ชื่อฉันได้ยังไง?” ฮาเรส ลุกขึ้นมาหลังจากที่นอนหลบคอนกรีตที่พุ่งเข้ามาหาตัวเอง
“ในกระเป๋าเงินของคุณน่ะ” เคออส ตอบกลับไป
ในขณะที่ทั้งสองกำลังลุกขึ้นมาแต่แล้วทันใดนั้นเองก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาหนึ่งนัดซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากมิโกะที่แอบสะกดรอยตามฮาเรสมาตั้งแต่ต้นโดยที่เธอได้คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เธอพยายามจะฆ่าเขา
“อ้ากก!!” ฮาเรสถูกยิงเข้าไปที่หัวเข่าของตัวเองด้วยฝีมือของมิโกะด้วยกระสุน .45 ของเธอซึ่งมันก็พอที่จะทำให้ฮาเรสนั้นเป็นอัมพาตไปได้ตลอดชีวิต
“หืม?” ฟินลิท หยุดอยู่กับที่แล้วมองไปที่มิโกะซึ่งเป็นพี่สาวของตัวเอง
“หยุดอยู่ตรงนั้น…ก่อนที่ฉันจะเป่าสมองของนาย”
“ม…ม..มิโกะ…ทำไมเธอถึง”
ความสับสนเข้ามาในหัวของฮาเรสอีกครั้ง เขาแทบจะไม่เชื่อในสายตาตัวเองว่าเขานั้นกลับโดนคนที่ใกล้ชิดของตัวเองนั้นหักหลังทั้งๆ ที่เขานั้นกลับเชื่อใจเธอมาตลอด หรือว่าทั้งหมดนั้นเป็นการที่เธอนั้นจัดฉากขึ้นมาแต่นั้นก็ไม่ใช่เพราะถ้าเป็นการจัดฉาก ฮาเรสคงจะอ่านเธอออกตั้งแต่แรกแล้ว
“รู้สึกใจสลายล่ะสิ ที่โดนลูกน้องหักหลังน่ะ”
“ก..แก!!”
เมื่อได้โอกาส เคออสก็วิ่งไปที่มิโกะอย่างรวดเร็วแต่มิโกะตั้งตัวไว้ได้ทันจึงเลยยิงไปที่บริเวณไหล่ของเคออสแต่กลับว่ากระสุนที่ฉิวเฉียดไปในระหว่างที่วิ่งมาพอดีเลยทำให้เสียหลักล้มคุกเข่าลงไป
“อย่าหักโหมมากนักสิ ไม่งั้นนายจ-“
“พอได้แล้ว! ฟินลิท”
มิโกะตัดบทสนทนาแล้วเล็งปืนไปที่ฟินลิท จากนั้นก็มองด้วยสายตาที่รู้สึกเคียดแค้นเหมือนกับรู้สึกโดนบังคับให้ทำโดยที่เธอนั่นไม่เต็มใจ
“ทำไมนายถึงไม่ถอนตัวออกมาจากองค์กรนั้น บอกพี่มาสิ?!”
ฟินลิทเงียบกริบไม่พูดอะไร แล้วจากนั้นก็กลับมาเป็นบุคลิกปกติซึ่งไม่ได้ใช้พลังจิตอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
“หึๆ ก็เพราะว่าที่นั้นเขาดูแลผมมาเป็นอย่างดียังไงล่ะ!”
มิโกะรู้สึกอึ้งอยู่สักพักที่เธอได้รับคำตอบที่เธอแทบอยากจะยิงใส่น้องชายของเธอจนพรุน
“อยู่ในสังคมที่มีแต่พวกเน่าเฟะที่รอการชำระล้างผมจะอยู่ให้โง่งั้นเหรอ!”
ฟินลิทตะวาดออกมาด้วยความโกรธแค้นในอดีตที่เขานั้นสมัครเข้ารับการทดลองจึงทำให้เขานั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ทั้งๆที่หารู้ไม่ว่าเขานั้นได้เป็นส่วนหนึ่งกับองค์กรไปตั้งแต่ที่เขานั้นเข้ารับการทดลองตั้งนานแล้ว
“แต่เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าต่อให้เป็นสังคมที่เน่าฟอนเฟะสักแค่ไหนแต่เราก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนมันไปได้ตลอดไปนี่!” มิโกะ โต้แย้งขึ้นทันใด
“ฮะๆ งั้นเหรอ?”
ฟินลิทพลางหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจมากนัก
“งั้นแสดงว่าพี่เองก็ไม่ต่างอะไรจากผมสักเท่าไหร่นะ”
“หือ?” มิโกะงงอยู่สักพัก
“ไม่”
จู่ๆเคออสก็โต้แย้งขึ้นมาทันที ด้วยความรู้สึกไม่พอใจซึ่งทำให้พวกเขาทั้งสองนั้นถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ
“จริงอยู่ว่าสังคมที่เน่าเฟะ เป็นสังคมที่แกเกลียด”
เคออสกำบาดแผลที่ไหล่ แม้ว่าบาดแผลนั้นจะไม่ลึกมากจนขนาดที่ว่าเสียเลือดออกไปมากแต่ก็พอที่จะทำให้เขานั้นถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสจนขยับไปไหนได้ยากลำบาก
“แต่สำหรับฉัน ไม่ว่าสังคมพวกนั้นจะเป็นยังไงแต่ทุกอย่างมันก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ตลอดไปไม่ใช่เหรอ!!?”
เคออส กล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นพลางทอดสายตามองไปรอบๆ ที่เต็มไปด้วยศพคนตายเกลื่อนกลาดไปหมดรวมทั้งศพของวิลเลี่ยมด้วย
“หึๆ แล้วยังไงล่ะ? นายเปลี่ยนอดีตของตัวเองไม่ได้ เพราะว่าประวัติอาญชากรของนายก็ยังคงอยู่อีกอย่างนะ ถ้าคิดจะพูดเพื่อให้ฉันกลับไปกับพวกนายล่ะก็ฉันขอยอมที่จะถูกฆ่าตายเลยซะดีกว่า!”
“งั้นก็ไม่เกรงใจละนะ!”
เคออสรวบรวมแรงฮึกสุดท้าย วิ่งไปที่ฟินลิทจนไม่ทันได้สังเกตแล้วใช้มีดแทงเข้าที่ซี่โครงด้านซ้ายของฟินลิททันที
“อุ้ก!”
มีดที่ถูกแทงอย่างกะทันหันไม่แปลกที่ฟินลิทนั้นจะรู้สึกเจ็บและทรมาณในเวลาเดียวกันเคออสดันมีดเข้าไปลึกขึ้นเพื่อหวังที่จะทรมาณจนกว่าจะตายไปเรื่อยๆ
“อ้ากก!!” ฟินลิท กรีดร้องออกมา มิโกะเล็งปืนใส่เคออสทันทีโดยยังคงลังเลอยู่ว่าจะยิงรึเปล่า
“รีบเลยสิ!”
เคออสตะโกนกลับไปหา มิโกะทันที
“แต่ว่า…”
“เธอยังเป็นห่วงน้องชายของเธออยู่อีกเหรอ! ตอนนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กรS.I.C แล้วนะ!!”
“ต..ต..แต่ว่า…ฉัน” มิโกะพูดพลางกลั้นน้ำตาเอาไว้
“ม..มิโกะ..” ฮาเรส คลานมาหามิโกะเหมือนกับว่าต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง
“หึๆแกคิดเหรอว่าจะฆ่าฉันได้น่ะ! หา!”
และทันใดนั้นเองฟินลิทผลักเคออสนอนลงไปกับพื้นทันทีแล้วจากนั้นก็ต่อด้วยตัดเส้นเลือดที่คอของฮาเรสออกไปทำให้เลือดนั้นพุ่งกระฉูดออกมาต่อหน้ามิโกะทันที ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันที่มิโกะลั่นไกปืนใส่น้องชายของตัวเองไปที่หัวของเขาเอง โดยที่เธอนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว
“ไม่!!!”
การปะทะจบลงด้วยการที่ฟินลิทตายลงไปพร้อมกับความรุนแรงที่ตัวเองก่อเอาไว้มิโกะถึงกับทรุดเข่าลงทันทีแล้วหลั่งน้ำตาออกมา ต่อหน้าน้องชายแท้ๆของเธอที่ถูกฆ่าด้วยฝีมือของตัวเอง ในขณะที่เคออสเองก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับยิ้มอย่างได้รับชัยชนะที่ได้ลงมือฆ่าน้องชายของมิโกะด้วยมือของตัวเอง
“หึๆ ในที่สุดก็จบลงแล้วสินะ…”
(จบChapter 8 Lost Contact Part 2)
Chapter 8 Lost Contact (Part 2)