จะเป็นอย่างไรหากว่าสักวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองถูกทิ้งอยู่ในโลกร้างเพียงคนเดียว?
ยังคงเป็นคำถามที่ค้างคาใจผมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจู่ๆความคิดนี้ถึงเกิดขึ้นมาได้ เคยคิดกันเล่นๆ รึเปล่า? ว่าทำไมจู่ๆความคิดบางอย่างมันก็เข้ามาในสมองของเราทั้งๆ ที่เราไม่ต้องการมัน?
ผมมีชื่อว่า เคออส เวนเจกซ์ ผมเป็นเพียงแค่คนๆ หนึ่งที่มีหน้าที่สังเกตความเป็นไปบนโลกและมีหน้าที่สะสางกับพวกที่เรียกตัวเองว่า “ลัทธิบูชางู” หรือ “เอส.ไอ.ซี” ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่ส่วนน้อยที่ล่วงรู้เกี่ยวกับการมีตัวตนของมันเหตุเพราะว่าเมื่อหลายปีก่อน องค์กรนี้ได้ถูกกำจัดไปก่อนที่จะถูกสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยฝีมือของเหล่าเศรษฐี ไม่สิน่าจะเรียกว่าเป็นสาวกของลัทธินี้ซะมากกว่า
คุณอาจจะคิดว่านี้เป็นนิยายแนวแฟนตาซีที่มีตัวเอกผจญภัยไปในโลกที่ตัวเองไม่รู้จักหรือว่านิยายแนวรักโรแมนติคน้ำเน่าไร้สาระ ที่พูดกันนักหนาว่าเกลียดทั้งๆที่พวกเขาก็อ่านมันอยู่ร่ำไป ซึ่งมันไม่ใช่เลย! รู้มั้ยเวลาที่ฉันอ่านนิยายพวกนั้นฉันรู้สึกว่าทำไมคนแต่งถึงต้องทำให้ตัวเอกนั้นมีพลังแฝง? หรือว่ามี…อะไรต่างๆ นาๆ ที่ผมไม่อยากจะพูดถึงมัน
มาเข้าเรื่องกันดีกว่าคุณเคยคิดกันบ้างมั้ย? ถ้าหากสักวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองถูกทิ้งอยู่ในโลกร้างเพียงคนเดียว?เป็นคำถามที่แปลกดีนะ จริงมั้ย? สำหรับผมแล้วมันเป็นคำถามที่น่าคิดนะเพราะว่ามนุษย์บางส่วนเป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะสามารถอยู่บนโลกนี้ได้โดยที่ตลอดทั้งชีวิตคุณจะไม่มีเพื่อนหรือว่าไม่มีใครเลยที่ช่วยคุณ
เพราะฉะนั้นผมถึงเลยลองตั้งคำถามนี้ให้กับทุกคน ว่าพวกเขาจะตอบมันได้ยังไง?
วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า ผมมักจะถามคำถามนี้กับตัวเองเสมอ ทุกครั้งที่ผมกำลังรู้สึกสิ้นหวังหรือรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้…มันดูไม่ยั่งยืนสักเท่าไหร่
แต่เราเคยลองคิดดูสักครั้งมั้ยว่าถ้าหากสิ่งนั้นสิ่งที่เราทุกคนรักมัน ผูกพันกับมันมากๆนั้นกลับหายไปโดยที่ไม่มีการบอกกล่าว เราจะรับมือกับมันได้อย่างไร?
ความสูญเสียนั้นจะไม่มีการบอกกล่าวพวกเราไว้ล่วงหน้าแต่จะทำเป็นสัญญาณเตือนเอาไว้ในยามที่เราใช้ชีวิตประจำวันซึ่งมันจะมีหน้าที่เตือนเราทุกๆ ครั้งที่เรากำลังทำในตอนนี้ และในอนาคตหน้าที่เรากำลังจะทำมันต่อไปทุกวันนี้เราเองยังแทบไม่รู้อะไรเลยว่า เรานั้นจะประสบความสำเร็จได้เมื่อไหร่เรารู้เพียงแค่ว่าเราต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ประโยคข้างบนนั้น “เคออส เวนเจกซ์” คุณไม่จำเป็นต้องไปสนใจมันนักหรอก หลายๆ คน ในโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นมาที่เรียกกันว่า “โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ด” ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริงเป็นโลกที่หลากหลายคน หลากหลายภาษาหลากหลายที่ได้ทำการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันมันทำหน้าที่เป็นการสร้างสัมพันธมิตรที่ดีให้กับคนที่เราไม่รู้จักทำให้เราได้รู้จักตัวตนเขาได้มากขึ้น โดยที่เราอาจจะไม่จำเป็นต้องเผยตัวตนที่แท้จริงให้คนอื่นรู้ได้จริงมั้ย?
Avatar ความหมายของมันในเชิงของโลกไซเบอร์แล้วนั้นหมายถึงสิ่งที่ถูกสมมุติขึ้นมาเองสิ่งที่ไม่มีจริงหรืออาจจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสื่อสารกับคนอื่นๆใช้สำหรับคนที่ไม่ต้องการที่จะเผยหน้าตาของตนเอง ทุกๆ ที่ย่อมมีคนใช้มันเสมอและอาจจะเกือบทุกคนเลยซะด้วยซ้ำ
มันน่าขำนะเวลาที่ผมมองคนแต่ละคนนั่งเถียงกันไปมาในโลกไซเบอร์น่ะไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจทำให้ผมนั้นอยากจะมองดูมันไปเรื่อยๆทั้งที่ผมแทบอยากจะปิดอินเตอร์เน็ตนั้นทิ้งซะ แล้วปล่อยวางมันไปคิดซะว่ามันก็แค่ตัวอักษรที่ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถพิมพ์มันออกมาได้อย่างอิสระ
แต่ก็อย่างว่าละนะ กิเลสเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดความทุกข์ อยากได้อยากมีอยากที่จะเป็นคนอื่น อยากที่จะทำให้คนอื่นนั้นสนใจอยากที่จะทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง ความอยากมันคงห้ามกันไม่ได้หรอกครับนอกเสียจากว่าคุณจะต้องนั่งสมาธิแล้วจงปล่อยวางสิ่งนั้นเพื่อที่จะทำตนให้รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร กิเลสนั้นก็ยังคงย้อนกลับเข้ามาดึงตัวพวกเราอยู่ดี
ดังนั้นเองมันคงอาจจะเป็นเหตุผลที่ผมตั้งคำถามนี้ขึ้นมาก็ได้มั้ง ฮะๆ
-จบการเขียน-
ยังคงเป็นคำถามที่ค้างคาใจผมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจู่ๆความคิดนี้ถึงเกิดขึ้นมาได้ เคยคิดกันเล่นๆ รึเปล่า? ว่าทำไมจู่ๆความคิดบางอย่างมันก็เข้ามาในสมองของเราทั้งๆ ที่เราไม่ต้องการมัน?
ผมมีชื่อว่า เคออส เวนเจกซ์ ผมเป็นเพียงแค่คนๆ หนึ่งที่มีหน้าที่สังเกตความเป็นไปบนโลกและมีหน้าที่สะสางกับพวกที่เรียกตัวเองว่า “ลัทธิบูชางู” หรือ “เอส.ไอ.ซี” ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่ส่วนน้อยที่ล่วงรู้เกี่ยวกับการมีตัวตนของมันเหตุเพราะว่าเมื่อหลายปีก่อน องค์กรนี้ได้ถูกกำจัดไปก่อนที่จะถูกสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยฝีมือของเหล่าเศรษฐี ไม่สิน่าจะเรียกว่าเป็นสาวกของลัทธินี้ซะมากกว่า
คุณอาจจะคิดว่านี้เป็นนิยายแนวแฟนตาซีที่มีตัวเอกผจญภัยไปในโลกที่ตัวเองไม่รู้จักหรือว่านิยายแนวรักโรแมนติคน้ำเน่าไร้สาระ ที่พูดกันนักหนาว่าเกลียดทั้งๆที่พวกเขาก็อ่านมันอยู่ร่ำไป ซึ่งมันไม่ใช่เลย! รู้มั้ยเวลาที่ฉันอ่านนิยายพวกนั้นฉันรู้สึกว่าทำไมคนแต่งถึงต้องทำให้ตัวเอกนั้นมีพลังแฝง? หรือว่ามี…อะไรต่างๆ นาๆ ที่ผมไม่อยากจะพูดถึงมัน
มาเข้าเรื่องกันดีกว่าคุณเคยคิดกันบ้างมั้ย? ถ้าหากสักวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองถูกทิ้งอยู่ในโลกร้างเพียงคนเดียว?เป็นคำถามที่แปลกดีนะ จริงมั้ย? สำหรับผมแล้วมันเป็นคำถามที่น่าคิดนะเพราะว่ามนุษย์บางส่วนเป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะสามารถอยู่บนโลกนี้ได้โดยที่ตลอดทั้งชีวิตคุณจะไม่มีเพื่อนหรือว่าไม่มีใครเลยที่ช่วยคุณ
เพราะฉะนั้นผมถึงเลยลองตั้งคำถามนี้ให้กับทุกคน ว่าพวกเขาจะตอบมันได้ยังไง?
วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า ผมมักจะถามคำถามนี้กับตัวเองเสมอ ทุกครั้งที่ผมกำลังรู้สึกสิ้นหวังหรือรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้…มันดูไม่ยั่งยืนสักเท่าไหร่
แต่เราเคยลองคิดดูสักครั้งมั้ยว่าถ้าหากสิ่งนั้นสิ่งที่เราทุกคนรักมัน ผูกพันกับมันมากๆนั้นกลับหายไปโดยที่ไม่มีการบอกกล่าว เราจะรับมือกับมันได้อย่างไร?
ความสูญเสียนั้นจะไม่มีการบอกกล่าวพวกเราไว้ล่วงหน้าแต่จะทำเป็นสัญญาณเตือนเอาไว้ในยามที่เราใช้ชีวิตประจำวันซึ่งมันจะมีหน้าที่เตือนเราทุกๆ ครั้งที่เรากำลังทำในตอนนี้ และในอนาคตหน้าที่เรากำลังจะทำมันต่อไปทุกวันนี้เราเองยังแทบไม่รู้อะไรเลยว่า เรานั้นจะประสบความสำเร็จได้เมื่อไหร่เรารู้เพียงแค่ว่าเราต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ประโยคข้างบนนั้น “เคออส เวนเจกซ์” คุณไม่จำเป็นต้องไปสนใจมันนักหรอก หลายๆ คน ในโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นมาที่เรียกกันว่า “โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ด” ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริงเป็นโลกที่หลากหลายคน หลากหลายภาษาหลากหลายที่ได้ทำการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันมันทำหน้าที่เป็นการสร้างสัมพันธมิตรที่ดีให้กับคนที่เราไม่รู้จักทำให้เราได้รู้จักตัวตนเขาได้มากขึ้น โดยที่เราอาจจะไม่จำเป็นต้องเผยตัวตนที่แท้จริงให้คนอื่นรู้ได้จริงมั้ย?
Avatar ความหมายของมันในเชิงของโลกไซเบอร์แล้วนั้นหมายถึงสิ่งที่ถูกสมมุติขึ้นมาเองสิ่งที่ไม่มีจริงหรืออาจจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสื่อสารกับคนอื่นๆใช้สำหรับคนที่ไม่ต้องการที่จะเผยหน้าตาของตนเอง ทุกๆ ที่ย่อมมีคนใช้มันเสมอและอาจจะเกือบทุกคนเลยซะด้วยซ้ำ
มันน่าขำนะเวลาที่ผมมองคนแต่ละคนนั่งเถียงกันไปมาในโลกไซเบอร์น่ะไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจทำให้ผมนั้นอยากจะมองดูมันไปเรื่อยๆทั้งที่ผมแทบอยากจะปิดอินเตอร์เน็ตนั้นทิ้งซะ แล้วปล่อยวางมันไปคิดซะว่ามันก็แค่ตัวอักษรที่ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถพิมพ์มันออกมาได้อย่างอิสระ
แต่ก็อย่างว่าละนะ กิเลสเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดความทุกข์ อยากได้อยากมีอยากที่จะเป็นคนอื่น อยากที่จะทำให้คนอื่นนั้นสนใจอยากที่จะทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง ความอยากมันคงห้ามกันไม่ได้หรอกครับนอกเสียจากว่าคุณจะต้องนั่งสมาธิแล้วจงปล่อยวางสิ่งนั้นเพื่อที่จะทำตนให้รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร กิเลสนั้นก็ยังคงย้อนกลับเข้ามาดึงตัวพวกเราอยู่ดี
ดังนั้นเองมันคงอาจจะเป็นเหตุผลที่ผมตั้งคำถามนี้ขึ้นมาก็ได้มั้ง ฮะๆ
-จบการเขียน-
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Chaos67 เมื่อ 2013-6-7 22:25
โลกร้าง